ชิค ชิม ชิล มาเดินเล่นที่ ท่าเตียน

ท่าเตียน ชื่อที่เราคุ้นเคยกันมาเนิ่น เพราะเป็นย่านชุมชน ที่อยู่ติดกับวัดโพธิ์ วัดเก่าแก่ชื่อดัง และมิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์ขึ้นชื่อ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับวัดพระแก้วและสนามหลวง และจุดท่องเที่ยวอื่นๆ  แต่กระนั้นท่าเตียนก็ยังเป็นเพียงแค่ย่านเก่าแก่ ที่คล้ายกับว่าเป็นเพียงทางผ่าน ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆในฝั่งพระนคร จนเมื่อมีการปรับปรุงตึกและทาสีใหม่ ทำให้ย่านท่าเตียนกลับมาคึกคักและกลายเป็นจุดท่องเที่ยว  ที่น่าแวะมาเดินเที่ยว ถ่ายภาพชิค ชิล เคียงคู่กับตึกเก่าโบราณสีเหลืองแสนคลาสสิคที่ยังมีกลิ่นอายของความเป็นกรุงเก่าให้สัมผัส มองไปคล้ายกับชิโนโปรตุกิส ของจังหวัดภูเก็ต   นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกทานหลายร้าน ในบรรยากาศสบายๆ แต่ละร้านกตกแต่งเข้ากับสถานที่น่าแวะมานั่งจิบ นั่งดื่ม  อินไปกับบรรยากาศเก่ามองผู้คนที่สัญจรไปมา

 

1 cover

 

สำหรับการเดินทางมายังท่าเตียนนั้นแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนว่าจะสะดวกแบบใด จะโดยสารรถสาธารณะลงที่ท่าเตียนหรือลงที่ท่าช้างแล้วค่อยเดินเลียบถนนชมบรรยากาศไปจนถึงท่าเตียนก็ได้  หรือหากขับรถมาเองสามารถนำรถมาจอดได้ที่ราชนาวีสโมรใกล้กับท่าช้าง ที่จอดรถมีเยอะค่อนข้างกว้าง โดยคิดค่าบริการ  2  ชั่วโมงแรก 30 บาท และชั่วโมงต่อไป 10 บาท  จุดเริ่มต้นเดินของเราเริ่มที่ท่าช้าง ซึ่งมีตึกสีเหลืองสดใส ตั้งอยู่โดดเด่นกลางสี่แยกตรงข้ามกับวัดพระแก้ว

 

2 DEW_1848

 

จากท่าช้างเดินไปต่อยังท่าเตียน เมื่อถึงถนนมหาราชมองเห็นวัดโพธิ์ ฝั่งตรงข้ามคือ ตึกสีเหลืองเรียงเป็นแนวยาว นั่นหมายความว่าเรากำลังเข้าสู่ย่านท่าเตียนแล้ว   ตลาดท่าเตียนมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากนอกจากเคยเป็นที่อยู่ของขุนนางและเจ้าขุนมูลนายหลายพระองค์เพราะอยู่ใกล้กับพระบรมหาราชวัง ยังเป็นย่านการค้าใหญ่ ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นทั้งตลาดบกและตลาดน้ำ มีท่าเรือใหญ่ขนส่งสินค้าที่มาจากประเทศต่างๆ และด้วยเหตุนี้ภายในวัดอรุณยังมีเจดีย์ต่างๆ ที่ประดับเครื่องลายครามของจีนชิ้นเล็กๆ ที่สร้างอย่างสวยงาม ไม่เพียงแค่นั้น ตลาดแห่งนี้ยังได้กลายเป็นตลาดท้ายวังสำหรับชาววังอีกด้วย  เราคงเคยได้ยินตำนานเรื่องยักษ์วัดแจ้ง วัดโพธิ์ กันมาบ้าง  ซึ่งตามตำนานเล่าว่า ท่าเตียนเคยเป็นสถานที่ต่อสู้ของยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งจากสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา การต่อสู้กันของยักษ์ทั้งสองนั้นรุนแรงมากจนบริเวณแถวนั้นราบเรียบกลายเป็นสถานที่ที่ โล่งเตียนไปหมด  จึงเป็นที่มาของชื่อ ท่าเตียน เมื่อพระอิศวรได้ยินเรื่องราวที่ต่อสู้กันทำให้บรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายในบริเวณนั้นเดือดร้อน จึงได้ลงโทษโดยการสาปให้ยักษ์ทั้ง 2 กลายเป็นหิน โดยยักษ์วัดโพธิ์ทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าพระอุโบสถ ส่วนยักษ์วัดแจ้งทำหน้าที่เฝ้าวิหารวัดแจ้งเรื่อยมา

 

3DEW_1907

4 DEW_1898

 

หากต้องการมาถ่ายภาพแนะนำให้มาช่วงบ่ายแก่ๆ ประมาณ 4 โมงเย็น จะดีที่สุด เพราะในเวลานี้แสงเริ่มอ่อนลงไม่ร้อยมากกำลังส่องมากระทบตึกสีเหลืองได้บรรยากาศมาก

 

5 DEW_1903

6 DSC_9314

7 DSC_9310

 

อาหารทะเลตากแห้ง  ถือว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อของท่าเตียน วางแผงขายตลอดแนวถนนไปจนถึงท่าน้ำ  เดินเล่นไปก็จะได้กลิ่นของอาหารตากแห้งนี้โชยเข้าจมูกมาเป็นระยะ   ใครอยากทานไม่ต้องไปซื้อไกลถึงระยอง ชลบุรี  แค่มาท่าเตียนก็มีให้เลือกซื้อเลือกหามากมาย  อาหารตากแห้งส่วนใหญ่ คือ ปลาแห้ง ปลาเค็ม ปลาหมึกแห้ง  เป็นต้น

 

8 DEW_1866

 

ร้านขายยาโบราณยังมีให้เห็น

 

9 DEW_1869

 

ส่วนร้านอาหารนั้น มาถึงท่าเตียน ต้องไม่พลาดร้านเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่กับท่าเตียนมาเนิ่นนาน  นั่นคือ ร้านรับอรุณ ร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม  บรรยากาศเก่าคลาสิค  ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดโพธิ์  ด้านหน้าร้านจำลองบรรยากาศคล้ายกับสถานีรถไฟ เก๋ไก๋มาก

 

10 DSC_9206

13 DEW_1874

 

รสชาติของอาหารกับเครื่องดื่มหลังจากได้ลองทานแล้ว ถือว่ายังกลางๆ  แต่ด้วยการจัดร้านที่เปิดโล่งโอเพ่นแอร์  ทำให้เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน จิบกาแฟ ทอดสายตาดูผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา  เรียกว่า เน้นอิ่มไปกับบรรยากาศมากกว่า

 

11 DSC_9210

12 DSC_9209

 

ติดกับร้านรับอรุณ เป็นที่ตั้งของ ร้านท่าเตียนแกลาลี่  ด้านล่างเป็นร้านขายของที่ระลึก เหมือนร้านค้าอื่นทั่วไป

 

14 DSC_9212

15 DSC_9229

 

ส่วนชั้นสองเป็น แกลลอรี่แสดงผลงานศิลปะ เปิดให้เข้าชมฟรี   ท่าเตียน แกเลอรี่เปิด วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-17.30 น.

 

16 DSC_9218

17 DSC_9221

 

เดินต่อไปผ่านร้านอาหารน่านั่งอีก 1 ร้าน ชื่อ  The gate บรรยากาศภายในร้านตกแต่งได้ชิคในระดับนึง  ที่นี่นอกจากเป็นร้าอาหารแล้วยังเปิดเป็นที่พักด้วย   ขายทั้งอาหารหวานและอาหารคาว  เห็นในภาพมีน้ำแข็งใสและไอศครีม ลองแวะเข้าไปอุดหนุนซักหน่อย  สั่งไอศกรีมข้าวโพดมา 1 ถ้วย หลังจากชิมแล้วก็ต้องบอกว่ารสชาติธรรมดาอีกแล้ว

 

18 DEW_1882

19 DSC_9294

20 DSC_9293

21 DSC_9298

22 DSC_9301

ผ่านร้านอาหารอีกหนึ่งร้าน คนเยอะพอสมควรแต่ไม่ได้เข้าไปทาน  ส่วนใหญ่ร้านอาหารแถวท่าเตียนจะเป็นลูกค้าชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย เพราะในย่านนี้มีที่พักให้บริการเยอะ

 

23 DSC_9288

24 DSC_9291

 

เราเดินมาถึงร้านอาหารซึ่งเป็นจุดหมายที่ตั้งใจมาฝากท้อง  นั่นคือ ร้าน Err  Urban Rustic Thai หรือเรียกสั้นว่า ร้าน เออ    พิกัดของร้านหาง่ายมาก อยู่ในซอยเดียวกันร้านวีวี่ ร้านกาแฟชื่อดังของท่าเตียน  ร้านตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ ก่อนถึงซอยปานสุข  ใกล้กับอำพลฟูดส์ หรือกะทิชาวเกาะนั่นเอง   ร้านเปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่ 11.00 น. – 24.00 น. ปิดวันจันทร์

 

25 DSC_9257

 

เสน่ห์ของร้านคือ บรรยากาศการตกแต่งสไตล์วินเทจให้อารมณ์ย้อนยุค เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่วัยเด็ก ด้วยของตกแต่งร้านที่เราคุ้นเคยชวนให้ยิ้ม  ตั้งแต่จานชาม กระป๋องนมที่ใส่ช้อนส้อม   สารพัดของเล่นวัยเด็ก ทั้งน้ำเต้าปูปลา ควบคู่กับเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบไทย

 

26 DSC_9239

27 DSC_9241

28 DSC_9242

29 DSC_9235

30 DSC_9234

31 DSC_9237

 

ที่โดนเด่นคงเป็นมุมภาพเพ้นท์กราฟฟิตี้เก๋ๆบนผนัง

 

32 DSC_9261

33 DSC_9283

 

บรรยากาศชั้น 2

 

35 DSC_9253

36 DSC_9251

 

ในส่วนของอาหารเน้นเป็นอาหารไทย เมนูอาจมีให้เลือกไม่มากนัก   น้ำเปล่าถูกยกเสริฟ์มาในกาน้ำแสนเก๋

 

37 DSC_9263

 

อาหารทั้งหมดที่สั่งมา เริ่มจากยำผักกาดดองสามรส ตำถั่วปลาร้า สะเต๊ะไก่บ้านกับอาจาด   ปลาหมึกทอดขมิ้น  แต่ละจานก็บรรจงใส่มานาในจานอาหารแบบมีกิมมิค   แต่อาหารจานค่อนข้างเล็ก ยอมรับว่าเห็นตอนแรกอึ้งกับปริมาณพอสมควร เพราะไม่ค่อยสัมพันธ์กับราคาซึ่งค่อนข้างสูง แต่เข้าใจว่าทางร้านคงเน้นเป็นอาหารทานเล่นควบคู่ไปกับเครื่องดื่มมากกว่า เพราะเห็นว่ามีคอกเทลขายซึ่งน่าจะเป็นเครื่องดื่มชูโรงของร้าน  แต่อาหารไม่ผิดหวังเรื่องรสชาติ เพราะถือว่าอร่อยเลยทีเดียว  ชอบที่สุดคงเป็นไก่สะเต๊ะ กับยำผักดอง 3 รส รสชาติอร่อยแปลกไม่เหมือนใคร

 

38 DSC_9268

39 DSC_9272

40 DSC_9274

41 DSC_9270

 

ปิดท้ายด้วยลุกอมกะทิจากทางร้าน  คือ เป็นร้านที่นั่งทานแล้วรู้สึกตื่นเต้น  กับอะไรหลายอย่างที่ได้เห็น โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารต่างๆ เข้าใจสร้างสรรค์มาก

 

42 DSC_9279

 

เดินวนเวียน เที่ยว ชิค ชิม ชิล  ถ่ายรูปสุดเก๋ ชมบรรยากาศของร้านค้า ตึกเก่า  ไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหนไกล แค่มาที่ท่าเตียน เราก็จะได้พบกับความสุขในอดีตที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและยิ้มได้

 

43 DEW_1888

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง