เที่ยวภูเก็ต แบบออริจินอล ไม่ไปตอนนี้จะไปตอนไหน

อยากเห็นภาพ ภูเก็ตสวยๆ แบบออริจินอล ไม่ไปตอนนี้ จะไปตอนไหน โดยเฉพาะชายหาดต่างๆ เงียบสงบ นักท่องเที่ยวต่างชาติน้อย น้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายขาวสะอาด ไม่ต้องเที่ยวตามเกาะก็สวย มาภูเก็ตช่วงนี้แค่เที่ยวตามหาดก็ฟินแล้ว แถมที่พัก รถเช่า แพคเกจทัวร์ ราคาถูกลงเยอะ ผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้า welcome คนไทยมาก แค่เราอุดหนุนสินค้า นั่งทานข้าว ก็ดีใจมากแล้ว มาช่วยสร้างสีสันให้คนภูเก็ตยิ้มได้ และที่สำคัญ รีบมาเก็บภาพภูเก็ตสวยๆแบบนี้ไว้ในความทรงจำ ก่อนเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ภูเก็ตช่วงนี้เป็น ” ภูเก็ต ของคนไทย เพื่อคนไทย ที่แท้ทรู ” จัดเวลา 3 วัน 2 คืน เที่ยวให้สุขใจ เน้นแวะตามหาดต่างๆ และเกาะใกล้เคียง แพคกระเป๋าตามมาค่ะ

 

วันแรก

 

เดินทางถึงภูเก็ตประมาณ 9.30 น. ด้วยสายการบินไทยสไมล์ เราจองสายการบินนี้ทั้งไปกลับ จากนั้นเช่ารถขับจากสนามบิน กับบริษัทเช่ารถในภูเก็ตซึ่งมีให้เลือกหลายบริษัท เราเลือกใช้บริการรถเช่าของ x phuket car rental เลือกรถวีออส ราคาเช่าวันละ 700 บาท รถใหม่เอี่ยม ป้ายแดง ทำความสะอาดมาอย่างดี เป็นครั้งแรกที่เลือกใช้บริการเจ้านี้ ค่อนข้างประทับใจทีเดียว มาภูเก็ตครั้งต่อไปก็คงใช้บริการอีกราคาไม่แพงด้วยค่ะ ใครสนใจติดต่อ โทร 098 424 7674 มาถึงช่วงสาย ท้องเริ่มหิว ก่อนเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ ที่เพลนไว้ต้องอิ่มท้องก่อน ไปที่ร้านเฮง เฮง เฮง ชื่อดีมากๆ

 

ร้านเฮง เฮง เฮง

 

จากความคิดเดิมๆ ที่ว่า ภูเก็ต ร้านอาหารอะไรก็แพง ไม่จริงเสมอไป ยังมีร้านที่ราคาน่ารัก แต่รสชาติระดับภัตตาคาร อย่างร้านนี้  “เฮง เฮง เฮง”  ร้านอาหารตามสั่งบรรยากาศธรรมดา ที่ไม่ได้อยู่ในกระแสรีวิว ไม่ได้เป็นร้านที่มีมุมถ่ายรูปสวย แต่เป็นที่นิยมของคนในพื้นที่ ถ้ามาเพื่อตั้งใจทานอาหารพื้นถิ่นรสชาติดี ทั้งอาหารใต้ และอาหารทะเลบางเมนูสดๆ อาหารจานโต ในราคาที่ขอใช้คำว่าสบายกระเป๋า พิกัดอยู่ใกล้สนามบินภูเก็ต ลงเครื่องปุ๊บมาทานก่อนไปเที่ยว หรือจะทานตอนกลับได้

 

 

เมนูของร้านมีหลากหลาย  ตั้งแต่อาหารตามสั่งแบบจานเดียว และเมนูอาหารท้องถิ่น  และเมนูอาหารทะเลประเภทกุ้ง ปลา หอย สั่งเมนูแนะนำ เริ่มด้วย กุ้งผัดกะปิสะตอให้สะตอเยอะมาก ปกติเมนูนี้สั่งเพราะอยากกินสะตออยู่แล้ว เลยชอบมากสะตอเม็ดใหญ่กลิ่นไม่แรงเกินไป คลุกเคล้ามากับกะปิที่ได้รสชาติกลมกล่อมกำลังดี กุ้งผัดซอสมะขาม กุ้งสดมากน้ำซอสก็รสชาติดีค่ะ ส่วนใบเหลียงผัดไข่  ผัดมาแบบแห้งกำลังดี  ต่อด้วยแกงส้มปลากระพงยอดมะพร้าวอ่อน  เมนูนี้หักคะแนน รู้สึกว่าเครื่องแกงรสชาติยังไม่ถูกปาก สั่งไป 4 อย่าง เช็คบิลมา 500 กว่าบาท ถ้าทานตามร้านใหญ่ๆเมนูที่สั่งน่าจะเกือบพัน เป็นร้านอาหารท้องถิ่นในภูเก็ตที่ถูกใจใช่เลย ถ้าได้ไปก็จะแวะไปทานอีกแน่นอน

 

 

เฮง เฮง เฮง ภูเก็ต

พิกัด : 17/9 ม.1 สนามบิน-สาคู สาคู อำเภอถลาง ภูเก็ต 83110

เปิดให้บริการ  : 10.00 น. – 21.00 น.

โทร :  076 327 557

หาดสุรินทร์

 

หาดสุรินทร์  หนึ่งในชายหาดสวยของเกาะภูเก็ต ที่มีความยาวของชายหาดประมาณ 1 กิโลเมตร โดยปกติชายหาดเต็มไปด้วยร่มหลากสีสันและเตียงผ้าใบไว้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ในช่วงนี้ชายหาดเงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อย ร่มชายหาดที่เคยมีมากมายแทบไม่มี กลายเป็นชายหาดสุรินทร์ที่แสนบริสุทธิ์ หาดทรายขาว น้ำทะเลสีฟ้าใสมองเห็นถึงทรายด้านล่าง 

 

 

ขับรถเข้ามาในบริเวณถนนเลียบชายหาด มีความตื่นเต้นกับภาพที่ได้เห็น ชายหาดโล่งแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  น้ำทะเลสีฟ้าครามไล่สี มองเห็นสะดุดตามาแต่ไกล น้ำทะเลใสจนอยากจะวิ่งลงทะเลเลยทีเดียว ไม่ต้องไปเที่ยวตามเกาะก็เจอน้ำทะเลใสได้เช่นกัน เป็นครั้งแรกในการเที่ยวภูเก็ตในรอบหลายปี ที่เห็น “หาดสุรินทร์ “ สวยสะกดตามาแทบไม่มีผู้คนแบบนี้ สบายตามากค่ะ

 

 

ร่มชายหาดที่เคยตั้งเรียงรายกันมากมาย จนบังชายหาดมิดเหลือให้เห็นประมาณนี้ ทำให้เราสามารถเห็นความขาวของหาดทราย และน้ำทะเลได้แบบเต็มตาบ้าง เดินเล่นเลียบหาด ถ่ายรูปสวยๆเก็บบรรยากาศของชายหาดแบบนี้เก็บไว้ ร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น

 

 

บริเวณหาดสุรินทร์มีร้านค้าของชาวบ้าน พร้อมที่นั่งรับประทานหลายร้าน ขายอาหารทั้งส้มตำไก่ย่าง เครื่องดื่ม น้ำปั่น สำหรับนั่งทานหลังจากเดินเล่นชมหาด หรือเล่นน้ำ ทำกิจกรรมต่างๆ

 

 

Patong sunset villa

บ่ายสองโมง เข้าเช็คอินยังที่พัก ปกติเวลาไปเที่ยวภูเก็ตจะไม่ค่อยได้พักตามชายหาดต่างๆเท่าใดนัก รู้สึกว่าที่พักแถวชายหาดยิ่งมองเห็นวิวทะเลราคาค่อนข้างสูง เลยเลือกพักแต่ในตัวเมืองภูเก็ตในย่านเมืองเก่าทุกครั้ง เพราะส่วนใหญ่จะไปเที่ยวตามเกาะด้วย  แต่ครั้งนี้ตั้งใจเที่ยวตามหาด เพราะช่วงนี้ที่พักแถวชายหาดต่างๆ ในภูเก็ตร่วมใจกันลดราคา เพื่อให้เรามีโอกาสพักได้ในราคาไม่แพงนัก คืนแรกพักที่  Patong sunset villa ห้องแบบ sea view ช่วงนี้ลดราคาเหลือเพียง 2250 บาท  ฟรีอาหารเช้าลอยน้ำ 1 set ถ้าห้องที่ไม่เห็นวิวทะเลราคาประมาณ 1700 บาท สอบถามพนักงานบอกว่า ในช่วงปกติห้องที่เราพักราคา คืนละ 4000 up  ถ้าไม่เที่ยวภูเก็ตตอนนี้ คงไม่ได้ราคาแบบนี้แน่นอน

 

 

 Patong sunset villa  ตั้งอยู่ริมถนนบนเนินเขาติดกับหาดกะหลิม ไม่ไกลจากหาดป่าตอง เป็นที่พักขนาดเล็กแบบตึก โดยแบ่งเป็นชั้น  ความพิเศษ ที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกพัก คือ บรรยากาศส่วนตัว เงียบสงบ มีสระว่ายน้ำส่วนกลาง ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลใส และโขดหิน อยู่ตรงหน้า 

 

 

เราพักห้อง A 301 ภายในห้องกว้างมาก เปรียบประดุจคอนโด ที่แบ่งโซนเป็น ห้องรับแขกสำหรับนั่งเล่นดูทีวี มีแอร์อีกตัวในห้องนี้ด้วย และอีกห้อง คือ ห้องนอน เป็นแบบหน้าต่างกระจก มองเห็นวิวทะเลของชายหาดกะหลิมอยู่ตรงหน้า เปิดไปมีระเบียงกว้างอยู่ด้านนอกด้วย แค่นั่ง นอน มองวิวอยู่ในห้องพัก ก็ ฟินระดับสิบ อยากจะบอกว่า ห้องจริงสวยกว่าภาพที่ถ่ายมามาก 

 

 

พักผ่อนในห้องพอหายเหนื่อย ไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำต่อ วิวที่มองเห็นจากสระ คือ น้ำทะเลที่น้ำใส มีฉากหลังเป็นทิวเขาสวยงาม ยิ่งมีโขดหินมาเติมแต่งยิ่งสวย หรือจะเดินเล่นไปยังชายหาดกะหลิมที่อยู่ข้างที่พักก็ได้ค่ะ  ช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกบริเวณที่พักสวยมาก เราไม่ได้ชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ แต่เลือกไปชมพระอาทิตย์ตกที่ แหลมกระทิง จุดหมายในเย็นนี้ จากที่พักใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที 

 

 

แหลมกระทิง

แหลมกระทิง อีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของภูเก็ต มองเห็นท้องทะเลสีน้ำเงินเข้ม แหลมพรมหมเทพ และเกาะน้อยใหญ่ อยู่ตรงหน้า ความพิเศษ คือ ความงดงามของทุ่งหญ้าสีทองพริ้วไหว และโขดหินน้อยใหญ่ระหว่างทางเดินให้ได้แทรกตัวในทุ่งหญ้าถ่ายรูปเคล้าแสงยามเย็นได้แบบคูลๆ  รวมทั้งก้อนหินไฮไลท์ยอดแหลมชี้ขึ้นฟ้า ที่ตั้งโดดเด่นยื่นไปทางทะเล ด้วยความสวยงามแปลกตา จุดชมวิวแห่งนี้ จึงกลายเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่สุดของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูเก็ต

 

 

สำหรับการเดินทางมายัง จุดชมวิวแหลมกระทิง สามารถเดินทางได้ 2 ทาง เส้นทางเดิม คือ จากบ้านกระทิง รีสอร์ท โดยจอดรถนอกโรงแรม หรือ จอดในรีสอร์ท  คิดค่าผ่านทางคนละ 300 บาท สามารถนำคูปองไปทานอาหาร/เครื่องดื่มได้  หรือจอดรถอย่างเดียวไม่รับอาหารคนละ 200 บาท  โดยเดินเลียบกำแพงของรีสอร์ท ลัดเลาะชายหาดสลับโขดหิน ผ่านสันเขามาเรื่อยๆ ทางลาดชันเป็นบางช่วง ระยะทางประมาณ 800 เมตร  ใช้เวลาประมาณ 30 นาที -1 ชั่วโมง และอีกเส้นทางที่ยังไม่ค่อยมีใครทราบ คือ จากลานจอดรถผาหินดำ เส้นทางนี้นั่งรถโฟร์วิวไปยังจุดเดินเท้า จากนั้นเดินต่อจะเดินง่ายและระยะทางสั้นกว่า ใช้เวลาประมาณ 20 นาที  โดยเดินผ่านป่าทางราบ 100 เมตร ต่อด้วยลงภูเขาอีก 200 เมตร แน่นอนเราเลือกเส้นทางที่สองเพราะเดินแป๊บเดียว ไปจอดรถไว้ที่ลานจอดรถผาหินดำ ปักหมุดใน google maps มาได้ ทางเข้าจะอยู่ทางเดียวกับหาดนุ้ย จากตรงนี้เข้าไปยังลานจอดรถผาหินดำ  2 กม. เส้นทางเป็นดินแดง บางช่วงทางเป็นหลุมไม่ค่อยดีนัก รถเก๋งไปได้แต่ต้องไปแบบช้าๆหน่อย ทางจะดูเปลี่ยวนิดนึงแต่ปลอดภัย พอไปถึงลานจอดรถผาหินดำจะพบกับน้องคนขับโฟร์วิวยืนรออยู่เพื่อไปส่งยังจุดเดินเท้า  จากจุดเดินเท้าควรมีไกด์นำทาง เพราะทางเข้าจะงงนิดนึง เราใช้บริการคุณลุงคนพื้นที่เป็นไกด์ ค่านำทางแล้วแต่สินน้ำใจ เราให้ค่านำทางคุณลุง 300 บาท  คุณลุงน่ารักมากดูแลอย่างดี  หลังจากเดินผ่านป่าร่มรื่นมานิดเดียว ก็มาถึงจุดลงเขาไปยังแหลมกระทิง คุณลุงกำลังพาเราเดินลงไป

***ติดต่อรถโฟร์วิวได้ที่ลุงแลง โทร 063 771 4298 ค่าบริการคันละ  500 บาท (นั่งได้ไม่เกิน 6 คน มาคนเดียวคิดราคา 300 บาท )  รถจะไปส่งที่จุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเท้า

 

 

สำหรับช่วงเวลาของการมาเที่ยวแหลมกระทิง แนะนำเริ่มเดินเวลา 16.30 น. ระหว่างทางเก็บวิวทุ่งหญ้าโขดหินสวยๆ ไปด้วย เพื่อรอพระอาทิตย์ตกประมาณหกโมงครึ่ง แสงยามบ่ายถึงเย็นสวยที่สุด ควรพกน้ำเปล่าติดตัวมาด้วย รองเท้าเพื่อความปลอดภัยของเท้า แนะนำผ้าใบและต้องเป็นผ้าใบที่เกาะพื้นไม่ใช่ผ้าใบแฟชั่น เพราะทางเดินมีหินเยอะและเป็นพื้นดิน บางช่วงทางชันต้องปีนเล็กน้อย จากจุดเริ่มเดินลงไปก็ว้าวกับวิวระหว่างทางที่เห็นตรงหน้า เดินลงจากทางนี้จะเห็นวิวมุมสูง เพราะเดินลงจากเขาลงไปยังแหลมกระทิงที่อยู่ข้างล่าง 

 

 

เดินไปหยุดถ่ายรูปตลอดทาง ตอนลงคือเดินไปเรื่อยๆไม่เหนื่อยมาก แค่ต้องออก step เบรคเท้าหน่อยเพื่อไม่ให้ไถลลงไป  วิวที่เห็นสุดปลายแหลม นั่นคือ แหลมกระทิง  ช่วงบ่ายแก่ๆ นักท่องเที่ยว เริ่มทยอยมาชมบรรยากาศของพระอาทิตย์กันพอสมควร เรามาวันธรรมดานักท่องเที่ยวไม่เยอะมากเท่ากับวันเสาร์ อาทิตย์ เดินลงมาไม่ถึง 20 นาที 

 

 

มาถึงแหลมกระทิง มองขึ้นไปตรงยอดเขา นั่นคือ ทางที่เราเดินลงมา ตอนขาลงมาเรื่อยๆ แต่ตอนเดินกลับต้องเดินขึ้นแอบเหนื่อยเบาๆ แต่ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ เดินไปพักไปก็ช่วยได้เยอะ

 

 

บรรยากาศตรงลานชมวิว มีทุ่งหญ้าและก้อนหินน้อยใหญ่ บางก้อนสามารถขึ้นไปนั่งถ่ายรูปเท่ๆได้ วิวข้างหน้า คือ ท้องทะเลสีคราม ที่มีเรือวิ่งผ่านไปมาตลอด  กลายเป็นอีกหนึ่งสีสันของจุดชมวิวแห่งนี้  ในช่วงฤดูหนาวถึงร้อนทุ่งหญ้าจะเป็นสีทอง แต่ถ้ามาในช่วงฤดูฝน ทุ่งหญ้าตรงนี้ก็จะเป็นสีเขียว ก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป

 

 

ก้อนหินไฮไลท์ ที่ตั้งโดดเด่นมีลักษณะคล้ายเรือใบ ยอดแหลมชี้ขึ้นฟ้า ยื่นไปทางทะเล กลายเป็นสัญลักษณ์ของแหลมกระทิงที่ทุกคนต้องมาถ่ายภาพ

 

 

นั่งรอพระอาทิตย์ตก ชมวิวบนลานหิน พร้อมรับลมทะเลเย็นๆ ที่พัดผ่าน ได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวถ่ายรูปหัวเราะ เป็นความรู้สึกที่มีความสุขมาก

 

 

ได้เวลาเดินกลับควรกลับก่อนไม่มีแสง เพราะถ้ามืดจะมองไม่เห็นทาง  มองย้อนลงไปเห็นวิวของแหลมกระทิงและแสงสีทองของอาทิตย์ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีสวยงามมาก  เป็นความสวยงามที่ต้องแลกกับความเหนื่อยในการเดินเพื่อไปให้ถึง แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับวิวสวยอลังการที่เห็นตรงหน้าแน่นอนค่ะ

 

 

วันที่สอง 

 

เกาะไข่

เช้าวันใหม่ มีเพลนไปเที่ยวเกาะ โดยเลือก เกาะไข่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดพังงา แต่ใช้เวลาเดินทางจากภูเก็ตแค่เพียง 15 นาที  เกาะไข่ เป็นเกาะขนาดเล็ก มีด้วยกัน 3 เกาะคือ เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน (เกาะไข่แมว) และเกาะไข่นุ้ย  สองเกาะแรกมีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส และแนวโขดหินที่สวยงาม ส่วนเกาะไข่นุ้ย เป็นเกาะเล็กกลางทะเล ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำดูปะการัง และปลาชนิดต่างๆ  มีชายหาดเล็กๆ อยู่บนเกาะแต่ไม่อนุญาติให้ขึ้นไปบนชายหาด  การมาเที่ยวเกาะไข่ จากภูเก็ต สามารถซื้อแพคเกจทัวร์ได้จากบริษัททัวร์ที่ให้บริการหลายเจ้าราคาเริ่มต้น 599-790 บาท 

 

 

เราใช้บริการของบริษัท sea angle  facebook : seaangelthailand  เพราะราคาไม่แพง คนละ 599 บาท มีของว่างตอนเช้าให้ทานที่ท่าเรือ อาหารเที่ยงเป็นข้าวกล่องทานบนเกาะ 1 มื้อ ส่วนน้ำดื่ม น้ำอัดลม ให้บริการตลอดทริป เกาะไข่ใช้เวลาเที่ยวแค่ครึ่งวันก็เพียงพอ ซึ่งบริษัททัวร์บางแห่งอาจ set เป็นโปรแกรมครึ่งวันเช้า หรือไม่ก็ครึ่งวันบ่าย  ส่วนของ บริษัท sea angle เริ่มที่ 10 โมง จบที่บ่ายสาม คือ ใช้เวลาเกือบทั้งวัน เที่ยว 2 เกาะ คือ เกาะไข่นอก กับไข่ใน(ไข่แมว) ส่วนเกาะไข่นุ้ยไม่ได้แวะ เพราะทางไกด์แจ้งว่าตอนนี้ปะการังยังไม่ค่อยสมบูรณ์ จะให้ดำน้ำบริเวณหน้าเกาะไข่ในแทน เราก็โอเคเพราะไม่ชอบดำน้ำอยู่แล้ว ชอบที่จะดื่มด่ำกับบรรยากาศบนชายหาดมากกว่า ก่อนเดินทางไกด์ซูซานอธิบายโปรแกรมทัวร์ ทำความเข้าใจกันสักหน่อย ไกด์น่ารัก ดูแลดีมาก

 

 

10.30 คือ เวลาที่เรือสปีดโบ๊ทออกจากท่าเรือ โดยพามาเที่ยว เกาะไข่นอก ก่อน ไกด์ให้เวลา 2 ชั่วโมง เล่นน้ำ ถ่ายรูปให้ดำกันไปข้างหนึ่ง เคยมาเกาะไข่สองครั้งเมื่อหลายปีก่อน  ภาพของเกาะไข่ในวันนั้นเต็มไปด้วยร่มชายหาดที่เรียงรายมากมาย จนแทบบังหาดทรายเกือบหมด นักท่องเที่ยวเยอะโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ครั้งนี้ตั้งใจกลับมาอีกครั้ง เกาะไข่นอกยังคงมีความน้ำใส หาดทรายขาวเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ ความเงียบ ความสงบ ไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว ซึ่งมองในมุมของเราคงชอบแบบนี้มากกว่า เป็นผลดีของคนไทยที่จะมาเก็บความสวยงามได้แบบเต็มที่ แต่ในมุมของผู้ประกอบการท่องเที่ยวคงไม่ดีนัก เพราะตอนนี้ร้านค้าบนเกาะที่เคยคึกคักปิดเกือบหมด เหลือเพียงหนึ่งร้านที่ขายน้ำเท่านั้นค่ะ ส่วนเรือของทัวร์มาเที่ยวเกาะไข่วันหนึ่งมีมาจอดไม่กี่ลำเท่านั้น เก็บภาพมุมสูงของ เกาะไข่นอก มาฝากสักหน่อย จะเห็นว่าโล่งมากมองเห็นชายหาดสีขาวแบบชัดเจน น้ำทะเลสีฟ้าไล่ระดับสีมองเห็นโขดหินและแนวปะการัง

 

 

เกาะไข่นอก เป็นเกาะเล็กๆที่มีความสวยงาม หาดทรายขาว น้ำทะเลใส รอบเกาะสามารถดำน้ำดูปะการังหลากชนิด มีปลาสวยงาม เกาะไข่นอก ประกอบด้วย 2 หมู่เกาะ ซึ่งมีลักษณะคล้ายไข่ดาวกลางทะเล มีหาดทรายขาวบริสุทธิ์อยู่ด้านหน้า มีสันทรายเล็กๆ เชื่อมต่อไปถึงโขดหินแห่งหนึ่งบริเวณนี้เป็นจุดที่ดีในการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น รอบเกาะ สามารถลงเล่นน้ำได้ น้ำทะเลใสนิ่งสงบ บรรยากาศที่แสนสงบ ของเกาะไข่นอก ชอบมากฟีลแบบนี้ เดินชมหาดถ่ายรูปได้ทั้งวัน

 

 

ร่มชายหาดที่ตอนนี้มีอยู่อย่างน้อยนิด บนเกาะมีกิจกรรมขับเจ็ตสกี พายเรือคายัค หรือจะเช่าห่วงยางนกฟาร์มิงโก้เล่นน้ำก็ได้

 

 

โขดหินสวยๆ ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะ จุดนี้มีฝูงปลาหลายชนิดที่คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว ว่ายวนเวียนมาทักทาย

 

 

ร้านค้าและเก้าอี้ชายหาดบนฝั่ง เท่าที่เห็น คือ มีร้านขายน้ำรายเดียวที่เปิด บนเกาะมีห้องน้ำให้บริการแต่เสียเงินคนละ 20 บาท แนะนำถ้าจะปล่อยเบาไปใช้ห้องน้ำบนเรือดีกว่าค่ะ แต่ถ้าหนักต้องจ่ายเงินไปตามระเบียบ

 

 

จากเกาะไข่นอก ไปต่อยัง เกาะไข่ใน หรืออีกชื่อ เรียกกันว่า เกาะไข่แมว เพราะมีคนมาปล่อยน้องแมวให้อาศัยอยู่บนเกาะเยอะ เกาะไข่ใน สวยงามไม่แพ้เกาะไข่นอก หาดทรายขาวละเอียดสะอาด ตลอดชายฝั่งทั้งด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกของเกาะ มองจากมุมสูงนึกว่ามัลดีฟ

 

 

รอบเกาะมีปะการังที่สามารถดำน้ำตื้น ดูปลา ก่อนขึ้นไปยังชายหาด บ.ทัวร์ให้ดำน้ำหน้าหาดประมาณ 30 นาที ตรงนี้มีปลานีโมให้ชมด้วย

 

 

จากนั้นขึ้นมายังชายฝั่ง ให้เวลา 1 ชั่วโมง  บนเกาะมีน้ำทะเลสวยใส เดินไปตามซุ้มร้านค้าจะเจอน้องแมวมาต้อนรับ

 

 

ส่วนร้านค้าบนเกาะไข่ใน มีมากกว่าเกาะไข่นอก ยังมีร้านขายส้มตำ อาหารตามสั่ง โรตี น้ำดื่ม แต่หลายร้านปิดตัวลงไปเยอะเช่นกัน รอเปิดประเทศคงกลับมาคึกคักอีกครั้ง

 

 

เกาะไข่ใน เต็มไปด้วยโขดหินและประติมากรรมหินที่สวยงามแปลกตา ท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าใสหลายจุด

 

 

ส่วนด้านหลังเกาะ เป็นประติมากรรมหินที่ถูกกัดกร่อนด้วยสายลม และน้ำทะเล กลายเป็นภาพที่แปลกตา นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกันบริเวณนี้  เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน มาเที่ยวช่วงนี้ สวยงาม เงียบสงบมาก  ที่สำคัญเดินทางจากภูเก็ตด้วยสปีดโบ๊ตใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องนั่งเรือนานเป็นชั่วโมงให้เมื่อย  

 

 

The sea galleri by katathani

เที่ยวเกาะไข่เกือบทั้งวัน เรามาถึงบนฝั่งภูเก็ตประมาณเกือบ 4 โมงเย็น รีบพุ่งตรงไปที่พัก คืนที่สองของเรา ที่  The sea galleri by katathani  ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้กับหาดกะตะน้อย เลือกพักเพราะชอบบรรยากาศที่มองเห็นวิวทะเลของหาดกะตะน้อยและกะตะใหญ่ในมุมสูงแบบพาโนรามา  มีห้องที่สามารถมองเห็นวิวทะเลแบบใกล้ชิด ราคาห้องวิวทะเลจัดโปรโมชั่น ห้อง Vintage seaview corner  ลดราคาเหลือ 2216 บาท  ถามพนักงานปกติห้องนี้ราคา 6000 up  ที่สำคัญเราชอบถ่ายภาพ โรงแรมนี้มีมุมให้ถ่ายภาพมากมาย จึงตัดสินใจจองอย่างง่ายดาย 

 

 

The Sea Galleri by Katathani (เดอะ ซี แกลเลอรี บาย กะตะธานี) ที่พักในเครือกะตะธานี ที่เพิ่งรีโนเวทได้ไม่นาน ทุกอย่างจึงยังใหม่มาก ทั้งตัวตึกและภายในห้องพัก ตัวโรงแรมแรมไม่ได้อยู่ติดชายหาดโดยตรง แต่ตั้งอยู่ในมุมสูงที่มองเห็นวิวชายหาดกะตะน้อย และโค้งหาดกะตะที่สวยงาม ได้แบบ 180 องศา และสามารถชมบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกในยามเย็นได้จากที่พัก

 

 

ตัวโรงแรมดีไซน์ทันสมัยกว้างขวางโดยห้องพักแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ ฝั่ง Vogue สไตล์โมเดิร์นเรียบหรู   มีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Vogue Garden ทั้งมีอ่างจากุซซี่นอกระเบียงและในห้อง  Vogue Seaview และ Vogue Villa  และฝั่ง Vintage ออกแบบสไตล์ไทยร่วมสมัย ฝั่งนี้มองเห็นวิวทะเลได้แบบชัดเจน ภายในโรงแรม มีพื้นที่ของ facility ต่างๆ ครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ที่มีสองสระ ร้านอาหาร Rooftop ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ

 

 

ตึกฝั่ง Vintage ที่เราพักออกแบบสไตล์ไทยร่วมสมัย มีสระว่ายน้ำอยู่ด้านล่างทอดยาวขนานไปกับตัวตึก ด้านบนตึกมีดาดฟ้าเป็นรูปเรือโจรสลัดเก๋มาก บนดาดฟ้ามีมุมนั่งเล่นมองวิวทะเลให้ได้พักผ่อนด้วย

 

 

ห้องพักของเรา คือ  Vintage seaview corner  เป็นห้องที่อยู่มุมสุดสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ 2 ฝั่ง จากห้องพัก ใครอยากนั่ง นอนมองทะเลแบบชัดเจน ห้องมุม คือ วิวดีช่วงบ่ายเริ่มมีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามา ส่วนในภายห้องมีความกว้างในระดับที่กำลังดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบ เตียงนอนนุ่มนอนสบาย ชุดเครื่องนอนทั้งผ้าปู หมอน สะอาด หอมมากกลิ่นหอมติดผมมาเลย มีตุ๊กตาช้างน้อยนอนเป็นเพื่อนด้วย ส่วนด้านนอกมีระเบียงสำหรับยืนชมบรรยากาศของทะเล ส่วนห้องน้ำแบบซีทรู มองเห็นวิวข้างนอก มีอ่างอาบน้ำและกั้นห้องอาบน้ำ ห้องสุขา เป็นสัดส่วน โดยรวมออกแบบได้เหมาะสมและลงตัวมาก อยู่ในห้องพักผ่อนมองวิวอย่างเดียวก็มีความสุขแล้วค่ะ  

 

 

โรงแรมมีร้านอาหาร Rooftop ให้บริการ แต่เมนูไม่เยอะมากมีประมาณ 10 เมนู  ด้วยความไม่อยากออกไปทานข้างนอก อยากพักผ่อนในห้องเพราะเหนื่อยมาจากการเที่ยวเกาะมาเกือบทั้งวัน  เลยสั่งผัดไทยกุ้งสดมาทานที่ห้องพัก ราคาจานละ 250 บาท พร้อมน้ำแตงโมปั่นแก้วละ 140  บาท รสชาติอาหารพอทานแก้หิวได้ค่ะ  

 

 

พักพอหายเหนื่อย ช่วงเย็นไปชมบรรยากาศของพระอาทิตย์ตก บริเวณดาดฟ้าของโรงแรม ที่ตกแต่งมุมนั่งเล่นไว้อย่างสวยงาม หลายจุด มีระเบียงกระจกใส โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา เบื้องหน้า คือ วิวทะเลและแสงหลากสียามเย็นสวยมาก

 

 

จากนั้นเดินมาฝั่ง ร้านอาหาร Rooftop ที่มีสระว่ายน้ำด้วย ยามค่ำโซนนี้จะถูกเนรมิตเป็นบาร์ริมน้ำ นั่งจิบเครื่องดื่ม ทานอาหารมองวิวก็ฟินไปอีกแบบ

 

 

วันที่สาม 

 

ยามเช้ามายัง  Rooftop จุดเดิม เพื่อมาทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ มีไลน์อาหารเยอะมาก ทั้งอาหารไทย อาหารสไตล์ตะวันตก เครื่องดื่ม ของหวาน ผลไม้ ภาพที่ถ่ายมายังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของไลน์อาหารทั้งหมดค่ะ แถมมีที่นั่งในมุมต่างๆ ให้เลือกนั่งมากมาย

 

 

ทานอาหารแล้วกลับไปยังดาดฟ้าของโรงแรม บรรยากาศในช่วงเช้าสวยมาก มองเห็นน้ำทะเลของหาดกะตะน้อยสีฟ้ามาแต่ไกล ลมพัดเย็นสบายหลังจากชมวิวบนดาดฟ้าแล้ว ตามแต่ละชั้นของตึกฝั่ง  Vogue ยังมีภาพเพนท์กำแพงให้ถ่ายรูปหลายจุด The sea galleri by katathani  เป็นโรงแรมในภูเก็ตวิวหาด ที่ชอบมากสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ของการมาพักผ่อนและคนชอบถ่ายภาพแบบแท้จริง ไม่ต้องออกไปเที่ยวที่ไหน อยู่แต่ในโรงแรมก็มีความสุขได้ มาภูเก็ตครั้งหน้าถ้าราคายังไม่แรง ก็จะเลือกพักที่โรงแรมนี้อีกแน่นอน

 

 

The sea galleri by katathani     

พิกัด : 218/9 ถนนป่าสัก ตำบล กะรน ภูเก็ต 83100

จองห้องราคาพิเศษ คลิ๊ก จอง The sea galleri

 

 

จุดชมวิว 3 อ่าว

เช็คเอาท์ออกจากที่พัก เวลา 10 โมง จากที่พักไม่ถึง 10 นาที  ไปยังจุดชมวิวขึ้นชื่อ ยอดฮิต ” จุดชมวิวเขาสามอ่าว  สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเวิ้งอ่าว 3 อ่าว ได้แก่ อ่าวกะตะน้อย อ่าวกะตะ และอ่าวกะรน ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก เมื่อก่อนมักพูดกันว่าหากใครมาภูเก็ตแล้วยังไม่ได้มาถ่ายภาพที่จุดชมวิวแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงภูเก็ต เรามาภูเก็ตหลายครั้งปกติเที่ยวแต่ตามเกาะต่างๆ และในตัวเมือง  นี่คือครั้งแรกที่ได้มาถ่ายภาพจุดชมวิวสามอ่าว ได้มาถึงภูเก็ตจริงๆ สักที จุดชมวิวสามอ่าวตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางถนนรอบเกาะ จากหาดในหานไปหาดกะตะน้อย

 

 

หาดกะตะน้อย

จากจุดชมวิวไปต่อยัง หาดกะตะน้อย  มองเห็นไกลๆจากที่พัก ทะเลสวยมากต้องไปชมแบบใกล้ชิดหน่อย หาดกะตะน้อย เป็นส่วนหนึ่งของหาดกะตะ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 หาด คือ หาดกะตะใหญ่ และ หาดกะตะน้อย ห่างกันเพียง 500 เมตร  หาดกะตะใหญ่ชายหาดยาวกว่า ส่วนหาดกะตะน้อยเป็นชายหาดเล็กๆ  ที่มีความยาวของหาดเพียงแค่ 700 เมตร  มีหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าใส เนื่องจากตั้งอยู่ริมสุดถนน และรายล้อมไปด้วยรีสอร์ทหรูที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ทำให้หาดกะตะน้อยค่อนข้างเงียบสงบ จะมีแค่นักท่องเที่ยวที่มาพักในรีสอร์ทเท่านั้นที่มาเดินเล่น พักผ่อน ทำกิจกรรมบนชายหาด 

 

 

หาดกะตะน้อย จากหาดที่เงียบสงบอยู่แล้ว ยิ่งเงียบเข้าไปอีก  มีเก้าอี้ผ้าใบบนชายหาดประปรายของรีสอร์ทมาวางไว้ หาดกะตะไม่มีร้านค้าขายของเลียบหาด เหมือนหาดอื่นๆ ในภูเก็ต มีแต่รีสอร์ทหรูตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เปรียบประดุจชายหาดส่วนตัวของรีสอร์ทนั้นไปโดยปริยาย เพราะเราจะไม่สามารถเดินผ่านรีสอร์ทลงไปที่หาดได้ จะมีป้ายเขียนบอกไว้ห้ามเดินผ่านลงหาด การมาเที่ยวหาดกะตะน้อยอาจไม่ได้มีทางเข้าแบบเปิดสาธารณะเหมือนหาดอื่น แต่สามารถขับรถมาจอดริมถนนใกลักับหาดจะอยู่ก่อนทางเข้ากะตะธานี จะมีช่องเล็กๆเป็นทางเดินเข้าไป ที่สามารถเข้าไปชมบรรยากาศภายในหาดได้

 

 

เป็นชายหาดที่น้ำทะเลใส และนิ่งสงบมาก คลื่นจะไม่แรงเหมือนหาดอื่น หาดกะตะน้อย เป็นชายหาดที่น้ำทะเลใสอันดับต้นของภูเก็ตค่ะ ถ้าต้องการมาพักผ่อนแบบ luxury เป็นส่วนตัว แนะนำมาพักหาดนี้ ตอบโจทย์มาก มีที่พักติดหาดที่น่าสนใจ อยู่ 2 แห่ง คือ  กะตะธานี และ the shore at katathani  

 

 

หาดกะตะใหญ่ 

 

ขับรถไปต่อต้องผ่านหาดกะตะใหญ่ ชายหาดนี้ชายหาดยาวและคึกคักกว่าหาดกะตะน้อย และคลื่นจะแรงกว่า จึงเป็นที่นิยมมาเล่นกิจกรรมเซิร์ฟบอร์ด และแน่นอนในช่วงนี้ เงียบค่ะ เงียบมาก มีแต่คนไทยเท่านั้น 

 

 

หาดกะรน

 

ขับรถเลียบหาดเรื่อยๆ มาถึง หาดกะรน  หาดนี้เป็นหาดที่สวย น้ำทะเลใส หาดทรายขาว ไม่แพ้หาดสุรินทร์ หาดอื่นว่าเงียบแล้ว เจอหาดกะรนเข้าไปถึงกับอึ้ง อ้างว้างเงียบเหงา เกินไปหรือเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของนักท่องเที่ยว มีแต่เงาของเรานี่แหละ ที่นั่งเล่น เดินเล่น  ถ่ายรูป สู้แดดจนผิวไหม้อยู่ริมหาด  

 

 

หาดป่าตอง

 

มาถึงหาดสุดท้าย ใช่ค่ะ !!! นี่คือ ” หาดป่าตอง ” ชายหาดที่มีสีสัน คึกคักที่สุดของภูเก็ต แต่ตอนนี้ตามภาพที่เห็น ได้ยินเสียงพูดคุยของคนไทยด้วยกัน แว่วมาว่า “ มาภูเก็ตตอนนี้คือ กำไร ไม่มีฝรั่งเลย” หาดป่าตองช่วงนี้ ร้านค้าบริเวณถนนริมหาดปิดเกือบทุกร้าน เหมือนเมืองร้างมาก เป็นภาพที่มองแล้วใจหายเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ชอบความวุ่นวายของหาดนี้เท่าใดนัก แต่ก็อยากให้ร้านค้ากลับมาเปิดแบบเดิม คือ ความเป็นป่าตองมากกว่า ตอนนี้มีเพียงชายหาดเงียบๆ และพรอพตกแต่งริมหาดเก๋ๆ ของร้านที่ปิดไปให้ได้ถ่ายรูป 

 

 

บันไดสวรรค์ และซุ้มผ้าขาวริมทะเล เป็นส่วนหนึ่ง ของร้าน laimai courtyard ที่ปิดในช่วงกลางวัน แต่นักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายภาพสวยๆ กับพรอพริมหาดได้

 

 

ส่วนมุมถ่ายภาพอื่นๆ มีหลายจุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของร้านอาหารที่มาตกแต่งไว้ แต่ยังไม่เปิดให้บริการในช่วงนี้

 

 

จะหาร้านอาหารทานแถวหาดป่าตองตอนนี้ค่อนข้างยาก เพราะร้านปิดเกือบทุกร้าน ต้องขับรถเลยหาดตรงจุดนี้ไปอีกประมาณ 500 เมตร จะเจอกับรถขายส้มตำ ไก่ย่าง ปลาเผา น้ำปั่น โรตี และที่นั่งทานริมหาดใต้ต้นไม้ใหญ่อากาศเย็นสบายร่มรื่นมาก ส่วนรสชาติก็โอเคค่ะ อาหารทะเลสดดี 

 

 

เตรียมเดินทางกลับ เที่ยวภูเก็ตรอบนี้สวยงามที่สุดในรอบหลายปี และเป็นการเที่ยวภูเก็ตที่ค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ยังคงประโยคเดิม ” อยากเห็นภูเก็ตสวย แบบออริจินอล ไม่ไปตอนนี้จะไปตอนไหน ”  จากคนที่ชอบเที่ยวภูเก็ตอยู่แล้ว ก็ประทับใจมากขึ้นไปอีก จนอยากกลับไปอีกหลายรอบเลยทีเดียว 

 

หาที่พักภูเก็ตติดทะเล 

 

คลิ๊ก 15 ที่พักภูเก็ต พักหรูอยู่สบาย ชมวิวทะเล

 

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง