เที่ยวมุกดาหาร 2 วัน 1 คืน ทริปสั้นๆ แต่ยาวนานด้วยความสุข

มุกดาหาร เมืองสวยริมฝั่งโขง มีความเงียบสงบ มีความเชื่อและสถานที่ Unseen เกี่ยวกับพญานาค โดยเฉพาะรูปปั้นพญานาคสุดอลังการ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงซึ่งมีให้กราบไหว้ขอพรหลายแห่ง  มาเที่ยวมุกดาหารใช้เวลาเพียง 2  วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้ครบตามจุดเช็คอินยอดฮิต ที่จะทำให้เราได้ความประทับใจกลับไปแบบเต็มอิ่มแน่นอน

 

วันแรก

 

สำหรับการเดินทางมุกดาหาร แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน จะขับรถมาเอง นั่งรถโดยสาร หรือจะนั่งเครื่องบินมาลงอุบลราชธานี แล้วเช่ารถมาจากสนามบินขับมามุกดาหารแบบเราก็ได้ เพราะมุกดาหารยังไม่มีสนามบินต้องนั่งลงอุบลใกล้ที่สุด และการไปเที่ยวในบางแห่งของมุกดาหารไม่มีรถโดยสารเข้าถึง ต้องใช้รถส่วนตัว ซึ่งมีรถเช่าให้บริการหลายเจ้า เราใช้บริการรถเช่าของ 168 U car rent  รถเช่าอุบล รถใหม่ เช่าง่าย พนักงานน่ารัก โทร 086 955 4265   จากตัวเมืองอุบลใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ขับรถมาแบบสบายๆ ถนนโล่ง ก็เข้าสู่เมืองมุกดาหาร

 

11.00 น. ภูผาเทิบ  

 

จุดหมายแรกมุ่งหน้าไปภูผาเทิบ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของมุกดาหาร   ภูผาเทิบ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ภายในอุทยานมีจุดท่องเที่ยวหลายจุด แต่จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ คือ ประติมากรรมกลุ่มหิน ที่ประกอบด้วยหินรูปร่างลักษณะต่างๆ วางซ้อนกันอย่างวิจิตรพิสดาร บนลานหินกว้างและยาวกลายเป็นสวนหิน หินบางก้อนมีรูปร่างคล้ายเครื่องบินไอพ่น รอบเท้าบู้ท เก๋งจีน มงกุฎ และคล้ายสถูป บริเวณลานหินมีป่าเต็งรังที่มีลักษณะแคระแกร็นสวยงาม

 

 

เดินจากที่ทำการอุทยานมาไม่ไกล จะเจอกับกลุ่มหินรูปร่างแปลกตา ต่างๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ​ ลม​ แสงแดดมีลักษณะเป็นเพิงหิน ปฏิมากรรมหินที่เป็นริ้วรอยตามธรรมชาติ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมุกดาหาร

 

 

กลุ่มหินเทิบ ไฮไลท์ของภูผาเทิบหินขนาดใหญ่ที่มีหลากหลายรูปทรงให้จินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น หินรูปมงกุฎ หินจระเข้ จานบิน หอยสังข์ สิงโต ดอกเห็ด เป็นต้น

 

ภูผาเทิบ

ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท /ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท  ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ 0-4267-6474

 

 

13.30  น. วัดภูมโนรมย์

 

วัดภูมโนรมย์ หรือ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์  อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของมุกดาหาร  ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นสถานที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา ที่สามารมองเห็นทิวทัศน์ของจังหวัดมุกดาหาร แม่น้ำโขงและแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ภายในวัดมีรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่สวยงามอลังการ นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลอง พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ ให้ได้สักการะขอพรอีกด้วย

 

 

เนื่องจากเส้นทางขึ้น วัดภูมโนรมย์ ค่อนข้างชันและแคบในบางช่วง หากมีนักท่องเที่ยวนำรถขึ้นเยอะอาจจะอันตรายได้ รถสวนกันค่อนข้างยาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง วัดภูมโนรมย์ ต้องจอดรถไว้บริเวณลานจอดรถ จากนั้นใช้บริการรถสองแถวนำขึ้นวัด มีรถออกตลอด โดยเสียค่าบริการโดยการหยอดตู้บริจาค จากลานจอดรถใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที มาถึงบริเวณวัด ก็กระจายตัวไปกราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู้ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่เดียวกัน เริ่มจากไฮไลท์ของที่  ไปสักการะ องค์พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช  ก่อนถึงองค์พญานาคสวยงามมาก ต้องเดินผ่านระฆังที่ต้องใช้เหรียญตี แล้วอธิฐานให้สิ่งที่ดีๆกับการดำเนินชีวิตตามความเชื่อในดินแดนศักสิทธิ์แห่งนี้

 

 

องค์พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช  หรือ หรือ ปู่ศรีมุกดา องค์พญานาคขนาดใหญ่สวยอลังการบนภูเขาสูง ลำตัวของพญานาคนอนขดตัวไปมา ชูลำคอสูงสง่าหันไปทางแม่น้ำโขง มีสีน้ำเงินฟ้า สะท้อนสีเขียวงดงาม มีลวดลายที่ละเอียดอ่อน วิจิตรบรรจง แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม ที่สร้างจากความศรัทธาในความเชื่อด้านความโชคดี สุขขภาพ ความปลอดถัย ร่ำรวยเงิน

 

 

การสักการะขอพรองค์พญานาค ด้วยการตั้งจิตอธิษฐาน จากนั้นเดินลอดท้องพญานาคทั้ง 7 ช่อง ที่มีความหมายมงคลต่างๆ จากนั้นนำดอกไม้ธูปเทียนไปบูชา และนำผ้าแดงที่เขียนชื่อตัวเองไปผูกไว้ที่ต้นไม้รอบพญานาค เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

 

 

หลังจากไหว้พญานาคแล้ว ขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทจำลอง กราบพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ ชื่อว่า พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดภู นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวในแต่ละจุด มองเห็นทัศนียภาพของลำน้ำโขง ตัวเมืองมุกดาหาร หอแก้วมุกดาหาร อันสวยงาม

 

 

จากนั้นมานั่งพักผ่อนชมวิวแบบชิล สั่งเครื่องดื่มเย็น กันได้ที่ร้านกาแฟสุดเก๋ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด สามารถมองเห็นวิวที่สวยงามได้เช่นกัน

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจึงระเบียบจราจรขึ้นลงวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ดังนี้

1 ประตูวัดเปิด เวลา 05.30 น. ปิด เวลา 20.00 น.

2 ห้ามนำรถขึ้นตั้งแต่ เวลา 08.30 – 16.30 น. สามารถขึ้นโดยใช้บริการรถสองแถวที่ทางวัดจัดไว้บริเวณลานจอดรถ

 

15.00  น. เข้าที่พัก เวียงโขง รีสอร์ท

 

ที่พักใจกลางเมืองมุกดาหาร ติดริมโขง วิวดีมองเห็นบรรยากาศของแม่น้ำโขงที่สวยงาม เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ภายในโรงแรมตกแต่งได้น่ารัก มีสนามหญ้ากว้างขวางให้เดินพักผ่อน ที่มีมุมนั่งเล่นหลายมุม มีความเก๋ของมุมริมโขงโดยเฉพาะในยามเช้าบรรยากาศดีมาก

 

 

ภายในห้องพักกว้างขวาง  มีระเบียงชมวิวที่นั่งเล่น มองเห็นวิวแม่น้ำโขงชิลสุด ในราคาพันต้นๆ ทุกอย่างเพอร์เฟคหมด แต่ข้อเสียมีเพียงเรื่องเดียว คือ ห้องพักไม่เก็บเสียงมากๆ ได้ยินเสียงข้างห้องตลอด

 

 

18.00 น. จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทยลาว

 

ยามเย็นจากที่พักขับรถไปไม่ไกล เราไปยังจุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทยลาว ที่สามารถมองเห็นสะพานทอด มีร้านค้าอาหารหมูจุ่ม หมูกระทะ ส้มตำ และที่นั่งริมน้ำโขง นั่งชิลทานอาหารในช่วงเย็น รวมถึงมีแลนดมาร์คที่โดดเด่น คือ รูปปั้นพญานาค หากเดินทางด้วย google map ให้ตั้งการเดินทางมา “จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 2” เพราะหากตั้งชื่อสะพานอย่างเดียวจะพาขึ้นไปบนสะพานเพื่อข้ามฝั่ง ซึ่งตั้งอยู่คนละจุดกัน จุดชมวิวจะอู่ด้านล่างและถึงก่อนสะพาน สามารถจอดรถเลียบทางเดินได้เลย

 

 

ยามเย็นมีร้านอาหารแบบรถเข็นเรียงรายอยู่บริเวณทางเดินเลียบน้ำโขง เป็นร้านหมูกระทะ หมูจุ่ม ส้มตำ ยำ ให้เลือกทานหลายร้าน ที่นั่งเป็นแบบโต๊ะนั่งญี่ปุ่นริมโขง มองเห็นวิวสะพารในยามค่ำคืนชิวมา ยิ่งมาเที่ยวช่วงฤดูหนาวลมแรง อากาศเย็นสุดๆให้เตรียมเสื้อกันหนาวและกันลมมาให้พร้อม

 

วันที่สอง

 

08.00 น.  แก่งกระเบา

ยามเช้าตั้งใจไปแก่งกระเบา ซึ่งระหว่างทางผ่าน สะพานมิตรภาพไทยลาว เลยแวะไปชมวิวยามเช้าอีกรอบ ภาพบรรยากาศของจุดชมวิวในยามเช้าช่วงฤดูหนาวบรรยากาศดีมาก อากาศเย็นสบาย ปกคลุมด้วยสายหมอกบาง บริเณจุดชมวิว มีรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ คือ พญาศรีมุกดามหา มุนีนีลปาลนาคราช ลำตัวเลื้อยบริเวณเสาซึ่งตั้งอยู่ติดกับสะพาน มีความงดงามน่าเกรงขามมาก นักท่องเที่ยวที่มายังสะพานแห่งนี้ต้องแวะมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล

 

 

แก่งกะเบา ตั้งอยู่ใน เขตบ้านนาแกน้อย อ.หว้านใหญ่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจมีทัศนียภาพที่สวยงาม มองเห็นวิวลำน้ำโขงทอดยาวซึ่งเป็นพรมแดนกั้นระหว่างประเทศไทยและเมืองไชยบุรี สปป.ลาว อากาศปลอดโปร่ง มีลมพัดตลอดเวลา ในพื้นที่ของแก่งกะเบายังมีแลนด์มาร์คที่โดดเด่น  คือ รูปปั้นพญานาคหินอ่อน ลำตัวสีขาวหันหน้าไปทางลำน้ำโขงมีความงดงามและสง่างาม ยังมีร้านอาหารหลายร้านให้ลิ้มลองเมนูขึ้นชื่อ นั่นคือ หมูหัน ที่ย่างจนหนังกรอบ เนื้อนุ่ม กินคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดด้วย

 

 

แก่งกระเบา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดสองคอน ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 35 กม มีอาณาเขตติดต่อกับ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ห่าง จากอ.ธาตุพนมเป็นระยะทาง 24 กม. เพราะฉะนั้นหากใครมาเที่ยวแก่งกระเบาแล้วอยากแวะไปไหว้พระธาตุพนม สามารถเดินทางไปได้ในระยะเวลาอันใกล้  ในฤดูแล้งน้ำลดจนเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและหาด ทรายสวยกว่าฤดูอื่นๆ ซึ่งแต่ก่อนเป็นสถานที่เล่นน้ำ แต่ปัจจุบันไม่สามารถเล่นน้ำได้

 

ภายในแก่งกะเบามีการสร้างสวนสาธารณะเอาไว้ให้พักผ่อนหย่อนใจ พร้อมจุดชมวิวอย่างสวยงาม บริเวณอาคารชมวิวมีภาพสามมิติรูปพญานาคหนึ่งภาพ เรียกได้ว่ามีจุดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปหลายจุด มีระเบียงชมวิวมองวิวแม่น้ำโขง เป็นลานกว้างใหญ่ มีการจัดทำที่นั่งและแปลตาข่าย เป็นจุดถ่ายภาพเก๋ๆ หรือจะนั่งรับลมเย็นสุดชิลก็เข้าที แต่แนะนำในช่วงอากาศเย็นสักหน่อยก็จะดี

 

แลนด์มาร์กที่โดดเด่นริมโขง  องค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช (องค์พญานาคประจำคนเกิดวันจันทร์) ซึ่งเป็นรูปปั้นพญานาคสีขาวขนาดใหญ่ ให้ประชาชนได้มาสักการะขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยการลอดท้องพญานาค โดยเริ่มจากส่วนหางไปจนถึงหัว

 

 

10.00 น. โบสถ์คริสต์สองคอน

 

โบสต์คริสต์วัดสองคอน ตั้งอยู่ท่ามกลางบริเวณอันกว้างขวางริมฝั่งโขง ณ บ้านสองคอน  อำเภอหว้านใหญ่  สถานแห่งมรณะสักขีได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์คริสต์นิกาย โรมันคาทอลิก ทมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามแปลกตาของตัวอาคาร เป็นโบสถ์คริสต์สร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539

 

 

โบสถ์แห่งนี้เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโถงสี่เหลี่ยมชั้นเดียว ผนังของวัดและ ส่วนไว้พระธาตุเป็นกระจกใส บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนประกอบพิธีมีพื้นที่กว้างขวาง ส่วนด้านหลังเป็นที่เก็บอัฐิของบุญราศีทั้ง 7 ภายในมีโลงแก้วบรรจุหุ่นขี้ผึ้งของบุญราศีทั้ง 7 ไว้ให้สักการะบูชา มีไม้กางเขน 7 แห่งด้านหน้าแทนบุญราศีทั้ง 7

 

 

ลักษณะเด่นของโบสถ์ได้แสดงถึงความขัดแย้ง เช่น วัสดุก่อสร้างที่ใช้มีทั้งกระจกเรียบและหินทรายหยาบ ต้นไม้ด้านในกำแพงจะมีการจัดแต่งวางเป็นระเบียบ แต่ต้นไม้ภายนอกกำแพงจะไม่มีการจัดเรียง มีการใช้แสงเงาและรูปทรงเรขาคณิตที่เรียบง่าย ตรงไป ตรงมา จริงจัง แข็งๆ สื่อถึงความเป็นนักรบ สำหรับกำแพงโบสถ์สร้างโอบล้อมโบสถ์เป็นครึ่งวงกลม มีผนังโค้งประดับภาพนูนต่ำ เล่าเรื่องราวประวัติบุญราศีแห่งวัดสองคอน ส่วนด้านหลังเปิดโล่งเป็นสนาม เพื่อเอาไว้ชมทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำ

 

 

11.00 น. วัดศรีมหาโพธิ์

วัดพระศรีมหาโพธิ์ ตั้งอยู่ในอำเภอหว้านใหญ่ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมานานนับ 100 ปี บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณโดยรอบวัดศรีมหาโพธิ์ มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำโขงซึ่งเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทย และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  ภายในวัดจะมีโบราณสถานและสิ่งก่อสร้างเก่าแก่สวยงาม คือ  โบสถ์เก่าแก่ ศิลปะผสมตะวันตก ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส พระมหาเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ องค์พระขนาดใหญ่ริมน้ำโขง ที่ควรค่าแห่งการมาเยี่ยมชม

 

 

ภายในวัดจะมีโบราณสถานคือ สิมอีสาน โบสถ์เก่าแก่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2459 เป็นศิลปะผสมตะวันตก ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส เป็นสิมที่ผนัง 3 ด้าน ภายในผนังจะมีธูปแต้มหรือจิตกรรมฝาผนังเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดกที่เป็นฝีมือของช่างพื้นบ้านซึ่งนับว่าเป็นภาพที่งดงามและหาดูได้ยากในปัจจุบัน รวมทั้งภาพเหตุการณ์ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพเสด็จตรวจหัวเมืองในมณฑลอีสานประทับทั่งอยู่บนเกวียน โบสถ์นี้จะไม่อนุญาติให้ผู้หญิงเข้าไป

 

 

พระมหาเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่ทางขึ้นเป็นบันไดพญานาคสีทอง องค์พระธาตุมีความเก่าแก่งดงามด้วยลวดลายอันวิจิตร

 

 

ที่ว่าการอำเภอหว้านใหญ่หลังเก่า ตั้งอยู่ใกล้กับพระมหาเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตก กลายเป็นมุมถ่ายภาพสวยภายในวัดได้อีกหนึ่งมุม

 

 

พระองค์พระประธานสีทองขนาดใหญ่ โดดเด่นริมน้ำโขง บริเวณนี้มีลานชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำโขงได้อย่างสวยงาม

 

 

13.00 น. สะหวันสำราญ

 

กลับเข้าเมืองมุกดาหารแวะรับประทานอาหารเที่ยงกันที่  สะหวันสำราญ ร้านอาหารตกแต่งได้เก๋ที่สุดแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองมุกดาหาร บรรยากาศภายร้านออกแนววินเทจแบบมีสไตล์ ตกแต่งสวยงามเล่นสีสันสดใส ทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ รวมทั้งข้าวของโบราณที่นำมาประดับภายในร้าน แถมมีมุมถ่ายรูปสวยเพียบ มีบริการอาหารหลากหลายสไตล์ให้เลือกสรรทั้งเมนูอาหารเวียดนาม อาหารไทย และอาหารสไตล์ตะวันตก รสชาติอร่อยเกือบทุกเมนู  นอกจากร้านอาหารยังให้บริการห้องพักอีกด้วย

 

 

ตัวร้านเป็นอาคารสีเหลืองสองชั้นออกแนวโคโรเนียล ด้านหน้ามีตัวอักษรชื่อร้านเป็นฟอนต์แบบภาษาลาวเก๋ๆ พร้อมด้วยจักรยานที่กลายเป็นมุมถ่ายภาพไฮไลท์ ในส่วนของที่พักจะอยู่ชั้นสอง ส่วนร้านอาหารจะอยู่ด้านล่าง ทางเดินภายในอาคารโดดเด่นด้วยลวดลายของกระเบื้องที่เลือกใช้ มีมุมที่นั่งในสวนริมน้ำพุ และที่นั่งระหว่างทาง

 

ภายในร้านอาหารตกแต่งแบบย้อนยุค ที่เต็มไปด้วยของสะสมโบราณมากมาย ที่นั่งมีหลายแบบตกแต่งได้น่ารัก มีมุมขายของที่ระลึก เป็นเสื้อผ้ามัดย้อม ผ้าพันคอ กระเป๋าสาน

 

ในส่วนของที่นั่งติดริมน้ำโขง วิวสวยมาก ตั้งอยู่ในโค้งของคุ้มน้ำโขง มองเห็นสะพานมิตรภาพไทยลาว อยู่ไกลๆ สั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบเย็นๆ รออาหารก่อน

 

 

เมนูอาหารมีทั้ง อาหารเวียดนาม อาหารไทย และอาหารสไตล์ตะวันตก แนะนำให้ลองทานอาหารเวียดนาม ซึ่งเป็นซิกเนอร์เจอร์ของร้าน  ทั้ง แหนมเนืองแป้งกรอบอร่อยมาก สลัดเวียดนามน้ำสลัดเวียดนามที่จะออกหวานหน่อย แต่รสชาติดีทานคู่กับหมูและผักสดกรอบเข้ากันสุดๆ  ขนมปังปาเต๊ะ ขนมปังกรอบสอดไส้ด้วยผักและหมูยอ อีกหนึ่งเมนูต้องสั่งอร่อยมาก  เรียกได้ว่าถูกใจทั้งรสชาติอาหารและบรรยากาศ ยิ่งมาเที่ยวในช่งฤดูหนาวอากาศเย็นสบายมาก

 

สะหวันสำราญ

พิกัด : 199 ถ.สำราญชายโขงใต้ ต. ศรีบุญเรือง มุกดาหาร

เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00 น. – 22:00น.

เฟสบุค คลิ๊ก สะหวันสำราญ

 

14.00 น. หอแก้วมุกดาหาร

ปิดทริปกันที่สุดท้าย  หอแก้วมุกดาหาร สัญลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหาร ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง  สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น ทรง 9 เหลี่ยม ลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น ทรงเก้าเหลี่ยม ชั้น 1 เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มุกดาหาร เครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตของชาวมุกดาหาร ชั้นบนสุด สามารถชมทัศนียภาพรอบตัวเมือง แม่น้ำโขงและฝั่งลาวได้อย่างสวยงาม เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 น. -18.00 น. บัตรเข้าชม เด็กคนละ 10 บาท ผู้ใหญ่คนละ 30 บาท

 

 

ชั้นที่ 6 เป็นหอชมทัศนียภาพ 360 องศา มองเห็นวิว360 องศา เห็นแม่น้ำโขง สะพานมิตรภาพไทย-ลาวฝั่งลาว เมืองสวันนะเขต

 

 

ชั้นที่ 7 เป็นลูกแก้วมุกดาหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปเนื้อเงินแท้ เรียกว่า พระพุทธนวมิ่งมงคลดาหาร และพระพุทธรูปประจำวันเกิด

 

 

เที่ยวมุกดาหาร เมืองที่งดงามด้วยธรรมชาติ และความเรียบง่าย ชมรูปปั้นพญนาคสุดอลังการ  2 วัน 1 คืน แม้เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ยาวนาวด้วยความสุข

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง