ตามรอยตำนานพญานาค ผจญภัย ถ้ำดินเพียง หนองคาย

ถ้ำดินเพียง วัดถ้ำศรีมงคล  ตั้งอยู่ในอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ห่างจากสกายวอล์ควัดผาตากเสื้อ เพียง 5 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่มีเรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับเรื่องพญานาค  ภายในถ้ำมีน้ำชื้นอยู่ตลอดเวลาและมีลักษณะเป็นโพรงลอดผ่านเข้าไปได้ อีกทั้งยังมีจุดที่เชื่อมต่อกับลำน้ำโขง  ชาวบ้านเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เคยเป็นสายทางที่พญานาคใช้เดินทางไปสู่เมืองบาดาล โดยภายในถ้ำมีการติดไฟนีออนสีต่างๆ กระทบกับช่องและโพรงภายในถ้ำยิ่งทำให้ดูมีความสวยงามและอัศจรรย์ยิ่งขึ้น  ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อปี พ.ศ. 2530 จากชาวบ้าน ลุงคำสิงห์ เกศศิริ เจ้าของพื้นที่ ซึ่งต่อมาได้มอบที่ดินสร้างวัดจนกลายเป็นวัดถ้ำศรีมงคล และพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อเรื่องความน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ

 

 

สำหรับการเข้าไปชม ถ้ำดินเพียง ต้องมีไกด์นำทาง ค่านำทางตามศรัทธา มีตู้บริจาคให้หยอดตอนขากลับ ด้านหน้ามีศาลเจ้าพ่อปู่จันทร์นาคราช และเจ้าแม่เกตุนาคราช ให้ได้กราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเข้าถ้ำ ด้านหน้าถ้ำมีติดข้อห้ามและกฎข้อปฏิบิติก่อนเข้าถ้ำ เช่น ห้ามหญิงมีครรภ์ ประจำเดือน และคนเป็นโรคหัวใจ ความดัน ไขข้อเสื่อม เข้าชม เนื่องจากเพดานถ้ำบางช่วงลาดต่ำและมีแอ่งน้ำ และการเดินชมถ้ำต้องถอดรองเท้าเข้าไป และต้องพับกางเกงเล็กน้อยเพราะบางช่วงจะต้องเดินผ่านน้ำประมาณข้อเข่า

 

 

ระยะทางจากปากถ้ำไปจนถึงทางออก เป็นระยะทางสั้นๆ ประมาณ 300 เมตร โดยทางเข้าออกคนละทางกัน คือเข้าทางนึงจะไปออกอีกทางนึง ใช้เวลาเที่ยวในถ้ำแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ทางเดินเข้าถ้ำก็จะเป็นโพรงเล็กๆ ทางช่วงแรกต้องย่อตัวหน่อย เพราะเพดานถ้ำค่อนข้างต่ำ จากภาพเส้นทางดูเหมือนจะยากลำบากแต่เป็นแค่งเพียงภาพนะคะ ไปถึงตัวถ้ำจริงๆ คือ  เดินไปได้สบายแม่ของน้องที่ไปด้วยอายุ 60 ยังเคยมาตั้งสองรอบ เพราะเป็นเส้นทางเป็นแค่เพียงระยะสั้นเท่านั้น แถมมีไฟส่องสว่างตลอดทาง และมีสัญลักษณ์นำทางอยู่ข้างบนถ้ำอุ่นใจได้

 

 

จากปากทางเข้าไม่ถึงสิบก้าว ก็จะเจอกับรูปปั้นพ่อปู่พญานาค พระพุทธรูปนาคปรก เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จุดแรก ที่เราต้องทำความเคารพ ระหว่างนั้นน้องไกด์ที่นำทางมา ก็จะอธิบายเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาของถ้ำนี้ตลอด

 

 

ภายในเต็มไปด้วยความสวยงามของโขดหิน ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างไว้อย่างน่าทึ่ง  ทางเดินภายในถ้ำถึงจะแคบต้องย่อตัว ตะแคงตัวผ่านซอกหินบ้าง แต่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดและมีอากาศถ่ายเทสะดวก ก่อนมาแอบกลัวในความแคบ คิดว่าต้องออกแนผจญภัยเหมือนที่เห็นหลายรีวิวบอกไว้ แต่พอมาด้วยตัวเอง คือ รู้สึกเที่ยวสบายกว่าหลายถ้ำ แถมยังเป็นถ้ำที่แปลกตาจากที่เคยเห็น เพราะที่เคยเที่ยวถ้ำ คือ ห้องโถงขนาดใหญ่มีหินงอกหินย้อย แต่ถ้ำดินเพียงมีลักษณะเป็นโพรงกลมเป็นหลุมคล้ายกับสามพันโบก ซึ่งลักษณะแบบนี้เกิดจากการกัดเซาะของลำน้ำที่ไหลผ่าน ทำให้ในถ้ำนั้น เกิดเป็นเหมือนเสา บางเสามีโค้งว้าวสวยงาม

 

 

ยิ่งได้แสงไฟนีออนสีต่างๆที่ติดอยู่ตลอดทางเดินด้วยแล้ว ยิ่งมีความอัศจรรย์ ตามความเชื่อที่ว่าถ้ำแห่งนี้แต่ก่อนเคยอยู่ใต้ลำน้ำโขงมาก่อน เป็นถ้ำพญานาค โดยแบ่งออกเป็น 8 ห้อง บางห้องสามารถสักการะบูชาอธิษฐานขอพรขอโชคลาภได้ แต่ละห้องก็จะมีชื่อเรียก ทั้งห้องเก็บโรงศพของพ่อปู่พญานาค ห้องลูกสาวพญานาค เป็นต้น  

 

 

เดินย่อๆมาจนถึงจุดไฮไลท์ ตรงนี้เรียกว่าหินหัวช้าง ซึ่งมีความแคบมาก เรียกได้ว่าจะผ่านตรงนี้ไปได้ คือ ต้องนอนราบแล้วคลานผ่านไปเลยทีเดียว น้องไกด์บอกว่า หินนี้จะขยายตามตัวได้เพียงแค่ตั้งจิตอธิษฐาน คนน้ำหนัก 160 กิโล ก็เคยลอดมาแล้ว

 

 

มาถึงห้องสุดท้ายมีเจดีย์หินตั้งอยู่ ถัดไปจากห้องนี้ก่อนถึงทางออก มีพระแก้วมรกต พระพุทธรูป รูปปั้นพระเกจิชื่อดัง ประดิษฐานอยู่ด้วย

 

 

ทางออกของถ้ำปีนบันไดขึ้นไป ก็จะเจอกับลานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ แวะสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

 

 

ถ้ำดินเพียง วัดถ้ำศรีมงคล  อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของหนองคายที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ได้อย่างสวยงาม ควบคู่ไปกับตำนานความเชื่อของพญานาคที่เป็นที่นับถือของชาวอีสาน  โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 15.30 น.

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง