Slow time เชียงแสน สัมผัสเสน่ห์เมืองเก่าริมโขง สุดชิค

อำเภอเชียงแสน เมืองแห่งอารยธรรมเก่าแก่อันทรงคุณค่า ถึงแม้ในปัจจุบันอาจจะรู้จักเชียงแสนในแง่มุมของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มี ดอยสะโง้จุดชมทะเลหมอกสุดอลังการ มีที่พักและร้านกาแฟที่สวยงามอย่างสตาร์ดอยคอฟฟี่ มากกว่าเชียงแสนในมุมความเป็นเมืองเก่าคลาสสิค มีวิวและทัศนียภาพริมฝั่งโขงที่มองเห็นทิวเขาและบ้านเรือนของเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่สวยสะดุดตา เชียงแสน ในปัจจุบันสร้างบนพื้นที่เดิมของเมืองโบราณขนาดใหญ่อายุหลายร้อยปี ทำให้ยังคงมีโบราณสถานเก่าแก่กระจายอยู่รอบเมือง ทั้งวัดวาอารามสำคัญหลายแห่ง ที่ยังคงงดงามเหนือกาลเวลา สำหรับการเดินทางมาเที่ยวเชียงแสนครั้งนี้ ตั้งใจพาไปสัมผัสแง่มุมเมืองเก่า เที่ยวชมวัดโบราณ ใช้ชีวิตผ่านกาลเวลาไปแบบช้าๆ  

 

 

วันแรก

อทิตา เดอะฮิดเดนคอร์ท

เพื่อช่วยเพิ่มบรรยากาศของการมาเที่ยวตามคอนเซ็ปต์ได้ครบยิ่งขึ้น เราเลือกพักที่ อทิตา เดอะฮิดเดนคอร์ท  (Athita the hidden court )  บรรยากาศของที่พักประดุจกำลังอยู่ในเมืองโบราณ แต่เมืองโบราณยุคใหม่ที่ผสมผสานกับดีไซน์ร่วมสมัยเป็นเอกลักษณ์ ทั้งอาคารโทนสีอิฐ เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการเล่นแสงเงาในตัวอาคาร กดจองอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องคิดมาก ตั้งใจมากสำหรับการมาพักที่นี่

 

 

อทิตา เดอะฮิดเดนคอร์ท (Athita the hidden court ) ถือเป็นโรงแรมที่สวยอีกแห่งหนึ่งของเชียงแสน สร้างด้วยไม้สักและอิฐผสมผสานกัน มีห้องพักจำนวน 9 ห้อง และสระว่ายน้ำส่วนกลาง ราคาเริ่มต้นของห้องพัก 3,600-5,885 บาท (พร้อมอาหารเช้า)  ที่พักเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัว มาถึงที่พักรับ welcome drink พร้อมผ้าเย็น

 

 

นอกจากนี้ยังให้บริการในส่วนของคาเฟ่มีทั้งเครื่องดื่ม เบอเกอรี่ และอาหารพื้นเมืองและอาหารทั่วไป ถึงแม้ไม่ได้พักสามารถแวะมาเที่ยวคาเฟ่ได้ คาเฟ่อยู่ในพื้นที่เดียวกับที่พักแต่แยกพื้นที่แบบชัดเจน

 

 

ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ติดกับแม่น้ำโขงแต่ห่างจากริมโขงเพียง 100 เมตร สามารถเดินหรือปั่นจักรยานไปได้ ทางโรงแรมมีจักรยานให้บริการฟรี  

 

 

พื้นที่บริเวณสนามหญ้าเป็นกำแพงอิฐล้อมรอบ ด้านหลัง คือ ห้องพักที่อยู่บริเวณชั้นหนึ่งและชั้นสอง ข้างที่พักมีโบราณสถานวัดต้นแก้ว เมื่อมองจากโรงแรมไปจะเห็นพระเจดีย์และพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่

 

 

บริเวณนี้คือ พื้นที่ในส่วนของโรงแรม ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่เข้าพักเข้ามาเท่านั้นค่ะ ห้องพักอยู่ในบริเวณชั้นล่างและชั้นสอง เป็นที่พักที่ออกแบบใส่ใจในทุกรายละเอีย โดยเฉพาะโถงตรงกลางมีที่นั่งพักผ่อนที่ชิลมาก ช่วงบ่ายมีแสงตกลงมาสวยงาม เป็นโรงแรมที่มีความชัดเจนในเรื่องของ Concept โดยยึดหลักของการผสมผสานกันระหว่างอดีตและปัจจุบันได้อย่างลงตัว

 

 

เราพักห้อง Lotus Garden Suite ตั้งอยู่ชั้น 1  ซึ่งเป็นห้องพัก High Light ของโรงแรม ราคาคืนละ 5,885 บาท (รวมอาหารเช้า) จุดเด่นของห้องนี้คือ มี อ่างอาบน้ำพร้อมมุมนั่งเล่นริมสระบัวข้างนอก มีประตูบานกระจกที่สามารถนั่งมองสระบัวได้ หรือจะเปิดประตูออกไป แล้วไปนั่งเล่นตรงนี้ได้ บรรยากาศคลาสสิคสุดๆ

 

 

พื้นที่ห้องกว้างกำลังพอดี และแบ่งสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยได้แบบลงตัวมาก ตั้งแต่มุมห้องนอน อ่างน้ำข้างนอกสำหรับล้างหน้าแต่งตัว ห้องอาบน้ำ ห้องสุขา และพื้นที่นั่งเล่นไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป และที่แปลกใจ ปกติถ้าพักที่พักแบบบ้านไม้ หรือห้องที่อยู่ในอาคารติดกันแบบนี้ จะได้ยินเสียงเดินหรือเสียงจากข้างห้องค่อนข้างชัด แต่สำหรับที่นี่แทบไม่ได้ยินเสียงอะไร ห้องเก็บเสียงได้ค่อนข้างดี และก่อนมาพักแอบกลัวสิ่งเร้นลับนิดนึง ด้วยโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่า มีโบราณสถานที่อยู่ใกล้กัน และดีไซน์ที่ออกมาในแบบโบราณนิด ๆ แต่พอได้มาพักกลับไม่มีความรู้สึกนั้น หลับสบายมาก

 

 

อ่างอาบน้ำในห้องน้ำแบบกระจกที่มองเห็นวิวที่เป็นกำแพงอิฐแบบเท่ๆ ข้างนอก ทางที่พักไม่มีโฟมบาธให้นะคะ ต้องเตรียมมาเอง

 

 

เดินผ่านช่องทางเดินอิฐไปยังสระว่ายน้ำส่วนกลาง สระมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ถ่ายรูปออกมาสวย มาเพื่อเน้นถ่ายรูปโดยเฉพาะ ช่วงบ่ายแก่ๆแสงส่องลงมาบริเวณนี้พอดี

 

 

นอกจากที่พักที่สวยงามและใส่ใจในทุกรายละเอียดแล้ว อาหารก็ใส่ใจเช่นกันค่ะ เน้นเมนูท้องถิ่นและอาหารโบราณ ในสไตล์ออแกนิคดีต่อสุขภาพ ตกแต่งจานมาอย่างสวยงาม สั่งเมนูแนะนำมาเกือบทั้งหมด เริ่มจากเมี่ยงอทิตา เป็นเมี่ยงกลีบบัวสูตรน้ำจิ้มโบราณที่หาทานได้ยาก ต่างจากน้ำจิ้มเมี่ยงทั่วไปที่เป็นแบบใส น้ำจิ้มสูตรโบราณจะข้นกว่า ด้วยมะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น หอมสมุนไพร อย่าง ข่า ตระไคร้ ที่ซอยและตำมาอย่างละเอียด เคยทำทานเอง ทำยากขั้นตอนเยอะและใช้เวลาเคี่ยวนาน แต่อร่อยกว่าน้ำเมี่ยงสูตรปกติมาก

 

 

ปอเปี๊ยะเหียเต๊อะ ปอเปี๊ยะทอดสูตรดั้งเดิม ไส้หมูสับคลุกเคล้ากับวุ้นเส้น และผักจากท้องถิ่น  ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรอทิตา ที่บอกเลยว่าน้ำจิ้มอร่อยมากค่ะ เปรี้ยวหวานลงตัว รับรองว่าหาทานรสชาตินี้จากที่ไหนไม่ได้แน่นอน ปกติไม่ได้ชอบทานปอเปี๊ยะทอด จะชอบปอเปี๊ยะสดมากกว่า แต่ได้ทานของที่นี่ติดใจมากค่ะ

 

 

อาหารมื้อเช้าก็จัดเต็ม ทางที่พักให้เลือกว่าจะทานข้าวซอย หรือว่าอเมริกันเบรคฟาสต์ ด้วยก่อนหน้านี้ทานอาหารเหนือมาเยอะ เลยทานเป็นอเมริกันเบรคฟาสต์ เสิร์ฟมาในจานใหญ่ มีทั้งไข่ออมเล็ต แซลมอน สลัด ผักต่างๆ มาแบบเบาๆ แต่อิ่ม เครื่องดื่มเลือกเป็นกาแฟลาเต้ และน้ำผักออแกนนิค รสชาติดีเช่นกัน

 

 

การได้พักผ่อนที่ อทิตา เดอะฮิดเดนคอร์ท เป็นการรีชารต์พลังได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เรื่องของดีไซน์ที่พัก การเล่นดีเทลในจุดต่างๆ แสงเงาสวย ถูกใจคนชอบถ่ายภาพเดินชมเพลินมาก อีกทั้งการบริการของพนักงานที่เป็นกันเองและใส่ใจลูกค้า รวมทั้งเครื่องดื่มอาหารพื้นเมืองรสชาติดี ทำให้ที่นี่ได้ก้าวเข้ามาเป็นที่พักในใจ ที่ต้องหาโอกาสกลับไปซ้ำอีกแน่นอน 

อทิตา เดอะฮิดเดนคอร์ท เชียงแสน

ที่ตั้ง : 984 หมู่ที่ 2 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย (บ้านเวียงเหนือ ซอยร่องหนองกลางเวียง)

โทร.063 426 9464

จองที่พักในราคาพิเศษ กับอโกด้าได้ คลิ๊ก จองที่พักอทิตาราคาพิเศษ

 

วันที่สอง

วัดป่าสัก 

เชียงแสนมีโบราณสถานและวัดวาอารามเก่าแก่หลายแห่ง  มีเวลาเพียงหนึ่งวันก่อนกลับคงแวะไม่หมด เราจึงเลือกเที่ยวประมาณ 2 วัด ที่แรก คือ วัดป่าสัก  โบราณสถานเก่าแก่ที่สำคัญแห่งเมืองเชียงแสน มีเจดีย์ที่ยังคงมีความสวยงามตามแบบฉบับศิลปะกรรมดั้งเดิม เพราะเมืองเชียงแสนไม่ได้เสียหายจากภัยสงคราม ทำให้โบราณสถานต่างๆส่วนใหญ่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ยังคงหลงเหลือร่องรอยลวดลายปูนปั้นแบบเดิมไว้ วัดแห่งนี้มี “เจดีย์หรือพระธาตุวัดป่าสัก “ ปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงแสนและของไทย นับว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสวยงามมากที่สุดองค์หนึ่ง 

 

 

วัดป่าสัก สร้างขึ้นในสมัยพระพญาแสนภู เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์มังราย พระโอรสในพระเจ้าชัยสงครามเมื่อครั้งสร้างเมืองเชียงแสนและสถาปนาเป็นเมืองหลวง แล้วลดฐานะของเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองลูกหลวง จุดประสงค์ในการสร้างวัดป่าสักเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุกระดูกตาตุ่มข้างขวา โคปผกะธาตุ  ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์นำมาถวายจากเมืองปาฏลีบุตร พระพญาแสนภูได้ทรงสั่งให้ปลูกต้นสักทั่วบริเวณวัดจำนวนถึง 300 ต้น จึงเป็นที่มาของ ชื่อ วัดป่าสัก

 

 

เมื่อเดินผ่านแนวกำแพงแก้วเดิมก่อนถึงพระวิหาร มีทางเดินยกพื้นสูงยาวปูด้วยอิฐหกเหลี่ยมทอดยาวสู่พระวิหาร เหมือนเรากำลังเดินก้าวข้ามผ่านกาลเวลาสู่อดีต อิฐหกเหลี่ยมนี้เป็นของเดิมมาตั้งแต่สร้างวัดป่าสัก พระวิหารมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขหน้าสร้างด้วยศิลาแลงและอิฐฉาบปูน มีเสาศิลาแลงฉาบปูนจำนวน 8 ต้น ผ่านมุขหน้าเข้าไปข้างในพระวิหาร ด้านท้ายพระวิหารยกพื้นสำหรับประดิษฐานพระประธาน

 

 

ถัดจากพระวิหารคือพระเจดีย์ทรงปราสาทแบบล้านนา 5 ยอด ที่ยังคงความสมบูรณ์และสวยงามจนถึงปัจจุบัน  ผสมผสานศิลปะสุโขทัย พุกาม และหริภุญไชยเข้าด้วยกัน จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ รูปแบบของเจดีย์ประธานวัดป่าสัก เชียงแสน เป็นรูปแบบเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอับดับที่สองในประเทศไทย  เจดีย์ห้ายอดคล้ายเจดีย์เชียงยืน ที่วัดพระธาตุหริภุญไชย จังหวัดลำพูน   

 

 

รอบเจดีย์ทั้ง 4 ด้าน  ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางเปิดโลก ลักษณะเรือนซุ้มจระนำนี้เป็นซุ้มซ้อนกัน 2 ชั้น ประดับลวดลายปูนปั้นลวดลายสวยงาม  หากจะเข้าไปเยี่ยมชมบริเวณด้านใน  ค่าธรรมเนียมเข้าชมสำหรับคนไทย 10 บาท ต่างชาติ 50 บาท เปิด 8.00 น. – 17.00 น.

 

 

 

วัดพระธาตุผาเงา  

อีกหนึ่งวัดสำคัญของเชียงแสน วัดพระธาตุผาเงา  ภายในวัดมีพระธาตุ 3 องค์ คือ พระธาตุผาเงาที่ตั้งอยู่บนยอดหินผา พระธาตุจอมจันที่เหลือแต่ซากองค์พระเจดีย์สูงประมาณ 5 เมตร ถัดจากพระธาตุจอมจันขึ้นไปบนยอดเขา เป็นที่ตั้งของพระธาตุเจ็ดยอด ซึ่งเหลือแต่ซากฐานสูง 5 เมตร ทางวัดได้สร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิต เจดีย์ขนาดใหญ่ครอบองค์พระธาตุไว้ 

 

 

ถัดจากพระธาตุผาเงาขึ้นไปข้างบนยอดเขาประมาณ 1 กม. เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์” ซึ่งอยู่บนยอดดอยขึ้นไปบนถนนชันๆ ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี องค์เจดีย์มีสีขาวตั้งตระหง่านสวยงาม ถูกสร้างขึ้นมาครอบพระธาตุเจ็ดยอด

 

 

บริเวณนี้มีลานชมวิวที่สามารถมองเห็นแม่น้ำโขง และพื้นที่รอยต่อของ 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และเมียนมา โดยบริเวณนั้นมีแม่น้ำโขงตัดผ่านสวยงามมาก ทำให้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาสักการะและถ่ายรูปกันอีกจุดหนึ่งของวัด เพราะมีการจัดทำมุมที่นั่งที่สวยงามให้ได้ถ่ายภาพ ทั้งซุ้มประตูที่ด้านบนเป็นยอดเจดีย์สีทองสวยงาม มีความคล้ายกับประตูบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซุ้มรูปหัวใจ เก้าอี้และป้ายชื่อจุดชมวิว

 

 

ภายในวัดพระธาตุผาเงา ยังมีจุดแวะชมความสวยงามและความเก่าแก่ของศิลปะเชียงแสนได้อีกทั้งอุโบสถพระธาตุจอมจัน หอพระไตรปิฏกเฉลิมพระเกียรติ และพิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนาเชียงแสน 

 

 

สามเหลี่ยมทองคํา

มาถึงเชียงแสนไม่แวะไม่ได้เลยสำหรับ สามเหลี่ยมทองคํา แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่เรียกว่าดินแดน 3 ประเทศ เป็นจุดที่แม่น้ำรวกไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง มองเห็นสันดอนทรายและพื้นที่รอยต่อสามประเทศ คือ ไทย เมียนมาร์ (แขวงบ่อแก้ว) และลาว( ท่าขี้เหล็ก,รัฐฉาน ) มีลักษณะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมบรรจบกัน เรียกว่า “สบรวก” บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เป็นที่ประดิษฐานพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อ สามารถขึ้นไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งสัญลักษณ์ประตูสามเหลี่ยมทองคำ มีลานระเบียงกว้างที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงได้อย่างสวยงาม และยังสามารถช๊อปปิ้งสินค้าจากร้านขายของที่ระลึก ทั้ง เสื้อผ้าพื้นเมือง หมวก กระเป๋า เป็นต้น

 

 

ในอดีตพื้นที่ของสามเหลี่ยมทองคำเคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นแห่งใหญ่ของโลก การขายฝิ่นในสมัยก่อนใช้ทองคำในการซื้อขาย และฝิ่นในสมัยก่อนก็มีค่ามากดั่งทอง ค้าขายโดยมีทองคำเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าพื้นที่แถบนี้จึงถูกเรียกว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” มาถึงพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ จะมองเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่โดดเด่นประทับอยู่บนเรือข้างแม่น้ำโขงให้สักการะบูชา และรูปปั้นช้างให้สามารถเดินลอดท้องช้างได้ หรือจะล่องเรือชมทิวทัศน์ตามลำน้ำโขง และข้ามฟากไปฝั่งเพื่อนบ้านได้

 

 

ภายในพื้นที่มีการจัดภูมิทัศน์ไว้อย่างสวยงาม มีลานระเบียงชมวิวที่สามารถ มองเห็นลำน้ำโขงทอดยาว ภูเขา และบ้านเรือนทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน  รวมทั้งเรือหางยาวที่จอดเพื่อรับส่งนักท่องเที่ยวเพื่อชมวิวทิวทัศน์รอบลำน้ำโขง

 

 

โฟลว เชียงแสน

เที่ยววัดกันมาทั้งวัน แวะไปหาคาเฟ่นั่งเล่น โฟลว เชียงแสน  Flow Chiang Saen  คาเฟ่ขึ้นชื่อบรรยากาศดีติดริมน้ำโขง ในเมืองเชียงแสน ดีไซน์สวยตกแต่ทันสมัยเล่นโทนสีเอิร์ธโทนอบอุ่น ตัวร้านกว้างขวางมีหลากหลายโซน มีทั้งโซนด้านบนมองเห็นวิวน้ำโขง และบรรยากาศออนเดอะบีชบนหาดทรายติดริมน้ำ ที่นี่ มีบริการทั้งอาหารและขนมหวาน เครื่องดื่ม มาที่นี่ต้องสั่งครัวซองท์ เมนูของหวานขึ้นชื่อ กรอบนอกนุ่มใน ที่มีให้เลือกหลากหลายแบบ

 

 

ตัวร้านดีไซน์เก๋  ผนังสีขาวเล่นกิมมิคด้วยหลังคาทรงสามเหลี่ยม ที่นำไม้ไผ่มาวางเรียงต่อกันช่วยให้ตัวร้านมีความโดดเด่นสะดุดตา เมื่อเข้ามาภายน้านจะเจอกับที่นั่งในโซนแรก ที่ใช้ประตูและหน้าต่างเป็นแบบกระจก ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนที่ให้ความรู้สึกซอฟท์ จัดแสงไฟสีเหลืองอบอุ่นช่วยเพิ่มความอบอุ่นภายในร้านได้อย่างดี ส่วนด้านนอกจัดเป็นมุมที่นั่งเล็กๆในสวน

 

 

ส่วนข้างนอกเป็นที่นั่งแบบโอเพ่นแอร์ ติดริมน้ำโขง มองเห็นวิวได้แบบชัดเจน ลงไปข้างล่างมีมุมออนเดอะบีชบนหาดทราย ติดริมน้ำ ได้ฟีลเหมือนนั่งปิคนิคริมทะเล

 

 

เมนูมีทั้งอาหารคาวแบบไทย และตะวันตก รวมทั้งเครื่องดื่มและของหวาน โดยเฉพาะครัวซองท์ ที่มีให้เลือกหลายแบบ สั่งลิ้นจีโซดาและครัวซองท์ มทาน รสชาติดีทั้งสองเมนู หลังจากชโบราณสถาน ไหว้พระทำบุญ เที่ยวสามเหลี่ยมทองคำแล้ว แวะมานั่งเล่นทานอาหาร จิบเครื่องดื่ม ชมวิวริมโขงที่ร้านนี้ เพื่อผ่อนคลายกันได้

 

 

โฟลว เชียงแสน   Flow Chiang Saen

ที่อยู่ : 1290 อำเภอ เชียงแสน เชียงราย

เปิดให้บริการ : ทุกวัน 8.00-18.00น. เสาร์-อาทิตย์ เปิดถึง 19.00 น. ค่ะ

โทร 085 863 2569

 

หลังจากเที่ยวเชียงแสนในครั้งนี้ ทำให้ได้คำตอบว่า เชียงแสนยังคงเสน่ห์ของความคลาสสิคไว้ไม่ได้จางหายตามกาลเวลา ในขณะเดียวกันยังคงปรับให้ทันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้น่าเที่ยวกว่าเดิมมากมาย หากอยากมาทิ้งตัวลงนอน พักผ่อน ปล่อยสมองให้ผ่อนคลาย อย่าลืมนึกถึง “เชียงแสน”

 

ชมคลิปวีดีโอ คลิ๊ก เที่ยวเชียงแสน 

 

หาที่พักอื่นในอำเภอเชียงแสน คลิ๊ก 15 ที่พักเชียงแสน สัมผัสบรรยากาศริมโขง

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง