กาญจนบุรี ดีเสมอ พักสไตล์โมรอคโค แวะคาเฟ่เก๋ ทัวร์ซาฟารี

หากนึกถึงสถานที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมาก มีจุดแวะเที่ยวหลากหลาย ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ที่พัก แสนสะดวกสบายในราคาไม่แพงมาก กาญจนบุรี คือ จังหวัดที่ชอบไปมาก มาจังหวัดนี้ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง เพราะ มีที่เที่ยว จุดแวะมาใหม่ให้อยากไปได้ตลอด โดยเฉพาะคาเฟ่เก๋ ที่มีมากมาย

Ravi Vira 

มาถึงเมืองกาญจน์ประมาณ 11 โมง เริ่มต้นกันที่จุดหมายแรก  Ravi Vira (ราวิ วิร่า)  คาเฟ่เรือนกระจกที่ตกแต่งสไตล์ยุโรปวินเทจ ท่ามกลางสวนสไตล์อังกฤษที่เขียวสดชื่นสบายตา ด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิดที่ขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณ ภายในร้านตกแต่งหรูหรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนนั่งเล่นในบ้าน มีมุมจุกจิกน่ารักให้ถ่ายรูปเยอะมาก  ในส่วนของอาหารมีทั้งอาหารคาว ขนมหวาน และสารพัดเครื่องดื่ม

ตัวร้านเป็นบ้านทรงยุโรปโบราณผสมผสาน ระหว่างกำแพงอิฐและกระจก ท่ามกลางสวนที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นปกคลุม กลายเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดย่อม มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้ตนไม้เต็มไปหมด ทั้งไม้เลื้อย ไม้แขวน ไม้ใหญ่  ด้านนอกมีโต๊ะเก้าอี้ หลายแบบ กลายเป็นมุมนั่งเล่น มุมถ่ายภาพสวยหลายมุม เดินเข้ามาจะสะดุดตากับมุมถ่ายภาพน่ารัก รังนกบาหลี ที่ตั้งอยู่ด้านนอก

เปิดประตูเข้าภายในร้านถึงกับตะลึง บรรยากาศอบอุ่นมาก ตกแต่งสไตล์ยุโรปประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบวินเทจต่างๆ บริเวณเพดานโดดเด่นด้วยดอกไม้แห้งหลากสี  มีโนที่นั่งหลายมุมด้านหน้าเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้ เหมาะสำหรับนั่งทานอาหาร ส่วนด้านในสุดของร้านเป็นที่นั่งแบบโซฟาวินเทจ เหมาะสำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ 

นอกจากที่นั่งภายในร้านแล้ว ยังมีที่นั้งในโซนอื่นด้วย เริ่มจากบ้านหลังนี้เป็นแบหลังคาทรงสูง หน้าต่างเป็นกระจกทั้งหมด สไตล์การตกแต่งเน้นความเป็นสวยประดับด้วยต้นไม้โดยรอบ อีกหลังจะเป็นแบบบ้านสไตล์ฟาร์มแนวยุโรป ความรู้สึกจะเหมือนบ้านส่วนตัว

เมนูอาหารมีให้เลือกเยอะมาก ทั้งอาหารยุโรปแบบฟิวชั่น อาหารไทย เครื่องดื่ม ชา และของหวาน อาหารจานใหญ่มาก เราสั่งยำไส้หมูยอไส้กรอกไข่แดงรสชาติปานกลาง สเต๊กปลาแซลมอนรสชาติดีเนื้อปลานุ่มมาก สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้งรสชาติอร่อย

และสเต็กซี่โครงหมู อร่อยมาก เนื้อหมูนุ่มละลายในปากและกลมกล่อมด้วยเครื่องเทศ ส่วนเครื่องดื่มที่สั่งอิตาลเลี่ยนโซดา และชาคาโมมายด์ร้อน ก็โอเคค่ะ อาหารโดยรวมของทางร้าน ถือว่ารสชาติดีและใช้วัตถุดีด้วย จานใหญ่สมราคา ประทับใจในการตกแต่งร้านเป็นอย่างมาก ร่มรื่นทั้งภายนอกและภายในร้าน บรรยากาศสบาย  มีมุมถ่ายรูปสวยหลายมุม ใครผ่านทางมากาญจนบุรี แวะเข้ามาในอ.ท่าม่วง ก่อนเข้าตัวเมือง ทานอาหาร แชะภาพสวยกันได้ค่ะ

RAVI RIVA CAFE  กาญจนบุรี

พิกัด : ตำบล วังศาลา อำเภอท่าม่วง กาญจนบุรี

เวลาทำการ: ทุกวันเวลา 10:00 น. – 20:00 น.

เฟสบุค  RAVI RIVA CAFE

BARME Tea&Taste

จากนั้น เราแวะไปที่ BARME Tea&Taste บารมี ทีแอนด์เทสต์ คาเฟ่บรรยากาศดี มองเห็นวิวลำน้ำแควกับเส้นทางรถไฟสายประวัติศาตร์พาดผ่าน พร้อมวิวทิวเขาทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ภายในร้านตกแต่งน่ารักแบบเอิร์ธโทน เพิ่มความละมุนด้วยการประดับดอกหญ้าพริ้วไหว ให้ความรู้สึกชวนฝันอบอุ่น ได้จิบเครื่องดื่มดีๆสักแก้ว นั่งมองวิวสวยที่อยู่ตรงหน้าหามุมถ่ายภาพ ฟินสุดๆ ยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตก มองเห็นสีทองส่องกระทบไปยังลำน้ำแคว บรรยากาศยิ่งสวยงามเข้าไปอีก

พิกัดของร้านตั้งอยู่ภายในวัดถ้ำเขาปูน ต.หนองหญ้า อ.เมือง การเดินทางให้ขับรถเข้ามาในวัดตรงมาสุดทาง ส่วนที่จอดรถสามารถจอดได้ภายในวัดหรือจะจอดเลียบถนนเล็กๆที่เข้ามาในร้านก็ได้ มีพนักงานคอยอำนวยความสะดวกในการจอดให้  บริเวณนี้จะมีร้านกาแฟอยู่   2 ร้าน ร้านบารมี ทีแอนด์เทสต์ จะอยู่ข้างในเดินมาสุดทางจะเห็นเจ้าแม่กวนอิมอยู่ด้านหน้า

ตัวร้านไม่กว้างมาก เป็นแบบห้องแอร์ห้องกระจก ที่นั่งค่อนข้างน้อยหากมาในช่วงคนเยอะ อาจต้องไปนั่งข้างนอก หรือรอที่นั่งข้างในว่าง เมนูมีเฉพาะเครื่องดื่มและเบอเกอรี่ สั่งอิตาเลี่ยนโซดา ชาเขียวรสชาติกลมกล่อมมีความเป็นชาเขียวแท้ๆ ส่วนขนมสั่งบราวนี่ รสชาติละมุนไม่หวานจนเกินไป

ไฮไลท์ของร้าน อยู่บริเวณด้านนอก ซึ่งเป็นโซนที่นั่งเป็นแบบโอเพ่นแอร์ มองเห็นวิวแม่น้ำที่มีทางรถไฟของเมืองกาญอยู่เบื้องล่าง มีรถไฟวิ่งผ่านเป็นระยะ รวมทั้งทิวทัศน์ของภูเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน แต่ละมุมตกแต่งนารัก ประดับด้วยเก้าอี้หวาย ตระกร้าไม้สาน และดอกหญ้าหลายจุด ให้อารมณ์ชวนฝัน หากมาในช่วงเย็นจะสวยมากได้แสงสีทองของพระอาทิตย์ ส่วนเวลาอื่นก็จะร้อนสักหน่อย แต่มาช่วงกลางวันก็ถ่ายรูปออกมาสวยเหมือนกัน

BARME Tea&Taste บารมี ทีแอนด์เทสต์

พิกัด : ร้านอยู่ภายในวัดถ้ำเขาปูน ต.หนองหญ้า อ.เมือง (เข้ามาในวัดตรงมาสุดทาง ร้านอยู่ทางขวามือจะเห็นเจ้าแม่กวนอิมอยู่หน้าร้าน)
เปิดบริการเวลา :  9.00 – 19.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)

เฟสบุค : BARME Tea&Taste

 

Frida Friday Boutique hotel

หลังจากตะลอนเที่ยวแวะคาเฟ่มาสองแห่ง ได้เวลาพักผ่อน ยังที่พักของเรา ซึ่งตั้งใจมาพักมาก เป็นไฮไลท์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้  ที่ Frida Friday Boutique hotel ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกาญฯ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เข้ามาถึงจอดรถไว้ด้านหน้า มีพนักงานรีบเดินมาต้อนรับ ช่วยถือของและยกกระเป๋า คือ ประทับใจตั้งแต่เริ่มแรกพนักงานใส่ใจมาก ทางเข้าด้านหน้าเป็นอาคารสีส้ม สีสันสดใส มีลวดลายเพนท์สวยงาม สวยงามด้วยพื้นกระเบื้องที่ประดับบริเวณบันได ให้ฟีลโบฮิเมี่ยนมาก ที่นี่ยังมีบริการร้านคาเฟ่ และร้านอาหารไว้คอยให้บริการด้วย เราสั่งน้ำอัญชันมะนาวมาทานดับกระหาย รสชาติดีมาก

ภายในที่พักตกแต่งโดยได้แรงบันดาลใจจากประเทศโมร๊อคโค โดดเด่นด้วยสีฟ้าสะดุดตา เหมือนปราสาทในเทพนิยาย ให้กลิ่นอายของความเป็นโบฮีเมียนนิดๆ พื้นที่กว้างขวาง บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว มีความธรรมชาติ โดดเด่นที่สุด คงเป็นทุ่งหญ้าพริ้วไหวที่ตัดกับตัวอาคารสีฟ้าเข้ม พร้อมทางเดินทอดยาวโดยรอบ กลายเป็นมุมถ่ายภาพที่สวยงามไม่ควรพลาด

ห้องพักแต่ละห้องถูกตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ทุกห้องมีดาดฟ้าที่สามารถชมวิวโดยรอบที่พัก สำหรับราคาห้องเริ่มต้น 2550 บาท พร้อมอาหารเช้าบุพเฟต์ เป็นห้องแบบ Bohemian Room ภายในห้องกว้างขวาง สะอาดมาก มีระเบียงที่สามารถเปิดออกไปชมวิวทุ่หญ้าด้านนอกได้ ที่สำคัญทุห้องจะมีชุดให้เราใส่ถ่ายภาพอีกด้วย ใครไม่มีชุดสามารถมาใส่ของที่พักได้

หลังจากนั้น ได้เวลาแปลงการเป็นสาวโบฮิเมี่ยน เดินถ่ายภาพตามมุมต่างๆ ตอนแรกเตรียมชุดมาเอง แต่พอเห็นชุดของทางที่พักเตรียมไว้ให้ สีสันสดใส เข้ากับสถานที่มากกว่า จัดไปเลยค่ะ แนะนำช่วงเวลาถ่ายภาพช่วงบ่ายแก่ๆ แดดจะไม่ร้อนมาก หรือไม่ก็ช่วงเช้า เป็นที่พักที่สวยมาก บรรยากาศดีสุด ในแบบที่ไม่ต้องออกไปหามุมถ่ายรูปที่ไหน อยู่แค่ในที่พักเดินถ่ายภาพตามมุมต่างๆ ก็หมดเวลาแล้ว

อาหารเย็น สำหรับคนที่ไม่อยากออกไปหาอะไรทานข้างนอก ก็สั่งจากที่พักได้แจ้งว่าจะทานตอนกี่โมง เค้าจะจัดโต๊ะไว้ให้เลย ในห้องอาหาร คือ ห้องอาหารตกแต่งดีมาก สไตล์โบฮิเมี่ยนเก๋มาก  แอบมีความโรแมนตอกนิดๆ ด้วยแสงไฟสีส้ม และบรรยากาศของทุ่งหญ้าที่อยู่ด้านนอก  ส่วน เมนูอาหารอาจมีไม่มากนัก จะเน้นเป็นอาหารในเชิงสุขภาพ  จุดเด่นของอาหารที่นี่ยังเป็นสีฟ้าที่ทำมาจากสีของดอกอัญชัน รสชาติอร่อยจัดจ้านทุกจาน เราสั่งเมนูแนะนำมาทั้งหมด ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยำดอกอัญชัน ดอกอัญชันทอดกรอบ ส้มตำ สั่งข้าวไข่เจียว และหมูทอด เพื่อตัดความเปรี้ยวของอาหารที่สักมาหน่อย

ยามเช้ากับแสงแดดอ่อนๆ ตื่นมาถ่ายภาพอีกแล้ว ตอนเช้าแสงสวยมาก ส่องกระทบกับทุ่งหญ้ากลายเป็นสีทอง เดินหามุมถ่ายภาพกันได้แบบไม่มีเบื่อ เพราะสวยทุกมุม

อีกมุมไฮไลท์ รูปภาพนกยูง ซึ่งอยู่บนอาคารต้อนรับบนดาดฟ้า โพสต์ท่ากรุยกรายกันได้เต็มที่

อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ จัดในห้องอาหาร มีทั้งอเมริกันเบรคฟาสต์ ข้าวต้ม ข้าว ไก่ผัดขิง ผลไม้ นม ขนมปัง คือ จัดเต็มและรสชาติอาหารอร่อยค่ะ ขนาดวันที่เราไปพักมีลูกค้าไปพักแค่ 3 ห้อง ยังจัดอาหารให้แบบบุฟเฟ่ต์ คือ ปรบมือให้รัวๆ เพราะบางที่ถ้าแขกไม่เยอะ ส่วนใหญ่จัดอาหารเป็นชุด เป็นที่พักที่เราประทับใจทุกอย่าง ทั้งห้องพัก การบริการของพนักงานและอาหาร คือ สมบูรณ์แบบ ในราคานี้สำหรับเรา คือ คุ้มมาก สำหรับใครที่ชอบห้องพักแบบอยู่ติดที่ ไม่อยากเจอผู้คนวุ่นวาย อยากถ่ายภาพตัวเองสวย  frida Friday คือ ตอบโจทย์มาก

Frida Friday Boutique hotel

ที่อยู่: 152 ม.2 หนองบัว, เมือง, กาญจนบุรี 71190

สามารถเช็คราคาและจองห้องพัก คลิ๊ก  เช็คราคาจองที่พัก

สวนสัตว์เปิด ซาฟารีปาร์ค 

จากที่พักไม่ถึง 30 นาที เราแวะมาที่  สวนสัตว์เปิด ซาฟารีปาร์ค หากพูดถึงประสบการณ์การเที่ยวสวนสัตว์ในแบบที่เคยเจอ คือ เดินหรือนั่งชมสัตว์แต่ละชนิดที่อยู่ในกรงขัง แต่ถ้ามาเที่ยวที่นี่ จะให้ความรู้สึกอีกแบบ คือ ได้ใกล้ชิดสัตว์มากที่สุด ทั้งในโซนเสือ สิงโต ม้าลาย ยีราฟ จุดเด่นคือ ยีราฟยื่นหัวเข้ามากินอาหารในรถ ให้ได้ถ่ายภาพแบบใกล้ชิด สนุกและตื่นเต้น ร้องกรี๊ด กันทั้งคันรถ นอกจากนี้ยังมีทัวร์ยีราฟแบบ private ที่ให้บริการรถส่วนตัวนำเที่ยว สามารถใกล้ชิดยีราฟและม้าลายได้มากขึ้นอีกด้วย รับรองว่าได้ภาพประทับใจกลับบ้านไปแน่นอน

สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค กาญจนบุรี   ตั้งอยู่ในอำเภอบ่อพลอย เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ที่นี่มีสัตว์น้อยไม่ค่อยหลากหลายมากเหมือนสวนสัตว์ทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็น กวาง ยีราฟ ม้าลาย สิงโต เสือดาว เป็นต้น การเข้าไปชมมีรถนำเที่ยวพาเข้าไป เป็นรถบัสคันเล็ก โดยเราสามารถนั่งรถและให้อาหารสัตว์จากในรถได้  โดยการเที่ยวชมใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือหากไม่นั่งรถบัสจะนำรถส่วนตัวเข้าไปได้ แต่ทางสวนสัวต์จะไม่รับผิดชอบในกรณีที่มีรอยขีดข่วนจากสัตว์เพราะตามที่บอกว่าที่นี่คือ สวนสัตว์เปิดสัตว์จะวิ่งรายล้อมเข้ามาที่รถแบบใกล้ชิดถึงรถ  ส่วนใครที่อยากถ่ายภาพยีราฟแบบ private คิดราคาเพิ่มอีกคนละ 1000 บาท พร้อมอาหารคนละ 1 ถาด มากกว่านี้ซื้อเพิ่มชุดละ 100 บาท โดยการเข้าชมแต่ละรอบใช้เวลา 20 นาที การจองทัวร์ private ต้องจองล่วงหน้าทางเพจของสวนสัตว์เพียงช่องทางเดียว ไม่รับจองทางโทรศัพท์ รวมทั้งการสอบถามข้อมูลอื่นๆติดต่อหลังไมค์ถามในเพจได้เลย มีพนักงานคอยตอบตลอด โทรศัพท์จะไม่ค่อยมีคนรับ เราจองทัวร์แบบ private ไว้รอบ 10 โมง  รถก็จะเป็นแบบในภาพเป็นรถคันเล็กลายม้าลายให้อารมณ์ซาฟารีนิดๆ

ทัวร์แต่ละรอบมีพนักงานคอยดูแล รวมทั้งอธิบายถึงกฎและข้อปฏิบัติต่างๆ มาถึงแล้วเหมือนเจ้ายีราฟจะรู้ว่าอาหารมารีบเดินมากันใหญ่ โดยพนักงานจะคอยกำกับให้เรานั่งและยืน ในท่าต่างๆ ให้เราได้ถ่ายภาพสวย จากนั้นเอาอาหารวางไว้ตรงรถเป็นจังหวะให้มันเข้ามา จากนั้นก็ถ่ายภาพ พอไม่มีอาหารยีราฟก็จะไม่สนใจเราเลยค่ะรีบเดินออกห่าง แต่พอวางอาหาร ก็จะเข้ามากันใหม่

ตอนที่ยีราฟเข้ามา ก็รีบโพสต์ท่าสุดพลังกันไปเลยค่ะ แนะนำว่าอยากได้ภาพเยอะๆให้ซื้ออาหารมาเพิ่ม เพราะถาดเดียวไม่พอ ยีราฟกินแป๊บเดียวหมด จะอยู่ได้แป๊บเดียว ไม่คุ้มราคาคนละ 1000 ที่เสียไป ไหนๆเสียเงินแล้วอยู่ให้เต็มที่ ซื้ออาหารเพิ่มมาจากข้างนอกเลย

หลักจากทัวร์ private แล้ว ก็มานั่งรถบัสไปชมสัตว์กันต่อ เพราะทางสวนสัตว์ให้เสียค่าเข้าตามปกติ ถึงแม้จะซื้อทัวร์ private ด้วยก็ตามเป็นไฟท์บังคับ เท่ากับหากใครซื้อทัวร์ไฟรเวทเพิ่ม 1 คน จะเสียเงินคนละ 1200 บาท รวมค่าเข้า 200 บาทด้วย ราคาค่อนข้างสูง แต่ได้ภาพยีราฟแบบเก๋ๆไม่เหมือนใครก็ถือว่าคุ้ม สำหรับใครที่อยากให้อาหารมีขายอาหารใส่กระจาดพลาสติก เป็นแครอทโดยต้องซื้อเพิ่ม ราคา  1 ชุด มี  4 กระจาดๆ ละ 100 บาท  ก็แล้วแต่เราว่าจะซื้อเท่าไหร่

การเข้าชมด้วยรถบัส ภายในสวนสัตว์มีทั้งหมด 7 จุด แบ่งเป็นส่วนโดยมีประตูกั้นและแยกสัตว์แต่ละชนิดออกจากกัน ข้อแตกต่างของสวนสัตว์เปิดที่นี่กับสวนสัตว์เปิดในเมืองไทยที่อื่นๆ คือ สัตว์ทั้งหลายจะเดินเข้ามาใกล้รถของเราเพื่อมาขออาหาร ได้ป้อนได้ถ่ายภาพและสัมผัสกันแบบใกล้ชิด โดยที่ไม่มีกรงมาขวางกั้นไว้  สัตว์ที่มีเยอะ คือ กวางสายพันธุ์ต่างๆ  โซนต่อไป เป็นที่อยู่ของเสือ มีอยู่ประมาณ 3-4 ตัว นอนอยู่ใต้แคร่ไม้ลวดลายสวยเลยทีเดียว  ส่วนอีกตัวก็นั่งเล่นอยู่ในพื้นที่ของมัน

มาถึงจุดสุดท้าย เห็นขายาวกำลังเดินมาเลย นั่นก็คือ ที่อยู่ของยีราฟและม้าลาย มาถึงตรงนี่แหละ ที่เป็นไฮไลท์ความสนุกของการมาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้เลย นั่นก็คือ เราจะได้ป้อนอาหารยีราฟแบบใกล้ชิด บางตัวก็เอาหัวยื่นเข้ามาภายในรถ เพื่อเข้ามาหาอาหาร สร้างความสนุกและตื่นเต้นให้กับพวกเราทุกคนในรถมากค่ะ ไม่ต้องห่วงว่ามันจะมาทำร้ายหรืออะไร มันแค่โผล่คอมากินแครอทในกระจาดเท่านั้น มันเป็นมิตรกับเรามาก สามารถป้อนอาหารให้มันได้เลย กินอย่างน่าเอ็นดูมาก นอกจากยีราฟแล้วก็มีเข้าม้าลายวิ่งเข้ามากินอาหารที่รถด้วย นี่ถ้ามันคอยาวแบบยีราฟก็คงโผล่คอมาเหมือนกัน

หลังจากชมสัตว์กันแล้ว รถจะมาจอดยังจุดสุดท้าย เป็นการแสดงช้างและจระเข้ที่มีการแสดงเป็นรอบ ซึ่งระหว่างทางมีรูปปั้นเต่ากับกระต่ายตัวใหญ่ ให้เราได้ถ่ายภาพเก๋ๆ โดยการเข้าชมการแสดงต้องเสียเงินเพิ่ม หรือหากใครไม่ชมก็เดินเล่นถ่ายภาพไปได้ ตรงจุดนี้ก็จะเงียบๆ สักหน่อย

 สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค แอนด์แคมป์  กาญจนบุรี

พิกัด : 99 ถนน ลาดหญ้า-บ่อพลอย ตำบล หนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย กาญจนบุรี 71160

เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท อาหารซื้อเพิ่มชุดละ 100 บาท มี  4 ถาด จะใช้บริการรถบัสของสวนสัตว์ หรือนำรถส่วนตัวเข้าไปก็ได้ หากนำรถส่วนตัวเข้าไปจะไม่สามารถใช้บริการรถบัสได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หากเข้ามาชมสวนสัตว์แบบปกติไม่ต้องจอง เข้ามาซื้อตั๋วได้เลย

ส่วนทัวร์ private ถ่ายภาพยีราฟแบบใกล้ชิด ต้องจองล่วงหน้าทางข้อความในเพจ ไม่รับจองทางโทรศัพท์  โดยจ่ายเพิ่มคนละ 1000 บาท (พร้อมอาหาร 1ถาด) สามารถจองได้ทางข้อความในเพจ เริ่มรอบแรก 09.00 น. รอบละ 20 นาที หลังจากทัวร์ private แล้ว สามารถนั่งรถบัสเที่ยวต่อได้

เฟสบุค คลิ๊ก  สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค

จบทริปการเดินทาง เที่ยวกาญจบุรี แบบ 2 วัน 1 คืน กับเส้นทางท่องเที่ยวแบบเบาๆ ที่จะทำให้เราผ่อนคลายหายเครียด กาญจนบุรี ดีเสมอ ถ้าได้มา

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง