ทริปนี้ไปด้วยกันจะพามาย้อนรอยราชธานีเก่า ชมโบรารณสถานและสถาปัตยกรรมอันงดงาม เที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองสุโขทัย ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ซึ่งทั้งสองอุทยาน ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก ภายใต้ชื่อว่า ” เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รอจังหวะและโอกาสมานานที่จะมาเยี่ยมชมและเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต จะงดงามเพียงใด ตามมาเที่ยวด้วยกันค่ะ
ทริปนี้ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพแต่เช้า มุ่งเข้าสู่ตัวเมืองสุโขทัย โดยตั้งใจจะให้ถึงอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ในช่วงบ่าย เพราะคิดว่าเที่ยวช่วงนี้อากาศไม่น่าจะร้อนมาก มาถึงประมาณบ่ายสองโมงกว่า ชักเริ่มหิวกองทัพต้องเดินด้วยท้อง มาถึงสุโขทัยแล้วไม่ได้มากินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ถือว่ามาไม่ถึง พวกเราแวะทานกันที่ ร้านดังของเมืองสุโขทัย ร้านเจ๊แฮ ตั้งอยู่ระหว่างทางไป อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
เมนูหลักๆ คงเป็น ก๋วยเตี๋ยว ผัดไท ขนมจีน หมูสะเต๊ะ
หน้าตาก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำคอนเฟริมว่ารสชาติเข้มข้นอร่อยมาก อีกจานเป็นเมนูผัดไท อร่อยเช่นกัน
อิ่มท้องแล้วก็เริ่มปฎิบัติการท่องเที่ยว มุ่งหน้าสู่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย พื้นที่ของอุทยานค่อนข้างกว้างขวางมาก ถ้าจะให้เที่ยวครบเกือบทุกจุดคิดว่าคงต้องใช้เวลาเกือบ 2 วัน เลยทีเดียว การท่องเที่ยวชมโบราณสถานสามารถใช้รถส่วนตัวหรืออาจจะเช่ารถจักรยานคันละ 20 บาท ซึ่งด้านหน้าอุทยานก็มีร้านจักรยานให้เช่าอยู่หลายร้าน พวกเราใช้รถส่วนตัวโดยเน้นเฉพาะจุดที่สำคัญๆ อย่างเช่น วัดศรีชุม จะอยู่ในเขตรอบนอกอุทยานไปทางด้านเหนือ เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท เข้าชมได้ 2 ที่ คือ วัดศรีชุม และวัดพระพายหลวง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน
วัดศรีชุมเป็นวัดที่ประดิษฐานพระอัจนะหรืออจนะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะของวิหารสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมลักษณะคล้ายมณฑป แต่หลังคาพังทลาย ลงหมดแล้ว เหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน
ผนังด้านข้าง ขององค์พระอจนะมีช่องเล็กๆ ถ้าหากใครแอบเข้าไปทางอุโมงค์แล้วไปโผล่ที่ช่องนี้และพูดออกมาดังๆ ผู้ที่อยู่ภายในวิหาร จะต้อง นึกว่าพระอจนะพูดได้ และเสียงพูดนั้นจะกังวานน่าเกรงขาม จนกลายมาเป็นเรื่องเล่าซึ่งเคยอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตบอกว่า “ วัดนี้สมัยก่อนเค้าว่าพระพุทธรูปพูดได้ สมัยก่อนทัพพม่าบุกเข้ามาตีกรุง เผาตึกรามบ้านช่องจนหมด คนไทยเห็นว่าหมดทางสู้แล้ว เมื่อพม่าบุกมาจนถึงวัดศรีชุมแล้วจึงแอบอยู่หลังพระพุทธรูปและแกล้งเปล่งเสียงคล้ายเสียงพระพุทธรูปพูดได้ ด้านฝ่ายพม่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นไม่รุ้ว่าเป็นแผนของคนไทย นึกว่านี่คือปาฏิหาริย์เกิดขวัญหนีดีฝ่อรีบถอยทัพกลับ จึงเป็นที่มาว่า ทำไมเรียกพระพุทธรูปพูดได้ ”
มาต่อที่วัดต่อไปขับรถมาอีกนิดนึง วัดพระพายหลวง ลักษณะเด่นของวัดนี้ คือ ปรางค์เจดีย์ ซึ่งทำด้วยศิลาแลงแบบศิลปะลพบุรี วัดพระพายหลวง ถือว่าเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญรองจากวัดมหาธาตุ
เดินเข้าไปข้างในก็จะพบกับซากปรักหักพักของเจดีย์ ซึ่งทรุดโทรมไปพอสมควร
ภายในเจดีย์จะมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางต่างๆ เช่น นั่ง ยืน เดิน นอน ซึ่งส่วนใหญ่ชำรุดแล้วประดิษฐานที่มณฑปและซุ้มเจดีย์
มาถึงอีก 1 วัด สำคัญ ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมืองของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นวัดที่ใหญ่และสำคัญที่สุด วัดมหาธาตุ เสียค่าเข้าชมอีก 1 รอบ คนไทยคนละ 20 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท และเสียค่ารถเข้าชมอีกคันละ 50 บาท มาถึงปุ๊บฝนตกลงมาทันที เลยไม่ได้เก็บภาพมาเท่าไหร่นัก
รอฝนซาตั้งใจจะเก็บภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่คงเห็นได้ยากในเวลานี้ ลองปรับ WB เล่นในกล้องดูค่ะ ก็ได้ feel ไปอีกแบบ
เช้าวันใหม่อากาศเริ่มสดใสขึ้นมาอีกนิดนึง ตั้งใจมาเก็บภาพ วัดมหาธาตุ อีกครั้งหนึ่ง
วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่กลางเมือง เป็นวัดใหญ่ และวัดสำคัญอดีตกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์ทรงปราสาทก่อด้วยอิฐที่ได้รับอิทธิพลมาจากล้านนา
พระพุทธรูปยืนทั้ง 2 ปาง ขนาบอยู่ทั้งสองด้านของวัด
ภายในบริเวณวัดมหาธาตุมีสระบัวอยุ่หลายจุด มองลงไปตรงพื้นผิวน้ำเห็นเงาสะท้อนของวัด ได้มุมมองที่แปลกตาไปอีกแบบ
มาเที่ยวในช่วงฤดูฝนเราก็จะได้เห็นบรรยากาศของหญ้าที่เขียวขจี รู้สึกว่าสีตัดกับสีของโบราณสถานสวยดีค่ะ
นักท่องเที่ยวช่าวต่างชาติ กำลังเก็บภาพประวัติศาสตร์ ไว้ในความประทับใจ บางกลุ่มก็มาเป็นหมู่คณะแบบนี้ เห็นแล้วรู้สึกภูมิใจจัง
เดินขึ้นมาข้างบนชม ซุ้มพระ ซึ่งทำด้วยศิลาแลง ซึ่งเราจะเห็นซุ้มแบบนี้อยู่หลายจุดในวัด มหาธาตุ
ถ่ายลงมาข้างล่างบ้าง มีแต่ความเขียวขจี
จากวัดมหาธาตุ มายังวัดสระศรี เป็นโบราณสถานสำคัญอยู่บริเวณกลางสระน้ำ สิ่งสำคัญของวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงลังกา มีเจดีย์ขนาดเล็ก ศิลปศรีวิชัยผสมลังกา ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ มีซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ ด้านหน้ามีเกาะกลางน้ำขนาด ย่อมเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม วัดภายในเขตกำแพงเมืองมีอยู่หลายวัด ที่สวยงามมากมาย ซึ่งอย่างที่บอกไปตอนแรก คือ ถ้าจะเที่ยวให้ครบต้องใช้เวลาเกือบ 1 – 2 วัน แต่ด้วยคณะของเรามีเวลาจำกัด เลยเลือกเฉพาะวัดที่มีชื่อเด่นๆ
จุดหมายต่อไป ที่จะไปเยียมชม คือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ซึ่ง ตั้งอยู่ในอำเภอ ศรีสัชนาลัย ห่างจากตัวเมืองไปประมาร 50 กิโล ซึ่งที่นี่ก็ถือเป็นอีก 1 อุทยานที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นมรดกเช่นกัน
เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท นำรถเข้าไปคันละ 50 บาท โบราณสถานที่น่าสนใจในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย มีอยู่หลายจุดเช่นกัน ที่เด่นๆจะมี วัดช้างล้อม ซึ่งมีเจดีย์ประธานทรงลังกาตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้วสี่เหลี่ยมจัตุรัส บนฐานประทักษิณรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้น ยืนหันหลังชนผนังเจดีย์ อยู่โดยรอบ จำนวน 39 เชือก และช้างที่อยู่ตามมุมเจดีย์ทั้ง 4 ทิศ ตกแต่งเป็นช้างทรงเครื่อง มีลวดลายปูนปั้นประดับที่คอ ต้นขา และข้อเท้า
ส่วนทางด้านหน้าเจดีย์ประธานมีบันไดขึ้นสู่ลานประทักษิณ เหนือฐานประทักษิณมีซุ้มพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย ผนังซุ้มมีรูปประติมากรรมรูปต้นโพธิ์อยู่เบื้องหลังพระพุทธรูป แต่พระพุทธรูปได้ถูกทำลายไป
ตรงข้ามกับวัดช้างล้อมก็จะเป็น วัดเจดีย์เจ็ดแถว นับว่ามีความสวยงามมากอีกวัดหนึ่ง เพราะมีเจดีย์แบบต่าง ๆ กันมากมายที่เป็นศิลปะ สุโขทัยแท้ และเป็นศิลปะแบบศรีวิชัยผสมสุโขทัย สาเหตุที่เรียกว่า วัดเจดีย์เจ็ดแถวเนื่องจากได้พบเจดีย์จำนวนมากหลายแถวภายในวัด และสมเด็จพระเจ้า บรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดเจดีย์เจ็ดแถวเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิของ พระราชวงศ์สุโขทัย
โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานรูปดอกบัวตูมอยู่ด้านหลังพระวิหารและมี เจดีย์รายรวมทั้งอาคารขนาดเล็กแบบต่าง ๆ จำนวน 33 องค์ มีกำแพงแก้วล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง นอกกำแพงมีโบสถ์ และบ่อน้ำ เจดีย์รายที่วัดเจดีย์เจ็ดแถวมีรูปแบบที่ได้รับบอิทธิพลศิลปะจากที่ต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ลังกา และพุกาม
เดินชมข้างในก็รู้สึกได้ถึงความเงียบสงบและสดชื่นกับบรรยากาศของต้นไม้อันร่มรื่น ซึ่งเป็นภาพที่เราสามารถเห็นได้ทั้งตลอดแทบทุกที่ที่เราเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานในแต่ละจุด
มาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นมรดกโลกทั้ง 2 แห่ง เห็นแต่ชาวต่าวชาติ คนไทยน้อยมาก อาจเพราะคนไทยคงเห็นภาพนี้จนชินตาจนมองข้ามไป หรืออาจมัวแต่เห่อไปเที่ยวสถานที่ที่จำลองคล้ายต่างประเทศที่เราไม่เคยเห็นหรือคุ้นเคย จนลืมไปว่าคุณค่าและประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมแบบไทยก็เป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้และจดจำ ฝรั่งมาเห็นยังร้องออกมาด้วยความชื่นชม เพราะฉะนั้น อย่ามัวแต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของขาวต่างชาติมาเรียนรู้และชื่นชมสถาปัตยกรรมในประวัติศาสตร์แทนเราคนไทยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
คลิ๊ก อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
คลิ๊ก อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย
โปรแกรมท่องเที่ยวตามทริป 2 วัน 1 คืน
วันแรก
08.00 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ
14.00 น. รับประทานก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ร้านเจ๊เฮ
15.30 น. เที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย แวะจุดที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่ วัดศรีชุม วัดช้างล้อม วัดมหาธาตุ เป็นต้น อำลาแสงยามเย็นกับพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
18.30 น. รับประทานอาหารเย็น เช็คอินเข้าที่พักดี ดี รีสอร์ท http://www.dd-resort.com
วันที่สอง
08.00 น. เข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ในช่วงเช้าอีกรอบ
11.00 น. เดินทางไปต่อที่อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย แวะรับประทานอาหารกลางวันในอุทยาน
13.00 น. ถึงอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย แวะเที่ยว ตามจุดต่างๆ ได้แก่ วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดช้างล้อม
14.00 น. เดินทางกลับกรุงเทพ
20.00 น ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ