“ วันหยุดเสาร์ อาทิตย์นี้ ไปเกาะเกร็ดกัน ไม่ได้ไปนานแล้ว ” เสียงฉันชวนเพื่อนสาวไปหลังจากที่รู้สึกว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนซักแห่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพและได้บรรยากาศแบบโบราณหน่อย “ เกาะเกร็ด ” เราห่างเหินจากสถานนี้มานานมากทั้งที่เมื่อก่อนเมื่อหลายปีไปบ่อยมาก นึกอะไรไม่ออกก็ไปเที่ยวเกาะเกร็ด อาจเพราะในทุกวันนี้มีสถานที่ในบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นมากมายจนทำให้เรารู้สึกว่า ที่นี่ไม่ได้มีความตื่นตา ตื่นใจสำหรับเราอีกแล้ว ไปเดินเที่ยวที่ใหม่ดีกว่า ประมาณนั้น เกาะเกร็ดเมื่อวันวานกับเกาะเกร็ดในวันนี้แตกต่างกันมากน้อยแต่ไหน เรามาอัพเดทกันซักหน่อยดีกว่า
การเดินทางมาที่เกาะเกร็ดจะขับรถมาเอง นั่งรถโดยสารประจำทาง หรือรถตู้แล้วมาลงแถวบริเวณท่าน้ำปากเกร็ดด็ได้ จากนั้นก็ต่อรถมอเตอร์ไซต์เข้าไปยังท่าเรือที่จะข้ามไปยังเกาะเกร็ด ซึ่งจะมี 2 ท่า คือ ท่าวัดสนามเหนือและวัดกลางเกร็ด ค่าเรือเที่ยวละ 2 บาท แต่ท่าที่เป็นที่นิยม คือ ขึ้นที่วัดสนามเหนือซึ่งจะไปขึ้นที่ท่าวัดปรมัยยิกาวาส ด้านหน้าเกาะ แต่ถ้าไปขึ้นที่วัดกลางเกร็ด เรือก็จะไปจอดที่ วัดป่าฝ้าย ซึ่งเป็นฝั่งด้านข้าง ซึ่งจะเดินไปไกลนิดนึงกว่าจะถึงด้านหน้าเกาะ ครั้งนี้ต้องเรียกว่าผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย เนื่องจากไม่ได้ไปมานานมาก เลยไปจอดรถที่วัดกลางเกร็ดแล้วขึ้นเรือที่ท่านี้ ทำให้แทนที่จุดเริ่มเดินเที่ยวของเราจะเริ่มจากวัดปรมัยยิกาวาส กลับกลายเป็นว่าเรามาขึ้นเรือที่ท่าเรือวัดป่าฝ้าย เดินไปอีกนิดหนึ่งก็เจอวัดฉิมพลี อ่แต่ไหนๆ ก็มาขึ้นท่านี้แล้ว เริ่มเดินจากตรงนี้ไปบ้างก็ดีเหมือนกันเพราะยังไม่เคยมาถึงซักที ผ่านวัดก็แวะไหว้พระ ทำบุญ ถวายสังฆทานที่วัดฉิมพลี กันซักหน่อย เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาขึ้นตรงฝั่งนี้น้อย ทำให้บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างเงียบสงบ
เดินมาไปตามถนนเล็กๆ ของเกาะเกร็ด ระหว่างทางซึ่งฝั่งนี้ยังไม่มีร้านค้ามากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่อยู่อาศัยมากกว่า มาเจอบ้านคุณพี่ท่านนี้กำลังบรรจงทำขนมจ่ามงกุฎอย่างตั้งใจ คุณพี่บอกว่าทำส่งเพื่อขายตามร้านต่างๆ บนเกาะเกร็ด ดีใจน่ะค่ะที่ได้เห็นภาพนี้ ขนมไทยโบราณของเรายังมีคนรักที่จะทำอยู่ ไม่หายไปตามกระแส
ผ่านมาร้านขายผลิตภัณฑ์จากไม้ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในเวลานี้ ที่เค้านิยมซื้อไปใส่อาหารเฮลตี้ถ่ายภาพบ้างอะไรบ้าง มีให้เลือกหลากหลายดีไซน์ทั้งช้อน ชาม จาน
ของเล่นโบราณ ขนมครกซักหน่อยมั้ย
เดินมาเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที มาสะดุดกับร้านกาแฟอยู่ร้านนี้ ตกแต่งได้น่ารักมาก ชื่อว่าร้าน คั่วมือ นอกจากเครื่องดื่มที่ทางร้านชงให้แล้ว เมนูเด่น คือ D.I.Y set ซึ่งเป็นเมนูที่ทางลูกค้าสามารถแปลงกายเป็นบาริสต้า รังสรรค์รสชาติกาแฟได้ตามใจชอบ เริ่มจาก คั่ว บด ต้มกาแฟเอง แล้วก็สามารถเลือกเมนูกาแฟที่เราต้ม จะให้ออกมาเป็น คาปูชิโน่ ลาเต้ มัคคีอาโต้ หรือจะกาแฟเย็นก็ได้แล้วแต่ออกแบบเลย 1 เซ็ท ในราคา 200 บาท แต่ในเวลานี้อยากหาของคาวลงสู่ท้องมากกว่า เลยต้องทักทายและบอกลาน้องในร้านว่า ไว้พี่จะแวะมาใหม่ค่ะ
เดินมาอีกนิดเจอบ้านไม้แบบดั้งเดิม บรรยากาศแนวไทยโบราณน่านั่ง เห็นเมนูเขียนไว้หน้าร้านน่าสนใจมาก มื้อเที่ยงนี้เราจะฝากท้องไว้ที่ร้านป้าสุน นี่แหละท่าจะเวิร์ค เพราะสังเกตจากลูกค้าที่นั่งในเบ้านก็เยอะอยู่
บรรยากาศภายในร้านกับมุมเก้าอี้นั่งไม้แบบเรียบงาย มีตู้กับข้าวไม้วางอยู่ด้วย ชวนให้นึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก
มุมที่น่านั่งที่สุดก็น่าจะเป็นตรงนี้ค่ะ โต๊ะนั่งริมหน้าตา มองวิว รับลม
เมนูจากทางร้านส้มตำไข่เค็ม ก๋วยเตี๋ยวญวน และมีไก่ย่างด้วย รสชาติอร่อย แต่สั่งมาทานพอเป็นพิธี เพราะเรายังต้องไปต่ออีกหลายร้าน กลัวจะอิ่มเสียก่อน
อิ่มของคาวก็สั่งของหวานได้มีให้เลือกหลายอย่าง
เดินมาเกือบถึงด้านหน้าเกาะเกร็ด ผ่านร้านกาแฟบ้านเลขที่ 1 ร้านตกแต่งแบบบรรยากาศย้อนยุคนิดๆ ข้างในร้านมีที่นั่งร่มรื่นกลางสวน เมนูเด็ดจะเป็นประเภท สเต๊ก สปาเก็ตตี้ พิซซ่า สลัด และเครื่องดื่มต่าง ๆ ไม่ได้แวะทานเพราะยังอิ่มจากร้านป้าสุน แต่เคยอ่านจากรีวิวหลายท่านบอกว่ารสชาติอาหารอร่อย
เดินมาถึงหน้าวัดปรมัยยิกาวาส บรรยากาศเริ่มคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว เพราะตรงนี้เป็นจุดด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นท่าเรือ และร้านค้าต่างๆ
ร้านขายทอดมันหน่อกะลา อาหารขึ้นชื่อของเกาะเกร็ดยังคงอยู่เหมือนเดิม รวมถึงร้านดอกไม้ ใบไม้ทอด ต่างๆ ด้วย
ร้านขายของเล่นโบราณและน้ำหอมสปาที่ใช้วางในห้องหรือบ้าน
ต้องบอกว่าตั้งแต่เดินไปตามทางเจอร้านอาหารเยอะมาก เลือกทานไม่ถูกว่าจะเข้าร้านไหน ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ตั้งอยู่ริมน้ำ อากาศช่วงบ่ายค่อนข้างร้อนงั้นเราไปหาร้านข้าวแช่ทานดับร้อนกันดีกว่า มุ่งตรงไปที่ ร้านข้าวแช่ คุณแดง
นอกจากข้าวแช่ก็มีเมนูอาหารตามสั่งอย่างอื่นด้วย สั่ง ยำทะเลทอดมันหน่อกะลา มาลองทาน รสชาติอร่อย
ระหว่างนั่งทานอาหารก็มีคุณตา คุณยาย พายเรือ มาขายปลาหมึกย่าง เลยช่วยอุดหนุนซักหน่อย ดีใจที่ได้เห็นภาพนี้วิถีชีวิตการขายของริมน้ำยังไม่จางหายไป
อิ่มท้องแล้วก็มาเดินช๊อปกันต่อไป มีของให้เลือกซื้อหลากหลายมาก ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปทางของกิน พวกขนมหวาน ขนมโบราณ
ข้าวหลามจิ๋ว น่ารักจัง
ร้านนี้ขายขนมไทยโบราณต่างๆ จ่ามงกุฎ ถุงทอง ขนมหวานประเภทนี้ เราไม่ค่อยได้เห็นกันง่ายนัก แต่สามารถพบเห็นได้ที่เกาะเกร็ด
ผลิตภัณฑ์พวกเครื่องหอม กำยาน ธูป เทียนหอม ก็ยังมีขายตลอดตามเส้นทาง
หม้อหอมเกาะเกร็ด เราเรียกกันขำ ขำ กับเพื่อนว่าหม้อถ่วงน้ำ
เดินมาจนถึงลานแสดง ซึ่งร้านค้าตรงนี้ส่วนใหญ่จะขายผักและของพื้นบ้าน
เดินย้อนกลับมายังเส้นทางเดิม มีวาดภาพล้อเลียน 19 บาท โอ้ว ถูกมาก
ปิดท้ายมื้อสั่งลาเกาะเกร็ดที่ร้าน เตี๋ยวอิงน้ำ เห็นบรรยากาศหน้าร้านแล้วสะดุดตา เข้าไปนั่งและสั่งอะไรทานกันซักหน่อย ร้านค่อนข้างกว้างมีโต๊ะให้นั่งหลายโต๊ะ
เมนูเด่นก็คงเป็นก๋วยเตี๋ยว และมีของหวานอย่างน้ำแข็งใส่ท๊อปปิ้งผลไม้ต่างๆ
จบทริปเกาะเกร็ดกันที่กันไปสักการะเจดีย์มอญสีขาวริมน้ำ แลนด์มาร์คที่สำคัญบนเกาะ เกาะเกร็ดในวันนี้ เราอาจไม่ได้เห็นการผลิตเครื่องปั้นดินเผาสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่มากนักเมื่อก่อนถ้าเราอยากมาซื้อเครื่องปั้นดินเผาโบราณต้องมาที่เกาะเกร็ดเท่านั้น ด้วยยุคด้วยอะไรที่เปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไป เกาะเกร็ด ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามกระแสบ้าง แต่ถึงอย่างไรการเดินเที่ยวเกาะเกร็ดในวันนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลงไปเลย ในทางกลับกันรู้สึกว่ามีอะไรเก๋ ไก๋ ให้ชมมากขึ้น ร้านค้า ร้านอาหารเยอะขึ้น วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ไม่ต้องไปไหนไกลมาเดินเที่ยวเกาะเกร็ดกันมั้ย
Tags : นนทบุรี, เกาะเกร็ด, เที่ยวเกาะเกร็ด