เที่ยวสิงห์บุรี 1 วัน ไหว้พระ เสริมสิริมงคล

สิงห์บุรี  ถิ่นวีรชนคนกล้า โด่งดังด้วยเรื่องราวของชาวบ้านบางระจันที่สละชีพต่อสู้ข้าศึกอย่างหาญกล้า  เป็นจังหวัดที่อุดมด้วยอาหารของกินที่สมบูรณ์  รสชาติอร่อย เป็นถิ่นปลา โดยเฉพาะ ปลาช่อนเผา และ เค้กปลาช่อน กุนเชียงปลา อันลือชื่อ   สิงห์บุรี อาจไม่ใช่จังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นชัดมากนัก  ส่วนใหญ่มีแต่วัดวาอาราม ปกติหากต้องการไหว้พระวัดนอกกรุงเทพ เรามักจะนึกถึงอยุธยาเป็นอันดับต้นๆ เพราะมีวัดเยอะ  ไปอยุธยาบ่อยแล้ว ขยับมาเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงอย่างสิงห์บุรีกันบ้าง ขับรถตะลอนเที่ยวชมความงามของวัดเก่าแก่โบราณ ไหว้พระเสริมดวงเพื่อเป็นสิริมงคล

%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88

10.00 น. วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร

ออกจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่ประมาณ 7 โมงครึ่ง มาถึงสิงห์บุรีประมาณ 9  โมงกว่าๆ แวะรับประทานต้มเลือดหมูเฮียเล็กริมถนนสายหลักระหว่างทาง รองท้องก่อนไหว้พระ จากนั้นขับรถเข้าไปในตัวเมือง  มุ่งตรงไปยังวัดแรก คือ  วัดพระนอนจักรสีห์  วัดดังขึ้นชื่อแห่งเมือง สิงห์บุรี ที่มีพระนอน หรือพระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่   ก่อนเข้าไปไหว้องค์จริงในวิหาร  ทางวัดให้จุดธูป  ปิดทอง และนำดอกไม้ มาถวายแด่พระนอนองค์จำลองที่ตั้งอยู่ด้านหน้า

 

 

 

พระนอนองค์จริงภายในวิหาร  มีพุทธลักษณะแบบสุโขทัย ที่มีความงดงามมาก องค์ใหญ่มาก มีความยาวถึง 42 เมตร  สร้างมานานเก่าแก่ในสมัยอยุธยาแต่ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร

 

 

 

 

เมื่อเราเข้ามานั่งอยู่ภายในวิหารนี้รู้สึกได้ถึง ความมีสมาธิ และเงียบสงบ อิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

 

ภายในบริเวณวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธ์ให้ได้กราบไหว้และขอพรมากมาย  ทั้งรูปปั้นหลวงพ่อโตองค์ใหญ่  พระโพธิสัตว์กวนอิม  ด้านหน้าวัดมีต้นสาละหลายต้น ซึ่งชาวสิงห์บุรีเชื่อกันว่า เมื่อไปนมัสการวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร แล้วอธิษฐานปรบมือใต้ต้นสาละลังกาใหญ่ ที่ปลูกไว้กว่า 100 ต้นในบริเวณวัด หากดอกสาละร่วงลงมา คำอธิษฐานนั้นจะประสบผลดังที่หวัง

 

 

dew_3205

dew_3203

 

10.30 น. วัดหน้าพระธาตุ

ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระนอนจักรสีห์  ทางเข้าตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน  เดิมชาวบ้านเรียกวัดนี้ ว่าวัดหัวเมือง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดหน้าพระธาตุ สันนิษฐานว่า สถานที่ บริเวณนี้จะเป็นที่ตั้งของเมืองสิงห์บุรีเก่า สิ่งที่สำคัญของวัดนี้ คือ องค์พระปรางค์สูงประมาณ 8 วา ทำเป็นรูปครุฑอสูรถือกระบองประดับ อยู่เหนือชั้นเชิงบาตร ภายหลังมีการเสริมแต่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบศิลปะอยุธยาตอนต้น

 

 

 

บริเวณหน้าทางเข้าประดิษฐานหลวงพ่อทันใจซึ่ง กำลังอยู่ในระหว่าง ก่อสร้างพระอุโบสถ

 

 

 

11.00 น. วัดสว่างอารมณ์

วัดสว่างอารมณ์แห่งนี้  ความน่าสนใจ คือ เป็นที่รวบรวมหนังใหญ่ที่มีความ งามของตัวหนังประมาณ 270 ตัว ตัวหนังใหญ่ส่วนหนึ่ง ได้มาจากครูเปียเจ้าของหนังใหญ่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  แต่น่าเสียดายในวันที่เดินทางไปพิพิธภัณฑ์ล็อคกุญแจไว้  ซึ่งหลวงพี่ที่ท่านเก็บกุญแจไปปฏิบัติกิจนอกวัด  เลยได้แต่วัดพระอยู่บริเวณด้านนอก

 

 

 

11.30 น. วัดพิกุลทอง

อีกหนึ่งวัดดังของสิงห์บุรี ที่ไม่ควรพลาด  วัดพิกุลทอง ชาวบ้านมักเรียกว่า วัดหลวงพ่อแพ (พระเทพสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี)  ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี

 

 

 

 

เป็นวัดที่ศรัทธาเลื่อมใสสำหรับชาวบ้านมากเพราะหลวงพ่อแพ อดีตเจ้าอาวาส เป็นพระที่ชาวบ้านเคารพรักมาก ท่านได้ทำประโยชน์ แก่พุทธศาสนาไว้มากมาย และมีส่วนช่วยให้วัดพิกุลทองมีลักษณะสวยงาม ไม่ชำรุดทรุดโทรม ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วัดหลวงพ่อแพ

 

 

 

บริเวณวัดยังมีสวนธรรมะ และสิ่งก่อสร้างที่สวยงามน่าสนใจ มีต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีสบายตา แวดล้อมด้วยบรรยากาศสงบร่มรื่น เย็นสบาย สะอาด วัดได้รับการดูแลรักษาอย่างดี สภาพสมบูรณ์น่าเที่ยว และมีบ่อน้ำที่มีปลาชุกชุมให้อาหารได้

 

 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลัง ของวัดยังมีสิ่งศักดิสิทธิ์ของชาวไทยตามความเชื่อทางพราหม์-ฮินดู คือ พระพิฆเนศ เทพแห่งศิลปะวิทยาการ ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธา อย่างมากอยู่ด้วย โดยองค์พระพิฆเนศมีขนาดใหญ่มาก ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางน้ำ ลำตัวสีนวล ทางวัดได้สร้างสะพาน ไว้เพื่อให้ ประชาชน สามารถเข้าไปกราบไหว้บูชาได้

 

 

12.oo น.  ตลาดบางระจัน  วัดโพธิ์เก้าต้น 

หลายคนคงได้รู้จักกับตำนานการสู้รบอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของชาวบ้านบางระจันกันมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมาย้อนอดีตยังสถานที่จริงในประวัติศาสตร์ที่ใช้ในการสู้รบของชาวบ้านบางระจันที่ช่วยกันปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกอย่างกล้าหาญ เพื่อเป็นการรำลึกอดีต ชาวบ้านตำบลบางระจันจึงได้ริเริ่มให้เกิด ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดโพธิ์เก้าต้น ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยวัดโพธิ์เก้าต้นเป็นวัดที่สำคัญ จะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไหว้พระทำบุญไม่ขาดสาย และเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยวอย่างครบรส ทั้งไหว้พระทำบุญ กิน และช้อปปิ้ง

 

 

ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ได้จำลองบรรยากาศในสมัยอดีตในสมัยนักรบบางระจัน ให้มีกลิ่นอายของความเป็นสนามรบ มีป้อมปราการไม้สูงใหญ่เป็นฉากให้ถ่ายรูป มีการจัดแต่งซุ้มจำหน่ายสินค้าด้วยวัสดุธรรมชาติในรูปแบบพื้นบ้าน ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย มีเมนูอาหารการกินแบบไทย ที่หาทานได้ยาก ให้บริการประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มาลองลิ้มชิมรส อาหารโบราณ ที่บางคนอาจลืมไปแล้วให้ได้รำลึกถึงอาหารเมื่อวันวานได้ชมการละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย

 

 

 

ไฮไลท์เด็ดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยว ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันแต่งชุดไทย มีให้เช่าในราคา 100 บาท ทั้งแบบชายหญิง อุปกรณ์ พรอบมาเต็มมาก ทุกแบบทุกสไตล์ บริเวณซุ้มประตูค่ายบางระจันจะมีชาวบ้านมาแต่งกายแบบนักรบ เพื่อให้เราได้ร่วมถ่ายภาพ โดยมีกล่องรับบริจาคตามกำลังศรัทธา

 

 

 

ตลาดส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหาร และของกินต่างๆ มีทั้งอาหารคาวหวาน ขนมไทยโบราณ ของฝาก สินค้าพื้นบ้าน มากมาย ให้ได้เลือกซื้อ เลือกชิม กันจนอิ่ม ซึ่งขนมบางอย่างก็เป็นขนมไทยที่หาทานได้อยาก จานชามใส่อาหาร ทุกอย่างนำความเป็นไทยมาขายเพื่อร่วมกันอนุรักษ์ความเป็นไทยเอาไว้ เดินเล่น แวะชิม แวะซื้อร้านนั้นนี้กันจนเพลิน ที่โดดเด่นคือ พ่อค้า เเม่ค้าทุกร้านจะเเต่งตัวย้อนยุคในตามแบบชาวบ้านบางระจันในยุคประวัติศาสตร์ และใช้ภาษาโบราณคุยกับเรา เช่น ขอรับ เจ้าค่ะ ทำให้เราได้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในยุคบางระจัน

 

 

 

จากนั้นเราไปยัง  วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติรังสี ประดิษฐานรูปอยู่ พระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นที่เคารพสักการะของชาวสิงห์บุรีมาตั้งแต่ช้านาน เนื่องจากท่านเป็นมิ่งขวัญและพลังใจแก่เหล่าวีระชนชาวบ้านบางระจัน ทำให้วีระชนเข้าต่อสู้ป้องกันข้าศึกและได้รับชัยชนะ บริเวณกุฏิพระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นสถานที่ ที่ประชาชนเข้ามากราบไหว้บูชา ขอพรบนบานศาลเกล่า ศักดิ์สิทธิ์มาก

 

 

 

โดยมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งผู้คนมักเดินทางมาขอพรหรือบนขอสิ่งที่ต้องการ เมื่อได้ตามที่ได้ ขอพรไว้ ก็จะ มาแก้บนด้วยการ หาบน้ำตามจำนวนหาบที่บนไว้ เพื่อแก้บน เมื่อขอพรได้สมดังที่อธิษฐานไว้

 

 

 

15.00 น.  วัดม่วง สิงห์บุรี

ปิดท้ายกันที่วัดม่วง ปกติจะได้ยินแต่ชื่อวัดม่วง อ่างทอง แต่สิงห์บุรีก็มี วัดม่วง เช่นกัน วัดนี้ ตั้งอยู่ใน อำเภออินทร์บุรี   ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในอดีต มีบุคคลสำคัญมาเยี่ยมเยือนวัดม่วงอยู่เสมอ นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชผู้นำประเทศ ผู้นำเหล่าทัพฯ ฯลฯ ซึ่งส่งให้วัดม่วงนั้นเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของอำเภออินทร์บุรี

 

 

 

ขณะเดียวกันภายในวัด ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่เจดีย์ อุโบสถ หอสวดมนต์ โดยเฉพาะวิหารเก่าแก่ซึ่งเป็นอาคารปูนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าบัน ประดับด้วยภาชนะเครื่องถ้วยต่างๆ  วิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีพุทธลักษณะงดงาม  ทั้งยังมีจิตรกรรม ฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่น ฝีมือช่างพื้นบ้านซึ่งคาดว่าน่าจะเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เล่าเรื่องราวพุทธประวัติตลอดจนวิถีชีวิตความเป็น อยู่ในสังคมโบราณ

 

 

 

 

เที่ยวสิงห์บุรี 1 วัน ไหว้พระ อิ่มบุญ เดินตลาดอิ่มท้องกับอาหารอร่อย เป็นอีกหนึ่งจังหวัดใกล้กรุง ที่จะได้ความรู้สึกถึงความเงียบสงบ และไม่วุ่นวาย เหมาะสำหรับมาผ่อนคลายแบบไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใคร ที่สำคัญจังหวัดนี้มีความเก่าแก่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ที่น่าภูมิใจของประเทศอีกด้วย

 

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน