เกาะหลีเป๊ะ สตูล เกาะสวยยอดนิยมในฝั่งทะเลอันดามันมาเนิ่นนาน หลายคนต่างใฝ่ฝันว่าต้องมาเที่ยวให้ได้สักครั้ง จุดเด่นของทางเกาะหลีเป๊ะ คือ น้ำทะเลมีฟ้าเขียวใส มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มนวลขาวเหมือนแป้ง ความเป็นธรรมชาติของปะการังรายล้อมรอบเกาะ รวมทั้งยังมีจุดท่องเที่ยว จุดดำน้ำ ตามเกาะต่างๆ เป็นเกาะที่เดินทางสะดวก มีแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวให้บริการ มีที่พักสะดวกสบายริมทะเลให้เลือกหลายแห่ง ร้านอาหาร ร้านค้าชุมชน ที่ค่อนข้างตอบโจทย์ของการท่องเที่ยวสำหรับผู้ชื่นชอบและรักธรรมชาติของท้องทะเลไทย
สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะมีชายหาดหลัก 3 ชายหาด คือ หาดพัทยา หาดซันไรส์ หาดซันเซ็ท ซึ่งตั้งอยู่คนละฝั่ง สามารถเดินทางถึงกันได้ ด้วยการเดิน หรือนั่งรถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างท้องถิ่น หรือ ที่เรียกว่าแท๊กซี่บนเกาะไปยังจุดต่างๆ ได้รอบเกาะ โดยคิดค่าบริการคนละ 50 บาท
หาดพัทยา
หาดพัทยา ศูนย์กลางท่องเที่ยวบนเกาะ เป็นที่ตั้งท่าเรือรับส่งนักท่องเที่ยวไปยังหาดต่างๆ เป็นแหล่งชุมชนที่อาศัยของชาวบ้านบนเกาะ เต็มไปด้วยมีร้านค้า ร้านอาหาร รีสอร์ทที่พัก และจุดขึ้นเรือไปดำน้ำ เพราะฉะนั้นบริเวณหน้าหาดพัทยาจะเต็มไปด้วยเรือหางยาวที่จอดเรียงรายบริเวณชายหาด เพื่อรับส่งนักท่องเที่ยวไปดำน้ำ น้ำทะเลบริเวณหาดพัทยาค่อนข้างใส แต่ลักษณะของหาดทรายมีพื้นที่ไม่มาก และลาดเอียงลงสู่ทะเล
หาดซันไรท์
ชายหาดที่สวยที่สุดบนเกาะหลีเป๊ะ บรรยากาศเงียบสงบ มีเวิ้งอ้าวทอดยาว น้ำทะเลใส หาดทรายขาวละเอียด มีที่พักให้เลือกหลายแห่งไม่ต่างจากหาดพัทยา เพียงแต่ทะเลบริเวณหาดซันไรส์จะค่อนข้างสงบ และไม่มีเรือหางยาวมาจอดเทียบท่าบังสายตา จุดเด่นของหาดซันไรส์มีเนินทรายที่มีลักษณะคล้ายทะเลแหวก บริเวณหน้าหาดของเมาท์เท่น รีสอร์ท ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยม รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งของบีชบาร์ชื่อดัง Zodiac seesun beach bar ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่พักอยู่ตามหาดดต่างๆนิยมมาที่หาดแห่งนี้ หาดซันไรท์ ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามบนเกาะหลีเป๊ะ
หาดซันเซ็ท
ชายหาดที่เงียบสงบ ชายหาดและน้ำทะเลบริเวณหาดแห่งนี้ จะไม่สวยเท่ากับ 2 หาดแรก และมีที่พักค่อนข้างน้อย จึงอาจไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคนไทยมากนัก
ถนนคนเดินหลีเป๊ะ
ตั้งอยู่ฝั่งหาดพัทยา เป็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่น หาร้านอาหารทานเพราะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร มากมาย ถนนคนเดินจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงเวลาเย็นไปจนถึงค่ำ
สถานที่ท่องเที่ยวรอบเกาะ
อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมเมื่อมาถึงเกาะหลีเป๊ะ คือ ดำน้ำและท่องเที่ยวเกาะใกล้เคียง สามารถซื้อแพคเกจนำเที่ยวแบบ one day trip พาเที่ยวและดำน้ำ ตามเกาะต่างๆ ได้จากรีสอร์ทที่พักโดยตรง หรือหากซื้อแพคเกจเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน กับบริษัททัวร์นำเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ หรือซื้อกับทางรีสอร์ท จะมีแพคเกจดำน้ำให้ 1 วัน แต่ต้องสอบถามว่าเป็นแพคเกจดำน้ำรอบในหรือรอบนอก ซึ่งส่วนใหญ่ คือ ดำน้ำรอบในเพราะเส้นทางใกล้และมีเรือออกทุกวัน แต่โซนนอกต้องเช็คก่อน แนะนำถ้ามาทั้งทีซื้อแพคเกจโซนนอก เพราะจะครอบคลุมเกาะที่เด่นๆ ทั้งหมด หรือหากมาหลายคนเหมาเรือเที่ยว อยากแวะจุดไหนบอกคนเรือได้ เรือเหมาติดต่อสอบถามได้ยังที่พักเช่นกันมี Contact กันทั้งหมด
รายละเอียดแพคเกจดำน้ำมี 2 แบบ
ดำน้ำเกาะโซนนอก
ราคาแพคเกจแบบกรุ๊ปจอย 700 บาท ราคาเหมาเรือหางยาวราคาประมาณ 2,500 -3,500 บาท (ตามจำนวนคน) เริ่ม 09.00- 16.00 น. เกาะที่แวะคือ เกาะหินซ้อน เกาะไผ่ อ่าวกำนัน เกาะรอกลอย เกาะราวี เกาะยาง เกาะหินงาม ร่องน้ำจาบัง
ดำน้ำเกาโซนใน
ใช้เวลาราคาแพคเกจ กรุ๊ปจอย 600 บาท ราคาเหมาเรือหางยาวราคาประมาณ 1600 – 2,500 บาท (ตามจำนวนคน) เริ่ม 09.00- 14.00 น. โซนนี้ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าโซนนอก เกาะที่แวะ ร่องน้ำจาบัง เกาะหินงาม เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะยาง
เกาะเด่นในแพคเกจดำน้ำ
เกาะอาดัง
เกาะอาดัง ตั้งอยู่ตรงข้ามเกาะหลีเป๊ะมองเห็นได้จากหาดซันไรส์แบบไม่ไกล สามารถนั่งเรือหางยาวไปได้ ใช้เวลาเพียง 5 นาที เท่านั้น เกาะอาดังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตา บนเกาะมีหาดทรายขาวละเอียด มีที่พักและร้านอาหารของอุทยานฯ และที่พักของเอกชนเพียงแห่งเดียว คือ อาดัง ไอแลนด์ รีสอร์ท บนเกาะอาดังยังมีจุดชมวิว “ผาชะโด” ซึ่งในอดีตเคยเป็นจุดสังเกตการณ์ของโจรสลัดเพื่อเข้าโจมตีเรือสินค้า ปัจจุบันเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ใช้เวลาเดินขึ้น 40 นาที บนผาชะโดเป็นลานโล่งมองลงไปจะเห็นทิวสนและแหลมทรายสีขาวของเกาะอาดังและเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
เกาะราวี
เกาะราวี เกาะพี่น้องของเกาะอาดัง อยู่ห่างจากเกาะอาดังเพียง 1 กิโลเมตร มีหาดทรายที่ขาว สวย สะอาด น้ำทะเลใส นักท่องเที่ยวนิยมแวะที่เกาะราวีเพื่อพักผ่อนเล่นน้ำ รับประทานอาหารกลางวัน หลังจากเที่ยวดำน้ำยังจุดต่างๆ หรืออาจดำน้ำชมปะการังรอบเกาะ
เกาะหินงาม
เกาะหินงาม เกาะขนาดเล็กทางทิศใต้ของเกาะอาดัง เป็นเกาะที่ไม่มีหาดทรายขาวเหมือนเกาะอื่น ทั้งเกาะเต็มไปด้วยหินสีดำกลมเกลี้ยงมันวาว ยามโดนคลื่นซัดทำให้ก้อนหินเป็นมันวาวยิ่งขึ้น เล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา ห้ามนำเคลื่อนย้ายออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ
เกาะรอกลอย
เกาะรอกลอย เกาะขนาดเล็กที่อยู่ในแพคเกจดำน้ำโซนนอก ห่างจากเกาะหลีเป๊ะประมาณหนึ่งชั่วโมง จุดเด่นของเกาะรอกลอยคือหาดทรายที่ขาวสะอาดมีลักษณะเป็นแหลมสามเหลี่ยมยื่นออกไปในทะเล ปลายแหลมอยู่ใกล้กับเกาะดง มีหาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีเขียวมรกต นับเป็นเกาะที่เงียบสงบ น้ำทะเลใส หาดทรายขาว และมีความใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะกับการเล่นน้ำถ่ายภาพ เดินเล่นริมชายหาด
เกาะหินซ้อน
เกาะหินซ้อน เป็นก้อนหินยักษ์รูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยม วางซ้อนกันอยู่อย่างสมดุลกลางทะเล ด้วยลักษณะของเกาะหินซ้อนเป็นเอกลักษณ์ บางคนเรียกกองหินเรือดำน้ำ บางคนก็บอกว่ามันคล้ายเจ้าตัวโมอายแห่งเกาะอีสเตอร์ กองหินบริเวณนี้ มีทั้งปะการังอ่อน ปะการังแข็ง และดอกไม้ทะเลสีสันสวยงาม รอบเกาะหินซ้อนจึงเป็นที่นิยมของคนที่สนใจดำน้ำตื้น หรือ snorkeling การดำน้ำบริเวณนี้ต้องระมัดระวัง เพราะกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวเนื่องจากเป็นทะเลเปิด
ร่องน้ำจาบัง
ร่องน้ำจาบัง จุดดำน้ำยอดนิยมและขึ้นชื่อ เป็นจุดด้ำน้ำที่อุดมสมูบรณ์และสวยงามที่สุด มีปะการัง 7 สี สีสันสวยงาม ทั้งสีแดง สีชมพู มีดอกไม้ทะเล ฝูงปลาทะเล ปลาการ์ตูน แต่กระแสน้ำค่อนข้างแรง มีการทำทุ่นและแนวเชือกผูกไขว้กันเอาไว้ ให้เราเกาะเชือกไว้จะได้ไม่โดนกระแสน้ำพัดลอยไปไกล หากใครว่ายน้ำไม่แข็งแนะนำควรสวมชูชีพติดตัวไว้
มาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะใช้เวลากี่วัน
มาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ควรมีเวลา 3 วัน 2 คืน แต่ถ้าจะดำน้ำด้วยเพื่อไม่ให้เหนื่อยมาก 4 วัน 3 คืน คือ เวลาที่เหมาะสม เพราะกว่าจะนั่งเครื่องบินมาต่อรถต่อเรือ หรือการเดินทางวิธีอื่น มาถึงท่าเรือปากบาราไปเกาะหลีเป๊ะเรือรอบแรก 11.30 น. รวมแวะเกาะไข่ เกาะตะรุเตา มาถึงเกาะหลีเป๊ะบ่ายสองโมง ยังไม่ทันหายเหนื่อยจากการเดินทางก็หมดวัน วันต่อไป 9 โมง ไปด้ำน้ำกลับมาบ่ายสองหรือสี่โมงเย็นอาจจะเพลียมาก เช้าวันต่อมารอบเรือกลับ มีสองรอบ คือ 9.30 น.และ 11.30 น. ยังไม่ได้ดื่มด่ำกับชายหาดในช่วงเวลาที่สวย คือ เที่ยงถึงบ่าย ก็ต้องกลับ
ตัวอย่างเพลนคร่าวๆ หากมาเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน วันแรกมาถึงบ่ายสอง พักผ่อนแวะไปเที่ยว zodiac beach bar หรือถนนคนเดิน วันที่สอง ดำน้ำ 1 วันเต็ม พักผ่อน วันที่สามเดินทางกลับเรือรอบ 09.30 น. หรือ 11.30
แต่ถ้าใครไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา แนะนำ 4 วัน 3 คืน โปรแกรมวันแรก มาถึงบ่ายสองพักผ่อน วันที่สอง พักผ่อนริมหาด เที่ยวตามจุดต่างๆรอบหาด รวมถนนคนเดิน หรือจะนั่งเรือยอร์ชมพระอาทิตย์ตก มีแพคเกจขาย วันที่สาม ดำน้ำ 1 วัน เต็มๆ วันที่สี่ เดินทางกลับ แบบนี้จะเหนื่อยน้อยและชิลมาก เที่ยวได้ครบของความเป็นหลีเป๊ะ
เริ่มต้นเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ
มาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จะซื้อแพคเกจกับทางบริษัททัวร์นำเที่ยว หรือซื้อกับทางรีสอร์ทโดยตรงหรือจะจองด้วยตัวเองทั้งหมดก็ได้ แต่ราคาจองกับรีสอร์ทหรือทัวร์ แบบพัก 3 วัน 2 คืน ขึ้นไป ราคาอาจถูกกว่า และสะดวกกว่าเพราะไม่ต้องวางเพลนอะไร ทางที่พักและทัวร์จะจองและจัดทุกอย่างทั้งหมด ตั้งแต่รถรับส่ง เรือ และที่พัก รวมทั้งแพคเกจดำน้ำ แต่จะไม่รวมอาหารบางมื้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดแพคเกจแบบ 3 วัน 2 คืน ขึ้นไป รายละเอียดแพคเกจคล้ายกัน คือ รวมรถไปรับสนามบิน เรือไปกลับ ที่พัก 2 คืน และอาจมีแพคเกจดำน้ำ 1 วัน ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3000-12000 บาท Up ขึ้นอยู่ว่าเลือกที่พักที่ไหน เพราะที่พักแต่ละแห่งราคาไม่เท่ากัน ถ้าติดหาดสวยหรู ราคาแพคเกจจะสูงขึ้น
รอบเรือเดินทางไปกลับเกาะหลีเป๊ะ
ท่าเรือปากบารา เกาะหลีเป๊ะ มี 2 รอบ คือ 11.30 น. (รอบนี้จะแวะเกาะไข่ และเกาะตะรุเตา ) และ 13.30 น.
เกาะหลีเป๊ะ ท่าเรือปากนารา มี 2 รอบ คือ 09.30 น. และ 11.30 น.
ค่าเรือสปีดโบ๊ท ไปกลับ 1000 บาท บางแห่ง 1200 บาท ตั๋วเรือ ตั๋วรถรับส่งจากสนามบิน สามารถซื้อได้จากรีสอร์ทที่พัก หรือจะซื้อกับทัวร์นำเที่ยวเกาะหลีเป๊ะก็ได้ มีครบ
จุดรับฝากรถสำหรับนำรถส่วนตัวมาเอง
จุดฝากรถใกล้ท่าเรือปากบารามีประมาณ 4 จุด แต่แนะนำที่ใกล้ที่สุด คือ จุดฝากรถที่อยู่ติดกับร้านบังวร และถัดจากตรงนี้ไป คือ ที่รับฝากของบารา บารา ที่จอดรถค่อนกว้าง ราคาเท่ากัน คือ วันละ 100 บาท และอีกจุดบริเวณท่าเรือปากบารามีจุดรับฝากรถ ตรงนี้จะสะดวกไม่ต้องเดินเยอะเพราะอยู่ตรงท่าเรือ แต่จะไม่มีคนเฝ้าและตั้งอยู่กลางแจ้งไม่มีอะไรบังแดด คิดราคาเป็นชั่วโมงๆ ละ 12 บาท
ที่รับฝากรับใกล้ร้านโรตีบังวร ใกล้ท่าเรือที่สุด เดินไม่ถึง 10 ก้าว
ที่รับฝากของ บารา บารา ไกลกว่าบังวร แต่ที่จอดรถกว้าง ที่จอดค่อนข้างร่ม
ตัวอย่างทริปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน
ทริปนี้มีเวลาแค่ 3 วัน2 คืน ไม่ได้ซื้อแพคเกจกับทางทัวร์ และที่พัก จองด้วยตัวเองทุกอย่าง ทั้งที่พัก และตั๋วเรือ ขับรถส่วนตัวมาจากกรุงเทพ พักยังรีสอร์ทบริเวณหาดปากบารา 1 คืน เช้าอีกวันนำรถไปจอดไว้ใกล้ท่าเรือ ที่บาบารา โดยซื้อตั๋วเรือไปกลับกับทางทัวร์นำเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ชื่อว่า Lipe Lovers เรือรอบแรก 11.30 น ก่อนเดินทางไปรับตั๋วเรือที่ออฟฟิศติดกับร้านบังวรใกล้ท่าเรือ ทางบริษัทจะแจ้งว่าขึ้นเรือลำไหน จากนั้นไปยังท่าเรือปากบารา ชำระค่าธรรมเนียมผ่านท่าคนละ 20 บาท และค่าธรรมเนียมอุทยานคนละ 40 บาท เพราะเกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ จุดท่องเที่ยวต่างๆ อยู่ในพื้นที่ดูแลของอุทยานแห่งชาติตะรุเตาฯ จากนั้นรับบัตรคิวที่เคาน์เตอร์เรือที่เราจะขึ้น รอเรียกขึ้นเรือตามลำดับ เราได้ขึ้นเรือประมาณเกือบเที่ยง
นั่งเรือมาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่ามาถึงเกาะตะรุเตา เรือทุกลำจะแวะเกาะนี้เป็นเกาะแรกเหมือนกันทุกบริษัท และให้เวลาอยู่บนเกาะ 20 นาที เกาะตะรุเตาเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ในอดีตยังเป็นที่จองจำขังนักโทษ ทำให้มีอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ให้เห็นหลายจุด เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อตะรุเตาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องแวะมากราบไหว้บนเกาะมีที่พักของอุทยาน ร้านค้าสวัสดิการ มีน้ำดื่ม ขนมขาย มีห้องน้ำ
บรรยากาศบนเกาะตะรุเตา ค่อนข้างร่มรื่นเขียวขจีด้วยต้นไม้ น้ำทะเลบริเวณหน้าเกาะตะรุเตา ค่อนข้างใส หาดทรายสะอาด มีจุดนั่งเล่นพักผ่อน ให้ผ่อนคลายอิริยาบถ
จากเกาะตะรุเตา นั่งเรือไปสักพักแวะ เกาะไข่ สัญลักษณ์ของจังหวัดสตูล ให้เวลาถ่ายภาพ 15 นาที ลักษณะเด่นของเกาะไข่ คือ ซุ้มประตูหินที่มีช่องขนาดใหญ่ สามารถเดินลอดผ่านไปได้ น้ำทะเลบริเวณเกาะไข่ สีฟ้าใสมาก รวมทั้งหาดทรายมีความขาวละเอียด มีก้อนหินเรียงรายอยู่มากมายบนหาดทราย
เกือบบ่ายสองโมง เรือมาถึงเกาะหลีเป๊ะ เรือทุกลำจะมาจอดที่ท่าเรือบริเวณหาดพัทยา ลงจากเรือเดินผ่านทางเดินที่จัดทำไว้ แค่เห็นความใสของน้ำทะเลก็ว้าวแล้ว เดินขึ้นฝั่งไปจะมีรถของทางรีสอร์มารอรับ หรือถ้าไม่มีรถมารับก็นั่งรถโดยสารมอเตอร์ไซต์พ่วงข้าง ที่เรียกกันว่าแท็กซี่ จะจอดรถบริเวณท่าเรือ ราคาเที่ยวละ 50 บาท จะไปจุดไหนก็ราคานี้ ที่พักคืนแรกที่จองไว้ คือ Zodiac see sun resort ตั้งอยู่บริเวณหาดซันไรส์ จากหาดพัทยาไปยังหาดนี้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
zodiac seesun resort อีกหนึ่งที่พักชื่อดัง บรรยากาศสุดฟิน ตั้งอยู่ริมหาดซันไรส์ เดินไม่กี่ก้าวจะได้พบกับหาดทรายสีขาวละเอียด และน้ำทะเลสีฟ้าใส โดยเฉพาะหากพักห้อง Deluxe beach front สามารถมองเห็นวิวทะเลได้จากหน้าห้องพัก พร้อมห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำแบบ sea view ภายในที่พักมีทั้งร้านอาหาร และมุมพักผ่อนริมหาดปลายมุม ให้ได้พักผ่อนมองวิวทะเล และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระยังได้ชมแสงสีทไวไลท์หลากสีในยามเย็นได้อีกด้วย
ห้องพักของ zodiac seesun resort เป็นแบบบ้านที่ตั้งเรียงรายริมหาด ทั้งแบบบ้านที่ไม่เห็นวิวทะเลโดยตรง Superior Bungalow และ Superior Twin Sea View ราคาเริ่มต้น 3500-4500 บาท และห้องไฮไลท์ Deluxe beach front สามารถมองเห็นวิวทะเลได้จากในห้องพัก ห้อง deluxe ในช่วงไฮซีซั่น ราคาคืนละ 6000 บาท ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้ง แอร์ ทีวี ตู้เย็น และห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำที่เป็นแบบกระจก สามารถมองเห็นวิวทะเลได้เช่นกัน
zodiac seesun resort
โทรศัพท์: 091 049 8974
จองที่พักราคาพิเศษกับโกด้า คลิ๊ก จองที่พัก
บริเวณหน้าที่พักยังจัดพื้นที่สำหรับพักผ่อน ดื่มด่ำกับวิวทะเลได้แบบเต็มอิ่ม ทั้งที่นั่งแบบเก้าอี้ชายหาด ชิงช้าหน้าหาด
มีร้านอาหาร รวมทั้งมุมที่นั่งด้านหน้าร้านอาหาร สำหรับสั่งอาหารและเครื่องดื่มมานั่งทาน หรือจะสั่งมานั่งทานหน้าห้องพักก็ได้ อาหารที่นี่มีไม่มาก เน้นเป็นอาหารจานเดียว ส้มตำ ยำ รสชาติอร่อย
พื้นที่บริเวณหน้าหาด มีหาดทรายขาวละเอียด และน้ำทะเลสีสวยมาก ติดกับที่พัก คือ zodiac seesun beach bar ร้านยอดฮิตบนเกาะหลีเป๊ะ ที่ต้องมาถ่ายภาพ แต่ถ้าพักที่ zodiac seesun resort สามารถเดินไปได้ ชื่อเหมือนกันแต่คนละเจ้าของนะคะ
ช่วงเย็นเดินออกมาถ่ายภาพที่ Zodiac see sun beach bar เป็นบีชบาร์ยอดฮิตของหลีเป๊ะ เหตุผลที่เลือกพักที่นี่เพราะตั้งอยู่ติดกับบาร์นี้แหละค่ะ สามารถเดินมาถ่ายภาพเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะหากพักหาดพัทยาหรือที่อื่น อาจต้องเดินไกลหรือต้องนั่งรถแท๊กซี่ในเกาะมาเสียค่ารถเพิ่มอีก ถ่ายภาพที่บีชบาร์แล้วอย่าลืมอุดหนุนเครื่องดื่มสักหน่อยนะคะ จะเป็นน้ำคอกเทลหรืออะไรก็ว่าไป
เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับหาดซันเซ็ท ทำให้สามารถชมแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมากระทบกับชายหาดได้ด้วยในยามเย็น
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาชมบรรยากาศของพระอาทิตย์ขึ้น จากหน้าที่พัก ฟีลดีและเงียบสงบมาก
วันที่สองบนเกาะตอนแรกตั้งใจว่าจะไปด้ำนำโซนนอก แต่ยังไม่หายเหนื่อยจากการเดินทางในวันแรก เริ่มดำน้ำ 9 โมง กว่าจะกลับมาคงเย็น และเช้าวันต่อไปก็ต้องกลับแล้ว แทบไม่ได้มีเวลาพักบนชายหาด เลยเปลี่ยนใจไม่ไปดำน้ำ ขอพักอยู่ที่หาด หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เดินเล่นบริเวณหาดหน้าที่พัก และบีชบาร์วนไป
มาถ่ายภาพ Zodiac See Sun Beach Bar อีกครั้ง บีชบาร์สุดฮอตกับสไตล์การตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ ใครเห็นต้องสะดุดตา ร้านตกแต่งแบบฮิบดิบตามสไตล์ชาวเล เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติ ทั้งหลังคามุงจาก และไม้ที่นำมาดีไซน์วางเรียงกันตามมุมต่างๆ แถมยังมีเบาะนั่งและหมอนอิงสีสดใสที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังติดเกาะ หรืออยู่ในเรือโจรสลัดประมาณนั้น ร้านนี้เป็นร้านแบบบาร์ไม่มีอาหารแต่เน้นเครื่องดื่มแบบคอกเทล ยิ่งได้นั่งจิบเครื่องดื่มช่วงเย็นถึงค่ำฟีลดีมาก
ร้านตกแต่งแบบบ้านชาวเล เน้นใช้วัสดุเป็นไม้แบบธรรมชาติทั้งหมด ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ชานระเบียงที่ยื่นออกไปมวิวทะเล รวมทั้งที่นั่งในมุมต่างๆ มีความเก๋และน่าถ่ายรูปไปหมด มีหอคอยชมวิวที่สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสุงได้อีกด้วย นอกจากวัสดุไม้ยังเพิ่มความเป็นออนเดอะบีชยิ่งขึ้นด้วย เบาะนั่งและหมอนอิงสีสดใส
เป็นร้านที่ถ่ายภาพสนุกมาก ปังทุกมุม เปลี่ยนชุดถ่ายภาพหลายชุดกันไปเลย ช่วงเที่ยงแดดจะแรงหน่อย แต่ได้ท้องฟ้าสีฟ้าและนำทะเลสีสวย ให้ความรู้สึกแบบสาวชาวเกาะขนานแท้
จากนั้นมาเดินเล่น ถ่ายภาพบนชายหาดต่อ หาดซันไรส์เป็นชายหาดที่สวยมาก ด้วยน้ำทะเลที่ใส หาดทรายขาวละเอียด ที่สำคัญไม่มีเรือหางยาวจอดอยู่มากมายเหมือนหาดพัทยา จึงเป็นเหตุผลว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ว่าจะพักตรงจุดไหน จะเดินมาบริเวณหาดนี้ เพื่อมาที่ Zodiac see sun beach bar แล้วหนึ่ง จากนั้นก็ถ่ายภาพบริเวณหน้าหาดวนไป
เดินมานิดเดียวจะเจอกับ เนินทรายขาว จนเห็นทะเลแหวกนี้ คือ อีกหนึ่งจุดไฮไลท์บนหาดซันไรส์ ที่ต้องมาถ่ายภาพ ตรงข้ามกับหาดซันไรส์ คือ เกาะอาดัง ที่ใกล้มาก นักท่องเที่ยวบางคนก็พายเรือไปที่เกาะเองค่ะ เพราะทางรีสอร์ทส่วนใหญ่ จะมีเรือกระจก และคายัคให้พายเล่น แต่อาจต้องออกแรงกันหน่อย สำหรับคนที่ชอบกิจกรรม ชอบออกกำลังกายก็คงไหว แต่สำหรับใครที่อยากไปเกาะอาดังแบบสบายๆ ก็เช่าเรือไป ค่าเรือไปกลับ 100 บาท เท่านั้น เพราะใกล้มาก 5 นาที ถึง ติดต่อสอบถามเรือจากที่พักได้เลย มาเกาะหลีเป๊ะ สามารถติดต่อทุกอย่างได้จากที่พักทีเราพักได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเรือ แท็กซี่รับส่งยังจุดต่างๆ แพคเกจดำน้ำ ล่องเรือ ทุกรีสอร์ทมี contact ถึงกันหมด สบายตรงนี้
ถ่ายภาพบริเวณหาดแล้ว มื้อกลางวันเราเดินขึ้นไปยัง เมาท์เท่นรีสอร์ท เพื่อไปทานอาหารกลางวัน และชมวิวในมุมสูง ซึ่งเป็นมุมไฮไลท์ของเกาะหลีเป๊ะ ที่ไม่ควรพลาด ถึงแม้ไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถมาชมวิวได้ เพราะมีร้านอาหารให้บริการ ขายทั้งเครื่องดื่ม และเมนูอาหารจานเดียว ส้มตำ ยำ ต่างๆ
จากร้านอาหาร สามารถมองเห็นความใสของน้ำทะเลแบบไล่สีได้อย่างสวยงาม มองเห็นแนวปะการังและโขดหิน รวมถึงสันทรายสีขาว ฟีลดีมาก
ชมวิวและความสวยใสของน้ำทะเลจนอิ่มใจและเริ่มหายเหนื่อยจากการเดินทาง ก็ได้เวลา move on จากที่พักและหาดซันไรส์ ไปยังที่พักในคืนที่สอง ที่ไม่เน้นติดหาด ตั้งใจเลือกพักที่พักที่อยู่ใกล้ถนนคนเดิน เพราะจะได้เดินเล่นชมบรรยากาศของถนนคนเดินก่อนกลับ เราพักที่ The chic โฮสเทลสุดเท่สไตล์ลอฟท์ใหม่เอี่ยมอ่อง มีพื้นที่กว้างใหญ่ในแบบไม่คิดว่า ที่พักแบบโฮสเทล จะมีพื้นที่กว้างขวาง ตกแต่งสวยและสะดวกสบายประดุจโรงแรม พิกัดตั้งอยู่ในย่านชุมชนติดถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ มีห้องพักในแบบรวมในราคาประหยัดหลักร้อยต่อคนตอบโจทย์ backpacker ที่มาเดี่ยวหรือมาเป็นกลุ่ม และห้องพักแบบส่วนตัวที่กว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในราคาไม่แพงราคาหลักพันต้นๆ ถึงแม้ไม่ได้ติดหาดแต่ตั้งอยู่ในชุมชนและติดถนนคนเดิน ง่ายสำหรับการไปหาของกิน ร้านค้าชุมชน รวมทั้งสามารถเดินไปหาดพัทยาที่ไม่ไกลกัน หรือเรียกรถไปยังหาดอื่นได้แบบสะดวก แนะนำมากสำหรับคนที่กำลังมองหาที่พักบนเกาะหลีเป๊ะในราคาที่จ่ายได้แบบสบายๆแต่ได้ห้องพักที่ดีเว่อวังมาก
ที่พักตั้งอยู่ใกล้กับถนนคนเดินและหาดพัทยา สามารถเดินไปได้ไม่ถึง 3 นาที มองจากหน้าที่พักอาจรู้สึกว่าเป็นที่พักธรรมดา ที่ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่พอเข้าข้างในเท่านั้นแหละ ต้องร้องอุทานแม่เจ้า ทำไมใหญ่โตโออ่าขนาดนี้ ตกแต่งสวยงาม ตัวตึกมีลักษณะแบบลึกทอดยาว มีสองชั้น ชั้นสองเป็นที่พักแบบโฮสเทลห้องรวมตั้งแต่ 4-6 คน โดยใช้ห้องน้ำรวม คิดราคาคนละ 550 บาท(ไม่รวมอาหารเช้า) ส่วนชั้นล่างเป็นห้องพักส่วนตัวที่พักได้ห้องละ 2 คน
ระหว่างทางเดินมีมุมนั่งเล่นที่ตกแต่งสวยแบบเท่มากหลายจุด ทั้งมุมที่นั่งติดกับชั้นหนังสือ มุมนั่งเล่น โต๊ะสนุกเกอร์ มีคาเฟ่ให้บริการด้วย เป็นที่พักในสไตล์โฮสเทลที่แรกที่รู้สึกว่า ดีมากเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ประดุจโรงแรมระดับ 4 ดาว ห้องพักใหม่ สะอาด แต่งสวย สำหรับคนที่ไม่เน้นที่พักติดหาด ที่นี่ตอบโจทย์มาก
เราพักแบบห้องส่วนตัว ตกแต่งสวยงามแบบเท่ๆ ห้องกว้างในแบบที่เหมาะสม เตียงนอนใหญ่นุ่มสบาย มีโต๊ะเก้าอี้ ทีวี ตู้เย็น และห้องน้ำที่กว้างแบ่งสัดส่วนได้ดี ราคาห้องคืนละ 2000 บาท (รวมอาหารเช้า) ราคานี้ถ้าเทียบกับที่พักบนเกาะหลีเป๊ะที่อื่น ต้องใช้คำว่าไม่แพง แต่ได้ห้องที่ดีเกินราคา ถึงแม้ไม่ติดหาดแต่ถ้าอยากไปก็เดินและเรียกรถรับจ้างบนเกาะเที่ยวละ 50 บาท ไปตามหาดได้ ดีมากจริงๆ เทใจให้เลย หากมาหลีเป๊ะครั้งหน้าจะมาพักที่นี่อีกแน่นอน
The chic เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ ติดถนนคนเดินพัทยา
โทร 090 767 6761, 090 767 6762
Line :@thechiclipe
facebook : thechiclipe
จากที่พักเดินไปยังถนนคนเดินหลีเป๊ะใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ผ่านชุมชน บ้านเรือน ของชาวบ้านบนเกาะ ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ที่นี่ยังมีความเป็นชุมชนชาวเล ที่ยังมีร้านค้าชุมชน บ้านเรือนของชาวบ้านบนเกาะในแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยน บรรยากาศของถนนคนเดินพัทยา ในช่วงสถานการณ์โควิด นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่ คือ คนไทยถ้าเป็นเมื่อก่อน ถนนคนเดินจะเนื่องแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ แต่ตอนนี้เงียบเหงามาก ร้านค้าหลายร้านปิดตัวลงไปเยอะ
มาถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ ต้องไม่พลาดมาทานเมนูยอดฮิต โรตี มีขายหลายร้าน แต่ร้าน นุชโรตี ร้านชื่อดังดูจะอลังการกว่าร้านอื่น มีเมนูโรตีให้เลือกแบบตาลายมาก เลือกไม่ถูก เราสั่งโรตีโรยโอวัลติน คือ ดีมากจริงๆ แป้งข้างนอกกรอบแต่ข้างในนุ่ม อร่อยจริง โรตีบนกาะหลีเป๊ะ มีความเป็นเอกลักษณ์ก็ตรงนี้ กินโรตีมาหลายที่กรอบยังไงก็ไม่เหมือน ไม่แปลกใจทำไมใครมาก็ต้องมาทานโรตี
อร่อยกับโรตีไปแล้ว ต้องมาทานอาหารทะเล ถึงแม้จะอยู่บนเกาะ แต่ถ้าจะทานอาหารทะเลสดแบบเผาหรือย่าง ร้านอาหารตามรีสอร์ทไม่ค่อยมีให้ทานนะคะ ส่วนใหญ่ที่รีสอร์ทเน้นเป็นอาหารจานเดียว ยำ ส้มตำ ที่มีปลา หมึก กุ้ง เป็นส่วนประกอบ ถ้าอยากทานทะเลเผาต้องมาที่ถนนคนเดิน แนะนำร้าน papaya mom เป็นร้านที่คนท้องถิ่นแนะนำ ยอมรับว่าอาหารทะเลสดจริง ทั้ง กุ้ง กุ้งมังกร ปลาหมีก หอยนางรม หอยแครง ไข่แมงดา ราคาอาจจะสูงตามสไตล์การทานอาหารบนเกาะท่องเที่ยว แต่จานใหญ่ ปริมาณเยอะ ที่สำคัญรสชาติอร่อยสมราคา
เมนูที่สั่ง กุ้งมงกรเอามาทำเป็นซาซึมิตัวละ 1200 บาท เนื้อหวานสด ฟินกับเมนูนี้มาก หอยนางรมตัวละ 100 บาท สดและตัวใหญ่มาก น้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บสุด ปลาหมึกไข่ทอดกระเทียม350 บาท ปลาหมึกไข่ทุกตัวจริงๆค่ะ ไข่แน่นมากเนื้อปลาหมึกไม่เหนียว แกงส้มไข่ปลาริวกิว 550 บาท ไข่ปลาเยอะมากตักไปเห็นแต่ไข่ปลา ไม่เคยกินแกงส้มไข่ปลาที่ให้ไข่ปลาแบบจัดเต็มขนาดนี้มาก่อนสมราคาค่ะ กุ้งแช่บ๊วยอบเกลือกิโลละ 700 บาทกุ้งสดเนื้อเด้งมาก ใบเหลียงผัดไข่ คือดีมีใส่เนยด้วยมีความหอมนิดๆ หอยไม้ไผ่หรือหอยหลอดตัวใหญ่มากจานละ 350 เนื้อหอยจะเหนียวไปนิดนึง แต่รสชาติดี สรุปดีงามทุกอย่างไปสามคนหารกันตกคนละพันกว่า ไม่เสียดายเงินที่จ่ายไปแม้แต่น้อย
ช่วงเช้าก่อนเดินทางกลับแวะไปที่หาดพัทยา ตรงจุดที่สามารถเห็นโค้งอ่าว ของหาดพัทยาได้แบบสวยๆ ซึ่งอยู่บริเวณพระตำหนักกรมหลวงชุมพร มุมนี้คนในพื้นที่แนะนำอีกเช่นเคย มาเกาะหลีเป๊ะสองรอบ ยังไม่เคยรู้เลยว่ามีพระตำหนักกรมหลวงชุมพร ตั้งอยู่บนเกาะด้วย น้อยคนที่จะเดินมาตรงนี้ ส่วนใหญ่จะเดินเล่นพักผ่อนหน้าหาดมากกว่า
จากศาลกรมหลวงชุมพร เดินผ่านโขดหินมาถึงบันดายา รีสอร์ท จะเห็นท่าเรือไม่ไกล อากาศในวันนี้ครึ้มนิดหน่อย ทำให้อาจเก็บภาพความสวยใสของหาดพัทยามาได้แบบไม่สุดมากนัก 11.30 น. เรือรอบสุดท้ายออกจากเกาะหลีเป๊ะ ไปยังท่าเรือปากบารา เกาะหลีเป๊ะ คือ ทะเลอันดามันที่แรกเคยมาเที่ยวเมื่อหลายปีก่อน จากที่เคยไม่ชอบทะเลและเคยติดภาพทะเลที่ขุ่นหาดทรายสีน้ำตาล แต่พอมาหลีเป๊ะ เหมือนเปิดโลกใหม่ ทำให้เปลี่ยนความคิดว่า ทะเลไทยก็สวยไม่แพ้ที่ไหน มาเที่ยวอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม ถึงแม้จะมีที่พัก มีสิ่งก่อสร้าง ร้านต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ความสวยงามของเกาะหลีเป๊ะเราว่าเปลี่ยนไปมากพอสมควร แต่ถึงอย่างไรยังตรึงใจเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
คลิ๊ปวีดีโอเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ คลิ๊ก เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ
หาที่พักเกาะหลีเป๊ะ คลิ๊ก 15 ที่พักเกาะหลีเป๊ะติดทะเล
ที่พักท่าเรือปากบารา พักก่อนเดินทางไปเที่ยวเกาะ
คลิ๊ก 12 ที่พักใกล้ท่าเรือปากบารา
Tags : การเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ, ที่พักเกาะหลีเป๊ะ, เกาะหลีเป๊ะ, เที่ยวสตูล, เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ