นครนายก 2 วัน 1 คืน เที่ยวสบาย สไตล์สายกรีน

นครนายก ไปกี่ครั้งก็ยังเที่ยวไม่หมด เพราะมีที่เที่ยวใหม่เกิดขึ้นตลอด ส่วนใหญ่มาจังหวัดนี้เน้นเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ เพราะหากเดินทางจากกรุงเทพใช้เวลาแค่ 2 ช ม เท่านั้น แต่ครั้งนี้อยากหลบมาพัก เที่ยวค้างคืน ในสไตล์สายกรีน เน้นเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ อากาศปลอดโปร่ง ได้หายใจแบบโล่ง จัดเต็มไปเลย 2 วัน 1 คืน รับรองว่าฟินทั้งที่เที่ยว ที่พัก และที่กิน อย่างแน่นอน

 

 

วันแรก

ดูคลองคาเฟ่

เริ่มต้นด้วยการเติมความสุขให้อิ่มท้องที่ ดูคลอง คาเฟ่ สายชอบคาเฟ่สไตล์สวนร่มรื่น มุมถ่ายภาพเยอะ และสายกินต้องกดถูกใจแบบรัว ดูคลองคาเฟ่ คาเฟ่และร้านอาหารในสไตล์อีสาน สุดฟินริมคลอง ตกแต่งหลากหลายสไตล์ได้ฟีลอบอุ่น กลางสวนร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวขจี พื้นที่ภายในร้านกว้างขวางแบ่งเป็น 2 โซน  คือ โซนคาเฟ่ที่มาในฟีลโฮมมี่แบบสบายๆ ส่วนด้านหลังคือ ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมคลอง เหมาะกับสายหวานและสายรักษ์ธรรมชาติ ถ่ายรูปได้ทั้งธีมเก๋และธีมกรีน  มาร้านนี้จะฟินไปกับเสียงนกร้องและเสียงธรรมชาติ พร้อมไปกับการทานอาหารที่มีทั้งเมนูอาหารคาวแบบอาหารอีสาน สารพัดตำ ยำ ต้ม รสชาติเด็ด ตบท้ายด้วยของหวานที่รสละมุนไม่แพ้กัน เป็นคาเฟ่ที่มาแล้วจะได้รับเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแบบเต็มอิ่ม

 

 

ร้านตั้งอยู่คลอง 16 องค์รักษ์ หากมาจากกรุงเทพใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ใกล้มาก มาถึงจอดรถด้านข้างร้านแล้วเดินมานิดนึงจะพบกับประตูทางเข้าร้านที่ตกแต่งเก๋ด้วยไม้ไผ่ เดินผ่านประตูจะพบกับโซนคาเฟ่ ที่ต้องทำให้ต้องหยุดถ่ายภาพตามมุมต่างๆ ทั้งภาพเพนท์กำแพง และมุมที่นั่งเก้าอี้เหล็กดัดในซุ้มหลังน้อย ตกแต่งได้น่ารักสบายตามาก

 

 

ภายในคาเฟ่เป็นแบบห้องแอร์ เข้ามาปุ๊บสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นด้วยการเล่นโทนสีแบบเอิร์ทโทน และเฟอร์นิเจอร์ไม้ โซฟาก็มาในโทนสีเดียวกัน เพิ่มมุมสีเขียวสดชื่น ด้วยต้นกระบองเพชรและไม้ฟอกอากาศ เมนูเน้นเป็นของหวานซึ่งมีทั้ง เค้กเบอเกอรี่ โทส แพนเค้ก ขนมปังปิ้ง ส่วนเครื่องดื่มเมนูมีเหมือนร้านคาเฟ่ทั่วไป สั่งแพนเค้ก ที่มาพร้อมกับไอศกรีม น้ำผึ้ง กล้วยหอมปิ้ง กลิ่นหอมละมุนรสชาติดี ส่วนเครื่องดื่มสั่งกาแฟส้ม รสชาติปานกลาง

 

 

จากโซนคาเฟ่ คือ เขียวขจีและอัดแน่นด้วยต้นไม้ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับต่างๆ มีการจัดที่นั่งริมคลองสายเล็กที่อยู่ตรงกลางร้าน บริเวณนี้ คือ มุมนั่งเล่นและมุมถ่ายรูปเยอะมาก ทั้งซุ้มทางเดินต้นไม้ และที่นั่งริมคลอง ทั้งแบบเก้าอี้ชายหาด มุมระเบียงริมคลองพร้อมที่นั่งสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงทางเดินเล็กๆข้ามคลองให้เดินเล่นด้วย

 

 

ก่อนเข้าไปยังโซนร้านอาหาร เป็นฉากฟางพร้อมป้ายชื่อร้าน ตกแต่งด้วยจักรยาน เมื่อเข้าไปในโซนร้านอาหารจะเจอกับสวนสไตล์อังกฤษและน้ำพุขนาดเล็ก

 

 

โซนร้านอาหารตั้งอยู่ติดริมคลองใหญ่  มีที่นั่งในในโซนห้องแอร์ และที่นั่งแบบโอเพ่นแอร์ริมคลอง รวมทั้งมุมนั่งเล่น พักผ่อน ให้ชมบรรยากาศเป็นร้านที่ค่อนข้างปลอดโปร่งเหมาะสำหรับมาเที่ยวในยุคนี้ แถมตกแต่งได้หลากหลายมากเดินชมเพลินกันเลยทีเดียว

 

 

อาหารเน้นเมนูอาหารอีสาน ทั้งส้มตำ ยำ ลาบ น้ำตก สั่งตำข้าวโพดกุ้งสุกปลาร้า  คอหมูย่าง เกาเหลาแซลมอน แกงอ่อมกระดูกอ่อน  ทางร้านใช้วัตถุดิบค่อนข้างดี แซลมอนสด รสชาติของส้มตำนัวกลมกล่อมกลิ่นปลาร้าหอมกำลังดี ส่วนคอหมูย่างเนื้อนุ่มติดมันนิดๆ เป็นคอหมูที่รู้สึกว่า นี่แหละคอหมูย่างจริงๆ จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว คือ ดี   ดูคลองคาเฟ่ เป็นอีกหนึ่งร้านในนครนายกที่ยกนิ้วให้กับบรรยากาศการตกแต่ง รวมถึงรสชาติของอาหาร ที่สามารถแวะมาเที่ยว นั่งพักได้ทั้งครอบครัวถูกใจเด็กๆ เพราะร้านกว้างมีมุมให้วิ่งเล่น ส่วนสายถ่ายภาพรับรองฟินมุมถ่ายรูปเพียบ  

 

 

ดูคลองคาเฟ่

ที่อยู่ 108 หมู่ที่1 ต.บึงศาล อ.องค์รักษ์ ทางหลวงชนบท นย.3022 นครนายก 26120 

เปิดให้บริการ จันทร์ – ศุกร์ 10:00 – 19:00 ,เสาร์, อาทิตย์ 09:00 – 19:00

 

วัดเลขธรรมกิตต์

วัดเลขธรรมกิตติ์ ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านนา  เป็นวัดเก่าแก่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีโบสถ์เก่าอายุกว่าร้อยปี  เหลือเพียงผนังบางส่วนและซุ้มประตูวัดที่ถูกปกคลุมด้วยรากโพธิ์ขนาดใหญ่ กลายเป็นสถาปัตยกรรมธรรมชาติที่ผ่านกาลเวลามาได้อย่างสวยงาม จนกลายเป็นแหล่งเช็คอินอีกหนึ่งแห่งที่ควรค่ามาเยี่ยมของของนครนายก

 

 

การเดินทางมาวัดเลขธรรมกิตติ์ ตาม google maps มาได้เลย เมื่อมาถึงตัววัดแล้วจอดรถไว้ด้านหน้าวัด มีศาลาขนาดเล็กที่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสามารถแวะไหว้พระทำบุญก่อนได้ โบสถ์ต้นโพธิ์ตั้งอยู่ด้านหลังเมื่อเข้ามาในประตูจะพบกับโบสถ์เก่าที่ก่อด้วยอิฐ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงผนังบางส่วน มีต้นโพธิ์และรากขนาดใหญ่ปกคลุมดูแปลกตา รวมทั้งช่วยให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดี  มีผนังเพียงด้านเดียวที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยในอดีตแบบชัดเจนที่สุด มีช่องหน้าต่างติดกัน 2 ช่อง มุมนี้กลายเป็นจุดถ่ายภาพไฮไลท์ ที่นักท่องเที่ยวต้องมาโพสต์ท่าถ่ายภาพ

 

 

กลางโบสถ์ มีศาลาขนาดเล็ก ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป

 

วัดเลขธรรมกิตติ์

 

ประตูวัดอีกฝั่งถูกปกคลุมด้วยรากของต้นโพธิ์เช่นกัน กลายเป็นประตูสู่กาลเวลา เหมือนวัดพระงาม อยุธยา ถึงแม้จะเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก แต่สวยงามแทบทุกมุมเลยทีเดียว  มีความเงียบสงบ เดินถ่ายภาพจนเพลิน

 

 

ฉวี แกลมปิ้ง

บ่ายสองโมง เข้าไปยังที่พัก ฉวี แกลมปิ้ง แอนด์ รีสอร์ท ที่พักสุดฟินโอบล้อมด้วยภูเขาและวิวทุ่งนา ให้บริการที่พักทั้งเเบบบ้านและเต๊นท์กระโจมแกลมปิ้งติดแอร์ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ความพิเศษ คือ เต็นท์ที่มีอ่างอาบกลางแจ้งสามารถมองเห็นวิวภูเขาตรงหน้า รวมถึงเต็นท์แบบครอบครัวกระโจมที่มีอ่างจากกุซซี่ภายในห้องน้ำด้วย และสำหรับใครที่ชอบพักในรูปแบบบ้านยังมีบ้านให้บริการ 1 หลัง ตกแต่งน่ารักและค่อนข้างสะดวกสบาย พร้อมหน้าต่างกระจกที่มองเห็นวิวภูเขาให้ได้พักผ่อนอีกด้วย

 

 

ฉวี แกลมปิ้ง ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองนครนายก ไม่ไกลจากอ่างเก็บน้ำหนองปรือและวัดเขาทุเรียน สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของนครนายก ท่ามกลางวิวของทุ่งนาและภูเขาที่อยู่ด้านหน้า ภายในที่พักมีสระน้ำขนาดเล็กอยู่หน้าที่พัก ซึ่งตั้งเรียงรายเริ่มตั้งแต่บ้านเป็นหลังสีขาว และที่พักแบบกระโจมแกลมปิ้งติดแอร์ทั้ง 6 หลัง ที่พักในรูปแบบแกลมปิ้ง มีทั้งแบบเต้นท์สองคนและสำหรับครอบครัว ซึ่งมีรั้วไม้ไผ่กั้นในแต่ละหลังเพื่อความเป็นส่วนตัว ที่นี่เน้นรับผู้เข้าพักที่ไม่ใช่สายปาร์ตี้ เสียงดัง งดใช้เสียงหลังสี่ทุ่ม แต่หลังสามทุ่ม คือ เงียบสนิทมาก เป็นที่พักที่เน้นการพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติจริงๆ   

 

 

เต้นท์กระโจม A2 ที่พักของเรา เป็นเต้นท์หลังเดียวที่มีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่ด้านหน้า วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ราคาหลังละ 1500 บาท พักได้ 2 ท่าน  (ไม่รวมอาหารเช้า) ส่วนหลังอื่นไม่มีอ่างอาบน้ำ และอีกหลังที่มีอ่างอาบน้ำ คือ หลัง A5 แบบครอบครัวแต่อ่างจะอยู่ภายในห้องน้ำ ภายในเต็นท์  A2  มีเตียงนอน แอร์ พัดลม ตู้เย็น ชุดชากาแฟ และมุมนั่งเล่นภายในเต้นท์ มองออกมาเห็นวิวภูเขา

 

 

ส่วนห้องน้ำตั้งอยู่ด้านนอกเป็นแบบส่วนตัวทุกหลัง  ส่วนอ่างอาบน้ำอยู่ในที่โล่งที่มองเห็นวิวทุ่งนาป่าเขา ที่พักมีโฟมบาธขายราคา 150 บาท แนะนำใครจองห้องนี้ให้เตรียมมาเองนะคะซื้อใน shopee ราคาหลักสิบค่ะ

 

 

 

ยามเย็นมาเดินเล่นชมวิว เป็นที่พักที่เงียบสงบและบรรยากาศดีมาก มีคาเฟ่ให้บริการด้วยค่ะ แต่ช่วงนี้ยังไม่เปิด

 

 

ส่วนอาหารที่พักมีให้บริการอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ รวมถึงชุดหมูกระทะในช่วงเย็น ชุดเล็ก 399 บาท ชุดใหญ่ 499 บาท นั่งทานหมูกระทะมองวิวทุ่งนาได้ฟีลไปอีกแบบ

 

 

ช่วงเย็นตีฟอง แช่อ่างชมวิวกันหน่อย  อากาศเย็นสบาย อาบน้ำแบบเพลินๆ สำหรับการจองที่พักสามารถจองได้ในเฟสบุคเพจของที่พักได้เลยค่ะ หาใน google พิมพ์  “ฉวีแกลมปิ้ง” ก็จะขึ้นเพจของที่พักในอันดับต้น สำหรับใครที่ต้องการจองที่พักในราคาพิเศษคลิ๊ก  จองที่พัก ฉวี แกลมปิ้ง

 

 

วันที่ 2

อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ

ตื่นแต่เช้าออกจากที่พักเพื่อไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ  สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ตั้งอยู่ห่างจากที่พักไม่ถึง 10 นาที  เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กแต่โดดเด่นด้วยทิวทัศน์สวยงาม โอบล้อมด้วยภูเขาเขียวขจี มีถนนลาดยางทอดยาวรอบอ่างเก็บน้ำ หากมาเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยปรือในยามเช้าจะได้สัมผัสกับไออุ่นของแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมากระทบภูเขาและผืนหญ้าสีเขียว ในช่วงฤดูฝนหลังฝนตกอาจได้เห็นสายหมอกบางคลอเคลียภูเขาอีกด้วย  ที่นี่นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังเป็นเส้นทางปั่นจักรยานชั้นดี รวมถึงสถานที่ออกกำลังกายของชาวนครนายก 

 

 

การมาเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ เพื่อให้ได้บรรยากาศที่สวยงามแนะนำให้มาช่วงเช้า ประมาณ 6.30-08.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น อากากำลังเย็นสบายและไม่ร้อนมาก เพราะหลังจากช่วง 8 โมงไปแล้วแดดค่อนข้างแรง เพราะแสงอาทิตย์ทำมุมตั้งฉากส่องมาที่ถนนโดยตรง เมื่อมาถึงอ่างเก็บน้ำสามารถจอดรอดบริเวณด้านหน้าทางเข้าซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าภาคกลาง ในยามเช้าได้เห็นภาพของคนในพื้นที่นำจักรยานมาปั่นเลียบอ่างเก็บน้ำ หรือไม่ก็มาวิ่งออกกำลังกายบ้าง จนกลายเป็นภาพที่ชินตา อากาศในยามเช้า

 

 

หากมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนอากาศชุ่มชื่น ต้นไม้ภูเขาค่อนข้างเขียวขจี หลังฝนตกจะได้พบกับสายหมอกบางลอยคลอเคลียภูเขา หมอกที่นี่จะไม่ได้เยอะมาก แต่มีมาให้เห็นบ้างพอชื่นใจ ที่สำคัญอากาศดีมาก จึงไม่แปลกใจว่าทำไมจึงเป็นสถานที่ออกกำลังกายยอดนิยมของชาวนครนายก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพวิวภูเขาที่สวยงาม

 

นั่งมองภาพภูเขาสะท้อนลงมายังผืนน้ำ กลายเป็นเงาที่สวยงาม ได้ยินเสียงลมพัดและเสียงนกร้องก้องดัง เป็นช่วงเวลาในยามเช้าที่มีความสุขและนิ่งสงบ ตัดภาพไปหากเวลานี้อยู่บ้าน คงไม่ได้มีโอกาสตื่นเช้ามาเจออากาศบริสุทธิ์แบบนี้ คงได้ยินแต่เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ และเสียงรถบนถนนวิ่งผ่านไปมา

 

 

ประมาณ 7 โมงเช้าแดดเริ่มแรงแล้ว พระอาทิตย์ขึ้นเร็วมาก เมื่อแดดส่องลงมากระทบกับพื้นถนน ก็เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เราจะได้พบกับภาพความอบอุ่นในยามเช้า เก็บภาพความประทับใจก่อนจากลา ตั้งใจว่าในช่วงฤดูหนาวจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมนำจักรยานมาปั่นชมบรรยากาศรอบอ่างเก็บน้ำด้วย

 

อ่างเก็บน้ำทรายทอง

จากอ่างเก็บน้ำห้วยปรือไม่ไกลนัก คือ ที่ตั้งของ อ่างเก็บน้ำทรายทอง ตั้งใจมานั่งพักจิบกาแฟชมวิวกันสักครู่ ที่นี่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก โดดเด่นด้วยวิวทิวทัศน์ของภูเขาโดยรอบที่ยังคงความสวยงามตามธรรมชาติ ใครมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่จะสามารถสัมผัสได้ถึงเงียบสงบ ปลอดโปร่งโล่งสบาย มีถนนหนทางรอบอ่างเก็บน้ำอย่างดี  ในช่วงฤดูฝนมีความเขียวขจีของภูเขาและต้นไม้ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนเดินเล่นชมวิว ส่วนในช่วงฤดูแล้งยามน้ำลดบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำยังสามารถมองเห็นพื้นดิน และผืนหญ้า รวมทั้งลำธารขนาดเล็ก สามารถลงไปเดินเล่นหรือจะตั้งแคมป์ปิคนิคแบบชิลๆได้

 

 

เป็นอ่างเก็บน้ำเล็ก ที่เงียบสงบ และยังคงมีความเป็นธรรมชาติมาก อัดแน่นไปด้วยพื้นที่สีเขียวด้วยต้นไม้ และภูเขา มีถนนราดยางทอดยาว ที่สามารถนำจักรยานมาปั่นออกกำลังกายได้ 

 

 

ความตั้งใจในตอนแรกที่มาเที่ยวอ่างเก็บน้ำทรายทอง คือ ไปยังจุดที่น้ำลด และลำธารขนาดเล็ก เพื่อไปนั่งปิคนิคตามภาพที่เห็นในรีวิว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ฝนตกหนัก ทำให้น้ำเริ่มเต็มอ่างเก็บน้ำ ภาพนั้นจึงไม่มีให้เราได้เห็น เลยเปลี่ยนมานั่งชิลบริเวณสันเขื่อนแทน ซึ่งก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ในช่วงฤดูฝนสัมผัสได้ถึงความเขียวขจีที่ได้ความสดชื่นมาแบบเต็มๆ

 

 

บรรยากาศของอ่างเก็บน้ำทรายทอง ค่อนข้างโล่งมาก มีแต่ความเงียบสงบ มองเห็นฝูงผีเสื้อโบยบิน ลมพัดมากระทบต้นหญ้า ใบไม้พลิ้วไหว เป็นการได้นั่งนิ่งมองการเคลื่อนไหวของธรรมชาติ ที่สบายใจมาก ถึงแม้ภาพที่เห็นครั้งแรกจะรู้สึกว่าเป็นอ่างเก็บน้ำที่ไม่มีอะไรมากนัก แต่ถ้าได้ลองนั่งไปสักพัก คือ บรรยากาศดีมากไม่อยากลุกไปไหนเลยทีเดียว ยิ่งมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนแดดไม่แรง อากาศเย็นสบาย แต่ถ้ามาในช่วงฤดูอื่นที่แดดสาดส่อง มาช่วงเช้าหรือช่วงเย็น น่าจะเหมาะกว่า

 

 

2 nd november

ก่อนกลับกรุงเทพ แวะไปทานอาหารที่  2nd November Cafe &O’ganic farm คาเฟ่ฟีลโฮมมี่ที่รายล้อมด้วยต้นไม้สีเขียว ทางร้านจัดมุมถ่ายรูปแต่ละมุมได้อย่างเก๋ไก๋ มีมุมในสวนร่มรื่นให้นั่งแบบจัดเต็ม รวมทั้งที่นั่งริมบ่อปลาคาร์ฟ มุมบ้านต้นไม้ใหญ่ มุมไม้ฟอกอากาศภายในร้าน โซน camping  รถบ้าน picnic การันตีมุมถ่ายรูปเพียบ ส่วนเมนูอาหารมีความออร์แกนิครสชาติพรีเมี่ยม ทั้งสลัด สเต๊ก สปาเก็ตตี้  พิซซ่า อาหารข้าวจานเดียว ของทานเล่น ขนม ไอศกรีมโฮมเมด เครื่องดื่มต่างๆ ที่เจ้าของร้านทำเองทุกขั้นตอน แถมเสริฟใส่ภาชนะมาแบบประณีต เสริมแต่งให้อาหารน่าทานยิ่งกว่าเดิม

 

 

พิกัดร้านตั้งอยู่ในอำเภอเมืองนครนายก ไม่ไกลจากเขาหล่น ท่ามกลางสวนผลไม้ของเจ้าของบ้าน มีที่จอดรถบริเวณด้านหน้าร้าน  ตัวคาเฟ่ค่อนข้างร่มรื่น และบรรยากาศดีมาก เหมือนหนีความวุ่นวายจากภายนอก แล้วเข้ามาพักผ่อนที่ร้าน ตัวร้านเป็นแบบบ้านทรงสูงเปิดโล่งในสไตล์ลอฟ ก่อด้วยกำแพงอิฐและปูนเปือย ด้านหน้าร้านมีภาพวาดของในหลวง รัชกาลที่ 9 ขนาดใหญ่อยู่บริเวณกำแพงร้าน เป็นภาพวาดที่สวยงาม ส่วนภายในร้านตกแต่งด้วยของเก่า และของกระจุกกระจิก โดยเฉพาะตะกร้าสานแบบต่างๆ ยังคงมีภาพถ่ายของในหลวง รัชกาลที่ 9 ประดับอยู่เช่นกัน

 

 

มุมนั่งเล่นท่ามกลางไม้ฟอกอากาศสุดชิค ที่สะดุดตาตั้งแต่เดินเข้ามา  รวมถึงมุมกำแพงปูที่เพนท์ภาพเครื่องดื่มกาแฟต่างๆ เสริมด้วยเก้าอี้เหล็กดัดก็มีความชิคไม่แพ้กัน

 

 

ในส่วนของอาหารเน้นอาหารในสไตล์ออร์แกนิค ทั้งสลัด สเต๊ก สปาเก็ตตี้  พิซซ่า อาหารข้าวจานเดียว ของท่านเล่น ขนม ไอศกรีมโฮมเมด เครื่องดื่มต่างๆ สั่งเครื่องดื่มกาแฟส้ม ( 85 บาท) และชาผลไม้ 149 (บาท) แอบติดชาผลไม้ ที่รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดีโรยหน้าด้วยผลไม้ ทั้งสตรอเบอรี่ ส้ม แยกน้ำชามาในขวดแก้วให้เทใส่เอง  อาหารคาวสั่ง สเต๊กปลาแซลมอน (219 บาท) เนื้อปลาสดชิ้นโตราดน้ำซอดปรุงมาได้แบบพอดีอร่อย  สลัดผลไม้ (109 บาท)  ผักสดทุกอย่าง เสริมด้วยผลไม้รสเปรี้ยว และน้ำสลัดที่รสชาติดีมาก ไม่เคยทานน้ำสลัดรสนี้มาก่อน เมื่อทานกับสลัดผลไม้แล้วเข้ากันได้ดีมาก มีความข้นรสกลมกล่มหวานเปรี้ยวแบบลงตัว และอีกเมนู คือ สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้ง เมนูนี้รสชาติปานกลาง

 

 

ตบท้ายด้วยของหวาน ไอศกรีมโฮมเมดหลากรส ที่ทางร้านคิดสูตรขึ้นมาเอง เสิร์ฟมาเป็น set จะเลือกแบบ ใส่จานมีทั้งหมด 6 รสชาติ (199บาท) คือ ไอศกรีมทุเรียน ส้ม ชาเขียว วนิลา ช๊อกโกเลต สตอรเบอรี่  หรือเป็นถ้วยที่เสิรฟมาในตะกร้าสานทรงสูง (ถ้วยละ 49 บาท)  คือ เนื้อไอศกรีมยังมีความเป็นเกร็ดน้ำแข็งนิดๆ กลิ่นหอมละมุน รสชาติกำลังดีทานแล้วไม่รู้สึกสดชื่น ไม่รู้สึกหวานเลี่ยนมาก

 

 

อิ่มท้องแล้วมาเดินเล่นถ่ายภาพ ชมบรรยากาศรอบร้าน มีทั้งมุมนั่งทานอาหารริมบ่อปลาคราฟ ฟังเสียงน้ำชมปลาคราฟที่แหวกว่าย

 

 

โซนนี้ คือ ที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ มีทั้งโต๊ะที่นั่งเน้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ และมีแปลบนต้นไม้ให้นั่งเล่นแบบเก๋ๆ

 

 

มุมในสวนที่จัดเป็นมุมถ่ายภาพหลายแบบ ทั้ง เต้นท์ camping  รถบ้าน picnic  และ ชิงช้า 2nd November  ถือเป็นอีกคาเฟ่นครนายก วิวสวนแบบอบอุ่น โอบล้อมธรรมชาติสีเขียวร่มรื่น พร้อมมุมสวยไว้ให้ถ่ายรูปอีกเพียบ ที่สาย Cafe Hopping ห้ามพลาด

 

 

2nd November Cafe &O’ganic farm

ที่อยู่ 104 หมู่11 ต.สาริกา อำเถอเมือง จังหวัดนครนายก

เปิดให้บริการ  เปิดอังคาร- อาทิตย์ : 08:30 – 18:00น. หยุดวันจันทร์

โทร 081 697 3751

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง