กาญจนบุรี 1 วัน หามุมถ่ายรูปแบบเฟี้ยวๆ

กาญจนบุรี อีกหนึ่งจังหวัดใกล้กรุงเทพ สามารถเที่ยวภายใน  1 วัน  ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงครึ่งก็ขับมาถึงตัวเมือง เที่ยวคุ้ม เที่ยวครบ  ยิ่งสายชอบถ่ายรูป ยิ่งชอบ มีจุดเช็คอินแชะภาพสวยเพียบ ทั้งคาเฟ่ ตึกเก่า สวนดอกไม้ 1 วัน เราไปเฟี้ยวที่เมืองกาญจน์ด้วยกันค่ะ

 

 

โรงงานกระดาษไทย

หนึ่งในจุดเช็คอินยอดฮิตแห่งเมืองกาญจน์ โรงงานกระดาษไทย กาญจนบุรี อาคารเก่าแก่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโบราณที่หาชมได้ยาก แม้จะผ่านมาเนิ่นนานแต่เสน่ห์ของตัวอาคารยังไม่จางหายไปตามกาลเวลา กลายเป็นจุดถ่ายรูปของสายชอบแชะ อยากได้รูปในฟีลวินเทจชิคๆ ไม่ควรพลาด

 

 

โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี รายล้อมด้วยกำแพงเมืองเก่า เมื่อมาถึงจอดรถบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าอาคารได้เลย หน้าทางเข้าจะมีประตูกั้นไว้ เขียนข้อความว่าห้ามเข้าและมีเบอร์โทรติดไว้ ซึ่งหมายถึงห้ามนำรถเข้าไปจอดข้างใน แต่สามารเข้าไปได้ โดยลงชื่อบริเวณป้อมยามแล้วเดินเข้าไป บริเวณด้านหน้ามีกำแพงเมืองเก่าทอดยาว กลายเป็นมุมถ่ายภาพสวยได้อีกจุดหนึ่ง

 

 

ชื่อเดิมของที่นี่ คือ  โรงงานกระดาษทหารไทย ที่ใครต่างขนานนามให้เป็นเป็นมิวเซียมอุตสาหกรรมแห่งแรกของไทย สร้างขึ้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นโรงงานกระดาษแห่งของเมืองกาญจน์ ที่ผลิตกระดาษจากเยื่อไผ่เพื่อพิมพ์ธนบัตรใช้เอง  ตัวอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก รูปแบบสถาปัตยกรรมในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบโมเดิร์นในยุคเริ่มแรกของประเทศไทย ซึ่งเน้นความเกลี้ยงเกลาเรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอย มีปล่องไฟสูงใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาของอาคารในสมัยนั้น

  

 

แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานเกือบร้อยปี แต่โครงสร้างภายนอกยังคงดูแข็งแรงและคงรูปลักษณะของสถาปัตยกรรมเดิมไว้ มองเข้าไปยังด้านในตัวอาคาร ยังคงเห็นเครื่องจักรเก่าขนาดใหญ่ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ภายในอาคารติดประกาศห้ามเข้าเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าชม

 

 

รอบตัวอาคารมีสนามหญ้าสีเขียวด้านหน้า และสามารถถ่ายรูปได้หามุมที่ถูกใจกันได้ตามสะดวก ระหว่างเดินถ่ายภาพระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยสักนิดนึง

 

 

อีกหนึ่งมุมยอดฮิตในซอยระหว่างทางเดินตึกใหญ่กับตึกเล็ก สามารถมาโพสต์ท่ายืนเท่บริเวณซอกและกำแพงตึกเก่า หรือจะนั่งบนเก้าอี้ไม้ กับยืนพิงหน้าต่างแบบคูลๆ จะยืนพิงกำแพงตรงไหนก็ให้ระมัดระวังกันนิดนึง 

 

 

เดินผ่านซอยไปด้านหลังจะเจอกับอาคารเก่าเช่นกัน โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี อีกหนึ่งจุดเช็คอินในเมืองกาญจนบุรีที่สายถ่ายรูปและคนที่ชื่นชอบอาคารโบราณไม่ควรพลาด

 

 

PRIZE 1

ไพรวัลย์ (PRIZE 1)  คาเฟ่ฟีลธรรมชาติท่ามกลางต้นป่าสักทองสูงใหญ่ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในป่าลึกลับ ได้ฟีลเหมือนอยู่ในต่างประเทศ ถ่ายรูปได้มุมไม่ซ้ำใคร  ดีไซน์ร้านสวยทันสมัย ทุกพื้นที่ถูกเนมิตให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวด้วยต้นไม้นานาชนิด ให้บรรยากาศร่มรื่น เลือกนั่งได้ทั้งโซนอินดอร์ในห้องแอร์ และเอาท์ดอร์ด้านนอก ในส่วนของเมนูมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ เรียกได้ว่าสวยจบครบในที่เดียว

 

 

ไพรวัลย์ (PRIZE 1) ตั้งอยู่ริมถนนหน้าทางเข้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกาญจนบุรี ร้านใหญ่สังเกตง่าย สามารถจอดรถด้านหน้าร้าน เมื่อเข้ามาด้านในต้องผ่านซุ้มประตูไม้ทรงสามเหลี่ยมสวยเก๋มาเจอกับเคาน์เตอร์สั่งอาหาร

 

 

ตัวร้านมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง บรรยากาศดี เน้นการตกแต่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติ มีต้นไม้สีเขียวสอดแทรกอยู่ทุกมุมเหมือนสวนป่าสมชื่อร้านไพรวัลย์

 

 

อีกโซนที่อยู่ตรงข้ามกันเป็นแบบห้องแอร์ ตกแต่งแนววินเทจผสมกับไม้ประดับและไม้ฟอกอากาศจำลองบรรยากาศให้เหมือนกับธรรมชาติในสวนจริงๆ  โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 โซน คือ มุมขายเครื่องดื่มและมุมดริปกาแฟ ที่โดดเด่นด้วยเครื่องชงกาแฟดูสวยหรูอลังการมาก  

 

 

เดินเข้าไปภายในร้าน คือ มุมเอาดอร์ด้านหลังเป็นบาร์ไม้กลางต้นสักหนึ่งต้น มองเห็นสวนต้นสักทองสูงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมสั่งอาหารเครื่องดื่มทานไปชมวิวไป  เนื่องจากมีต้นไม้เยอะทำให้พื้นที่เอาท์ดอร์ อากาศค่อนข้างปลอดโปร่งและเย็นสบาย เครื่องดื่มและอาหารที่นี่มีให้เลือกหลากหลายเมนู ทั้งชา กาแฟ อาหารคาวหวาน และอาหารทานเล่น เมนูที่สั่งมาคือ เครื่องดื่มแอปเปิ้ลโมจิโต้  ปลาปรุงคลุกกับเครื่องเทศปาปิก้า ลักษณะเป็นแผ่นยาว คล้ายหมูยอหั่นแล้วมาทอด  เมนูแนะนำของทางร้าน หมี่เมืองกาญจน์แซลมอน ที่ใช้เส้นมอญมาผัดกับเครื่องแกงแพนงใส่แซลมอน รสชาติจะเผ็ดจัดจ้านเครื่องแกงตามสไตล์อาหารเมืองกาญจน์ 

 

 

ทานอาหารเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อย  เดินถ่ายภาพสวนป่าสักทอง พื้นที่ร้านนี้กว้างมาก  ข้างหน้าสะพานแขวน จำลองเป็นหลุมหลบภัยสมัยสงคราม ด้านในตกแต่งด้วยของวินเทจ มีพัดลม ต้นไม้ โคมไฟ และเก้าอี้สุดหรูให้นั่งแชะถ่ายรูปอยู่ตรงกลาง 

 

 

เดินเข้ามาข้างในมีมุมนั่งชิลเยอะมาก จัดที่นั่งเป็นสัดส่วนแทรกตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ โดยเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เข้ากับบรรยากาศของความเป็นสวนป่า ผสมผสานกับฟีลแคมป์ปิ้งนิดๆ หรือจะเลือกแบบเรียบหรูในซุ่มที่นั่งพร้อมเบาะและหมอนอิงก็ได้  เป็นร้านที่ตกแต่งได้หลายแบบ หลากสไตล์มาก 

 

 

ไม่เพียงแต่มุมนั่งเล่นระหว่างทางเดินที่ว่าเยอะแล้ว ยังจัดมุมทีนั่งและถ่ายรูปตรงจุดอื่นเพิ่มเติมให้ได้กดชัตเตอร์กันแบบรัว ๆ ทั้งมุมเก้าอี้แอนทีคทรงสูงท่ามกลางสวนไม้ ได้ฟีลเหมือนเป็นเจ้าป่า หรือ มุมแคมป์ไฟน่ารัก ให้โพสท่าถ่ายรูปได้อีกหลายแอค

 

 

 ยังมีมุมนั่งชิล ชมวิว ด้านหลัง ทั้งเก้าอี้โซฟา และโต๊ะเก้าอี้ไม้หลบมุมให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่กลางป่าลึกลับ 

 

 

มุมถ่ายรูปไฮไลท์ สะพานแขวนวนรอบท่ามกลางต้นสัก เดินผ่านสะพานยังได้วิวสีเขียวของต้นไม้ที่อยู่ขนาบทางเดินทางสองข้าง แถมยังมีมุมเปลตาข่ายยกสูงใต้ต้นสักอีกสองจุด กลายเป็นมุมถ่ายรูปปังๆแบบไม่เหมือนใคร สำหรับใครที่กำลังมองหามุมถ่ายรูปใหม่ๆ ในเมืองกาญจน์ รับรองเลยว่าจะต้องถูกใจ

 

 

 ไพรวัลย์ (PRIZE 1)

ที่ตั้ง : อยู่ด้านหน้าวิทยาลัยเกษตรฯ ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

เปิดบริการ : 09.00 – 18.00 น. (หยุดทุกวันพุธ)

 

CHAN Nature 

CHAN Nature Cafe (ชานเนอเจอร์ คาเฟ่)  คาเฟ่ฟีลธรรมชาติ ดีไซน์สวยสไตล์นอร์ดิก โดดเด่นด้วยกังหันลมอันใหญ่และระเบียงชมวิวยกสูง มองเห็นวิวได้รอบร้าน ที่นี่ยังเปลี่ยนตีมจัดร้านอยู่เสมอ ทั้งตีมสวนดอกมาเร็ตสีม่วงตระการตาซึ่งจะมีให้ชมในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน สำหรับช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนดอกไม้ยังไม่มีให้ชม แต่จัดตีมแคคตัสหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ถ่ายรูปแบบชิคๆ พร้อมเสิร์ฟเมนูขนม เครื่องดื่มมัทฉะแท้จากญี่ปุ่น ที่ชาวมัทฉะเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาด

 

CHAN Nature Cafe  ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง แต่จะออกมานอกเมืองกาญจนบุรี  โดยห่างจากตัวเมืองไปทางถนน กาญจนบุรี-ไทรโยค ประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นคาเฟ่ที่อยู่ในเครือเดียวกับ The Village Farm to Cafe  แต่เป็นโซนด้านหลังที่สามารถเดินเชื่อมถึงกันและเพื่อความสะดวกสบาย  เดินเข้ามาในร้าน ก็จะเจอกับโรงเรือนแคคตัสหลากหลายสายพันธุ์จัดเรียงอย่างสวยงามอยู่ในโรงเรือน สามารถเดินเข้าไปชมสวนและถ่ายรูปได้ จะกี่รูปออกมาสวยถูกใจแน่นอน 

 

 

 

มาถึงบริเวณตัวร้าน จะตื่นตาตื่นใจกับสวนกระบองเพชรสุดอลังการ ทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ ที่จัดแต่งได้สวยงามมองเห็นตัวร้านสไตล์สีไม้เข้มสไตล์นอดิกสุดเก๋เป็นฉากหลัง ยิ่งช่วยเสริมความเท่ มีการจัดทำทางเดินและมุมต่างๆให้สามารถแทรกตัวถ่ายภาพท่ามกลางสวนกระบองเพชร ได้ความเก๋ชิคไปอีกแบบ

 

 

ถ่ายรูปแคนตัสจนอิ่มใจก็ไม่พลาดขึ้นไปชมวิวบนะเบียงทางเดินยกสูงทอดยาว มุมไฮไลท์ที่ใครต้องขึ้นไปถ่ายรูป

 

 

มาถึงในโซนมัทฉะคาเฟ่ที่สายชาเขียวไม่ควรพลาด นอกจากบรรยากาศจะดีได้ฟีลญี่ปุ่นแล้ว ยังมีเมนูมัทฉะให้เลือกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม เค้กหรือไอศครีม แต่ละเมนูมีการนำเอามัทฉะไปมิกซ์แอนด์แมทช์เพิ่มความอร่อย อย่างเมนู ยุสุ เลม่อน มัทฉะ ที่ให้ความหอมอร่อยแบบสดชื่น แต่ถ้าใครอยากได้รสชาติ หอมหวานละมุมลิ้นก็ต้องลอง สตรอว์เบอร์รี่มัทฉะลาเต้

 

 

เติมพลังกับมัทฉะแสนอร่อยไปคนละแก้ว ร่างกายมีแรงเดินเล่นถ่ายรูปต่ออย่างสบายๆ อย่างที่บอกว่าตัวร้านกว้างมาๆ บรรยากาศดีมองเห็นวิวภูเขา และยังมีสระน้ำกว้างอยู่ด้านหน้าซึ่งเป็นพื้นที่ของ Village Farm  บริเวณริมสระยังมีบ้านของน้องเป็ด น้องไก่และห่านอยู่ด้วย ดีไซน์สวยเก๋มาในสไตล์นอร์ดิกซ์ไม่หลุดตีม

 

 

 

ปิดท้ายกันที่อีกหนึ่งมุมไฮไลท์ ชิงชาไม้ธรรมชาติ มองเห็นวิวน้ำและภูเขา โอบล้อมด้วยแปลงดอกมาร์กาเร็ตสีม่วงแปลงใหม่ที่ทางร้านพึ่งลงดินไว้ สำหรับซีซั่นหน้าให้ได้มาเก็บรูปสวยๆ กันในอีกไม่นานนี้แน่นอน

 

 

CHAN Nature Cafe’

ที่ตั้ง : อำเภอเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 71190

เวลาเปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 10.00 – 20.00 น.

โทรศัพท์ : 034-540-599

พิกัด : https://bit.ly/3yCstnm 

วอน แด ซอง

ปิดท้านกันที่  วอน แด ซอง คาเฟ่กึ่งร้านอาหารเกาหลีสไตล์ย้อนยุค ท่ามกลางหุบเขาและสวนดอกไม้หลากสีสัน มีชุดฮันบกให้เช่าใส่ พร้อมมุมถ่ายรูปสุดปังเหมือนทะลุมิติเข้าไปเป็นนางเอกซีรีย์ในจอ ไม่เพียงแต่บรรยากาศจะเป็นใจให้เหมือนอยู่โคเรีย ทางร้านยังจัดเต็มทั้ง อาหารและเครื่องดื่มสไตล์เกาหลีให้แบบจุใจ ที่บอกได้คำเดียวว่า สายเกาไม่ควรพลาด

 

 

วอน แด ซอง ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจน์ประมาณ 20 กว่าโล บนเส้นทางไปน้ำตกไทรโยค จากถนนใหญ่เลี้ยวเข้ามาประมาณ 4 กิโลเมตร จะเห็นรั้วกําแพงหินสไตล์เกาหลีแบบโบราณเหมือนในซีรีย์เกาหลีย้อนยุคเด่นมาแต่ไกล  จากนั้นจ่ายค่าเข้าชมสวนในราคา ผู้ใหญ่ 70 บาท  สามารถนำตั๋วมาแลกเป็นส่วนลด 20 บาท สำหรับเช่าชุดหรืออาหารเครื่องดื่มในร้านอาหารได้ แต่ที่คุ้มสุดๆ สำหรับครั้งต่อไปหากแวะมาที่นี่อีก เพียงแค่โชว์รูปถ่ายว่าเคยมาให้กับเจ้าหน้าที่ด้านหน้าจะได้เข้าฟรีตลอดชีพอีกด้วย

 

 

เมื่อเดินผ่านเข้าซุ้มประตูธงชาติเกาหลีมาด้านในกว้างมาก รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปซีรีย์เกาหลีย้อนยุคตอนเปิดเรื่องที่นางเอกชอบเดินอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้หลากสีสัน มีฉากหลังเป็นภูเขาสีเขียวชะอุ่ม กับอาคารรูปทรงเกาหลีคล้ายศาลาหลังใหญ่ตั้งเด่นชัดอยู่ตรงหน้า ได้บรรยากาศความเป็นเกาหลีสุดๆ 

 

 

เข้ามาถึงแค่โซนแรกต้องยอมรับว่า ที่นี่เนรมิตพื้นที่ได้สวยครบทุกตารางนิ้ว ที่สำคัญ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี บนเนินที่ด้านหลังติดภูเขา ด้านหน้ามองเห็นวิวทะเลภูเขากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แบบ 180 องศา  รวมถึงพร๊อพต่างๆ ที่ใช้ในการตกแต่งเพิ่มบรรยากาศความเป็นเกาหลี ทั้งตัวการ์ตูน เจดีย์และมุมถ่ายรูปที่ถูกจัดเซตไว้ให้ มองแล้วละลานตามาก ไม่รู้จะเลือกมุมไหนถ่ายภาพก่อน

 

 

 

ชื่นชมกับบรรยากาศได้ไม่นาน รีบพุ่งตรงไปที่ร้านเช่าชุด พร้อมรับบทเป็นนางเอกซีรีย์ เราสามารถเลือกสีกระโปรงและเสื้อคลุมด้านนอกได้ โดยสามารถสวมทับชุดที่เราใส่มาได้เลย (ค่าเช่าชุดฮันบกราคา 200 บาท)  เลือกชุดเสร็จเรียบร้อยยังไม่สมฐานะนางเอกซีรีย์ที่คิดมา ต้องมีเครื่องหัวประดับให้สมจริง หรือจะหยิบร่มมาสัก1อันเป็นพรอพเพิ่มก็ยิ่งสวย สำหรับค่าพรอพอื่นๆ นอกเหนือจากชุด คือราคา เพิ่มเงินชิ้นละ 20 บาท  มีพนักงานคอยแต่งตัวให้ด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะแต่งไม่ได้  

 

 

เลือกชุดได้ถูกใจแล้วไม่รีรอ รีบออกไปหามุมถ่ายรูป ไล่ไปตั้งแต่บ้านโบราณสไตล์เกาหลี ดอกซากุระสีชมพูและใบเมเปิ้ลแทรกอยู่หลายจุด  ถึงแม้จะไม่ใช่ต้นไม้จริงแต่สีสันสวยงามเหมือนจริงมาก แถมยังมีป้ายตัวอักษรเกาหลีติดไว้  ยิ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกเหมือนในเกาหลีจริงๆ 

 

 

ถึงแม้สวนจะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างแต่เดินถ่ายรูปแบบเพลินๆ ไม่มีเหนื่อยเพราะไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนก็อดใจไม่ได้ต้องหยุดแวะขอแชะสักรูป

 

 

ถัดมาอีกหนึ่งมุมบริเวณตรงกลางถูกจัดเป็นเหมือนสวนหินมีมุมปิกนิกจิบชาใต้ต้นไม้สีเขียวและส้มเหมือนกำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใกล้กันเป็นสะพานเหล็กสีขาวเป็นอีกหนึ่งมุมที่ถ่ายออกมาแล้วได้ฟีลนางเอกซีรีย์ย้อนยุคสุดๆ

 

 

มุมถ่ายรูปด้านหน้าที่คิดว่าเยอะถ่ายรูปกันจนเพลินแล้ว  ยังมีด้านหลังคือ สวนดอกบานไม่รู้โรย ไล่โทนสีชมพูอ่อนไปจนถึงสีม่วงแปลงใหญ่ ที่ท้ายแปลงมีชิงช้าที่ผูกติดกับต้นไม้ต้นใหญ่กลายเป็นอีกหนึ่งมุมน่ารักสุดชิลที่ไม่ควรพลาด

 

 

มาถึงในโซนของร้านอาหารและคาเฟ่ มีอยู่ 2 อาคารรูปทรงเกาหลีสไตล์ย้อนยุคแบบโอเพ่นแอร์ มองเห็นวิวสวนดอกไม้และภูเขาได้อย่างชัดเจน สำหรับเมนูอาหารเครื่องดื่มค่อนข้างหลากหลาย ทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ปั่น นมกล่องสไตล์เกาหลี ไอศกรีมเกาหลี

 

 

 

ในส่วนของเมนูอาหารจะเน้นไปทางอาหารเกาหลี นั่งอยู่ท่ามกลางกลิ่นอายความเป็นเกาหลีเต็มๆแบบนี้ ต้องไม่พลาดสั่งเมนูแนะนำ ไก่ทอดเผ็ดเกาหลี ต๊อกบกกี้และเกี๊ยวซ่ามาทานเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ที่นี่เปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้า สามารถแวะมาทานอาหารเอาแรงให้เต็มอิ่ม แล้วไปเดินถ่ายรูปรอบสวนได้แบบเพลินๆ ได้ตลอดทั้งวัน

 

 

วอนแดซอง

เวลาเปิด-ปิด : วันธรรมดา 08.00 – 18.00 น. / วัน ส-อา 07.30 – 18.30 น.

ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็กไม่เกิน 10 ขวบ 30 บาท (ทารกฟรี)

ค่าบริการเช่าชุดฮันบก หญิง ชาย เด็ก ราคา 200 บาท ไม่จำกัดเวลาใส่

พิกัด : https://bit.ly/3Pfs8gs

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง