แม่สะเรียง…งามถิ่นธรรมชาติ ดินแดนแห่งพระธาตุสี่จอม

• Facebook
• Twitter
• Line

อำเภอแม่สะเรียง เป็นหนึ่งใน 7 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน  แต่ดูเป็นอำเภอที่อาจยังไม่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก  เราอาจจะรู้จักและคุ้นเคยกับคำว่าแม่สะเรียงแบบผ่านๆ จากที่เคยเดินทางไปเที่ยวอำเภอขุนยวมซึ่งมีทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคออันมีชื่อเสียง เราอาจจะเคยเห็นป้ายบอกทางอำเภอแม่สะเรียงแว่บๆ จากการที่เราเดินไปอำเภอฮอดเพื่อไปเที่ยวสวนสนบ่อแก้วและออบหลวง  แล้วเราเคยอยากรู้จักแม่สะเรียง ดินแดนแห่งธรรมชาติและพระธาตุสี่จอมอันเก่าแก่ มีขนบธรรมเนียมประเพณีศิลปะพื้นเมือง แตกต่างไปจากจังหวัดอื่นในภาคเหนือ เพราะได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมจากพม่าในแบบที่ไม่ใช่แค่ผ่านบ้างมั้ย

แม่สะเรียง ในการเดินทางของฉันตั้งใจไปในช่วงต้นเดือนต.ค. เพราะอยากเห็นบรรยากาศของนาข้าวสีเขียว เป็นทริปที่พ่วงไปกับแม่แจ่ม เชียงใหม่ หลังจากที่เราเที่ยวในแม่แจ่มเรียบร้อย ก็มายังเส้นทางอ.ฮอดเข้าสู่อำเภอแม่สะเรียงโดยใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่า  แต่สำหรับใครที่ต้องการมายังแม่สะเรียงโดยตรงโดยที่ไม่มีรถส่วนตัว ตามที่หาข้อมูลถ้าเดินทางจากกรุงเทพมีรถทัวร์กรุงเทพ – แม่ฮ่องสอน ลงแม่สะเรียงได้เลย  จากเชียงใหม่ไปแม่สะเรียง รถธรรมดา 08.00 น./20.00 น./21.00 น. 13.30 น. (ปลายทางขุนยวม) 15.30 น. (ปลายทางแม่สะเรียง)รถปรับอากาศ 06.30 น./11.00 น./21.00 น หรือ รถตู้เชียงใหม่-แม่สะเรียง ขึ้นรถได้ที่อาเขต สำหรับที่พักในอำเภอแม่สะเรียงก็มีหลายแห่งให้เลือกค่ะ ทั้งแบบเกสต์เฮาส์และรีสอร์ทซึ่งส่วนใหญ่จะมีเยอะในตัวเมืองโซนติดแม่น้ำยวม แต่สำหรับฉันเลือกพักที่ บ้านไร่ปลายดอย ซึ่งตั้งอยู่ในโซนถนนสายหลักตรงซอยวัดพระธาตุจอมแจ้ง ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง

บรรยากาศของที่นี่กว้างขวางมีมุมนั่งเล่นหลายมุม ด้านหน้ารีสอร์ทถ้ามาในช่วงมฤดูทำนาก็จะเห็นวิวทุ่งนาเขียวขจีแสนสดชื่น

บ้านพักหลังใหญ่ พักได้ 7  คน มี 2 ห้อง ห้องแรกพักได้ 4 คน อีกห้องพักได้ 3 คน   ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ในราคาห้องละ  850 บาท และ 750 เท่านั้น ถือว่าราคาถูกมากแต่คุณภาพของห้องเกินราคา เว็บไซต์บ้านไร่ปลายดอย  http://www.baanraipaidoi.com/

บ้านชมเดือนเล็กกะทัดรัด ภายในห้องตกแต่งน่ารักมากสไตล์ล้านนาพื้นบ้าน  มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ราคาหลังละ  650 บาท  พักได้  2 ท่าน

มาถึงแม่สะเรียงเวลาเที่ยงแดดจ้าอากาศยังร้อนมาก พักผ่อนนอนเล่นในรีสอร์ทเตรียมความพร้อมในช่วงบ่ายแก่ๆ เพลนท่องเที่ยวแม่สะเรียงคือ เราจะไปไห้วพระธาตุสี่จอมพระธาตุคู่บ้านคู่เมือง ได้แก่ พระธาตุจอมแจ้ง พระธาตุจอมทอง พระธาตุจอมมอญ และพระธาตุจอมกิตติ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการบูชาของชาวอำเภอแม่สะเรียง โดยแต่ละวัดจะตั้งอยู่บนภูเขาทั้งสี่ทิศ  อยู่ในคำขวัญของการท่องเที่ยว แม่สะเรียงนั่นก็คือ  เทียนเหงพร่างตา ผ้าทอกะเหรี่ยง เสนาะเสียงสาละวิน งามถิ่นธรรมชาติ พระธาตุสี่จอม กล้วยไม้หอมเอื้องแซะ ว่ากันว่า ใครสักการะพระธาตุครบทั้งสี่จอมจะเป็นผู้ประเสริฐไปด้วยภูมิปัญญา เริ่มจากวัดแรกซึ่งอยู่ใกล้กับที่พักที่สุดนั่นก็คือ วัดจอมแจ้ง หรือ วัดพระธาตุจอมแจ้ง  เมื่อเราเข้าสู่แม่สะเรียงก็จะเจอวัดจอมแจ้งก่อนวัดแรก สังเกตง่ายมาตั้งอยู่ถนนสายหลัก ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง

มีอุโบสถหนึ่งหลังภายในมีพระประธานลักษณะคล้ายกับพระในประเทศพม่า

ด้านหลังมีพระธาตุจอมแจ้งประดิษฐานอยู่สององค์ มีศิลปกรรมแบบล้านนาแบบผสมผสาน

มีจุดชมวิวมองไปทางด้านทิศตะวันออกเห็นบ้านเรือนของชาวอำเภอแม่สะเรียง  ใกล้กับพระธาตุจอมแจ้ง มีวัดพระธาตุจอมทอง ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน แต่หากมาวัดจอมทองควรมาในช่วงเย็นประมาณซักห้าโมงกว่าเพราะวัดนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก ย้ำเลยว่าสวยมากเพราะขับรถผ่านในช่วงเย็นตอนกลับเข้าที่พักซึ่งอยู่ในเส้นทางเดียวกันเห็นแสงสียามเย็นเป็นสีทไวไลท์สวยงาม แต่เราพลาดเพราะจำสับสนว่าวัดที่อยู่ในพระธาตุสี่จอม คือ วัดจองทอง ซึ่งวัดนี้ก็มีอยู่จริงแต่ตั้งอยู่ในเมือง  ซึ่งตามเส้นทางการไหว้พระธาตุ 4 จอม ให้ได้ภาพและบรรยากาศที่สวยงามควรเริ่มต้นตอนบ่ายประมาณ 4 โมง ไหว้ พระธาตุจอมแจ้งเป็นที่แรก ต่อด้วยพระธาตุ จอมมอญ พระธาตุจอมกิตติ และมาชมพระอาทิตย์ตกที่พระธาตุจอมทอง จะดีที่สุด

จากวัดจอมแจ้ง เข้ามาในตัวเมืองแม่สะเรียง ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำยวม ใช้เวลาเพียง 20 นาที ก็มาถึงวัดที่สองของนั่นก็คือ  วัดจอมมอญ  ซึ่งตั้งอยู่เส้นทางเดียวกับหมู่บ้านกะเหรี่ยงพะมะลอ  ระหว่างทางเราก็จะผ่านท้องทุ่งนาสีเขียวกว้างไกล ถนนเส้นนี้คงมีแต่เพียงพวกเรานักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กมาเยี่ยมเยือน อำเภอแม่สะเรียงมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขา ท้องทุ่งนาเต็มไปด้วยกลิ่นไอธรรมชาติ

เส้นทางขึ้นไปยังพระธาตุจอมมอญแคบและชันเล็กน้อย รถทุกชนิดขึ้นได้หมด  แต่ถ้าไม่อยากนำรถขึ้นไปอยากขึ้นไปด้วยแรงศรัทธา ก็มีบันไดขึ้นไปถึงตัวองค์พระธาตุค่ะ รู้สึกว่าจะประมาณ 300 กว่าขั้น

พระธาตุจอมมอญ เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง มีลักษณะสถาปัตยกรรมเจดีย์แบบล้านนาเก่าแก่

มีจุดชมวิวที่สวยที่สุด ทั้งทุ่งนา แม่น้ำ และบ้านเรือน

ชอบจุดชมวิวตรงพระธาตุจอมมอญมากที่สุดเพราะมุมนี้ทำให้เรารู้สึกว่า  แม่สะเรียงคือ อำเภอที่ Green  มากอำเภอหนึ่งเลยทีเดียว

ถนนสายเล็กๆที่พาดผ่านท้องนาที่รถวิ่งผ่านมาเมื่อซักครู่ดูเล็กไปถนัดตา

ไปต่อยังวัดพระธาตุจอมกิตติ  ถนนสู่วัดชันเล็กน้อยแต่ไม่เท่ากับวัดพระธาตุจอมมอญ จอดรถด้านล่าง หลังจากนั้นเดินไปอีกนิดหน่อยเพื่อไปยังองค์พระธาตุ

พระธาตุจอมกิตติ  เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่ง ที่ชาวบ้านศรัทธาและสักการะบูชาลักษณะเป็นสถูปแบบล้านนา วันที่เราไปกำลังซ่อมแซ่มน่าเสียดายมาก

จากจุดนี้ก็จะเห็นวิวของเมืองแม่สะเรียงได้เช่นกัน ซึ่งจะเห็นบ้านเรือนและวัดแทรกไปตามต้นไม้และทุ่งนา เป็นภาพที่มองแล้วสวยงามมากๆ เหมือนเมืองชนบทในต่างประเทศ

เห็นพระองค์ใหญ่สีทองโดดเด่น นั่นก็คือ หลวงพ่อโต ประดิษฐานอยู่วัดจอมทองซึ่งอยู่ในพระธาตุสี่จอมเช่นกัน  มองแล้วรู้สึกว่าท่านอยู่เบื้องบนคอยปกป้องคุ้มครองชาวเมืองแม่สะเรียงให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ

วิวภูเขาและท้องทุ่งนาที่มองแล้วไม่รู้สึกเบื่อ สงบ ธรรมชาติมาก

กลับเข้ามายังตัวเมือง ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำยวม เห็นชาวบ้านเริ่มนำโคมไฟสีสันสะดุดตามาประดับไว้  เนื่องจากเป็นช่วงใกล้จัดงานออกหว่า หรือ หรืองานออกพรรษาของชาวไทใหญ่ซึ่งเป็นงานที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของท้องถิ่นไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ชาวแม่สะเรียงส่วนใหญ่เป็นชาวไทใหญ่ค่ะ  โดยจะประดับต้นกล้วยต้นอ้อยและโคมไฟต่างๆ ไว้ตามหน้าบ้าน รวมถึงท้องถนนตลอดเส้นทาง ถ้ามีโอกาสคงได้มาร่วมในวันงานจริงซักครั้ง  ถ้ามาในช่วงกลางคืนและโคมไฟเปิดพร้อมกันทั้งเมืองคงสวยงามมาก

สามารถยืนชมวิวเห็นทิวเขาอยู่ไม่ไกล  เป็นอำเภอที่เรียกได้ว่ามีต้นทุนทางธรรมที่สายงาม ของป่าเขาลำเนาไพร นอกจากแม่น้ำยวมแล้วยัง แม่มีน้ำสาละวินอันลือชื่อซึ่งเป็นแม่น้ำที่นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือช่องความงามของสองฟากฝั่งของแม่น้ำสาละวิน ซึ่งมีทิวทัศน์แปลกตาไปจากแม่น้ำระหว่างประเทศสายอื่น

ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำยวมสะดุดตากับเจดีย์สีทองอร่ามของวัดหนึ่ง ต้องเข้าไปดูแบบใกล้ชิด วัดนี้ชื่อว่า วัดสุพรรณรังสี  หรือวัดจองคำ เป็นวัดที่สร้างด้วยศิลปะไทใหญ่คล้ายกับวัดในประเทศพม่า โดยเฉพาะถ้าสังเกตไปที่หลังคาซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะแบบไทใหญ่ เรียก ” จองพารา ” วัดที่แม่สะเรียงมีให้ชมเยอะมากซึ่งแต่ละวัดก็เป็นวัดเก่าแก่สวยๆทั้งนั้น เที่ยววัดแม่สะเรียงรู้สึกเหมือนเราได้เที่ยววัดในพม่า เพราะรูปแบบสถาปัตยกรรมจะคล้ายคลึงกัน

บรรยากาศในตัวเมืองแม่สะเรียง ส่วนใหญ่บ้านเรือนก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านไม้เดิมเรียบง่าย ในตัวเมืองก็ดูเล็กเงียบสงบ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นชาวต่างชาติเสียมากกว่าคนไทย  มีความจริงข้อหนึ่งที่ว่าฝรั่งมักจะเห็นความงามของชุมชนและวิถีชีวิตเรียบง่ายก่อนคนไทยเสมอหลังจากนั้นคนไทยก็จะตามมาแล้วอำเภอนั้น ก็จะเปลี่ยนแปลงและเจริญจนขาดวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไป อย่างเช่น ปาย และเชียงคาน ฉันไม่อยากให้แม่สะเรียงต้องเป็นแบบนั้น

ยังเหลืออีก 1 วัดที่เรายังไม่ได้ไป นั่นก็คือ วัดจอมทอง เก็บไว้เป็นเพลนสุดท้ายในวันพรุ่งนี้  ในเวลานี้ทุกคนหิวกันมากแล้ว เลยมาปิดท้ายมื้อเย็นกันที่ ร้านอาหารอร่อยแม่สะเรียง ทานกันที่ไหนดี แนะนำต้องร้าน อินทิรา ร้านชื่อดังของที่นี่ คอนเฟริมรสชาติความอร่อย มาถึงแล้วก็อย่าลืมทานเมนูปลาแม่น้ำสาละวินน่ะค่ะ ถือว่าเป็นเมนูประจำถิ่นของแม่สะเรียงเลยทีเดียว ให้ดูภาพหน้าร้านเพียงอย่างเดียว เพราะอาหารไมได้ถ่ายมาเพราะช่วงเวลานั้นตกเข้าไปอยู่ในท้องอย่างรวดเร็ว แต่แนะนำเมนูเห็ดหอมทอดซีอิ๋ว อร่อยมาก

เช้าวันใหม่ตื่นตั้งแต่ 7 โมง เที่ยวชมเมืองซักหน่อยตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเดินชมตลาดเช้าและหาอะไรทานที่นั้นเลย แต่ไปถึงแล้วปรากฎว่าตลาดเงียบมาก ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แผนเลยเปลี่ยนมาชมทุ่งนาในยามเช้าแทน ซึ่งเราก็กลับมายังเส้นทางเดิมคือ เส้นทางที่ไปพระธาตุจอมมอญ ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นที่มีนาข้าวให้ชมแบบกว้างไกลที่สุดแล้ว

ชาวบ้านตื่นแต่มองมาที่พวกเราว่ามาถ่ายทุ่งนากันทำไม เค้าคงเห็นภาพนั้นจนชินตา แต่สำหรับพวกเราที่เห็นแต่ตึก รถติด เสียจนชิน การที่เราได้มาเห็นบรรยากาศแบบนี้ถือว่า เป็นกำไรชีวิต

ขับรถผ่านเส้นทางหมู่บ้านกะเหรี่ยงพะมอลอ เพราะทราบมาว่าเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมมีผ้าทอกะเหรี่ยงที่ขึ้นชื่อของแม่สะเรียง แต่พอเข้ามาเงียบมากก็เป็นหมู่บ้านเล็กธรรมดาบ้านหนึ่งไม่มีอะไรแตกต่างกับชุมชนทั่วไป หรือเราอาจยังเข้าไม่ถึง เลยขับผ่านเข้าไปชมทุ่งนาต่อ

อาหารเช้าของเราฝากท้องไว้ที่ร้านนี้ค่ะ รสเยี่ยม  เหมือนจะดูเป็นร้านเล็กธรรมดา ดูเมนูที่ขายก็ธรรมดา แต่รสชาติอาหารทุกอย่างไม่ธรรมดาค่ะ อร่อยมาสมชื่อร้าน  มีลูกค้ามาซื้อกลับไปทานที่บ้านไม่ขาดสาย ร้านตั้งอยู่ภายในเมืองตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย

กลับไปยังที่พักเก็บสัมภาระ ไปไหว้พระธาตุจอมทอง หนึ่งในพระธาตุสี่จอม วัดสุดท้ายที่พวกเราต้องมาไว้ให้ครบ มาถึงจุดแรกก็จะเจอโบสถ์และเจดีย์สีขาวประดับลวดลายสีทองคล้ายเจดีย์ทรงพม่า 2 องค์ อยู่ด้านหลัง

จากนั้นก็ขึ้นบันไดพญานาคเพื่อไปชมพระองค์ใหญ่ ที่เราเห็นจากพระธาตุจอมกิตติเมื่อวาน

วัดจอมทอง มีจุดเด่นอยู่ที่พระพุทธรูปหลวงพ่อโต พระพุทธมณี มิ่งมงคล” ก่ออิฐถือปูน สูง 15 เมตร หน้าตักกว้าง 19 เมตร ประดิษฐานอยู่บนยอดเขา สร้างขึ้นเมื่อ 12 มีนาคม 2532 เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างถูกต้องตาม พุทธลักษณะ 32 ประการของพระพุทธเจ้า  น่าเสียดาบที่ทางอำเภอน่าจะบูรณะและดูแลองค์พระมากกว่านี้ไม่น่าปล่อยให้ทรุดโทรมแบบนี้

บนลานพระพุทธรูปสามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอแม่สะเรียงและทุ่งนาสีเขียวได้ โดยเฉพาะในเวลาเย็นตรงวัดจอมทองถือว่า เป็นจุดชม พระอาทิตย์ตกยามเย็นที่งดงามมาก

เห็นพระธาตุจอมกิตติอยู่ไกลๆ

วิวของเมืองแม่สะเรียงมุมมองจากวัดจอมทอง  การมาไหว้พระธาตุสี่จอมนอกจากเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วไฮไลต์คือ การที่เราได้ชมวิวในมุมสูงสวยๆบนเขาทั้งสี่ทิศจากองค์พระธาตุ  สำหรับฉันคุ้มค่าที่สุด

แม่สะเรียง ดินแดนแห่งความสุข สงบ  ที่ไม่อยากให้มองข้าม  หากผ่านมาทางแม่สะเรียงก็แวะมาไหว้พระธาตุทั้งสี่ได้ แต่ละองค์ไม่ได้ตั้งอยู่ไกลกันมาก ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็น่าจะครบ แต่ถ้าค้างซัก  1 คืน ลองใช้เวลาแบบไม่เร่งรีบปั่นจักรยานชมเมือง ชมวัด ไหว้พระ ดูวิวริมน้ำ ล่องแม่น้ำสาละวินทานเมนูปลาแสนอร่อย ที่แม่สะเรียงกันซักครั้งค่ะ รับรองว่าคุณจะชื่นชอบความเป็นธรรมชาติและความเป็นกันเองของที่นี่

ผู้เขียน

Dew paiduaykan

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

• Facebook
• Twitter
• Line