เที่ยวอุทัยธานี 2 วัน 1 คืน พักใจไปกับสายน้ำ

อุทัยธานี เมืองสงบริมสายน้ำสะแกกรัง  ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่สามารถพบกับความเรียบง่ายและวิถีชีวิตที่งดงาม ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ทำให้อุทัยธานีสามารถเที่ยวได้ทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับ และจะดีมากยิ่งขึ้นหากพักค้างคืนซัก 1 คืน เพื่อปรับจังหวะชีวิตให้เดินช้าลง รับอากาศบริสุทธิ์ที่เมืองเล็กแต่มากไปด้วยความงดงามและมิตรไมตรีแห่งนี้   เรามีตัวอย่างทริปท่องเที่ยวอุทัยธานีแบบ 2 วัน 1 คืน มาฝากกัน

 

%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%a2

 

วันแรก

11.00 น ชมอุโบสถแก้ว วัดท่าซุง

ออกเดินทางจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่มาถึงอุทัยประมาณ 11 โมง เพื่อไปยังจุดหมายแรก วัดท่าซุง วัดที่มีชื่อเสียงและงดงามของเมืองอุทัยธานี วัดท่าซุง จริงแล้วเป็นวัดเก่าแก่ โดยหลวงพ่อใหญ่ เป็นผู้สร้างวัดแต่วัดเริ่ม พัฒนาและเป็นที่รู้จักเมื่อพระราชมหาวีระ ถาวาโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พระเถระที่มีชื่อเสียง ได้สร้างอาคารต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะวิหารแก้ววิหารแก้ว 100 เมตร เป็นวิหารสำคัญที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำสร้างไว้ก่อนมรณภาพรวมทั้งยังเป็นที่รักษาสังขารร่างของหลวงพ่อที่ไม่เน่าเปื่อยในโลงแก้ว   วิหารแก้วจะเปิดให้ชมเป็นช่วงเวลา คือ ช่วงเช้า ตั้งแต่ 9.00-11.45 น .และช่วงบ่าย 14.00-16.00 น.

 

 

 

 

ภายในสร้างด้วยโมเสก สีขาว ใสดูเหมือนแก้ววาววับ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปจำลองพระพุทธชินราชซึ่งเป็นพระประทานในวิหาร อีกด้วย

 

 

 

ปราสาททองคำ ตกแต่งด้วยทองคำตระกาลตา สร้างด้วยฝีมือที่ประณีตงดงาม ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก)ที่มาของคำว่า ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก)  สร้างเพื่อ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวาระที่ ทรงเสวยราชย์เป็นปีที่ 50 และทาง สำนักพระราชวังได้ให้ชื่อปราสาททองคำใหม่ว่า “ปราสาททองกาญจนาภิเษก” ปราสาททองคำ ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ประดับลวดลายไทยปิดทองคำเปลวติดกระจกใช้เป็นสถานที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปที่ญาติโยมถวายรอบนอกปราสาท ใช้ทองคำเปลวปิดรอบปราสาทภายในปราสาทเป็นที่ประดิษฐานสิ่งของสำคัญต่างๆ

 

 

นอกจากนี้ภายในวัดท่าซุงยังมีจุดแวะชมที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น มณฑปพระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระศรีอาริเมตตรัย วิหารสมเด็จองค์ปฐม หอพระไตรปิฏก  หลวงพ่อเงินไหลมาเทมาเจดีย์พุดตาน มณฑปและวิหารอยู่ หลายแห่งแต่ละแห่งมักจะ ติดวัสดุกระจกและล้อมรอบด้วยแก้วใส ส่วนยอดจะสร้างในลักษณะเดียวกัน

 

12.00 น  พักจิบเครื่องดื่ม  ที่บ้านจงรัก  

บ้านจงรัก  เป็นร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์  ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี   ร้านตั้งอยู่ริมถนน ตรงข้ามโรงเรียนอุทัยวิทยาลัย เป็นบ้านไม้ที่ต่อเติมเป็นร้านกาแฟ สไตล์การตกแต่งร้านแบบโบราณโดยนำของสะสมตั้งแต่บรรพบุรุษ รุ่นปู่ย่าตายาย ในสมัยรัชกาลที่  5 จนถึงปัจจุบันมาใช้ตกแต่งทำให้ดูมีสไตล์ เป็นเอกลักษณ์  ร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำสมุนโพรโฮมเมดสูตรโบราณ และยังมีโปสการ์ด ของที่ระลึกจังหวัดอุทัยธานีจำหน่ายด้วย  สำหรับใครที่หลงรักบรรยากาศและข้าวของเครื่องใช้ในอดีต ไม่ควรพลาดแวะมาจิบเครื่องดื่ม ชมของเก่าที่หาชมได้ยาก

 

 

พื้นที่ชั้นล่างเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งให้บรรยากาศแบบโรงเตี๊ยมเก่า  ตกแต่งด้วยของโบราณต่างๆ โดยเฉพาะของเล่น ประเภทตุ๊กตาจะมีมากเป็นพิเศษ

 

 

เมนูเครื่องดื่ม และของหวานของทางร้าน เราสั่งเครื่องดื่มชาเขียวมะนาว และนมคาราเมลพร้อมด้วยขนมปังปิ้งท๊อปปิ้งด้วยไอศกรีมและถั่วแดง รสชาติดี

 

 

ระหว่างรอเครื่องดื่ม สามารถเดินขึ้นไป ชั้น 2  ซึ่งจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชมฟรี รวบรวมของสะสม ข้าวของเครื่องใช้แบบโบราณ  แบ่งเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น  โต๊ะทำงาน และห้องนอน บรรยากาศถึงแม้ไม่ได้ติดแอร์แต่เย็นสบาย พื้นที่ในชั้น 2 สามารถนั่งโพสถ่ายรูปได้  คุณลุงเจ้าของร้านใจดีมาก เดินแนะนำพาดูของเก่าแต่ละอย่างแบบละเอียด

 

 

ด้านหลังมีเรือนไทยเล็กๆ ซึ่งมีทั้งเฟอร์นิเจอร์โต๊ะ เก้าอี้ และของใช้ต่างๆเข้ากับบรรยากาศ ทั้งห้องครัวแบบไทย ที่รวบรวมอุปกรณ์ทำครัวในสมัยอดีต ห้องนั่งเล่นในเรือนไทย  บ้านจงรัก เชิญนั่งให้คลายเหงา ชมของเก่าเล่าสมัย ชิมกาแฟละมุนละไม  อิ่มอุ่มใจด้วยไมตรี คือ สโลแกนของทางร้านที่เมื่อได้มาแล้วจะได้รับความรู้สึกเช่นนี้กลับไปจริงๆ

 

 

บ้านจงรัก

221/3 ถนนศรีอุทัย อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี

วันเวลาเปิด : วันศุกร์ – วันอาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 7.30 น. – 17.00 น.

พิพิธภัณฑ์เปิดให้ชมเฉพาะวันเสาร์ -วันอาทิตย์

โทร  08-1886-3685, 08-9640-6265

 

14.00 น  เช็คอิน เข้าที่พัก บ้านอิงน้ำ

บ้านอิงน้ำ ตั้งอยู่ในเมืองฝั่งเกาะเทโพใกล้กับวัดโบสถ์และสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง บรรยากาศที่นี่ดีมาก  มีสระว่ายน้ำเล็กๆ และบ้านพักติดริมน้ำสะแกกรังมีที่นั่งพักผ่อนชมบรรยากาศริมน้ำด้วย เราเลือกพักแบบบ้านริมสระว่ายน้ำ ราคาหลังละ 1200 บาท รวมอาหารเช้า ภายในห้องพักสะดวกสบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น รายละเอียดติดต่อบ้านอิงน้ำที่   http://www.xn--72c9abb0h2aen9pg8b.com/

 

dew_4418

dew_4421

dew_4414

 

บ้านพักแบบแพริมน้ำ บรรยากาศชิว มีพื้นที่นั่งพักผ่อน มองสายน้ำแบบสบายๆ

 

dew_4413

 

dew_4409

 

dew_4407

 

16.00 น. ปั่นจักรยานชมบรรยากาศริมน้ำสะแกกรัง

เมื่อถึงเวลาเย็น ได้เวลาปั่นจักรยานชมเมืองกันแล้ว  ทางที่พักมีจักรยานให้ปั่นฟรี เราเลยปั่นจักรยานไปยังสะพานช้ามแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวัดโบสถ์ จากที่พักใช้เวลาเพียง 10 นาที การท่องเที่ยวชมความงามและชมบรรยากาศวิถีชีวิตริมน้ำสะแกกรัง นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือน อุทัยธานี  ถือเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจ  ปัจจุบันวิถีชีวิตริมแม่น้ำสะแกกรังยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของวิถีชีวิตแบบชาวแพที่มากไปด้วยบ้านเรือนแพทอดยาวไปตามแนวโค้งของแม่น้ำ  สามารถเดินชมวิถีชีวิตชาวแพด้วยตัวเอง หรือใช้บริการนำเที่ยวชมวิถีชีวิตริมน้ำซึ่งท่าเรือจะตั้งอยู่บริเวณตลาดสดเทศบาล  นอกจากนี้ยังสามารถมาเดินเล่นตลาดสดเมืองอุทัยธานี ตั้งอยู่ริมน้ำสะแกกรัง  ต่อด้วยเที่ยวถนนคนเดินตรอกโรงยา  สัมผัสบรรยากาศของตึกรามบ้านช่องเก่าแก่ ในตัวเมืองอุทัยธานี

 

 

เส้นทางการเที่ยวชมนั้นจะเริ่มต้นที่สะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรังซึ่งบริเวณนี้มีสถานที่สำคัญ คือ  วัดโบสถ์ สถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของชาวอุทัยที่มีอายุกว่า 100 ปี นับเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่ริมน้ำสะแกกรังมาช้านาน ซึ่งปัจจุบันกำลังบูรณะซึ่งการเข้าไปชมอาจไม่สะดวกเท่าใดนัก  ตรงข้ามกับวัดโบสถ์ คือ ตลาดเทศบาลอุทัยธานี สะพานแห่งนี้นอกจากจะใช้ในการสัญจรไปมาข้ามฝั่งระหว่างตัวเมืองกับเกาะเทโพแล้ว ยังถือว่า เป็นจุดแวะเช็คอินที่ไม่ควรพลาด จากสะพานเราสามารถชมวิวแม่น้ำสะแกกรัง ที่เต็มไปด้วยบ้านแบบเรือนแพที่ตั้งขนานอูยู่บริเวณริมน้ำ ข้ามซึ่งถือเป็นวิถีดั้งเดิมของชาวอุทัยธานี การชมวิวริมน้ำสะแกกรัง ควรมาชมสองช่วง คือ ช่วงเย็นตอนบ่ายแก่ๆ จะได้แสงยามเย็นที่งดงาม อบอุ่น และช่วงเช้า ซึ่งจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ที่งดงามในยามเช้า ได้ร่วมกิจกรรมตักบาตรในยามเช้า

 

 

บริเวณริมสะพานฝั่งตลาดเทศบาล มีร้านกาแฟน่านั่งอยู่ 1 ร้าน ชื่อร้านมุมสะแก เป็นร้านที่ตั้งอยู่ริมน้ำสะแกกรัง มองเห็นสะพานอยู่ตรงหน้า   ร้านเปิดเวลา 07:00–18:00 น. ร้านปรับปรุงจากอาคารดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นแบบโอเพ่นแอร์ ร้านขายทั้งเครื่องดื่ม และอาหารจานเดียว และอาหารทานเล่น ชั้นบนแบ่งเป็นโซน คือ ในส่วนของห้องแอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเคาน์เตอร์ขายเครื่องดื่ม อยากทานอะไรมาสั่งจากตรงนี้ พื้นที่ด้านนอกจัดเป็นที่นั่งแบบระเบียงชมวิว นั่งจิบเครื่องดื่มมองผู้คนที่ข้ามไปมาบริเวณสะพาน เป็นวิถีชีวิตที่ดูอบอุ่นและเรียบง่าย

 

 

บรรยากาศของตลาดเทศบาลอุทัยธานีในยามเย็ม เต็มไปด้วยพ่อค้า แม่ค้า ที่นำของมาขายทั้งผักพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่น และที่ขาดไม่ได้ คือ ปลาแม่น้ำตัวโตหลากสายพันธุ์ ทั้งแบบสดและแบบแห้ง

 

 

ปลาแรดทอดตัวโต  ขายตัวละ 250 -300 บาท  ปลาแรดนั้น ถือว่าเป็นปลาที่ขึ้นชื่อของอุทัย มีเนื้อนุ่ม หวาน อร่อยกว่าที่อื่นๆว่ากันว่าเนื้อปลาแรดที่นี่รสชาติอร่อยไม่มีกลิ่นโคลนเหมือนกับปลาแรดที่อื่น จนกรมประมงต้องยกให้ปลาแรดเป็นปลาน้ำจืดประจำจังหวัดอุทัยเลยทีเดียว  หากเราไปยังถนนหลายสายก็จะเห็นว่ามีรูปปั้นของปลาแรดเป็นสัญลักษณ์ตามป้ายถนนต่าง

 

 

ตึกเก่าโบราณในย่านตลาดสดถูกทาด้วยสีม่วง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ตึกในละแวกนี้เท่านั้น แต่เรียกได้ว่าตึกและบ้านเรือนบางหลังในตัวเมืองต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนสีตึกเดิมให้เป็นสีม่วง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมายุ  60 พรรษา เมื่อวันที่  2 เมษายน 2558  เพราะฉะนั้นเมืองเข้ามาในตัวเมืองแล้วเห็นบางตึกมีสีม่วงนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจ

 

 

ภูผากาแฟ ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาดสด ตรงหัวมุมถนนตรงสามารถร้านเป็นตึกไม้ 2 ชั้น แบบเก่าๆ โบราณ ในคอนเซ็ปต์  “จิบกาแฟ แลตลาด ” เพราะตัวร้านตั้งอยู่ในตลาดพอดีหาก มองออกมาจากภายในตัวร้านก็จะมองเห็นภาพบรรยากาศของตลาดสดและแม่น้ำสะแกกรัง   ร้านเปิดตั้งแต่เวลา  8:00-19:00 น.

 

 

18.00 น. เดินเล่นถนนคนเดินตรอกโรงยา  

จากตลาดเทศบาลไปไม่ไกล ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 4 โมงเย็นจนถึงสองทุ่ม  สามารถมาเดินเล่นต่อได้ที่ถนนคนเดินตรอกโรงยา  เป็นอีกหนึ่งสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่สามารถสะท้อนเรื่องราวและบรรยากาศของความเป็นเมืองอุทัยได้เป็นอย่างดี  ได้ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้งให้กลายเป็นถนนคนเดินกลางเมืองอุทัยธานี  ที่ยังคงทิ้งร่องรอยของความเจริญรุ่งเรืองในอดีตผ่านบ้านไม้เก่าแก่ที่ได้ถูกปรับปรุงกลายเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงร้านขายของที่ระลึก

 

บรรยากาศของบ้านเรือนไม้สุดคลาสิค  ซึ่งในเวลานี้คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินจับจ่ายซื้อหาของกินอร่อยๆ มานั่งทานและซื้อกลับไปทาน  มีทั้งอาหารคาวหวาน และขนมโบราณ  ของฝากของที่ระลึก ของโบราณต่างๆมากมาย

 

 

มาหยุดยืนอยู่บริเวณหน้าร้านดังอีกหนึ่งร้าน บ้านนกเขา  เป็นบ้านที่สะสมภาพเก่าอุทัยธานี และสถานที่ต่างๆรวมทั้งของใช้และสิ่งของที่ส่วนใหญ่ทุกคนเคยใช้กัน ในอดีต โดยใช้เวลาสะสมสิ่งของเหล่านี้ เป็นเวลานานหลายปี โดยนำสิ่งของมาจัดแสดงให้ทุกคนได้ชมชมและสัมผัส และยังให้เยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ ปลูกสำนึกจิตใจแห่งการอนุรักษ์ โดยจัดแสงสีบรรยากาศภายในภายนอกร้านให้เข้ากับบรรยากาศยิ่งขึ้น

 

 

จากถนนคนเดินตรอกโรงยา ไม่ไกลจากตลาดเทศบาล คือ ร้านน้ำเต้าหู้ ไซ้จันทร์  การันตีความอร่อยด้วยจำนวนลูกกค้ายืนซื้อ และนั่งทานในร้น  น้ำเต้าหู้มีให้เลือกตั้งแต่น้ำเต้าหู้ธรรมดา น้ำเต้าหู้งาดำ น้ำเต้าหู้ชาเขียว  น้ำเต้าหู้มีความเข้มข้น ให้ความรู้สึกว่ากำลังทานน้ำเต้าหู้แท้ แบบที่ไม่ผสมน้ำหรือแป้ง  ใส่มาในถ้วยที่ใหญ่มากทานกันจนอิ่มเผลอๆ ทานไม่หมด เมนูอื่นก็มี เช่น เต้าฮวย  บัวลอยน้ำขิง  ร้านเปิดทุกวัน 15.00 น. -21.00 น

 

 

วันที่สอง

06.30 น. ทำบุญตักบาตร ชมบรรยากาศยามเช้าริมน้ำสะแกกรัง

ในยามเช้าเราปั่นจักรยานจากที่พักเพื่อมาชมบรรยากาศมาตักบาตร พระที่จะเริ่มออกบิณฑบาตรประมาณ 6.30 น.

 

 

บรรยากาศของตลาดเช้าคึกคักไปด้วยของกิน  ของที่นำมาขายก็จะคล้ายกับในช่วงเย็น แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่ามาช่วงเย็นจะมีของขายเยอะกว่า

 

 

กิจกรรมตักบาตรทางน้ำบริเวณลานสะแกกรัง เพื่อใส่บาตรพระที่บิณฑบาตโดยการพายเรือข้ามมาจากวัดโบสถ์ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่ทางเทศบาลจัดขึ้นทุกวันเสาร์ อาทิตย์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสได้สัมผัสกับวิถีแบบดั้งเดิมของชาวอุทัยธานี  กิจกรรมจะเริ่มประมาณ  7 โมงเช้า

 

 

เรือนแพริมน้ำ ที่ถูกทาด้วยสีม่วง  และบรรยากาศที่แสนสงบ ถือเป็นภาพความงามที่ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากมาย หากใครมีโอกาสมาสัมผัสกับเมืองนี้ จะต้องหลงรักวิถีชีวิตเรียบง่าย มีความสุขอย่างพอเพียงของชาวบ้านโดยไม่รู้ตัว

 

 

 

09.30 น. ชมป่าดึกดำบรรพ์ หุบป่าตาด

หุบป่าตาด ตั้งอยู่ใน ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก อุทัยธานี  อยู่ในความดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน    เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสวยงามปลกตาของทางธรรมชาติ หุบป่าตาด ได้ถูกประกาศจากกรมอุทยานแห่งชาติ ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ เนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้ หายากมากมายหลายชนิด เช่น เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก ขนุนดิน เป็นต้น  โดยหุบป่าตาดมีลักษณะเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่ภายในคือผืนป่าที่เต็มไปด้วยต้นตาดและพืชพันธุ์โบราณแปลกตา ถ้ำหุบป่าตาดนั้นค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. 2522 ครั้งนั้นพระครูได้ปีนลงไปในหุบเขานี้แล้วพบว่ามีต้นตาดขึ้นอย่างดาษดื่น  ซึ่งต้นตาดนั้นจัดเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม ท่านจึงได้เจาะถ้ำเพื่อเป็นทางเข้าไปสู่หุบป่าตาดนั้นในปี พ.ศ. 2527

 

 

เมื่อมาถึงปากทางขึ้นไปยังหุบป่าตาด เสียค่าบริการเข้าชม  ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท  พร้อมไฟฉาย 1 อัน  แนะนำให้พกยากันยุงติดตัวมาด้วย  ในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ บริเวณทางเข้าจะมีบริการมักคุเทศน์น้อยนำทางที่คอยเล่าเรื่องราวของป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ ซึ่งค่าบริการแล้วแต่เราจะให้  ซึ่งถือว่าก็ดีที่มีน้องๆมาช่วยเล่าเรื่องก็ทำให้เราได้ความรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์ต่างๆ มากขึ้น สำหรับระยะทางเดินชมธรรมชาติ ไป-กลับ 700 เมตร ใช้เวลาชมประมาณ 30 นาที  เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่เดินสบายๆ แบบเพลิดเพลิน ได้เห็นต้นตาดขึ้นปกคลุมหนาแน่นในวงล้อมของผาหินที่เต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย รูปร่างแปลกตา โดยเริ่มจากเดินผ่านไปยังบันไดทางเดินที่ได้จัดทำไว้  ไปสู่จุดแรกคือ โถงถ้ำที่มืดสนิท และปลายทางคือปล่องขนาดใหญ่ที่มีแสงส่องลงมา

 

 

โดยมีจุดชมวิวที่เผยให้เห็นภาพอันน่ามหัศจรรย์ของป่าตาด  พืชตระกูลปาล์ม มีใบเป็นแฉกแผ่กว้างสยาย ชอบขึ้นในพื้นที่ป่าดงดิบที่มีอากาศเย็นชื้นสภาพหนาทึบ  ราวกับว่ากำลังหลุดอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์อย่างไรอย่างนั้น

 

 

ต้นตาดที่ขึ้นปกคลุมตลอดเส้นทางเดิน

 

 

หากมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนตั้งแต่ประมาณเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน   เราจะได้พบเห็นเจ้ากิ้งกือมังกรสีชมพู  มีสีชมพูสดใสมองไปมองมาคล้ายเกสารดอกไม้  มีลักษณะโดดเด่นด้วยลวดลายและปุ่มหนามคล้ายมังกร พบได้ในป่าที่มีความชุ่มชื้นสูงและอุดมสมบูรณ์ เมื่อโตเต็มที่จะมีลำตัวยาวประมาณ 7 เซนติเมตร  ถือว่า เป็นสัตว์ไฮไลท์  พบได้แห่งเดียวในโลกคือที่หุบป่าตาด  โดยมันจะคลานอยู่ตามพื้นกำแพงทางเดินบ้าง ตามต้นไม้บ้าง ต้องคอยสังเกตให้ดี เพราะตัวค่อนข้างเล็ก

 

 

เดินเข้ามาเกือบสุดเส้นทางจะพบกับถ้ำอีก 1 ถ้ำ แบบเปิดโล่งพอเห็นแสง มีหินงอกหินย้อย และหินปูน ซึ่งลวดลายหินที่งดงาม หากมาเที่ยวในช่วงกลางวันจะมีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากลางหุบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนสูงชัน

 

 

จากถ้ำก็มาถึงทางเดินเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยป่าตาดเช่นกัน โดยเมื่อมาถึงตรงจุดนี้ลักษณะทางเดิน จะเป็นการเดินกลับไปยังเส้นทางเดิม  ระหว่างทางก็จะได้เห็นต้นไม้แปลกๆ เช่นเคย มาสะดุดจากับเจ้าใบไม้ที่ตกลงมาจากต้นบนหิน จากสีเขียวกลายเป็นสีเหลืองดงาม ใบใหญ่มากเกือบเท่าหน้าเลยทีเดียว

 

 

สำหรับใครที่อยากมาสัมผัสความรู้สึกเหมือนเราหลุดไปอยู่ในโลกของพืชพันธุ์ดึกดำบรรพ์ เชิญมาเดินชมความมหัศจรรย์กันได้ที่ หุบป่าตาด

 

 

หุบป่าตาด

เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่  8.30 น. – 16.00 น. ค่าเข้าชม  ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท  ในวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีไกด์น้อยมาคอยพานำเที่ยวชมตามค่าบริการแล้วแต่นักท่องเที่ยวจะให้

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวหุบป่าตาดคือช่วง 11:00-13:00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่แสงส่องลงมายังหุบป่าตาด ทำให้เห็นประกายของหินแวววับในโพรงถ้ำสวยงามมาก  ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน โทร. 0-5698-9128

 

12.00 น. ทานอาหาร จิบกาแฟ กอบกาแฟ สาขา 2

กอบกาแฟ สาขา 2 เป็นอีกหนึ่งสาขาของร้านกอบกาแฟ สาขาแรก ที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองอุทัยธานี ร้านดังที่ใครๆก็ต้องแวะ  โดยสาขาที่ 2  ริมถนนสาย 333 ร้านตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่ บนทางหลวงหมายเลข 333 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ หรือขาออกจากเมืองอุทัย  ถ้าออกจากตัวเมืองอุทัยขับมาแป๊บเดียวไม่เกิน 15 นาที  การตกแต่งยังคงเป็นสไตล์ลอฟท์ ตัวร้าน มี 2 ชั้น ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างปูนเปลือยกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ประกอบกับ ที่ตั้งของสาขานี้อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียว มีต้นไม้ร่มรื่น เน้นบรรยากาศแบบธรรมชาติ ยิ่งช่วงเย็น แดดร่มลมตกน่าจะยิ่งเหมาะแก่การมานั่งชิลๆบนสนามหญ้าหน้าร้าน

 

 

ชั้นล่างเป็นห้องแอร์  มีมุมกุ๊กกิ๊กน่ารักสำหรับถ่ายภาพหลายมุม ตัวอาคาร 2 ชั้น เป็นแบบโอเพ่นแอร์ เปิดโล่งรับลม ถึงแม้มาในช่วงกลางวันแต่ก็ไม่ถึงกับร้อนมาก เพราะมีลมพัดเข้ามาตลอด

 

 

นอกจากกาแฟและเครื่องดื่มแล้ว ยังมีอาหารจานเดียว ของว่างทานเล่น และของหวานให้บริการด้วย  รสชาติของอาหารอร่อยรวมทั้งเครื่องกาแฟของร้านรสชาติดี กลมกล่อม หอมละมุน   สั่งโกโก้กับมอคค่า และเมนูทานเล่นแนะนำหมูคั่วพริกเกลือออกเผ็ดไปซักหน่อยสำหรับคนมาทานเผ็ด แต่รสชาติอร่อยมาก  สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าก็รสชาติ

 

 

กอบกาแฟ  สาขา 2  

ที่ตั้ง  อยู่ ริมถนนสาย 333 ขาออกของจังหวัดอุทัยธานี 7 กิโลเมตร ก่อนถึง OTOP อุทัยธานี อยู่ทางซ้ายมือ

ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 7.30 น.-22.00 น.
โทร  093-2491717

 

14.00 น. แวะซื้อของฝาก ปลาร้าจ่าวิรัช

ปลาร้าจ่าวิรัช  ต้นตำรับปลาร้าเจ้าดังประจำ ของนครสวรรค์  ที่มีการสืบทอดวิธีการปรุงที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาดดั้งเดิม   แต่ทำเลที่ตั้งของร้านจะอยู่ใกล้กับอุทัยธานี  เมื่อมาเที่ยวอุทัยธานีแล้ว ในเส้นทางกลับ ไม่ควรพลาดแวะไปช้อปของฝากและสินค้าชื่อดัง อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ปลาร้าแบบแปรรูป ปลาร้าทรงเครื่อง ปลาร้าสมุนไพร แจ่วบองทรงเครื่อง ปลาร้าผัดสมุนไพรไข่เค็ม ผลิตภัณฑ์แปรรูปน้ำพริก ปลาส้ม รวมถึงขนมและของฝากต่างๆ  บอกเลยว่ารสชาติของน้ำพริกปลาร้านั้น ได้รับการการันตีความอร่อยจากนักท่องเที่ยวมานักต่อนัก  เวลาเปิดทำการ : เปิดทุกวัน 08.00 – 19.00 น.

 

dsc_7053

dsc_7046

dsc_7047

dsc_7048

 

อุทัยธานี หากใครมีโอกาสได้มาสัมผัส จะต้องหลงรักบรรยากาศของความเงียบสงบ และวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านและชาวแพโดยไม่รู้ตัวแน่นอน

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง