• หน้าแรก
  • เที่ยวบ้านโป่ง ชมความอาร์ต สัมผัสอารยธรรมมอญลุ่มน้ำกลอง

เที่ยวบ้านโป่ง ชมความอาร์ต สัมผัสอารยธรรมมอญลุ่มน้ำกลอง

บ้านโป่ง ราชบุรี เมืองสายอาร์ทที่คนรักศิลปะและชื่นชอบความฮิบต้องมา อำเภอเล็กๆแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายความคลาสสิคของบ้านเรือนเก่าแก่ ผสมผสานความติสท์ด้วยภาพกราฟฟิตี้สะท้อนเรื่องราวของเมืองราชบุรีที่ปรากฎอยู่ทั่วเมือง นอกจากนี้ยังมีอีกมุมแบบวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนมอญที่ได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานริมน้ำกลอง เกิดเป็นชุมชนมอญขนาดใหญ่ริมน้ำทั้งสองฝั่ง ยังคงความเป็นวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งการแต่งกาย อาหาร ความเชื่อ ไว้อย่างเหนียวแน่น  เพราะฉะนั้นหากมาเที่ยวบ้านโป่งนอกจากจะได้ชิคคูลตามสมัยแล้ว ยังมีอีกมุมที่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย บรรยากาศสบาย จะมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับก็ได้เพราะไม่ไกลจากกรุงเทพ แต่ถ้าให้ดีแนะนำมาค้างคืน จะได้เที่ยวบ้านโป่งได้แบบครบเกือบทุกมุมมอง

 

 

Street art บ้านโป่ง 

มาเริ่มเที่ยวบ้านโป่งในแบบสายอาร์ต ที่ Street art บ้านโป่ง  หามุมชิคโพสต์ท่าเท่ กับศิลปะบนผนังกำแพง ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินทั้งจากท้องถิ่นและศิลปินจากหลากหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่นไต้หวันอิตาลี  โดยภาพมีให้เห็นตามอาคาร บ้านเรือน ร้านค้า และตรอกซอกซอย ใครผ่านไปมาอดไม่ได้ที่จะหยุดถ่ายภาพเก็บไว้ เป็นการเดินชมเมืองบ้านโป่งอย่างสนุก ถ่ายภาพคู่กับศิลปะบนกำแพง ที่สร้างสรรค์มาได้อย่างลงตัว

 

 

สำหรับภาพ  Street art  บ้านโป่ง มีอยู่หลายจุด เริ่มจากจุดแรก มีภาพวาดเยอะที่สุด คือ  บริเวณโรงหนังเฉลิมทองคำ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดสด หากใครนำรถส่วนตัวมา แนะนำให้ไปจอดรถที่ลานจอดรถของตลาดสดบ้านโป่งแล้วเดินย้อนมาจะสะดวกที่สุด หรือไม่ก็นำรถไปจอดตรงบริเวณศาลเจ้าใกล้กับโรงหนังเฉลิมทองคำก็ได้ ตรงนี้จะเดินใกล้หน่อย แถวนี้หาที่จอดรถยากมาก เนื่องจากเป็นตรอกซอยเล็กๆ และเป็นอาคารบ้านเรือนของชาวบ้าน ภาพวาดบนโรงหนังจะมีรอบตึก ซึ่งแบ่งเป็น 2 ฝั่ง หากเดินมาจากตลาดก็จะเจอกับภาพชุดนี้ก่อน จุดนี้ คือ คิวรถตู้สายบ้านโป่ง แต่ไม่ได้มีรถตู้มาจอดเยอะนะคะ ถ่ายภาพค่อนข้างสะดวก ภาพของหญิงสาวชาวจีน ที่มีความอ่อนช้อยมาก เดินขึ้นไปบนตึกยังมีอีกหลายภาพ

 

 

ผ่านซอยมาจะเจอกับภาพอีกฝั่งของอาคารโรงหนังทองคำ มีทั้งภาพนกกระจอกตัวใหญ่สีดำนั่งบนจรวดฝิมือของ Mue Bon (มือบอน) ศิลปินกราฟฟิตีไทยที่ไปเพ้นท์งานมาหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งภาพที่เป็นคาเรคเตอร์ชัดเจนของศิลปินท่านนี้ คือ ภาพนกสีดำ และผลงานของศิลปินท่านอื่น ซึ่งเป็นภาพการ์ตูนสีสันสดใสน่ารัก และอีกหนึ่งภาพที่โดดเด่นน้องมาร์ดี ที่เรามักคุ้นเคยกับภาพนี้ตามสตรีทอาร์ทชื่อดังหลายแห่ง ทั้งเจริญกรุง และเมืองเก่าภูเก็ต

 

 

ถ่ายภาพเยอะเริ่มเหนื่อย ใกล้กับโรงหนังมีร้านกาแฟเล็กๆ ชื่อว่า คาเฟ่โรเซ่ ตกแต่งน่ารักมาก แวะเข้าไปนั่งจิบเครื่องดื่ม ตากแอร์เย็น พักเหนื่อยกันสักครู่ เป็นร้านที่เป็นหน้าต่างกระจกมองออกมาเห็นวิวข้างนอก ตกแต่งแบบวินเทจแนวหวานนิดๆ ด้วยภาพวาดกำแพงซึ่งเป็นภาพดอกกุหลาบสีชมพู

 

 

หายเหนื่อยแล้วเดินไปต่อยังจุดต่อไป ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน จุดนี้ถือเป็นภาพวาดที่น่าสนใจ อีกจุดหนึ่งของบ้านโป่งที่ต้องแวะมา ภาพแรกเป็นภาพนกตรงร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งปัจจุบันมีกันสาดของร้านบังไว้ จะเข้าไปถ่ายภาพยากหน่อย  ภาพที่สองอยู่ตรงข้ามร้านก๋วยเตี๋ยวตาหนวด เป็นภาพวาดฮิปโปที่บริเวรปากเป็นรูปรถไฟซึ่งเป็นอีกหนึ่งอัตลักษณ์บ้านโป่ง 

 

 

ถัดจากภาพนี้เข้าไปในซอย มีอีกหลายภาพ ทั้งภาพมังกร และภาพหญิงชาวจีน และภาพอื่นๆที่เราดูอาจไม่ค่อยเข้าใจว่าคือ ภาพอะไร แต่พอมาอยู่บนกำแพง ผนัง เก่าๆ ดูเท่มาก 

 

 

มาถึงจุดต่อไป ตลาดนัดบ้านโป่ง ซึ่งเป็นตลาดที่เปิดตอนกลางคืน ช่วงกลางวันไม่มีร้านค้ามาตั้ง เป็นพื้นที่โล่งกว้าง พิกัดตั้งอยู่ หลังแกรนด์พลาซา จุดนี้จากจุดแรกเดินไปไม่ได้เพราะตั้งอยู่ห่างออกไป ต้องขับรถไปแล้วหาที่จอดในบริเวณนั้น เป็นภาพ Street art ลายอักษรไทยยาวทั้งแนวกำแพง ตรงข้ามลานตลาดนัดก้อจะมีอีกลานจอดรถมีอีกหลายรูปเช่นกัน

 

 

จากตลาดนัดบ้านโป่ง ขับรถไปต่อยังซอยใกล้ก๋วยเตี๋ยวนางงาม ซึ่งมีภาพวาดบนบ้านเรือน ภาพบริเวณนี้จะเลือนลางมากแล้วอาจจะถ่ายภาพด้วยยาก เพราะบางจุดหญ้าขึ้นบัง และภาพก็อยู่สูง

 

 

ก๋วยเตี๋ยวนางงาม

แวะไปนั่งทานก๋วยเตี๋ยวนางงาม ร้านดังแห่งบ้านโป่งแนะนำว่าต้องมาทานให้ได้ ก๋วยเตี่ยวเส้นหมี่นุ่มมาก น้ำซุปหวานกลมกล่อม รสชาติอร่อยในราคาไม่แพง ตัวร้านเป็นบ้านไม้เก่าแต่เป็นห้องแอร์นะคะ มาตอนกลางวันคนเยอะมาก และหาที่จอดรถยาก ต้องวนหาจอดริมถนนและในซอยใกล้เคียง

 

 

nine café 

จุดสุดท้าย ไปต่อยัง ร้าน nine café  คาเฟ่ติดริมน้ำแม่กลอง ให้บริการทั้งบ้านพัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ครบวงจรมาก บนผนังกำแพงของร้านมีภาพวาดกราฟฟิตี้ขนาดใหญ่

 

 

ส่วนภายในร้านกว้างขวางตกแต่งแบบทันสมัยน่านั่ง มีภาพวาดกำแพงสีสันน่ารัก ภายในร้านหลายจุด เป็นร้านที่เหมาะสำหรับมาเป็นจุดสุดท้าย สำหรับนั่งชิลตากแอร์ ทานอาหารเครื่องดื่มกันแบบยาวๆ หลังจากถ่ายภาพตามจุดต่างๆ แล้ว

 

 

เมนูของร้านมีให้เลือกมากมาย ทั้งอาหารไทย และอาหารแบบตะวันตก เราสั่งสลัดแซลมอนรมควันผักสดร่อย และซี่โครงหมูบาบีคิว คือ ดีมาก เนื้อหมูนุ่มละลายในปาก ส่วนเครื่องดื่มกาแฟส้มรสชาติใช้ได้

 

 

unique77 บ้านโป่ง

ความชิค ความอาร์ต ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ แวะไปต่อ ที่ unique77 บ้านโป่ง คาเฟ่สไตล์อาร์ทผสมกลิ่นอายวินเทจที่จะพาคุณย้อนวัยรำลึกถึงวันหวานตามประสาวัยรุ่นยุค 90 อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยงานกราฟิตี้สุดสร้างสรรค์พร้อมให้คุณดื่มด่ำความงามและเก็บภาพประทับใจมากมาย เมื่อมาถึงหน้าร้าน จะพบกับภาพกราฟิตี้นกฮูกยักษ์ยิงธนูในชุดสไตล์โบฮีเมียนสีสันสดใสโดดเด่นสะดุดตา คอยทำหน้าที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนก่อนใคร

 

 

ถัดเข้ามาด้านในเป็นโซนนั่งรับประทานอาหารภายในร้าน ซึ่งเน้นตกแต่งแนววินเทจ คุมโทนสีน้ำตาล ภายในร้านเต็มไปด้วยของสะสมโบราณ ภาพเก่านิตยสาร Time และถุงกระดาษแบรนด์เนมสุดเก๋ที่ประดับประดาเรียงรายบนผนังเรียบ ให้ความรู้สึกเหมือนเข้ามาชมแกลลอรี่งานศิลปะหรือนิทรรศการของเก่า นอกจากนี้ เพดานยังยกสูง มีมุมชุดเก้าอี้โซฟาหนัง และออกหน้าต่างเป็นแบบกระจกใส ทำให้มองเห็นต้นไม้สีเขียวข้างนอก ช่วยเสริมบรรยากาศโล่ง โปร่ง สบาย เหมาะแก่การถ่ายรูป นั่งพักชิลจิบเครื่องดื่ม ทานอาหาร เมนูโปรด

 

 

ถัดไปอีกมุมหนึ่งของร้านมีของสะสมพิเศษสำหรับคอกาแฟ คือ แก้วกาแฟจากร้านดังทั่วโลกมาให้ชม เมื่อมองขึ้นไปยังชั้นสอง มีภาพวาดในหลวง ร. 9 ขนาดใหญ่ มุมจำลองถ่ายภาพที่ยกมาตั้งแต่ปั๊มน้ำมันเชลล์ ตู้เพลง มอเตอร์ไซค์เวสป้า หรือแม้แต่ภาพข่าวใส่กรอบที่ประดับไว้บนผนัง ถัดมาอีกหน่อยเป็นมุมถ่ายรูปนกฮูกที่มีกล่องของขวัญสีแดงตกแต่งอยู่ข้าง ๆ ช่วยเสริมความสดใสยิ่งขึ้น ถือเป็นพื้นที่สำหรับถ่ายรูปและชมงานอาร์ตอย่างเต็มที่

 

 

ในส่วนของเมนูค่อนข้างหลากหลาย เน้นเสิร์ฟเป็นจานหลัก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรองท้องด้วยของหนัก เช่น เนื้อพ่นไฟลาวา ข้าวไข่ข้นกุ้งพริกเกลือ สปาเก็ตตี้กุ้ง เบอร์เกอร์เนื้อวากิว ขนมจีนน้ำยาปู ยำสามแซ่บปลาร้า เป็นต้น เมนูแนะนำที่ต้องสั่งก็หนีไม่พ้นขนมจีนน้ำยาปูและยำสามแซ่บปลาร้า ซึ่งมีรสชาตินัว กลมกล่อม และถึงเครื่องถึงใจ ถูกปากคนรักของแซ่บแน่นอน

 

 

หากมุมถ่ายรูปภายในร้านยังไม่จุใจ เตรียมกล้องมาเก็บภาพกันต่อได้ที่โกดังสะสมรถเก่า ซึ่งอยู่ติดกับคาเฟ่ โกดังแห่งนี้เป็นของเจ้าของร้านที่ชื่นชอบการเก็บสะสมรถโบราณหลากรุ่น  ทั้ง BMW R60 Sidecar ปี 1965 , volkswagen beetle ปี 1958 , Mercedes-Benz รุ่น W110 และ W115 รวมไปถึงรถสะสมอีกหลากรุ่นหลายแบรนด์ ให้ลูกค้าได้ชื่นชม และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ใครที่รักของเก่าและรถโบราณต้องมาให้ได้ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมของความทรงจำอันแสนประทับใจของคนยุค 80 และ 90 อย่างแท้จริง เป็นคาเฟ่ที่ มีความ Art ด้วยกลิ่นอายของศิลปะที่มีเสน่ห์รอบตัวร้าน นับว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่น่าเข้ามาเยี่ยมเยืยน

 

 

ดิ แอนธีค ริเวอร์ไซด์

เข้าสู่ความรู้สึกแบบผ่อนคลาย กับความพิเศษของการพักผ่อนสุดชิลริมน้ำกลอง สูดอากาศบริสุทธิ์ ไปกับบรรยากาศที่เงียบสงบเป็นส่วนตัว มาที่เดียวได้ครบจบ ทั้งที่พักและมุมพักผ่อนให้ถ่ายภาพมากมาย แถมยังมีบริการอาหารพื้นถิ่นแบบขันโตกรสชาติดี ที่ ดิ แอนธีค ริเวอร์ไซด์ The Antique Riverside อำเภอบ้านโป่ง จังหวัด ราชบุรี ที่พักในสไตลวินเทจที่จะพาเราย้อนเวลากลับไปหาความทรงจำเก่า ที่ผสมผสานวัฒนธรรมแบบมอญดั้งเดิมได้แบบลงตัว

 

ดิเอนทีค ริเวอร์ไซต์ เป็นที่พักที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชนชาวมอญนครชุมน์ นอกจากนำเอาสไตล์วินเทจมาตกแต่งที่พัก ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตแล้ว ยังมีการนำวัฒนธรรมมอญที่เป็นจุดเด่น ทั้งการแต่งตัวแบบมอญ อาหารแบบมอญที่เสิร์ฟในขันโตก มาให้บริการแขกที่มาพักอีกด้วย

 

 

สำหรับห้องพักของ ดิ แอนธีค  ริเวอร์ไซด์ มีทั้งหมด 12 ห้อง ตกแต่งในธีมไทยจีนมอญ ซึ่งเป็นสามอารยธรรมเก่าของลุ่มแม่น้ำกลอง โดยห้องพักตกแต่งในสไตล์ที่แตกต่างกัน ทั้งแบบไทยโบราณ ไทยร่วมสมัย แบบจีน หรือแบบวินเทจโดยการนำตีมโรงหนังเก่ามาตกแต่ง ให้ลูกค้าได้เลือกตามใจชอบ  ส่วนราคาห้องพักจะแตกต่างกันตามขนาดห้อง เริ่มต้นที่ 1200 -2500 บาท  (รวมอาหารเช้า ราคาแตกต่างกันตามฤดูกาล) ทุกห้องมีชุดมอญประจำบ้านไว้ใส่ถ่ายรูปเล่น หรือหากลูกค้าท่านใดอยากจองเป็นแบบแพคเกจก็ได้ แต่ต้องจองตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ในแพคเกจมาพร้อมกับ ที่พัก 1 คืน Afternoon Tea ชุดชายามบ่าย  ขันโตกดินเนอร์ริมแม่น้ำ โตกอาหารเช้าลอยน้ำ  แต่งมอญย้อนเวลา จองแบบแพคเกจค่อนข้างคุ้ม ราคาเริ่มต้นที่คนละ 1000 บาท (ราคาจะเพิ่มขึ้นตามแบบห้องที่เลือก) เราเลือกจองแบบแพคเกจ คือ คนละ 1000 บาท โดยเลือกห้องชานเลชา เป็นห้องพักขนาดกำลังพอดีอยู่ในบ้านเรือนไทยเรือนรัก มีทั้งหมดสองห้อง

 

 

ภายในห้องพักมาในธีมวินเทจแบบร่วมสมัย ได้ฟีลโรแมนติคด้วยแสงจากโคมไฟและผ้าสีขาวที่ประดับไว้รอบเตียง ภายในห้องทุกห้องจะมีชุดคลุมลายแบบไทยให้ด้วย กลายเป็นชุดสำหรับถ่ายภาพเก๋ตามมุมต่างๆ ของห้องที่ตกแต่งไว้อย่างเข้ากัน

 

 

นอกจากมุมถ่ายภาพภายในห้องพัก บริเวณรอบที่พักยังมีมุมถ่ายภาพอีกหลายจุด ตกแต่งด้วยของสะสมโบราณ  ทั้งร้านทำผมแบบโบราณ บรรยากาศของโรงรับจำนำ มีตั่งที่นั่งแบบโบราณ พร้อมของสะสมทั้งปืน กล้องถ่ายรูป วิทยุ ลูกคิด เตารีด

 

 

แน่นอนมาถึงถิ่นมอญทั้งทีต้องแปลงกายเป็นสาวมอญสักหน่อย นั่งทาน Afternoon Tea ยามบ่าย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ในชุดชา มีทั้ง ชา แตงโมปลาแห้ง ผักทอดกรอบทานน้ำจิ้มเข้ากันดี

 

 

มุมริมน้ำที่ตกแต่งแบบไทยไว้หลายมุม ทั้งที่นั่งแบบหมองอิงแนบพื้น ท่าน้ำชมวิว ชิงช้า และกระโจมผ้าม่านสีขาว ให้นั่งเล่นรับลมเย็นช่วยผ่อนคลายได้มาก

 

 

ช่วงเย็นยามพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า เป็นอีกช่วงเวลาที่น่าจดจำ เดินเล่นชมบรรยากาศ สัมผัสลมเย็นสบายนั่งฟังเสียงสายน้ำ ตอนแรกคิดไว้ว่าอากาศจะร้อน แต่ไม่เป็นอย่างนั้น อากาศเย็นกำลังดี อาจเพราะตั้งอยู่ติดริมน้ำและมีต้นไม้เยอะ จึงทำให้การนั่งริมน้ำพร้อมชมแสงอาทิตย์ยามเย็น กลายเป็นการนั่งทอดอารมณ์ที่ให้ความรู้สึกที่ดีมาก 

 

 

มื้อเย็นของเราอยู่ในแพคเกจ เป็นอาหารที่เสิร์ฟมาในขันโตกมอญนครชมน์ เน้นเป็นอาหารแบบไทย มีเมนู แกงส้มชะอมไข่ไหลบัวกุ้ง  ปูหลน สลัดผลไม้กุ้งทอด เทโพมอญ ถุงทอง ข้าวหอมมะลิ รสชาติอร่อยทุกเมนู

 

 

ส่วนอาหารเช้าเป็นอาหารแบบโตกลอยน้ำ มีอเมริกันเบรคฟาส ข้าวต้ม และผลไม้  ส่วนชุดที่ใส่ลงน้ำนั้น เพื่อให้เข้ากับตีมความเป็นวินเทจ งานผ้าถุงต้องมาซึ่งทางที่พักมีเตรียมไว้ให้ ลากโตกในน้ำไปมาถ่ายภาพพอเป็นพิธี หากใครอยากนั่งริมขอบสระทานในน้ำก็ตามสะดวก แต่ถ้าใครไม่ถนัดก็เปลี่ยนชุด ยกอาหารมานั่งโต๊ะทานข้างบนต่อได้

 

 

ทำกิจกรรมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มานั่งพักผ่อนคลายกันริมน้ำ รับสายลมเย็นที่พัดมาเอื่อยๆ  มีความสุขอิ่มเอมใจ เป็นที่พักที่ตอบโจทย์ของการอยากมาพักผ่อนจริงๆ รู้สึกว่าทุกอย่างเดินช้าลง  ห้องพักดี มุมถ่ายภาพเยอะ อาหารดี พนักงานบริการดี ที่สำคัญใช้เวลาเดินทางเพียงแค่สองชั่วโมงจากกรุงเทพ ทำให้ไม่เหนื่อยกับการต้องขับรถมากนัก ตั้งใจว่าจะต้องกลับมาพักอีกแน่นอน สำหรับใครที่สนใจจองที่พักราคาพิเศษ คลิ๊ก จองที่พักดิเอนทีค

 

 

 

วัดม่วง

เช็คเอาท์จากที่พักเราไปยัง วัดม่วง ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกัน  วัดนี้ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมใจไทยรามัญแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง เป็นวัดที่มีความเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี  มีสิ่งที่โดดเด่น คือ เจดีย์มอญที่ตั้งอยู่ริมน้ำมองเห็นมาแต่ไกลจากแม่น้ำกลอง รวมทั้งอุโบสถเก่าแก่ ที่งดงามด้วยลวดลายปูนปั้น งานแกะสลักและภาพจิตรกรรม ที่แต่งแต้มบริเวณหน้าบัน และหน้าต่างโดยรอบ รวมทั้งผนังบานประตูทั้งหน้าและหลัง สิ่งเหล่านี้ล้วนมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาและชื่นชมยิ่งนัก

 

 

เจดีย์ขนาดใหญ่แบบมอญ เคียงข้างด้วยเสาหงส์ซึ่งบ่งบอกเอกลักษณ์แห่งชาติพันธุ์ เสาหงส์ในวัดมอญส่วนใหญ่ที่พบ มักหันหน้าไปทางทิศที่ตั้งของเมืองหงสาวดี

 

 

อุโบสถเก่าแก่ถึงแม้ผ่านเวลามายาวนานแต่ร่องรอยแห่งความงามยังพอหลงเหลือให้ชื่นชม ทั้งลวดลายปูนปั้น งานแกะสลัก และภาพจิตรกรรม ที่แต่งแต้มบริเวณหน้าบันของพระอุโบสถหลังเก่า บนบานหน้าต่างโดยรอบ รวมทั้งผนังบานประตูทั้งหน้าและหลัง 

 

 

ภายในวัดยังมี พิพิธภัณฑ์วัดม่วง เก็บรบรวมสิ่งของที่สะท้อนถึงความเป็นมาและขนบประเพณีของชุมชนชาวมอญ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วง เน้นความเรียบง่าย แต่มีความหมายต่อการศึกษาประวัติศาสตร์วัฒนธรรมท้องถิ่นของชุมชน จัดแสดงนิทรรศการวิถีชีวิตของชาวไทยรามัญ กลุ่มชนเผ่าของชาวไทยรามัญ วัฒนธรรมและประเพณี  เครื่องมือเครื่องใช้ ศิลปวัตถุ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่สะท้อนวิถีชีวิตในอดีตที่ผูกพันกับประเพณีความเชื่อ

 

 

วัดมะขาม

ต่อด้วย วัดมอญเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ภายในวัดมบริเวณกว้างขวางร่มรื่น มีเจดีย์มอญที่ตั้งโดดเด่นอยู่ด้านหน้าวัด เป็นเจดีย์มอญที่สวยที่สุดองค์หนึ่งในไทย มีเจดีย์มุมประดับทั้งสี่มุม ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มุมของกำแพงแก้วเป็นเจดีย์ประกอบทั้งสี่มุม อายุของเจดีย์ไม่อาจระบุแน่ชัด เพราะไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่ามีความเก่าแก่ราว 200 ปี ผ่านการบูรณะหลายครั้ง

 

 

วัดโพธิ์รัตนาราม

ปิดท้ายเที่ยวบ้านโป่งกันที่ วัดโพธิ์รัตนาราม วัดนี้มีสิ่งโดดเด่น คือ โบสถ์ที่ทำจากสแตนเลสสวยงาม เป็นหนึ่งในโบสถ์สแตนเลสที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ อุโบสถสร้างด้วยสแตนเลสทั้งด้านนอกและด้านใน

 

 

ภายในโบสถ์มีพระพุทธชินราช เป็นพระประธานส่วนข้างหน้าโบสถ์มีพระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิให้สักการะอีกด้วยวัดโพธิ์รัตนาราม ก่อตั้งขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เดิมอุโบสถสร้างด้วยอิฐและปูน ปัจจุบันบูรณะใหม่ด้วยการหุ้มสแตนเลสครอบหลังเดิมทั้งหลัง เป็นการบูรณะหุ้มสแตนเลสจากโบสถ์เดิม ผสานด้วยวัสดุไม้ภายในอย่างกลมกลืนลงตัว

 

 

2  วัน 1 คืนกับความสุขใจแบบเต็มอิ่มที่ได้รับ สำหรับคนรักงานศิลปะความชิค และยังคงโปรดบรรยากาศแบบดั้งเดิมเรียบง่าย พร้อมไปกับการได้ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย ต้องแวะเวียนมาพักผ่อนที่นี่ให้ได้สักครั้ง แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ในสไตล์โลคอลจติส ที่ บ้านโป่ง