เที่ยวลพบุรี 1 วัน แบบเฟี้ยวๆ

ลพบุรี ไม่ได้มีดีและโดดเด่นแค่ทุ่งทานตะวัน แต่เป็นเมืองเก่าที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์เทียบเท่ากับอยุธยา สุโขทัย มีโบราณสถานเก่าแก่ที่สวยงามและน่าหลงใหล ยิ่งในช่วงนี้กระแสอนุรักษ์ความเป็นไทยมาแรง เป็นการปลุกให้ลพบุรีกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกครั้ง หลายคนอยากเข้ามาย้อนเวลาสัมผัสความรู้สึกในอดีต โดยพากันแต่งชุดไทยห่มสะไบถ่ายรูปคู่กับโบราณสถาน หรือจะแต่งตัวสไตล์คลาสสิคก็เข้าที ไปสัมผัสความน่ารักและรอยยิ้มของชุมชน พร้อมเปิดประตูเที่ยวเมืองลพบุรีแบบเฟี้ยวๆด้วยกันเถอะ

 

เที่ยวลพบุรี 1 วัน

 

10.00 น. ตลาดวิถีชุมชนบ้านโคกตูม

ตลาดวิถีชุมชน ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี  เป็นตลาดนัดชุมชนที่ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์การเรียนรู้บ้านดินมดแดง ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาขึ้นชื่อของลพบุรี เป็นตลาดชุมชนที่มีความเป็นท้องถิ่นและวิถีแบบเดิมค่อนข้างสูง บรรยากาศภายในตลาดน่ารักอบอุ่นเป็นกันเอง พ่อค้าแม่ค้าใจดีต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส โดยขายสินค้าของชุมชน สามารถเลือกซื้อเลือกหาสินค้าราคาชาวบ้านที่มีทั้งของกินของใช้ ของฝากมากมาย รวมทั้งขนม อาหารแบบโบราณ จุดเด่นของตลาด คือ การได้ชมเครื่องปั้นดินเผาที่ประดับอยู่เกือบทุกมุมตลอดทางเดิน ชวนให้ยิ้มไปกับความน่ารักของเครื่องปั้นดินเผาแบบต่างๆ แถมมีอุโมงค์ต้นไม้สุดเก๋ที่จัดเป็นพื้นที่พักผ่อนและถ่ายภาพสวยได้อย่างเพลิดเพลินใจอีกด้วย

 

 

ตลาดวิถีชุมชน ฅ.โคกตูม ตลาดวิถีชุมชน ฅ.โคกตูม เปิดให้บริการทุกวันเสาร์  อาทิตย์ ตั้งแต่ เวลา 09.00 – 16.00ณ ก่อนแวะไปเที่ยวในตัวเมืองลพบุรีหรือก่อนกลับกรุงเทพ ก็แวะมาเดินเล่นหาของอร่อยทานที่ตลาดก่อนได้  เป็นตลาดเล็กๆตกแต่งน่ารักแบบซุ้มขายของ เพิ่มความเก๋สไตล์ชุมชนด้วยผ้าข้าวม้าคาดตกแต่ง โดยเน้นขายสินค้าจากชุมชน เช่น ผักพื้นบ้าน ขนมหวานโบราณ เมล็ดทานตะวันคั่ว เสื้อผ้าขาวม้า อาหารทานเล่น อย่างเช่น ยำขนมจีน  ไข่ป่าม แป้งจี่ มะม่วงน้ำปลาหวาน อาหาร ขนมในตลาดจะซื้อกลับบ้าน หรือซื้อแล้วมานั่งทานตรงที่นั่ง หรือแคร่ไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ก็ได้ เข้ากับบรรยากาศได้อารมณ์แบบชาวบ้านเก๋ๆ

 

 

นอกจากอาหารและขนมอร่อยแล้วแล้ว สิ่งที่เราจะสัมผัสได้คือ รอยยิ้มและความใจดีของพ่อค้าแม่ค้าที่ยิ้มและทักทายตลอดทาง แถมเชิญชวนให้มาลองทานอาหารอีกด้วย ไม่ซื้อไม่เป็นไรขอแค่ให้ลองชิม แต่สุดท้ายเมื่อได้ชิมแล้วก็ต้องซื้อทุกที ซื้อแล้วยังมีแถมให้อีกด้วย ใจดีมาก ของทุกอย่างราคาไม่แพงแค่สิบ ยี่สิบบาท เดินผ่านแต่ละซุ้มก็จะได้ยินเสียงบอกว่า ช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนมาเที่ยวกันเยอะๆ เพราะตอนนี้ยังมีคนรู้จักตลาดวิถีชุมชน ต.โคกตูม น้อยมาก

 

 

ได้ช้อปสินค้าชุมชน อาหาร ขนมอร่อยแล้ว ตลอดเส้นทางยังได้ชมเครื่องปั้นดินเผาที่น่ารักมากเพราะตลาดเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การเรียนรู้บ้านดินมดแดง ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาขึ้นชื่อของลพบุรี ทำให้มีงานดินเผามากมายในดีไซน์แปลกตา เดินชมไปถูกใจชิ้นไหนก็ซื้อกลับบ้านได้ ราคาไม่แพงเพราะมาซื้อถึงแหล่งผลิต เครื่องปั้นดินเผามีทั้งแบบที่คุ้นเคยตาและแปลกใหม่ บางชิ้นก็ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเรียกว่า สวยน่ารักไม่ซ้ำใคร ทั้งรูปปั้นการตูนสีสันสดใส และรูปปั้นตุ๊กตาที่แสดงอารมณ์ต่างๆเห็นแล้วแอบยิ้มตามในความคิดสร้างสรรค์ของคนทำ

 

 

มีบริการให้นมแพะ ให้นมลูกหมูน้อยน่ารัก และอาหารนกแก้วด้วย ให้ได้สัมผัสความน่ารักได้อย่างเต็มที่  ค่าอาหารแค่ 10 บาทให้สัตว์น้อยได้อิ่มท้อง  ไม่ไกลกันมีซุ้มไม้ไผ่ที่ประดับด้วยหมวกพื้นบ้านสีสันสดใส อีกมุมถ่ายภาพสุดเก๋ ใกล้กับซุ้มไม้ไผ่มีรูปปั้นน่ารักของไจแอนท์  ซูเนโอะ จากเรื่องโดราเอม่อนและเครื่องเล่นต่างๆ อยู่กลางสวนร่มรื่น มุมนี้ถูกใจเด็กๆมาก

 

 

ไฮไลท์บริเวณด้านหลังที่พลาดไม่ได้เป็นอันขาด เมื่อมาเยือนตลาดและบ้านดินมดแดงคือ อุโมงค์ต้นไม้ใหญ่ทอดยาวกว่า 800 เมตร โดยนอกจากจะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ความร่มรื่นแล้ว ตรงนี้มีแคร่ให้นั่งพักสบายๆ ให้ความผ่อนคลายด้วย ต้นไม้บางต้นมีผูกชิงช้าให้นั่งไกวได้ บรรยากาศตรงนี้สงบ ร่มรื่น สามารถนั่งชิวทั้งวันแบบไม่มีเบื่อ และแน่นอนว่าที่นี่โดดเด่นเรื่องเครื่องปั้นดินเผา มีมุมที่แสดงถึงกิมมิคอย่างตุ๊กตาดินเผาน่ารักๆให้เราได้ถ่ายรูปด้วย

 

 

จบด้วยมานั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าทางเข้าตลาด นอกตกแต่งสวยงามด้วยเครื่องปั้นดินเผาแล้ว ที่เก๋ยิ่งกว่าคือ เจ้าของร้านน่ารัก แต่งตัวเท่ห์มาก  ตลาดวิถีชุมชน ฅ.โคกตูม เป็นอีกหนึ่งตลาดชุมชนที่รู้สึกว่าได้ความสุขและผ่อนคลายเมื่อได้มาเดินเที่ยว เพราะไม่ใช่แค่เพียงเดินช้อปหรือซื้อหาของอร่อยทาน แต่มีความแตกต่างจากตลาดอื่น คือ ได้ชมความสวยงาม เก๋ไก๋ ของเครื่องปั้นดินเผาที่ประดับอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ และอุโมงค์ต้นไม้สุดสวยงาม เป็นการเติมเต็มในวันหยุดพักผ่อนได้อย่างดีเยี่ยม

 

 

12.00 น. บ้านมาดาม คาเฟ่ 

ชิมอาหารไทยเลิศรส ในบรรยากาศสวยเก๋ในบ้านไทยแบบโบราณที่ บ้านมาดาม คาเฟ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตลาดโบราณบ้านสี่ภาคในตัวเมืองลพบุรี โดนเด่นในเรื่องบรรยากาศที่ตกแต่งแบบไทยคลาสสิค  จัดมุมต่างๆได้น่านั่ง ที่สำคัญมาดามเจ้าของร้าน ต้อนรับลูกค้าดีมาก ใส่ใจในรายละเอียด ดูแลอบอุ่นเหมือนครอบครัว  ตัวร้านตกแต่งเรียบง่ายให้ความรู้สึกอบอุ่น  ด้านหน้าร้านประดับประดาด้วยต้นไม้น้อยใหญ้ ทั้งต้นเฟริน์ และไทรเกาหลี ตัดแต่งเป็นพุ่มๆ มีภาพเพ้นท์กำแพงน่ารัก สีสันสดใสมุมเล็กๆอยู่ด้านหน้า

 

 

ตัวร้านเป็นห้องกระจกติดแอร์เย็นฉ่ำ ภายในร้านตกแต่ง เรียบหรูแบบคลาสสิค จัดแบบโล่ง สบาย  มีโต๊ะไม้ตั้งอยู่ตามมุมต่างๆ บนโต๊ะมีถ้วยชามแก้วน้ำสีสัน สวย เก๋ วางเตรียมไว้สำหรับผู้มานั่งทานอาหาร มีโต๊ะแบบบาร์ทรงสูงที่ประดับประดาด้วยแจกันดอกไม้สวยงาม หรือจะเป็นมุมโซฟาสีส้มบาดตาก็นั่งได้สบายเช่นกัน แต่ละมุมก็มีของไทยกระจุกระจิกตกแต่งไว้ดูมีกิมมิคน่ารัก อย่างเช่น  กระจาดหาบเร่ หม้อดิน และเรือพายโบราณ

 

 

เมนูอาหารและเครื่องดื่มที่นี่มีหลากหลาย จัดแต่งมาในภาชนะแบบไทยบ่งบอกถึงความพิถีพิถันและความใส่ใจของเจ้าของร้าน สอดคล้องกับการกินอยู่เเบบไทยสมัยปู่ย่า ตายาย ที่เคยนั่งล้อมวงกัน ช่วยเพิ่มความน่าทาของอาหารได้มากขึ้น เมนูแนะนำ อย่างเช่น ข้าวคลุกกะปิหนุ่มสาวชาวละโว้ทานคู่กับหมูหวานและผักต่างๆ ส่วนน้ำพริกกุ้งเสียบก็เด่นไม่แพ้กนรสชาติออกเปรี้ยว เค็ม หวาน ผสมผสานกันเป็นอย่างดีเมื่อทานคู่กับผักเครื่องเคียงต่างๆ เจ้าของร้านบอกกับเราว่าผักต่างๆเป็นผักที่ปลูกเอง เด็ดพืชผักข้างรั้วซึ่งเป็นผักท้องถิ่น เรียกว่าหาวัตถุดิบได้แบบไดก็ใช้แบบนั้น ต่อด้วยผัดไทบ้านมาดามใช้กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ เส้นเหนียวนุ่ม บีบมะนาวและใส่พริกเล็กน้อยได้รสชาติอร่อยและกลมกล่อมอย่างลงตัว อาหารทุกจานไม่ได้สวยงามแค่เพียงหน้าตา แต่รสชาติยังอร่อยอีกด้วย

 

 

มาดาม คาเฟ่ & เรสเตอรองค์

อ.เมือง ลพบุรี  ร้านตั้งอยู่ในตลาดโบราณ บ้าน 4 ภาค จ.ลพบุรี

เปิดให้บริการ อังคาร – อาทิตย์ เวลา 11:00 น. – 22:00 น.

โทร 085-787-3344

 

14.00 น. บ้านหลวงรับราชทูต (บ้านวิชาเยนทร์)

บ้านหลวงรับราชทูต หรือ บ้านวิชาเยนทร์ ตั้งอยู่ อำเภอเมืองลพบุรี ไม่ไกลจากพระปรางค์สามยอด ในสมัยก่อนกลุ่มบ้านอันงดงามเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่รองรับคณะทูตที่มาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชยังเมืองลพบุรี คณะราชทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาเมื่อปี พ.ศ.2228 ได้พำนัก ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาเมื่อชาวกรีกที่ มีชื่อ คอนสแตนติน ฟอลคอน ได้เข้ามารับราชการและได้รับความดีความชอบ ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นถึง เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ และได้พระราชทานที่พักอาศัยให้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของบ้านหลวงรับราชทูต จนเป็นที่มาของชื่อ บ้านหลวงรับราชทูตหรือบ้านวิชาเยนทร์

 

 

บ้านหลวงรับราชทูต กลายมาเป็นที่รู้จักและเป็นที่สนใจมากขึ้น เมื่อละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ละครชื่อดังของช่อง 3 ได้ออกอากาศ ทำให้คนรู้จักฟอลคอน หรือพระยาวิชาเยนทร์ หนึ่งในตัวละครสำคัญของเรื่อง ได้เห็นความโอ่อ่า หรูหราของบ้านในละคร ก็อยากมาตามรอยบ้านของฟอลคอนว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร  เคยมาบ้านหลังนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนที่บ้านวิชาเยนนท์แทบไม่นักท่องเที่ยวรู้จักและสนใจ เพราะส่วนใหญ่มาตัวเมืองลพบุรีก็จะเที่ยวแต่พระปรางสามยอดหรือวังนารายณ์  และมาเที่ยวอีกครั้งหลังละครดังเปรี้ยงป้าง มองเห็นถึงความแตกต่างเพราะครั้งนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากขึ้น ถึงแม้ละครจะลาจอไปนานแล้วก็ตาม

 

 

บ้านหลวงรับราชทูต มีพื้นที่ในบริเวณบ้านค่อนข้างกว้างแบ่งได้ 3 ส่วน ด้านตะวันออกเป็นบ้านพักของคณะทูตชาวฝรั่งเศส ส่วนด้านตะวันตกเป็นบ้านพักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ขุนนางชาวกรีก และท้าวทองกีบม้า ภรรยา ส่วนกลางเป็นที่ตั้งของโบสถ์ของคริสต์ศาสนา ที่สถาปัตยกรรมเป็นแบบเรอเนสซองส์ ผสมสถาปัตยกรรมไทย แห่งแรกของไทยและของโลก ในส่วนของบ้านของฟอลคอน มีความใหญ่โตโอ่อ่ามาก บันไดเป็นหินอ่อน มีส่วนที่เป็นทั้งบ้านพัก โรงครัวของท้าวทองกีบม้า บ้านหลวงรับราชทูต สวนดอกไม้ มีน้ำพุ ห้องเก็บไวน์ใต้ดิน โบสถ์ หรูหราอย่าบอกใคร

 

 

เดินชมไปรู้สึกเหมือนกำลังก้าวผ่านช่วงเวลาจากปัจจุบันสู่อดีต ถึงแม้ตัวบ้านจะเก่าและทรุดโทรมไปตามกาลเวลาจนเหลือแค่โครงสร้างเป็นตัวอิฐ แต่ยังคงมีความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งในสมัยนั้น  เดินเข้าอาคารหลังนั้นสู่อาคารอีกหลังที่เชื่อมต่อกัน ชวนให้จินตนาการไปว่าในสมัยที่บ้านหลังนี้ยังสมบูรณ์แบบคงโออ่าอลังการมาก

 

 

15.00 น. พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนารายณ์ พระนารายราชนิเวศน์

ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านวิชาเยนทร์ คือ ที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนารายณ์ หรือ พระนารายราชนิเวศน์  เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับล่าสัตว์ ออกว่าราชการ และต้อนรับแขกเมือง พระองค์ทรงประทับ ในช่วงปลายรัชกาลและเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ มีรูปแบบการก่อสร้าง ระหว่างศิลปะกรรมไทยและตะวันตก ประตูหน้าต่างเจาะเป็นช่องโค้งแหลม ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระนารายณ์ราชนิเวศน์ถูกทิ้งร้างจนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4) ทรงให้บูรณะพระราชวัง และสร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ และพระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นที่พระที่นั่งจันทรพิศาลในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เรียกว่า ลพบุรีพิพิธภัณฑสถาน และประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ ปัจจุบันได้จัดแสดงศิลปโบราณวัตถุตามอาคารและพระที่นั่งต่างๆ

 

 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ แบ่งพื้นที่ออกเป็นทั้งหมด 3  ส่วนคือ เขตพระราชฐานชั้นนอก ซึ่งเป็นพื้นที่ของพระนารายณ์ราชนิเวศน์  ประกอบด้วยอาคารเก่าโบราณที่สร้าง ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้แก่ อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก  สิบสองท้องพระคลัง สันนิษฐานว่าเป็นคลังเก็บสินค้าหรือเก็บสิ่งของเพื่อใช้ในราชการเลี้ยงตึกแขกเมือง  ตึกพระเจ้าเหาสันนิษฐานว่าคงเป็นหอพระประจำพระราชวังและมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายในตึก ซึ่งอาจชื่อว่าพระเจ้าเหา  ตึกรับรองคณะทูตต่างประเทศตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า ตึกหลังนี้อยู่กลางอุทยาน ซึ่งแบ่ง เป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส รอบตึกมีคูน้ำล้อมรอบ โรงช้างหลวง มีทั้งหมด 10 โรงด้วยกันและช้างที่ยืนโรงอยู่คงเป็นช้างทรงของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชหรือเจ้านาย

 

 

ตึกสิบสองท้องพระคลัง

 

 

จากพระนารายณ์ราชนิเวศน์  ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นกลาง ซึ่งเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ มีพระที่นั่งที่สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  2 องค์และสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้แก่ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น สร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน สำหรับเป็นที่ประทับส่วนพระองค์  จัดแสดงหลักฐานโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่พบจากแหล่งโบราณคดีลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และแหล่งโบราณคดีจังหวัดลพบุรี โครงกระดูกมนุษย์ภาชนะดินเผาเตาดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ทำจากโลหะ ภาชนะสำริด เครื่องประดับทำจากหินและเปลือกหอย และห้องบรรทมของรัชกาลที่ 4 และของใช้ส่วนพระองค์ เป็นต้น

 

 

เขตพระราชฐานในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระที่นั่งเพียงพระองค์เดียว คือ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นพระที่นั่งที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชพระองค์ทรงเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้ และหมู่ตึกพระประเทียบ สร้างในสมัยรัชกาลที 4 เป็นที่พักของข้าราชบริภารฝ่ายใน มีทั้งหมด 8 หลัง นอกจากนี้ บริเวณด้านหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ยังมีบ้านตึกเขียว หรือ สำนักงานพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเคยเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดหลังแรกของลพบุรี เป็นสถานที่เก็บหนังสือจินดามณี  เล่มที่ 2 ไว้ให้ชมกันด้วย ส่วนเล่มแรกเก็บไว้ที่จดหมายเหตุ รวมถึงร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าพระนารายณ์ราชนิเวศน์ให้บริการด้วย

 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์

ที่ตั้ง : เขตตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

พิพิธภัณฑ์ในส่วนจัดแสดงวัตถุ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8.30-16.00 น. ในส่วนของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นเขตพระราชฐานด้านนอก ปิด 18.00 น. หยุดวันจันทร์-วันอังคารและวันหยุนักขัตฤกษ์

เสียค่าเข้าชม ชาวไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท
16.00 น. พระปรางค์สามยอด

พระปรางค์สามยอด แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองลพบุรี หากไม่ได้มาแวะ คงจะเรียกได้ว่า มาไม่ถึงลพบุรี  เพราะเป็นโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวทาง ประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญของจังหวัด    พระปรางค์สามยอดเป็นปราสาทศิลาแลงแบบเขมรเรียงต่อกัน 3 องค์ เชื่อมต่อกัน  ภายในบริเวณนอกจากปราสาททั้ง 3 องค์นี้แล้ว ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาทประธานมีการต่อเติม วิหารก่ออิฐถือ ปูนเชื่อมต่อกับปราสาทประธานเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

 

dew_9155

dew_8669

 

พระปรางค์สามยอด ก่อด้วยศิลาแลงขึ้นไปเป็นสามยอด สูงประมาณ 15 เมตร องค์พระปรางค์มีลวดลายปูนปั้นแบบต่างๆที่ประณีตงดงามมาก คือ ลวดลายที่อยู่ตอนบนเป็นลายละเอียดนูนและลึกมาก เป็นฝีมือของช่างแบบดั้งเดิม

 

dew_9156

dew_9159

 

ภายในพื้นที่ของพระปรางค์สามยอดเต็มไปด้วย จ๋อน้อยเจ้าถิ่น นั่งเล่นบ้าง วิ่งไปมาบ้าง ต้องบอกเลยว่าเยอะมาก นั่งเล่นอยู่ทุกซอกทุกมุม เดินชมก็ต้องระมัดระวังกันซักนิดเพราะบางทีเจ้าจ๋ออาจวิ่งขึ้นมาเกาะที่ตัวเราก็เป็นได้ ลิงลพบุรี ต้องเรียกว่าชึ้นชื่อเช่น มีลิงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดเราคงเคยได้ยินมีประเพณีโต๊ะจีนลิงจัดซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

 

dew_8676

dew_9168

dew_9161

 

พระปรางค์สามยอด

เปิดให้เข้าชม ระหว่างเวลา 06.00-18.00 น. เว้นวันจันทร์-อังคาร อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระที่นั่งไกรสรสีหราช พระปรางค์สามยอด และบ้านหลวงวิชาเยนทร์

 

17.00 น. เมล่อนคาเฟ่

ก่อนกลับ แวะมานั่งพัก ผ่อนคลาย ที่ เมล่อน คาเฟ่  ร้านอาหาและคาเฟ่บรรยากาศดีที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยท่าศาลาลพบุรี 2 มีจุดเด่นที่เมล่อนซึ่งทางร้านมี Green House ที่ใช้ในการปลูกเมล่อน มีคาเฟ่ที่รายล้อมด้วยสวนสีเขียวขนาดย่อม ให้บรรยากาศที่สดชื่น มีบริการเครื่องดื่ม อาหารคาวสไตล์ฟิวชั่น และของหวานรสชาติดี เหมาะสำหรับนั่งทานอาหาร จิบเครื่องดื่มอ่านหนังสือ แบบไม่เร่งรีบ แถมมีมุมน่ารักหลายมุมถูกใจคนที่ชอบถ่ายรูป

 

 

บรรยากาศโดยรอบของทางร้านตกแต่งสบายตาแวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เหมาะสำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มชิวๆ ได้ฟีลนั่งเล่นในสวนที่บ้าน พื้นที่ร้านถูกแบ่งเป็น 2 โซน คือโซนห้องแอร์ และโซนสวนด้านนอก โดยโซนสวนด้านนอกจะมีโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่ตามมุมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีมุมชิงช้าให้เราได้นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจและชมฝูงปลาคาร์ปแหวกว่ายอยู่ในบ่อปลาอีกด้วย

 

 

ภายในร้านเป็นห้องกระจกติดแอร์ พื้นที่ด้านในตกแต่งแบบเรียบง่าย มีโต๊ะ เก้าอี้และชุดโซฟาสีสันสดใสให้เลือกนั่งได้ตามใจชอบ ส่วนใครที่สั่งอาหารแบบจริงจัง สามารถเลือกนั่งตรงโต๊ะไม้ด้านในร้านได้ เพราะเหมาะกับการนั่งทานข้าว ที่ผนังโดดเด่นด้วยภาพพระราชกณียกิจของในหลวง ร9 พร้อมข้อความแสดงความจงรักภักดี บริเวณหน้าร้านริมกระจกมีมุมบ่อปลาพร้อมสวนขนาดเล็ก เห็นฝูงปลาคาร์ปแหวกว่าย หากนั่งอยู่โต๊ะริมกระจกสามารถได้ยินเสียงสายน้ำได้อย่างชัดเจน สร้างความเพลิดเพลินและผ่อนคลายได้มากทีเดียว

 

 

มาเมล่อน คาเฟ่ไม่สั่งเห็นจะไม่ได้คือ ไอซ์เมล่อน เครื่องดื่มรสชาติหวานเย็นกำลังดี ได้กลิ่นเมล่อนอ่อนๆ คลายร้อนได้เป็นอย่างดี ต่อด้วยเมนูแนะนำพิซซ่าหน้าซีฟู้ดแบบแป้งหนานุ่ม หน้าเป็นกุ้งและปลาหมึกพร้อมชีสแบบเยิ้มๆ ทานแล้วได้รสของชีสและซีฟู้ดแบบเต็มปากเต็มคำ ขนมปังกรอบหน้าชีสกับไส้กรอกที่สั่งมาคู่กัน ซึ่งขอบอกว่าชีสนั้นเยิ้มและฟินไม่แพ้พิซซ่าเลยทีเดียว

 

 

 

Melon Cafe ลพบุรี 

เปิดให้บริการทุกวัน 9:30 – 21:00  โดยขับเข้ามาในซอยท่าศาลา 2 ข้างคลีนิคหมอสุทัศน์ จะมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายมา ร้านมีบรรยากาศน่านั่ง ให้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่ในสวน อาหารรสชาติอร่อย แถมมีบ่อปลาคาร์ปให้นั่งกินไปมองไปได้อย่างเพลิดเพลินใจ

 

จบทริปท่องเที่ยวสบาย 1 วันที่เมืองละโว้ แบบเบิกบานใจกับสถานที่ท่องเที่ยวเด่นในจังหวัดลพบุรี สนุกสนานแบบเบา เบา ในวันหยุดพักผ่อนแนะนำเส้นทางสายวัฒนธรรมและประวัติศาตร์ของเมืองลพบุรี เมืองเที่ยวใกล้ที่อยากให้ได้ลองมาสัมผัส 

 

รีวิวท่องเที่ยวลพบุรีแบบ 1 วัน อีกหนึ่งเส้นทาง คลิ๊ก  ลพบุรี ปักหมุดเที่ยว  4 จุดสุดคูล

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง