ในประเทศไทยมีจุดชมวิวทางทะเลมากมายหลายแห่ง แต่หากพูดถึงจุดชมวิวทางทะเลที่สวยงามที่สุดสำหรับฉันคงไม่พ้นที่นี่ จุดชมวิวเกาะวัวตาหลับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลายคนที่เคยมีโอกาสได้ขึ้นไปชมวิวบนนั้นคงคุ้นเคยในความโหดของการขึ้นไปพิชิตจุดชมวิวจุดนี้เป็นอย่างดี แต่เมื่อขึ้นไปถึงข้างบนแล้วมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุ้มค่ากับความเหนื่อยที่ต้องอาศัยทั้งแรงกายแรงใจขึ้นไปเพราะแอบเสียวหน่อยๆตรงจุดสุดท้าย ฉันจะพาทุกคนไปพิชิตจุดชมวิวนี้อีกครั้ง ความตั้งใจของฉันในครั้งนี้คือ จะต้องขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดให้ได้
เริ่มการเดินทางจากท่าเรือดอนสัก เนื่องจากคณะของฉันไปจำนวนคนเยอะจึงเช่าเหมาเรือสปีดโบ้ทส่วนตัว เพื่อเดินทางไปยังหมู่เกาะอ่างทอง โดยเรือจะพาไปยังจุดหลักๆของหมู่เกาะอ่างทอง ได้แก่ เกาะวัวตาหลับ ทะเลใน เกาะสามเส้า และ เกาะท้ายเพลา โดยปกติมาเที่ยวหมู่เกาะอ่างทองถ้ามาจำนวนน้อยคนส่วนใหญ่แล้วจะไปเริ่มต้นที่เกาะสมุยโดยการซื้อแพคเกจทัวร์แบบ Onedaytrip จากทัวร์ที่ให้บริการนำเที่ยวราคาคนละ 1100 บาท แต่จะเที่ยวได้ไม่ครบทุกเกาะ บ.ทัวร์จะแวะเฉพาะ เกาะวัวตาหลับ ทะเลใน เท่านั้น แต่ถ้าหากมากันหลายคนประมาณ 10- 20 คน ขึ้นไป ถ้าไม่ติดเรื่องค่าใช้จ่ายก็แนะนำเหมาสปีดโบทจะดีกว่า เพราะเราสามารถแวะได้หลายจุด ราคาเหมาะจะอยู่ที่วันละ 22000 บาท ในกรณีค้างคืนกลับก่อนเที่ยง บวกเพิ่มอีก 3000 บาทใช้เวลาเพียง 45 นาที ก็มาถึง เกาะวัวตาหลับ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมและเบอร์โทรต่างๆ ในการท่องเที่ยวคลิ๊ก หมู่เกาะอ่างทอง
วันที่เดินทางอากาศปลอดโปร่ง คลื่นลมสงบ น้ำทะเลนิ่งมาก ทำให้มองเห็นความใสของน้ำทะเลได้ชัดเจน
อช. หมู่เกาะอ่างทอง มีบ้านพักของอุทยานให้บริการรวมถึงสถานที่กางเต้นท์สามารถนำเต้นท์มาเองหรือใช้บริการเต้นท์ของอุทยานก็ได้ อุทยานมีห้องน้ำและร้านอาหารให้บริการ
บ้านพักแบบต่างๆ ทั้งแบบหลังใหญ่พักได้ 6 -8 คน ราคาจะอยู่ที่ 1200-1400 บาท หรือจะเป็นแบบหลังเล็กพักได้ 2-3 คน ราคาประมาณ 500 -700 บาท บ้านพักเป็นแบบพัดลมไม่มีแอร์ ไฟฟ้าใช้ได้ตั้งแต่ หกโมงเย็น ถึง สี่ทุ่ม
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศริมชายหาดซักหน่อย เกาะวัวตาหลับ ถือได้ว่าเป็นเกาะที่มีต้นมะพร้าวเยอะมาก มีบรรยากาศสงบ ร่มรื่น นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน เหมาะำสำหรับมาพักผ่อนมากทีเดียว
มีมุมสำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชาดหาดด้วย
เรือสปีดโบ้ทของคณะเราจอดแน่นิ่ง
เรือหางยาวที่คอยรับส่งนักท่องเที่ยวจากเรือใหญ่ขึ้นฝั่ง เรือใหญ่จะจอดอยู่กลางทะเลไม่สามารถเข้าฝั่งได้เหมือนเรือสปีดโบ้ทหรือเรือหางยาวลำเล็กๆ
กิจกรรมพายคายัครอบเกาะ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตของหมู่เกาะอ่างทอง หากไปยังเกาะบริวารเกาะใดก็จะเห็นเรือคายัคถูกวางอยู่ริมฝั่งเสมอ
เดินถ่ายภาพชมบรรยากาศ สัมผัสกลิ่นไอทะเล อากาศในเวลานี้ร้อนมาก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้บรรยากาศในการถ่ายภาพของฉันสุขน้อยลง ร้อนแค่ไหน หรือจะต้องดำอีกเท่าไหร่ ถ้าได้เจอสภาพบรรยากาศใสๆ แบบนี้ก็ไม่หวั่น ต้องยอมดำกันไป
ประมาณ 11 โมง กว่า เตรียมเดินทางต่อไปยัง เกาะแม่เกาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ทะเลใน ใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็มาถึง
มาถึงในช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่กำลังเตรียมตัวพายคายัค สีสันของเรือคายัคตัดกันสวยงาม
เดินขึ้นบันไดซึ่งสูงเล็กน้อยเพื่อไปชม ทะเลใน ถือเป็นอีกหนึ่งจะไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเืีที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง
ทะลใน คือ ทะเลสาบซึ่งเกิดอยู่ในแอ่งยุบขนาดใหญ่ของภุเขาหินปูน มีรูปเป็นวงรีล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน น้ำทะเลนิ่งเป็นสีเขียวมรกต เหมือนใครมาแต่งแต้มสีไว้
มองไปได้ซ้ายก็จะเห็นท้องทะเลสีครามอันกว้างใหญ่และบันไดทางขึ้นมายัง จุดชมวิวทะเลใน กว่าจะมาถึงข้างบนก็ทำเอาหอบเหนื่อยทีเดียว
เนื่องจากทะเลในมีทางเข้าออกของน้ำทะเลทางด้าน ทิศตะวันออกทำให้ระดับน้ำของทะเลในเท่ากับระดับน้ำทะเล ภายนอก
เดินลงมาข้างล่าง พักกินน้ำแตงโมปั่น นั่งชมบรรยากาศริมหาดให้หายเหนื่อย
หลังจากนั้นก็นั่งเรือต่อไปยัง เกาะสามเส้า เห็นน้ำใสมาแต่ไกล
เกาะสามเส้า อยู่ตรงข้ามกับเกาะแม่เกาะ มีแหล่งประการังค่อนข้างสมบูรณ์ จึงเป็นอีกจุดที่นิยมมาดำน้ำชมปะการัง แต่ตามที่บอกคือ ถ้าซื้อแพคเกจมากับบริษัททัวร์จะไม่แวะให้ ต้องเหมาเรือส่วนตัวมาเที่ยวเองเท่านั้น คณะเรารับประทานข้าวกลางวันแบบกล่องกันที่เกาะนี้
ลักษณะที่พิเศษของเกาะนี้ คือ มีสะพานหินธรรมชาติที่ยื่นโค้งออกไปในทะเลคล้ายกับเกาะทะลุ ของจังหวัดประจวบ ฯ
บรรยากาศรอบชายหาด เกาะสามเส้า แม้ชื่ออาจจะดูเศร้าๆ แต่บรรยากาศกลับไม่เศร้า ณ วินาทีสุขสดใสดีแื้ท้
นอกจากดำน้ำชมปะการังแล้ว เกาะนี้เป็นอีกเกาะที่เหมาะกับการพายคายัครอบเกาะมากอีกเกาะหนึ่ง
เนื่องจากมีเส้นทางให้เราลัดเลาะได้อย่างสนุกสนาน พายไปเรื่อยๆ รอบเกาะแล้วมาวนลอดซุ้มประตูหิน
จากเกาะสามเส้า บ่าย 3 โมงกว่า ก็กลับมายัง เกาะวัวตาหลับ เพื่อเตรียมตัวไปยังจุดไฮไลต์ของทริป คือ จุดชมวิวเกาะวัวตาหลับ ระยะทาง 500 เมตร ดูเหมือนจะเป็นระยะทางสั้นๆ แต่ตลอด 500 เมตร เราต้องขึ้นผ่านเส้นทางแบบนี้โดยตลอดเส้นทางเป็นก้อนหินและชันมากไม่มีทางราบเลยแม้แต่น้อยจะมีเชือกให้จับไปตลอดทาง ฉันเรียกจุดชมวิวนี้ขำๆ ว่า เกาะวัวตาเหลือก เพราะกว่าจะขึ้นไปถึงข้างบนได้แทบแย่ เคยเดินป่าไกลๆเกือบ 10 กิโล ยังไม่เหนื่อยและแอบถอดใจเท่าขึ้นจุดชมวิวเกาะวัวตาหลับ ฉันใ้ช้เวลาเดินขึ้นไปถึงข้างบนเกือบ 45 นาที
เดินมาได้ 50 เมตร ก็มาถึง จุดชมวิว จุดแรก มองเห็นชายหาดสีขาวที่อยู่ด้านล่าง
จากนั้นเดินปีนหินจับเชือกไปเรื่อยๆ ระยะทาง 150 เมตร ก็มาถึงจุดชมวิวจุดที่ 2 เริ่มเห็นเป็นเกาะแก่งมากขึ้น ฉันว่าการที่มีจุดชมวิวให้เราแวะระหว่างทางก็ช่วยให้เราเหนื่อยน้อยลง
ฉันเดินผ่านจุดชมวิวจุดที่ 3 ไป เนื่องจากดูเวลาเกือบ 4 โมง เกรงจะขึ้นไปจุดชมวิวสูงสุดไม่ทันไม่อยากพลาดอีก จากจุดชมวิวที่ 3 จนถึง จุดที่ 4 ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงสุด เป็นระยะทางที่ลุ้นระทึกพอสมควรเพราะเต็มไปด้วยหินแหลม ต้องขึ้นอย่างระมัดระวัง และที่สำคัญที่สุด หันมองไปข้างหลังมันเสียวมาก
ฉันกลั้นใจหันหลังพยามปีนขึ้นไปให้ถึงข้างบนอย่างรวดเร็วที่สุด จุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่เมื่อแอบเห็นวิวด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะยกกล้องถ่ายรูปหันไปเก็บภาพนั้นกลับมา
เพียงไม่กี่อึดใจในที่สุดภารกิจหลักในทริปนี้ก็สำเร็จซักที ฉันร้องตะโกนบอกเพื่อนร่วมทริปด้วยความดีใจ เราขึ้นมาได้แล้ว ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงข้างบนซักที มองลงไปข้างล่างเห็นเพื่อนร่วมทริปค่อยๆ ทยอยตามขึ้นมาทีละคนสองคน
หมู่เกาะน้อยใหญ่เรียงราย เป็นภาพแห่งความมหัศจรรย์ ที่ฉันเคยมีโอกาสเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้นมองอยู่ในมุมที่ต่ำกว่า ใจก็คิดว่ามันสวยสุดที่สุดแล้ว แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นการมองหมู่เกาะอ่างทอง ในจุดสูงสุดช่างกว้างไกลและสวยยิ่งกว่า
เรือหางยาววิ่งผ่านไปมาเกิดเป็นริ้วน้ำลำแล้วลำเล่า
ปิดท้ายกันด้วยภาพนี้กับความประทับใจที่ฉันได้กลับมายืนมองวิวนี้อีกครั้ง เป็นการมองด้วยความรู้สึกที่วิเศษ มีความสุขและภูมิใจว่าในที่สุดเราก็ทำตามความตั้งใจที่เก็บไว้มานานได้สำเร็จแล้ว แล้วคุณอยากทำตามฝันมายืนมองวิวสวยๆ ในมุมที่ไม่เหมือนใครบ้างมั้ยค่ะ
ทริปนี้เดินทางวันที่ 22-23 มี ค 56 ค้างหมู่เกาะอ่างทอง 1 คืน