รับลมหนาววังน้ำเขียว พักบ้านฮอบบิท เที่ยวสวนดอกไม้

อยากหาที่เที่ยวพักผ่อนใกล้กรุง นอนค้างสักหนึ่งคืน สัมผัสอากาศเย็น มีความเป็นธรรมชาติ ได้วิวทิวทัศน์สวยให้ความรู้สึกเหมือนไปเที่ยวภาคเหนือ  วังน้ำเขียว นครราชสีมา คือ สถานที่โปรดปราน มาวังน้ำเขียวครั้งใด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง แถมช่วงฤดูหนาวยังมีสวนดอกไม้ที่สวยงามน่าสนใจหลายแห่ง สายชอบถ่ายภาพกับทุ่งดอกไม้อย่างเรา ยังคงเลือกวังน้ำเขียวเป็นสถานที่พักผ่อนในทุกปี 

 

 

ครัววังน้ำเขียว

ออกจากกรุงเทพแต่เช้า มาถึงวังน้ำเขียวเกือบเที่ยง ต้องหาอะไรทานให้อิ่มท้องก่อน โดยปกติจะทานอาหารที่ร้านประจำ คือ ครัวต้นไทร ร้านอาหารขึ้นชื่อของวังน้ำเขียว แต่เนื่องจากมาเที่ยวในช่วงวันหยุด มีคณะทัวร์บวกกับคณะนักท่องเที่ยวเต็มร้าน ขับรถผ่านหลายร้านก็ยังคนเยอะ ผ่านมาเจอร้าน ครัววังน้ำเขียว คนไม่เยอะมาก ตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ เป็นร้านอาหารสไตล์อีสานและมีสเต๊กด้วย  ทานร้านนี้ก็ได้อาจไม่ต้องรอนาน

 

 

มาทานด้วยความไม่ได้คาดหวังเรื่องรสชาติใดๆ ทานเพื่อแก้หิว สั่งส้มตำทั้ง ตำถาด  ตำป่า ไก่ย่าง น้ำตก ต้มแซ่บ และมีสั่งสเต๊กกลับไปทานที่พัก ปรากฎว่ารสชาติอาหารของร้านนี้สอบผ่าน ส้มตำรสแบบนัวกลมกล่อม ไม่ติดรสหวานเหมือนที่เคยทาน รู้สึกว่าอาหารอีสานหรือส้มตำไม่ควรหวานนำ ต้องมีความจัดจ้านและเปรี้ยวเค็มนำ และที่สำคัญกลิ่นปลาร้าต้องไม่แรง ซึ่งร้านนี้ตอบโจทย์ทุกอย่าง ไก่ย่างมีความมันนิดๆย่างมากำลังดีไม่แห้งจนเกินไป น้ำตกคอหมูย่างรสดี ต้มแซ่บโอเค  ไปทานร้านนี้ทั้งสองวันเพราะติดใจ รอบแรกรสชาติอร่อยมากโดยเฉพาะตำป่าอร่อยสุด แต่พอมาทานอีกรอบเหมือนทุกอย่างจะเค็มไปนิด แต่ยังถือว่ารสชาติดี ส่วนสเต๊กร้านนี้อร่อย เนื้อนุ่มชิ้นใหญ่ ไม่ได้ถ่ายภาพไว้เพราะใส่กล่องกลับไปทานที่พัก แต่สเต๊กรอนานนิดนึงค่ะ 

 

 

The Peace Wild tiny farm

วังน้ำเขียวมีที่พักหลายแห่ง แต่เลือกพักที่เดิมอีกครั้ง  The Peace Wild tiny farm เพราะมีความประทับใจจากการมาพักเมื่อครั้งก่อน ทั้งบรรยากาศการตกแต่งในสไตล์บ้านฮอบบิทที่เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของหนังภาพยนตร์ที่เคยชม  มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะซึ่งสายชอบถ่ายภาพจะต้องสนุกเมื่อได้มา เป็นที่พักที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย จะมาเดี่ยว มาคู่ มากับเพื่อน หรือมาทั้งครอบครัวพาเด็กๆมาเที่ยว ได้ทั้งหมด

 

 

ด้านหน้าที่พัก เป็นกำแพงหอคอยปกคลุมด้วยไม้เลื้อยสีเขียว ประตูทางเข้าเป็นแบบเหล็กดัดกลมขนาดเล็กแบบประตูของบ้านฮอบบิท บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนของห้องสำหรับเก็บชุด  สามารถเข้ามาเลือกดูชุดที่ชอบได้  สำหรับผู้เข้าพักราคาชุดรวมอยู่ในราคาห้องแล้ว นอกจากชุดยังมีพรอพต่างๆ มากมาย ทั้ง หมวก รองเท้า แบบจัดเต็ม ส่วนใครที่ไม่ได้เข้าพักจะแวะมาเที่ยว หรือมาจิบเครื่องดื่ม ทานอาหาร ในร้านคาเฟ่ แต่อยากใส่ชุดถ่ายภาพ ทางที่พักคิด ราคาผู้ใหญ่ชุดละ 200 บาท เด็กชุดละ 150 บาท ถ่ายภาพได้ไม่จำกัดเวลา

 

 

บรรยากาศโดยรอบของที่พัก ตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นเนินเขา มีพื้นที่ด้านหน้าเป็นบ้านฮอบบิทที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับถ่ายภาพ ส่วนข้างในสุดคือ ร้านคาเฟ่และบ้านพักแบบฮอบบิททั้งหมด ราคาที่พักเริ่มต้น ที่ 2,800 – 4,000 รวมอาหารเช้าและชุดใส่ถ่ายภาพ ที่พักมีทั้งแบบบที่พักได้ 2 ท่าน และ 4-6 ท่าน รวมถึงลานกางเต้นท์ สำหรับสายแคมป์ด้วย

 

 

เราพักบ้านฮอบบิทหลังสีเขียว เป็นบ้านหลังใหญ่ สามารถพักได้ 4 ท่าน เหมาะสำหรับมาพักกับกลุ่มเพื่อนและครอบครัวขนาดไม่ใหญ่มาก หน้าห้องมีโต๊ะที่นั่งพักผ่อนทานอาหาร ส่วนภายในห้องพักตกแต่งได้น่ารักมาก ทั้งเตียงนอน มีทั้งเตียงใหญ่และเตียงสองชั้น รวมถึงมุมโซฟาที่นั่ง และมุมเตาผิงไฟแบบจำลอง เป็นห้องที่เหมือนภาพในนิทานมาก ส่วนห้องน้ำและพื้นที่แต่งตัวแยกออกมาเป็นสัดส่วน ครั้งก่อนที่พักบ้านฮอบบิทหลังเล็กก็ชอบมากแล้ว มาครั้งนี้มาพักหลังใหญ่ยิ่งชอบไปอีก  

 

 

ติดกับบ้านพักหลังสีเขียว คือ คาเฟ่หลังน้อยตกแต่งน่ารักแบบบ้านฮอบบิทเช่นกัน ไม่ได้เข้าพักแวะมาสั่งเครื่องดื่ม ทานอาหาร ขนม เบเกอรี่ ได้ค่ะ 

 

 

บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่สามารถเข้ามาถ่ายภาพได้ ภายในบ้านตกแต่งแบบบ้านฮอบบิทจัดเต็ม ทั้งโต๊ะทานอาหาร และโต๊ะนั่งเล่นของฮอบบิทในมุมต่างๆ เดินออกไปอีกฝั่ง มีประตูวงกลมขนาดเล็กสามารถเปิดออกไปข้างนอกอีกฝั่งหนึ่งได้

 

 

บ้านฮอบบิทหลังนี้ ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้า เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้เช่นกัน ภายในบ้านมีข้าวของเครื่องใช้ขนาดจิ๋วของฮอบบิท ทั้ง เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า ทีวี โทรศัพท์

 

 

หลังสีส้ม คือ บ้านพักเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สามารถพักได้หลายท่าน ตั้งอยู่ด้านหน้า ติดกับบ้านหลังนี้ยังมีบ้านฮอบบิทอีกหลัง ให้เข้าไปถ่ายภาพได้ เรียกได้ว่า มาที่นี่ถ่ายบ้านฮอบบิท กันจนเพลิน ส่วนเด็กน้อยชอบมากวิ่งเล่นไปทั่ว

 

 

ด้านในสุดของที่พักตกแต่งในสไตล์ฟาร์ม มีทั้งชิงช้า รถของเล่น ฟาร์มม้าแคระที่สามารถให้อาหารได้ รวมทั้งสวนดอกดาวเรืองสีสันสดใส ยังคงตกแต่งได้น่ารักให้ความรู้สึกแบบเทพนิยายมาก

 

 

อาหารมื้อเย็น สามารถสั่งจากที่พัก มีทั้งอาหารจานเดียว กับข้าว อาหารทานเล่น และชุดหมูกะทะจัดเต็ม ชุดนี้ในราคา 550 บาท จัดใส่ภาชนะมาอย่างสวยงาม และรสชาติอร่อย ทั้งเนื้อหมูที่นุ่มและน้ำจิ้มที่ให้ทั้งน้ำจิ้มสุกี้และซีฟู้ดรสชาติดี

 

 

อีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจของที่พัก คือ ชุดอาหารเช้าที่จัดมาให้แบบเต็ม แถมจัดใส่ภาชนะแบบพิถีพิถีมาก เป็นเมนูที่มีความสุขภาพ รู้สึกได้ทานของที่มีประโยชน์กับร่างกายบ้าง ทั้งข้าวต้ม อเมริกันเบรคฟาสท์ สลัดผัก ตบท้ายด้วยผลไม้แตงโมปลาแห้ง รสชาติอาหารทุกอย่างอร่อยมาก ทานมื้อเดียวอิ่มไปถึงเที่ยง ปกติเวลาไปเที่ยวที่เดิมจะไม่ค่อยพักที่ไหนซ้ำ จะต้องหาที่พักใหม่ แต่ The Peace Wild เป็นที่แรกที่มาอีกครั้งติดกัน เพราะปีที่แล้วเพิ่งมาพักและปีนี้ยังมาพักอีก ด้วยความประทับใจ ทั้งเรื่องของห้องพัก อาหาร และการบริการที่ดีมาก  

 

 

The Peace Wild tiny farm

ที่อยู่ : 156 หมู่ 12 บ้านวังไผ่ อำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา 30370

โทร 064 479 3995

ติดต่อสอบถามห้องพัก  Line ID : tpw56

Facebook : thepeacewildtinyfarm

สำหรับการให้บริการในส่วนของการถ่ายภาพ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ไม่ได้เข้าพัก ให้บริการในวันเสาร์ – อาทิตย์ 

Flora park 

เช็คเอาท์จากที่พัก เพื่อไปยังงาน Flora park (ฟลอร่าพาร์ค) งานแสดงดอกไม้ยอดฮิตแห่งวังน้ำเขียว  ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในคอนเซ็ปต์ที่ต่างกัน ซึ่งมีการจัดโซนดอกไม้ทั้งดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์ให้ชม และมีหอคอยชมวิว 360 องศา สามารถชมสวนดอกไม้ได้อย่างสวยงามในมุมสูง สำหรับปี 2564-2565 โดยมีความพิเศษเพิ่มขึ้น คือ มีการจัดงานแสดงไฟในยามค่ำคืน ในคอนเซ็ปต์  THE FLORA PARK MOONLIGHT JOURNEY ร่วมออกเดินทางค้นหาความสุขไปกับ “สกาย” กระต่ายน้อยแห่งดวงจันทร์ที่เดินทางผจญภัยหาตัวตนที่แตกต่าง ผ่านเส้นทางสายน้ำ สายลม ทะเลหมอก ดวงดาว และขอบฟ้ากว้าง เพื่อค้นพบความพิเศษของตัวเอง เบื้องหน้าแสงจันทร์

 

 

สำหรับการชมสวนดอกไม้ในช่วงกลางวันยังเปิดให้เข้าชมตลอด โดยเสียค่าบัตรเข้าชมคนละ 150 บาท สามารถชมได้ 2 สวน คือ สวนฟอร่าพาร์คและสวนกุหลาบโรสพาร์คซึ่งตั้งอยู่ด้านใน สำหรับงานฟลอร่าพาร์คในปีนี้มาในคอนเซ็ปต์ที่มีน้องกระต่ายเป็นตัวชูโรง ทำให้มีรูปปั้นกระต่ายแทรกตัวอยู่ในสวนดอกไม้ตามจุดต่างๆ

 

 

ระหว่างทางเดินไปยังหอคอยชมวิวและสวนดอกไม้ที่อยู่ข้างในก็จะเห็นวิวแบบนี้ สวยงามเหมือนวิวในต่างประเทศมาก

 

 

สวนดอกไม้ในปีนี้เน้นไปทางสีแดง อาจไม่หลากสีสันเหมือนหลายปีที่ผ่านมา มุมมองจากหอชมวิว ที่สามารถมองเห็นสวนดอกไม้ได้ในมุมสูง

 

 

สวนดอกไม้ เต็มไปด้วยสีแดง และมีดอกไม้สีขาวและสีส้มสลับกันบ้าง มีลานน้ำพุ และยังคงมีรูปปั้นน้องกระต่ายสีขาวกระจายไปในแต่จุด

 

 

 

ดวงจันทร์ที่ตั้งอยู่บนสวนศิลป์ ซึ่งใช้จัดงานแสดงไฟยามค่ำคืน ในช่วงกลางวันสามาถเดินขึ้นไปถ่ายภาพกับดวงจันทร์ได้

 

 

นอกจากนี้ยังมีซุ้มทางเดินดอกไม้และซุ้มฟักเขียวยักษ์ให้เดินชมและถ่ายภาพเหมือนเช่นทุกปี หากใครต้องการมาชมงานแสดงไฟในยามค่ำคืนด้วยแนะนำให้มาเที่ยวสวนดอกไม้ในช่วงบ่ายแก่ๆ เพื่อรองานแสดงไฟในช่วงค่ำที่เริ่มแสดงตั้งแต่ 18.00 น. -21.00 น. งานไฟมีให้ชมถึงวันที่ 15 มกราคม 2565

 

 

Flora Park วังน้ำเขียว

เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08:00 – 21:00 น.

บัตรเข้าชมสวนช่วงกลางวัน 08:00 – 18:00 น.

เข้าได้ทั้งสวนกุหลาบ (Rose Park) และสวนดอกไม้ (Flora Park)

ผู้ใหญ่ 150/คน  เด็กและผู้สูงอายุ 100/คน

บัตรเข้าชมนิทรรศกาลไฟช่วงค่ำ 18:00 – 21:00 น. งานแสดงมีให้ชมถึง 15 มกราคม 2565

ผู้ใหญ่ 200/คน  เด็กและผู้สูงอายุ 100/คน

บัตรเข้าชมสวนช่วงกลางวัน + บัตรเข้าชมนิทรรศการไฟ “Moonlight Journey” ช่วงค่ำ

เข้าได้ทั้งสวนกุหลาบ (Rose Park) และสวนดอกไม้ (Flora Park)

ผู้ใหญ่ 250/คน  เด็กและผู้สูงอายุ 100/คน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 097-249-0980 หรือ 096-859-0308

 

 วิชารักษ์ฟาร์ม

ปิดท้ายทริปวังน้ำเขียว ด้วยการพาไปชมสวนดอกไม้สวย ในช่งฤดูหนาว ตลอดเส้นทางในอำเภอวังน้ำเขียว โดยเฉพาะในเส้นตำบลไทยสามัคคี ซึ่งมีจุดท่องเที่ยวหลายจุดในโซนนี้ เราจะได้เห็นสวนดอกไม้ตลอดเส้นทางถนน สวนดอกไม้วังน้ำเขียวส่วนใหญ่อาจไม่ปังเท่าทางภาคเหนือหรืออำเภอใกล้เคียงอย่างปากช่อง แต่มีสวนดอกไม้อยู่แห่งหนึ่งที่รับรองว่าสวยปังสู้ได้แน่นอน คือ  วิชารักษ์ฟาร์ม สวนดอกไม้ที่มีทั้งทุ่งดอกคอสมอสสีชมพูและสีม่วง รวมทั้งดอกทานตะวัน ที่ดอกไม้กำลังฟูแน่นบานสวยท้าลมหนาว แถมได้วิวภูเขาและต้นสนเป็นฉากหลังถ่ายรูปฟีลดีมาก

 

 

วิชารักษ์ฟาร์ม เป็นสวนดอกไม้ที่เจอโดยบังเอิญ ขับรถผ่านเห็นดอกไม้สะดุดตาและสวยมาก ถึงกับต้องหยุดเพื่อลงไปถ่ายภาพ พิกัดตั้งอยู่หลัง อบต.ไทยสามัคคีสถานที่จัดงานดอกเบญจมาศบานในม่านหมอกตามภาพ เห็นป้ายนี้เลยไปนิดเดียวไม่ถึง 50 เมตร จะเจอซอยเล็กๆ หน้าซอยมีป้ายชื่อโรงเรียนไทยสามัคคี หากปักหมุดโดยใช้ google maps ไม่ต้องพิมพ์ชื่อสวนเพราะยังไม่มีในกูเกิ้ล แนะนำให้ปักหมุด  “ โรงเรียนบ้านไทยสามัคคี “ จากนั้นเข้ามาในซอยตรงเข้ามานิดเดียวจะเจอสวน มีป้ายหน้าสวนชัดเจน เสียค่าเข้าชม 20 บาท  

 

 

สวนมีขนาดไม่กว้างมากแต่ดอกไม้สวยมาก มีเบลคกราวเป็นวิวภูเขา และต้นสนนิดหน่อย เหมือนภาพวาด ที่สำคัญดอกไม้ปลูกสวยบานแน่นมาก ทั้งดอกคอสมอสสีชมพู และถัดไป คือ ทุ่งทานตะวัน มีทางเดินไม้เชื่อมต่อกันให้เดินไปยังทุ่งทานตะวันด้วย

 

 

ตามที่บอกว่าเป็นสวนของชาวบ้าน ที่ปกติพื้นที่ตรงนี้ คือ ปลูกผักขาย แต่ทางเจ้าของสวนบอกว่า ช่วงหน้าหนาวลองปลูกดอกไม้บ้าง และไม่ได้ตกแต่งมุมถ่ายรูปอะไรมาก คุณลุงบอกว่า “ โปรโมทอะไรไม่เป็น คนไม่ค่อยรู้จัก มีอีกแปลงปลูกไว้ไม่มีคนมา เลยไถกลบปลูกผักส่งร้านแทน” ได้ยินแล้วอยากช่วย เพราะสวนดอกไม้สวยจริง เราขับรถผ่านหลายสวนในวังน้ำเขียวยังไม่แวะรู้สึกว่ายังไม่โดนใจมาก แต่พอเห็นสวนนี้สะดุดตา ถึงกับต้องลงจากรถมาถ่ายรูป และหลังจากที่เราลงมา ปรากฎว่ามีนักท่องเที่ยวลงตามมาถ่ายรูปหลายคน เพราะมองผ่านๆอาจไม่คิดว่าเป็นสวนดอกไม้ที่เข้าชมได้  เข้าใจว่าเป็นสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้เฉยๆมากกว่า 

 

 

สวนดอกทานตะวันอาจไม่ได้กว้างใหญ่ แต่สภาพดอกสวยมาก เป็นดอกทานตะวันที่สดใส ไม่ก้มหน้าห่อเหี่ยวขนาดว่ามาถ่ายในช่วงบ่าย ดอกยังไม่โรยค่ะ  มาเที่ยววังน้ำเขียวแนะนำมาก วิชารักษ์ฟาร์ม อาจไม่ได้มีพรอพ จัดมุมถ่ายรูปเก๋เหมือนสวนอื่น แต่แค่ดอกไม้ที่ปลูกเอาอยู่ไม่ต้องมีตัวช่วย ถ่ายแค่ดอกไม้และวิวอย่างเดียวก็กดชัดเตอร์ชนเพลิน ดอกไม้ยังคงมีให้ชมจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 65  ช่วงนั้นทานตะวันอาจโรย แต่ดอกคอสมมอสยังมีแน่นอนเห็นทางสวนลงดอกคอสมอสแปลงใหม่ไว้อีกแปลงด้วย

 

 

วิชารักษ์ฟาร์ม 

พิกัด : หลังอบต.ไทยสามัคคี ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว นครนครราชสีมา 30370

สวนเปิดทุกวันเวลา 06:00 น.-18:00 น ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท 

โทร 062 131 0385

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง