ถ้ำนาคี นครพนม รีวิวเจาะลึก เดินกี่กิโล ต่างกับถ้ำนาคายังไง
ถ้ำนาคี ดินแดนแห่งพญานาคอันศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อมโยงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติได้อย่างงดงาม ตลอดเส้นทางจะได้ชมกลุ่มหินรูปร่างแปลกตาคล้ายเกล็ดพญานาค สร้างความตื่นตาตื่นใจ มีหินพญานาคหลายจุดถึง 10 เศียร ตำนานการเกิดของถ้ำนาคี เล่ากันว่าหลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นั่งกรรมฐานแล้วมีนิมิต จนนำไปสู่การทยอยค้นพบเศียรพญานาค ถึง 9 เศียร จึงได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม สำหรับคนที่ชอบความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และเรื่องราวลึกลับ สายมูขอโชคลาภ ต้องมาตามเส้นทางสายศรัทธาพญานาคแห่งนี้
ถ้ำนาคี ต่างกับ ถ้ำนาคาอย่างไร
ถ้ำนาคี ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา ในเขตอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ส่วน ถ้ำนาคา อยู่ในเขตของอำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ อยู่ในภูเขาลูกเดียวกันแต่อยู่คนละฝั่งแต่ไม่ไกลกัน ต่างกับ ถ้ำนาคา บึงกาฬ คือ หินพญานาคมีหลายจุดถึง 10 เศียร รวมผานาคี ส่วน ถ้ำนาคา มีจุดไฮไลท์หลัก คือ ถ้ำนาคาที่เป็นโถงถ้ำและเศียรพญานาคไฮไลท์ขนาดใหญ่ 1 จุด และมีเศียรเล็กๆระหว่างทางเพียงไม่กี่เศียร ส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินบันได
ถ้ำนาคี เดินง่ายกว่าทางไม่ชันอากาศเย็นสบาย ภายใต้ร่มเงาของผืนป่า ระยะทางไปกลับ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมง ส่วน ถ้ำนาคา ระยะทางไกลกว่าไปกลับประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 5-7 ชั่วโมง อากาศค่อนข้างอบอ้าว ยกเว้นมาฤดูฝน ทางเดินขึ้นชันมีทางปราบเซียน คือ บันไดสุดชันหลายขั้นและหลายจุด จึงเดินเหนื่อยกว่ามากอยากเห็นภาพให้ชัดขึ้น สามารถอ่านข้อมูลของถ้ำนาคา ถ้ำนาคา รีวิวละเอียดยิบ เตรียมตัวยังไง มีคำตอบ ส่วนใหญ่คนที่ไปถ้ำนาคี หลายคนไปถ้ำนาคาต่อในอีกวัน หรือใครฟิตจัดก็ไปวันเดียวกันเลย เพราะใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ถึงกัน ประมาณ 30 นาที
ช่วงเวลาท่องเที่ยว
ถ้ำนาคี สามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่แนะนำให้มาเที่ยวฤดูหนาวหรือฤดูฝน ช่วงเดือน สิงหาคม-กันยายา ป่าเขียวชอุ่ม ทั้งดอกไม้ป่า เฟิร์น ส่วนน้ำตกมีน้ำเยอะ ก้อนหินมีมอส เฟิรนสีเขียวปกคลุม เห็นลวดลายหินเป็นเลื่อมคล้ายเกล็ดพญานาคชัดเจน เพราะมีไหลผ่านมายังก้อนหิน ส่วนฤดูหนาว ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ป่ารอบด้านยังเขียวอยู่ แต่น้ำในน้ำตกไม่มีให้ชม หินแต่ละก้อนไม่มีตะไคร้สีเขียวปกคลุม มีความเกลี้ยงเกลาสวยไปอีกแบบ
ถ้ำนาคี เปิด ปิด เมื่อไหร่ ?
ส่วนใหญ่ ถ้ำนาคี จะปิดฟื้นฟูในช่วงมิถุนายนของทุกปี ใครเดินทางในช่วงเดือนนี้ แนะนำให้สอบถามโดยตรง ที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา เฟสบุค >> อุทยานแห่งชาติภูลังกา
เดินยากมั้ย ?
เส้นทางเดินไม่ยากมาก มาเที่ยวได้ทุกวัย ตั้งแต่ เด็กเล็ก วัยหนุ่มสาว วัยชรา มาเป็นกลุ่ม มาคนเดียว มีให้เห็นหมด แค่มีใจอยากมา แต่ถ้ามาด้วยความเชื่อเพิ่มเข้ามาด้วย จะรู้สึกว่ามีแรงเดินมากขึ้น สำหรับสายมูมักมาขอพรเรื่องธุรกิจ การค้าและเงินและจะให้ดีควรขอเพียง 1 ข้อ เพื่อความชัดเจน ท่านจะได้ประทานพรได้ถูก และมีเรื่องเดียวที่ขอไม่ได้ คือ ความรักเพราะว่ากันว่าพญานาค ไม่สมหวังเรื่องของความรัก
รีวิวเที่ยวถ้ำนาคี
รู้ก่อนเที่ยว
สำหรับในรีวิวนี้ เดินทางช่วงฤดูหนาวในเดือนธันวาคม ก่อนมาเที่ยวตามกฎของอุทยานฯ ต้องมีไกด์พาขึ้นเท่านั้น ไกด์ 1 คน ต่อนักท่องเที่ยวไม่เกิน 5 คน ค่าไกด์ตามสินน้ำใจที่จะให้ ไม่ต้องจองคิว สามารถ walk in ได้เลย ช่วงเวลาเปิดให้เดินขึ้นถ้ำ 07:00 น. -15:00 สามารถติดต่อไกด์ที่ทางขึ้นอุทยานได้เลย แต่แนะนำให้ติดต่อไกด์ล่วงหน้า เพราะไกด์จะเตรียมสิ่งของให้พอดีกับจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่ไกด์ทุกท่านจะเตรียมเหมือนกัน
*** ติดต่อไกด์ คุณกุ๊กไก่ โทร 082 695 1751 และคุณหนุ่ม โทร 093 516 1524 สองท่านนี้เตรียมทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำวิตามิน ยาดม สเปรย์คลายกล้ามเนื้อ ลูกอม ช๊อกโกเลต ยาเล็กน้อย ไม้เท้าสำหรับเดิน ให้ข้อมูลถ้ำนาคีและดูแลดีมาก แถมถ่ายรูปสวยมากหามุมดีให้ตลอด
*** ในส่วนที่พัก เราพักที่ 3039 นาคีเบสท์แคมป์ อยู่ใกล้ถ้ำนาคีค่ะ เป็นทั้งที่พักและร้านอาหาร ด้วย เรียกว่าครบ อ่านรีวิวที่พักเพิ่มเติมที่ 3039 นาคี เบสแคมป์ & 3039 นาคี สเตชั่น ที่พัก ร้านอาหาร ใกล้ถ้ำนาคี
เริ่มต้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา
เริ่มต้นการเดินทางที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา โดยจุดท่องเที่ยวจุดหลัก คือ ถ้ำนาคี ผานาคี เศียรพญานาคทั้ง 9 เศียร และมีเศียรที่ 10 ที่เพิ่งค้นพบได้ไม่นาน รวมทั้งหินรูปทรงต่างๆ และจุดไว้ขอพร แต่ละเศียรห่างกันไม่มาก ระยะทางไปกลับประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง หากมาเที่ยวในฤดูฝน ระหว่างทางมีแวะไปเที่ยวน้ำตกด้วย น้ำจะเยอะกว่าฤดูหนาวซึ่งไม่มีน้ำ ผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นทางปูนประมาณ 1.5 กิโลเมตร และผ่านเส้นทางเดินป่าอีก 300 เมตร จะถึงถ้ำนาคี ระหว่างทางมีจุดพักเป็นระยะ มีกลุ่มหินรูปร่างสวยงามแปลกตา รวมทั้งหินที่มีลวดลายคล้ายพญานาคให้ได้ชมหลายจุด พืชพรรณธรรมชาติ ดอกไม้ป่า
เรานัดไกด์ให้มาเจอที่พัก หรือใครจะนัดไกด์ที่หน้าทำการอุทยานฯก็ได้ ไปถึงที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 8 โมง เช้า ชำระค่าบริการเข้าอุทยานคนละ 20 บาท ค่ารถคันละ 30 บาท จากนั้นไปลงทะเบียนเข้าอุทยานเริ่มต้นเดินเท้า มีป้ายอุทยานอันใหญ่โตนี้ เริ่มเดินตั้งแต่เช้า มีข้อดี คือ อากาศไม่ร้อนมาก การเริ่มต้นเดินเวลาไหน แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน จะเดินเช้าหรือบ่ายก็ได้
ก่อนขึ้นถ้ำไกด์พามาไหว้ขอพรยังศาล แม่ย่านาคี ที่ตั้งอยู่ตรงทางขึ้นก่อน เพื่อไหว้ทำความเคารพ ขอพรเพื่อให้การเดินไปยังถ้ำครั้งนี้สะดวกและไม่มีอุปสรรคใดๆ รวมถึงขอพรในสิ่งที่เราปรารถนาด้วย
จุดเริ่มต้นเดินทางราดยาง
ระยะทางในช่วงแรกของถ้ำนาคี เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ผ่านถนนราดยาง 1.5 กิโลเมตร ตลอดสองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีดอกไม้ป่าให้ชมเป็นระยะ หากมาเที่ยวหน้าฝนจะสดชื่นและเขียวชอุ่มกว่านี้อีก
เส้นทางศึกษาธรรมชาติถ้ำนาคี 500 เมตร
เดินมาได้ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง สิ้นสุดทางราดยางมาถึงทางดินระยะทางถึงถ้ำนาคี 500 เมตร จุดนี้มีที่นั่งพัก มีห้องน้ำ ห้องน้ำสะอาดให้เข้าก่อนไปต่อ เพราะหลังจากนี้ระยะทางจะไม่สบายราบเรียบแล้ว
เส้นทางช่วงแรกประมาณนี้ ถือว่าเบาๆไม่ชัน เดินผ่านก้อนหินและทางดิน ระหว่างทางจะได้พบกับหินที่มีลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาค นี่คือ ก้อนแรก ไกด์น้องหนุ่มเลยจัดการถ่ายคลิปให้
เดินมาไม่ไกล มาถึง น้ำตกผางอย ซึ่งมาเที่ยวหน้าหนาวไม่มีน้ำ ตรงนี้เป็นช่องลมทำให้ลมพัดเย็นสบาย สามารถมานั่งพัก ถ่ายรูปชมวิวได้ บางจุดมีหลุมคล้ายสามพันโบก ในช่วงฤดูฝนน้ำเยอะ เราไม่สามารถเดินมานั่งตรงโขดหินได้ เพราะเต็มไปด้วยน้ำที่ไหลลงมา
เดินมาถึงจุดที่ชันที่สุดของเส้นทางนี้ เป็นทางดินระยะทาง 70 เมตร ซึ่งโดยส่วนตัวเราว่าไม่ชันมาก และระยะทางสั้นผ่านจุดนี้ไปก็เดินขึ้นลงบันไดแบบสบาย ระหว่างทางมีที่นั่งให้นั่งพัก
จุดที่ 1 หินพญานาคเศียร 9
เมื่อผ่านเส้นทาง 70 เมตร มาเจอเศียรแรก คือ หินพญานาคเศียร 9 เป็นเศียร์ไฮไลท์ของถ้ำนาคี มีรูปลักษณะเหมือนพญานาค กำลังชูคอ บริเวณรอบตัวหินยังมีลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาค มีรากไม้ เถาวัลย์ ปกคลุม ยิ่งช่วงที่มีแสงส่องลงมากระทบ ยิ่งทำให้รู้สึกมีก้อนหินมีชีวิต แอบขนลุกเบาๆ เศียร 9 ถือเป็นจุดกำเนิดของการเกิดถ้ำนาคี ที่ถูกค้นพบจากการนั่งกรรมฐานของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จึงออกตามค้นหา จนมาเจอเศียรนี้ และนำไปสู่การค้นพบหัวอื่น ตามมาอีก 9 หัว
มองไปยังพื้นทางเดินแอบตกใจ รากไม้สีดำคล้ายงูมาก รากไม้อันนี้อยู่ในจุดที่นักท่องเที่ยวเดินผ่านไปมา อาจเดินเหยียบจนรากไม้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำเงา แต่ถ้ามองในแง่ของความเชื่อ รู้สึกว่าธรรมชาติทุกอย่างในถ้ำนาคี มีรูปร่างลักษณะที่เชื่อมโยงกับพญานาคเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ลวดลายหินหรือแม้แต่รากไม้
บริเวณด้านข้างเศียร 9 คือ จุดแรกที่เราขอพร ขอทรัพย์ ให้เอาหัวแนบกับก้อนหิน ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วกล่าวคำขอตาม บอกในสิ่งที่เราต้องการ 1 ข้อ ขอได้ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน โชคลาภ ยกเว้นเรื่องเดียว คือ เรื่องความรัก
จุดที่ 2 ช่องทางเดินเลียบหิน
จากเศียร 9 ผ่านเส้นทางเดินเลียบลานช่องหิน ซึ่งตรงจุดนี้ หากมองขึ้นไปยังเพดานหิน จะเห็นว่าริ้วลายหินสีขาวจางๆข้างบน มีความคล้ายกับเศียรของพญานาคมาก
จุดที่ 3 หินพญานาคเศียร 1
ผ่านช่องทางเดินมาแล้วจะพบกับเศียรที่ 1 มีลักษณะคล้ายกับหัวงูที่ก้มลง ด้านหลังพิงกับก้อนหินอีกก้อน เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่สร้างสรรค์เชื่อมโยงกับความเชื่อ หินดังกล่าวมีลวดลายที่มีลักษณะคล้ายกับเกล็ดพญานาคเช่นกัน ใต้เศียรมีพระพุทธรูปนาคปรกวางไว้ตรงกลาง
จุดที่ 4 หินพญานาคเศียร 7
หินพญานาคเศียร 7 ลักษณะก้อนหิน 2 ก้อนที่ซ้อนกัน ประกอบกับแสงที่ส่องผ่านกระทบมายังริ้วลายหิน ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนพญานาคมาก เพลิดเพลินตากับก้อนหินที่ได้พบเจอ จนลืมความเหนื่อยไปเยอะ
จากเศียร 7 ต้องขึ้นบันไดผ่านช่องหินมีแสงส่องลงมา เหมือนแกรนด์เคนยอน ให้ความรู้สึกเหมือนมาผจญภัย ตามล่าหาขุมทรัพย์ บรรยากาศความลึกลับ ทุกอย่างล้วนประกอบกันหมด
จุดที่ 5 ถ้ำนาคี หินพญานาคเศียร 2
มาถึง ถ้ำนาคี จุดนี้มีฆ้องวางอยู่ ซึ่งเราต้องตีจำนวน 3 ครั้ง เพื่อเป็นการบอกกล่าวก่อนเข้าไปในถ้ำ หากมองไปยังผนังถ้ำ จะสังเกตุเห็นรากไม้ทอดยาวไปจนถึงตัวถ้ำ และมีช่วงหนึ่งขดเหมือนงู เป็นความอัศจรรย์อีกแล้ว
ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรก เนื้อหยกสีเขียวให้นักท่องเที่ยวกราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นความสิริมงคล
ภายในถ้ำยังมีเศียรที่ 2 ที่มีลักษณะของเศียรยื่นออกมาจากโพรงข้างล่าง เห็นเป็นตาและจมูกชัดมาก เหมือนกำลังว่ายเข้ามาฟังธรรม ข้างล่างตรงพื้นดินเหมือนมีน้ำปริ่มๆ ทุกอย่างดูช่างมีเรื่องราว ชวนให้คิดจินตนาการตลอด
จุดที่ 5 หินพญานาคเศียร 5
ออกมาจากถ้ำนาคี ลงบันได มาเจอเศียร 5 ที่เป็นก้อนหินรูปทรงกลม คล้ายกับกำลังเฝ้าปากทางขึ้นถ้ำไว้ ใกล้กันยังมีหินบริวาร ที่มีลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาคเช่นกัน
จุดที่ 6 หินพญานาคเศียร 6
เศียร 6 อยู่ติดกันกับเศียรที่ 5 ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปจากทางเดิน มองเงยหน้าขึ้นไป เหมือนก้อนหินกำลังจ้องมองเรา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม อันนี้จินตนาการด้วยตัวเองว่าเป็นแบบนั้น
จุดที่ 7 ห้องพระคลัง
ห้องพระคลังอยู่ใกล้กัน เชื่อว่าเป็นที่เก็บคลังสมบัติของพญานาค เป็นจุดไหว้ขอพรที่สำคัญสำหรับสายมูอีกหนึ่งจุด ทั้งในเรื่องของโชคลาภและเงินทอง โดยน้องไกด์นำเราให้สวดบทสวดตาม
จุดที่ 8 หินพญานาคเศียร 3
เดินมาถึง เศียรที่ 3 เป็นเศียรที่สร้างความอเมซิ่งได้อีกจุดหนึ่ง ด้วยลักษณะของก้อนหินที่ยื่นออกมาโดดเด่นคล้ายหัวงู ที่โผล่ออกมานิดนึง ระหว่างทางเดินเห็นเป็นลวดลายหินที่เกล็ดคล้ายพญานาคอย่างชัดเจน
จุดที่ 9 หินปลาวาฬคู่
จากเศียรที่ 3 จะมาเจอหินปลาวาฬคู่ ลักษณะหน้าตาคล้าบปลาวาฬสองตัวกำลังเกี้ยวพาราสีกัน น้องไกด์อธิบายมาแบบนี้ แล้วให้จินตนาการตาม ซึ่งเหมือนจริง ตรงจุดนี้ยังได้พบกับไก่ป่า ออกมาทักทายนักท่องเที่ยวด้วย
จุดที่ 10 หินพญานาคเศียร 10
ตรงข้ามกับหินปลาวาฬคู่ ยังมีเศียรที่ 10 ซึ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานนี้ มีลักษณะคล้ายหัวของงู ที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอิงแอบแนบชิดหินก้อนอื่นอย่างมีความสุข จินตนาการเองอีกแล้ว และยังมีหินบริวารที่มีลวดลายคล้ายเกร็ดพญานาคเช่นกัน
จุดที่ 11 ผานาคี
เดินมาอีกนิดเดียวมาถึง ผานาคี ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นแม่น้ำโขงและประเทศลาว และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกด้วย
จุดที่ 12 หินพญานาคเศียร 8
จากผานาคีเดินก็เดินกลับ ระหว่างทางจะพบกับเศียรที่ 8เห็นลวดลายเกร็ดพญานาค ลักษณะของเศียรนอนเกยหน้าไปทางฝั่งซ้ายมือ
จุดที่ 13 เมืองบังบด
มาถึงเมืองบังบด หรือเมืองลับแล อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของถ้ำนาคี โดยส่วนตัวรู้สึกมีความลึกลับมาก เป็นลักษณะของหินสองก้อน ที่แนบชิดกันเป็นทางยาว มีแสงส่องลงมาผ่านช่อง แอบขนลุกอีกแล้ว
จุดที่ 14 หินพญานาคเศียร 4
เศียร 4 เศียรสุดท้าย เป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่รังสรรค์หินได้เหมือนเกล็ดงูและหัวงูมาก น้องไกด์บอกว่า เศียรนี้มีรูปลักษณะเหมือนหัวงูจงอาง เป็นก้อนหินที่มองแล้วเหมือนมีชีวิต
จุดที่ 15 หินอินฟินิตี้
หินที่มีรูปลักษะณะเป็นวงกลมคู่กัน มีขนาดใหญ่ จนสามารถเข้าไปขดตัวอยู่ในก้อนหินนี้ได้
หากพูดในเรื่องของความสวยงามของธรรมชาติ ถ้ำนาคี เป็นสถานที่ควรมาเที่ยวชมให้ได้สักครั้ง ทุกอย่างที่ได้เห็นมีความตื่นตาตื่นใจไปหมด ก่อนมาถ้ำนาคี มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นทั้งตัวเองและผู้ร่วมทาง กลายเป็นการมาเที่ยวที่มีเรื่องของความเชื่อความศรัทธาเข้ามาด้วย จากที่ตอนแรกตั้งใจแค่มาชมความสวยงามของธรรมชาติ ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว