พระนคร มองให้ชิค 6 จุดเที่ยว ถ่ายรูป เฟี้ยวใน 1วัน  

หากพูดถึงความคลาสสิคเหมาะสำหรับมาเดินเล่น ถ่ายภาพ หาของกินอร่อย ต้องยกให้ฝั่งพระนคร รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ถ้าเป็นความรู้สึกเมื่อก่อนมาเที่ยวฝั่งนี้คงมาวัดพระแก้ว ไหว้ศาลหลักเมือง วัดโพธิ์  นั่งเล่นท่าเตียน ข้ามไปวังหลัง ไหว้หลวงพ่อโต วัดระฆัง เดินเล่นท่าพระจันทร์ ชิลถนนพระอาทิตย์ จะเป็นฟีลของการไหว้พระทำบุญ หาของกินอร่อย แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ภาพของการมาเที่ยวพระนครก็เปลี่ยนตาม กลายเป็นความสนุกสนาน ทันสมัย น่าเที่ยวมากขึ้น เป็นท่องพระนคร ตามหามุมชิค ถ่ายรูปเฟี้ยว เช็คอินให้โลกรู้  มาตามหามุมสวยๆ ฝั่งพระนครเดินถ่ายรูปเล่นกันใน 1 วัน

 

เที่ยวพระนคร

09.00 น. ร้านกาแฟโกปี้เฮี้ยะไถ่กี่ 

เริ่มกันแต่เช้า แวะมาเติมพลังกันก่อน ที่ ร้านกาแฟโกปี้เฮี้ยะไถ่กี่ ร้านกาแฟเก่าแก่ที่ตกแต่งในสไตล์ดั้งเดิมแบบสภากาแฟโบราณ ตั้งอยู่ใกล้เสาชิงช้า อยู่ตรงหัวมุมซอยสำราญราษฎร์ เยื้องกับศาลาว่าการกรุงเทพ บรรยากาศของร้านนั้นถือว่าน่านั่ง เพราะเข้ากับการมานั่งจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าในย่านพระนครซึมซับความคลาสสิค โดยทางร้านให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม ทั้งในรูปแบบอาหารชุด และจานเดี่ยวหลากหลายรายการ เป็นร้านที่เน้นให้บริการตัวเอง คือ ดูเมนู สั่งอาหารที่เคาน์เตอร์ จ่ายเงิน จากนั้นรอพนักงานเรียกก็ไปรับอาหารที่เคาน์เตอร์

 

 

ในส่วนของชุดอาหารเช้ามีหลายชุดให้เลือก เช่น  ชุดอเมริกันเบรคฟาสต์  (ไข่ดาว ไส้กรอก  เบคอน แฮม เฟรนช์ฟรายส์ ขนมปังปิ้ง) ไข่กระทะ + ขนมปังสอดไส้ สเต็ก สลัด ซุป และอาหารสไตล์เอเชียและตะวันตก แบบจานเดียวให้เลือกลิ้มลอง รวมทั้งอาหารทานเล่น เช่น  ขนมปังอบเนยสด นอกจากเนย-น้ำตาล ยังมี นม แยมผลไม้ และน้ำพริกเผา  ส่วนเครื่องดื่มจะมีชา กาแฟ นมเย็น และมีกาแฟสด  ส่วนเครื่องดื่มที่เป็นชาจะไม่ชงสด แต่จะชงสำเร็จแล้วใส่ตู้กดพื่อความสะดวก   สำหรับรสชาติอาหารและเครื่องดื่มโดยส่วนตัว คือ รสชาติอาหารกลางๆ และราคาแอบสูงนิดนึง  ร้านเปิดทุกวัน 07:00 – 20:00 น.

 

 

10.00 น. วัดอรุณราชวราราม

หลังจากที่มีการปฎิสังขรณ์ วัดอรุณราชวราราม ในรูปโฉมใหม่  กลายเป็นวัดอรุณสีขาวประดับด้วยลวดลายกระเบื้องสีสันสวยงาม จนกลายเป็นที่ฮือฮาจนหลายคนต่างมาเก็บภาพความงามของวัดอรุณกันอย่างไม่ขาดสาย ถือโอกาสไปเก็บภาพของพระปรางค์วัดอรุณฯ แวะเข้าไปไหว้พระทำบุญให้อิ่มใจกันบ้าง

 

 

สำหรับการเดินทางมาที่วัดอรุณ จะขับรถมาจอดไว้บริเวณแถววัดหรือบริเวณใกล้เคียงก็ได้ แต่ที่จอดรถหน้าวัดพื้นที่จำกัดส่วนใหญ่จะเต็ม  ถ้าเน้นสะดวกและที่จอดรถมีเยอะสามารถนำรถมาจอดได้ที่ราชนาวีสโมสรตรงข้ามกับวัดพระแก้ว แล้วเดินไปท่าเตียนจากนั้นนั่งเรือข้ามฟากจากฝั่งท่าเตียนมาจะถึงวัดอรุณเลย ค่าเรือคนละ 4 บาท หรือนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา มาลงที่ท่าวัดอรุณก็ได้  นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะมากโดยเฉพาะชาวต่างชาติ แนะนำถ้าเน้นมาถ่ายภาพพอร์ตเทรตไม่อยากเจอคนเยอะควรมาแต่เช้าประมาณ 8-9 โมงกว่า เพราะหากประมาณ 10 โมงเป็นต้นไป คนจะเยอะมาก จะหามุมถ่ายภาพค่อนข้างลำบาก  วัดอรุณฯ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. (คนไทยเข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้าคนละ 50 บาท)

 

 

พระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นสถาปัตยกรรมไทยโดดเด่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ถือได้ว่าเป็นศิลปกรรมที่สง่างามที่สุด นอกจากนี้ยังมีพระปรางค์รองอีก 4 ปรางค์ ซึ่งได้รับการบูรณะเสมอมา ความวิจิตรตระการตาที่เห็นนั้น มาจากการประดับด้วยชิ้นเปลือกหอย กระเบื้องเคลือบ จานชามเบญจรงค์สีต่างๆ เป็นลายดอกไม้ ใบไม้ และลายอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งด้วย กินนร กินรี ยักษ์ เทวดา และพญาครุฑ ส่วนยอดบนสุดของพระปรางค์ติดตั้งยอดนภศูล

 

ก่อนบูรณะเราอาจคุ้นตากับภาพพระปรางค์สีเข้มดูขลังหน่อย แต่พอเปลี่ยนมาเป็นสีขาวในช่วงแรกอาจไม่คุ้นชินตาและมีกระแสกันพอสมควรว่าพระปรางค์ไม่สวยเหมือนเดิม แต่โดยส่วนตัววัดอรุณโฉมใหม่ก็สวยดูสะอาดตาดี แถมมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะขึ้นกว่าเดิมมาก คือ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก พื้นสีขาวก็ช่วยขับสีของกระเบื้องให้โดดเด่นขึ้น กลายเป็นแบบวัดที่ดูทันสมัยและมีเอกลักษณ์มากขึ้น จะแต่งตัวมาแบบกรุยกรายหรือแบบวินเทจ หรือแบบชิคทันสมัย ก็ไปได้หมด

 

 

11.30 น.  ฮาเตียน คาเฟ่

จากวัดอรุนเราขึ้นเรือข้ามฝั่งจากวัด มายังท่าเตียน เพื่อนั่งพักจากอากาศที่ร้อนกันสักครู่ ไปเสพบรรยากาศสไตล์แอนทีคคาเฟ่ ที่ ฮาเตียน ตกแต่งแบบคลาสสิค เรียบหรู เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของความเป็นชุมชนเก่าท่าเตียนภายในร้านเน้นมีมุมให้ถ่ายรูปสวยหลายมุม  ตกแต่งโดยใช้เฟอร์นิเจอร์และของเก่าสะสมมาจัดวาง โดยเฉพาะมุมเด่นของร้าน บันไดเหล็กวนขึ้นไปยังชั้นบน ที่มุมด้านข้างเป็นชุดเก้าอี้ไม้แบบผู้ดีโบราณอลังการมาก มาร้านนี้จะเห็นลูกค้าส่วนใหญ่แต่งตัวมาแบบเก๋ไก๋ กรุยกราย ใส่หมวกปีกบาน โพสต์ท่าถ่ายภาพหามุมสวยแชร์ลงบนโลกโซเชี่ยลกันเยอะมาก

 

 

ร้านอยู่ในซอยประตูนกยูงเยื้องวัดโพธิ์มานิดนึง แถวท่าเตียนไม่มีที่จอดรถสำหรับใครที่ขับรถมาแนะนำให้ไปจอดไว้ที่ราชนาวีสโมสรมีลานจอดรถกว้างขวางเสียค่าบริการชั่วโมงละ 20 บาท  จากนั้นก็เดินมายังท่าตียน จะเป็นตึวแถวเก่าคงไว้ด้วยโครงสร้างเก่าดั้งเดิม แต่ตกแต่งปรับให้มีความโปร่งมีทั้งหมด 3 ชั้น แต่ละชั้นจะออกแบบแตกต่างกันไป ชั้นแรกเป็นเคาท์เตอร์สำหรับสั่งเครื่องดื่มและเบอเกอรี่ มีตู้เค้กไว้สำหรับให้เลือกสั่งได้ตามใจชอบ

 

 

ภายในร้านตกแต่งด้วยของใช้สไตล์วินเทจ ความเก๋อยู่ในพื้นที่ของชั้นสอง ที่ตกแต่งในโทนขรึม เน้นเฟอร์นิเจอร์สีเข้ม ได้กลิ่นอายของความเป็นวินเทจ ผสมผสานกับความเรียบหรู บริเวณผนังเป็นผนังเก่าทั้งผนังปูนเปลือยและผนังไม้  ประดับด้วยกรอบรูปและภาพโบราณมากมาย

 

 

มุมเด่นที่สุดคงเป็น มุมโต๊ะเก้าอี้ที่อยู่ด้านในสุดด้านหลังเป็นตู้โบราณและสัตว์สตัฟต์  มุมนี้ให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้ดีอังกฤษหน่อยๆ เพิ่มกิมมิคด้วยบันไดเหล็กวนขึ้นไปยังชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งถ่ายภาพที่เรียกว่าเป็นจุดขายของร้านี่ทุกคนต้องไม่พล

 

 

ขึ้นบันไดวนมาถึงชั้นที่ 3 โดยชั้นนี้จะถูกตกแต่งให้ออกมาในบรรยากาศแบบสบายๆ เน้นโทนสีขาวแบบเรียบง่าย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้  ชั้นนี้มีความโปร่งโล่งและสว่างมากที่สุดเพราะใช้ผนังแบบเรือนกระจกที่แสงสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ บรรยากาศในชั้นนี้จะให้ความรู้สึกแบบไทยคลาสิคในยุคสมัยรัชกาลที่ 5

 

 

หากต้องการรับอากาศแบบโอเพ่นแอร์ บริเวณพื้นที่ด้านนอกซึ่งเป็นชั้นด้านฟ้า มีอีกหนึ่งโซนที่นั่งตกแต่งด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ

 

 

ในส่วนของเครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายทั้ง ชา กาแฟ อิตาเลี่ยนโซดาสั่ง อัญชันมะนาว ชาเขียวมะนาว พร้อมกับเค้กช็อกโกเลตมาทานซึ่ง รสชาติโดยรวมของเครื่องดื่มและเบอเกอรี่นั้นรสชาติดีเลยทีเดียว เค้กมีความเข้มข้นของช๊อกโกเลตมาก  ฮาเตียน คาเฟ่ เป็นอีกหนึ่งร้านเด่นในย่านท่าเตียนที่หลายคนต้องแวะมานั่งจิบกาแฟหรือถ่ายภาพเก๋ๆ

 

 

ฮาเตียน คาเฟ่

ตั้งอยู่ในซอยประตูนกยูง ฝั่งตรงข้ามที่จอดรถวัดโพธิ์
เปิดบริการตั้งแต่เวลา 9.00-20.00 น. ร้านปิดทุกวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ 081-302-0651
เฟซบุ๊ก คลิ๊ก  ฮาเตียน คาเฟ่ https://www.facebook.com/hatiencafebkk/

 

13.00 น. วัดโพธิ์

หายเหนื่อยแล้วก็ไปต่อ เดินไปยังวัดโพธิ์ วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมานาน และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 เมื่อก่อนเราอาจรู้จักวัดโพธิ์ในเรื่องของชื่อเสียงเรื่องนวดแผนไทย หรือว่ายักษ์วัดโพธิ์ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การถ่ายภาพชิคๆ แนวๆ เริ่มเข้ามาในโลกออนไลน์มากขึ้น ทำให้การเที่ยววัดเริ่มต่างไปจากเดิม จากที่มีวัตถุประสงค์แค่ไปไหว้พระ ทำบุญ ก็เพิ่มการถ่ายภาพพอร์ตเทรต แต่งตัวเลิศๆถ่ายภาพกับวัดในมุมสวยเข้ามาด้วย  เรียกว่าช่วยเพิ่มมีสีสันให้การเที่ยววัดเป็นเรื่องที่สนุกมากขึ้น โดยเฉพาะวัดโพธิ์  มีมุมถ่ายภาพสวยๆเยอะมากเลยทีเดียว

 

 

เมื่อก้าวเข้าประตูวัด  อันดับแรกคือ เข้าไปในวิหารพระพุทธไสยาส เพื่อกราบสักการะพระนอนองค์ใหญ่ ที่ต้องตะลึงกับความสวยงามและยิ่งใหญ่ของพระพุทธไสยาส  เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่กึ่งนอน ก่ออิฐ ถือปูน ปิดทองทั่วทั้งองค์ พระบาทซ้ายและขวาซ้อนเสมอกัน ที่พระบาทประดับมุกภาพ มงคล 108 ประการ

 

 

จากวิหารพระพุทธไสยาส จะพบกับหมู่เจดีย์ขนาดเล็กหลายองค์ ที่มีลวดลายกระเบื้องเป็นรูปดอกไม้หลากสีในโทนสีเหลือง ส้ม เขียว  ถือเป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายภาพสวยได้อีกมุมหนึ่ง  วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์

 

 

จากนั้นเดินเข้าไปข้างในสุด คือ องค์พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่ภายในพระวิหารข้างใน ด้วยความงดงามและความสำคัญทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน จึงทำให้วัดโพธิ์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของใครหลายๆคนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองไทย

 

 

14.00 น. Tonkin Annam 

ล่วงเลยเข้าไปเกือบบ่ายสองโมง ท้องเริ่มร้อง อาหารกลางวันของเรายังไม่ได้ทานกันเพราะมัวถ่ายรูปจนเพลิน กลับมายังฝั่งท่าเตียนต่อไปยังร้าน   Tonkin Annam ตงกิง อันนัม  ร้านเวียดนามชื่อดัง ในย่านท่าเตียน  เป็นร้านอาหารเวียดนามขนานแท้แนวฟิวชั่น ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เมนูอาหารตกแต่งสวยงาม รสชาติอ่อนแบบธรรมชาติ  บรรยากาศดีน่านั่งทานแบบชิล  ร้านตั้ง อยู่ ในซอยเล็กๆ ตรงข้ามวัดโพธิ์  หน้าปากซอยจะเป็นธนาคารกรุงไทย ก็เดินเลี้ยวเข้าไป จะเจอร้านอยู่ขวามือ ร้านจะไม่มีที่จอดรถแต่สามารถจอดได้ที่ราชนาวีสโมสร แล้วเดินมาท่าเตียน ตัวร้านเป็นตึกแถว 2 ชั้น ตกแต่งแบบดิบๆ สไตล์ Loft

 

 

เมนูส่วนใหญ่แน่นอนเน้นเป็นอาหารเวียดนาม เริ่มจากแหนมเนือง เป็นแหนมเนืองแบบเวียดนามแท้ๆ คือ แป้งเป็นแผ่นใหญ่บาง ทานแบบแห้งไม่ต้องแช่น้ำ  จากนั้นนำเครื่องเคียงทุกอย่างใส่ลงในแผ่นแป้งได้เลย ตัวเนื้อหมูรสชาติมีเอกลักษณ์ดี มีเครื่องเคียงของอาหารเวียดนาม ทั้งแตงกวา  กล้วยดิบ กระเทียม แตงกวา และมะม่วง พริกเผา  และผักเครื่องเคียง  ผักชีลาว โหระพา ผักชีฝรั่ง ใบสะระเหน่

 

 

ยำหมูยอ ชอบรสชาติเมนูนี้เพราะรสชาติจัดจ้านที่สุด  มีข้าวเกรียบกรอบให้มากินแกล้มด้วยอร่อยดี  กุ้งพันอ้อย จัดเครื่องเคียงมาคล้ายกับแหนมเนือง  ทางร้านนำอ้อยมาทำแทนไม้เสียบ พันด้วยกุ้งบด ก่อนจะนำไปทอด เสิร์ฟมาพร้อมเส้นหมี่ ผักสด ไชเท้าดองรสหวาน และน้ำมันต้นหอม  เมนูนี้รสชาติกลางๆ  หมูห่อใบชะพลู รสชาติอร่อย หอม เกรียมกำลังดี  รสชาติอาหารโดยรวมแปลกดี  วัตถุดิบโอเค แต่รสชาติอาหารจะไม่จัดมาก ให้คะแนนความปราณีตในการจัดจานสวยงาม

 

 

Tonkin Annam ตงกิง อันนัม 

เวลาเปิดร้าน : 10:00 – 22:00 (หยุดทุกวันอังคาร)

โทร : 093 469 2969

Facebook : https://www.facebook.com/tonkinannam/

 

15.30 น. นภัสสร

ปิดท้ายกันที่  FLORAL CAFE  AT  NAPASORN คาเฟ่ดอกไม้ชื่อดังในย่านปากคลองตลาด ซึ่งตั้งอยู่ในร้านจัดดอกไม้นภสร โดยเปิดพื้นที่ของร้านให้เป็นคาเฟ่บรรยากาศย้อนยุคสไตล์วินเทจ ภายในคาเฟ่ละลานตาไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สไตล์วินเทจซึ่งเป็นของสะสมของเจ้าของร้าน  รวมทั้งดอกไม้แห้ง ดอกไม้สด ที่นำมาประดับตามผนังและเพดาน บวกกับแสงไฟสีส้มอ่อนแบบสลัวที่ผสมผสานกับแสงธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในบรรยากาศแบบเทพนิยาย ร้านดอกไม้นภสร ตั้งอยู่ที่ปากคลองตลาด ตรงข้ามธ.ธนชาติ ตัวร้านเป็นแบบตึกแถวคูหาขนาดเล็ก โดยพื้นที่ชั้นร้านเปิดเป็นร้านจัดดอกไม้ ส่วนคาเฟ่ตั้งอยู่ชั้น 2  และ 3

 

 

พื้นที่ในส่วนของชั้น 2 บริเวณทางเข้า คือ เคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มและเค้ก  ในส่วนของตกแต่งร้านได้สวยคลาสสิคโดยรูปแบบของร้านจะเปลี่ยนการตกแต่งไปเรื่อยๆ เน้นจัดแสงไฟแบบสลัว ใช้ผนังอิฐ  ประดับด้วยกรอบรูป  ดอกไม้แห้ง ไว้ทั่วเพดานและผนังของร้าน  มีตู้กระจก เซรามิก กระจกเงา

 

 

บริเวณทางเดินเข้าไปยังที่นั่ง ทำเป็นซุ้มจากใบหญ้าสีขาวแบบอลังการ  ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ เน้นเป็นเก้าอี้ไม้สไตล์เอิรธโทนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของร้าน  ในแต่ละมุมก็มีของประดับเป็นถ้วย จานชาม และของสะสมแนววินเทจต่างๆ  บรรยากาศโดยรวมแลดูฟุ้งฟิ้งชวนฝัน

 

 

ในส่วนเมนูจะเน้นเป็นเครื่องดื่มและของหวาน ให้จิบทานเล่นอินไปกับบรรยากาศที่แสนอบอุ่น  สั่งสั่งแอปเปิ้ลปั่นมินต์ และน้ำลิ้นจี่ปั่นมาทาน

 

 

พื้นที่บริเวณชั้น 3 ซึ่งเป็นส่วนของที่นั่ง ชั้นนี้จะเงียบสงบสักหน่อย ตกแต่งโดยเน้นแสงธรรมชาติ ให้ความรู้สึกอบอุ่น  มีพื้นที่นั่งสุดเก๋ ที่ด้านหลังประดับด้วยดอกไม้แห้ง และขสัตว์สตัฟฟ์ อลังการมาก

 

 

นอกจากนี้บริเวณชั้น 3 เป็นที่จำหน่ายข้าวของเครื่องใช้สไตล์วินเทจ ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนเป็นของสะสมหายาก ถูกนำมาจัดตกแต่ง เพื่อให้คนที่ชื่นชอบในแบบเดียวกันได้แลกเปลี่ยน ซื้อเก็บไว้เป็นคอลเล็กชั่นของตัว

 

 

ส่วนอีกมุมหนึ่งจะเน้นใช้แสงไฟสลัวให้อารมณ์โรแมนติก  แม้สถานที่จะไม่กว้างขวาง แต่ทุกอณูตกแต่งไปด้วยดอกไม้ สวยงาม สมแล้วกับที่เป็นส่วนหนึ่งของร้านดอกไม้ ยิ่งคนที่ชอบถ่ายรูปนั้นถูกใจเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าสามารถเก็บภาพได้ทุกมุม

 

FLORAL CAFE  AT NAPASORN

67 ถนนจักรเพชร แขวงบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ  ในย่านปากคลองตลาด
โทร. 02 222 6895, 02 221 2039 , 06-1852-8866
เปิดวันจันทร์ถึงเสาร์ เวลา 10.00 น. – 20.00 น.

 

1 วัน ในพระนคร กับความสนุกสนานในการถ่ายภาพ ลุกขึ้นมาแต่งตัวให้ชิคสวยงาม  โพสต์ท่า หาพรอพเก๋ๆ  เที่ยววัดวาอารามในกรุงที่สวยงาม นั่งเล่นคาเฟ่ชิค ก็เปลี่ยนมุมของการเที่ยวพระนครในแบบเดิมได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง