เที่ยวน่าน 3 วัน 2 คืน หามุมสงบที่ เชียงกลาง & สะปัน

น่าน เมืองสีเขียวที่รายล้อมด้วยความงดงามของขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักของคนที่ชื่นชอบธรรมชาติบริสุทธิ์ สายหมอกขาวที่ลอยคลอเคลีย สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของน่านมีหลายแห่ง ทั้ง เมืองปัว ดอยเสมอดาว บ่อเกลือ หรือเที่ยวในตัวเมือง ซึ่งอาจจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่ยังมีอีกหนึ่งโซนในน่าน ที่ยังคงมีบรรยากาศที่สงบเรียบง่าย  เหมาะสำหรับมาพกผ่อนอย่างแท้จริง นั่นก็คือ เชียงกลาง และหมู่บ้านสะปัน เป็นการเที่ยวน่านแบบ 3 วัน 2 คืน ที่ได้พักชาร์ตแบตกลับไปแบบเต็มพลัง

 

 

เชียงกลาง

สำหรับการเดินทางเที่ยวน่าน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ใช้รถส่วนตัวขับเที่ยวเองตลอดทั้งทริป จากตัวเมืองน่านใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงอำเภอ เชียงกลาง อำเภอแสนสงบที่เล็กที่สุดของจังหวัดน่าน อยู่ห่างจากอำเภอปัวเล็กน้อย เป็นอำเภอที่เต็มไปด้วยความสวยงามและธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์โอบล้อมด้วยภูเขา ท้องทุ่งนาเขียวขจี  ผู้คนยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย กลายเป็นเสน่ห์ที่ชวนหลงใหล เป็นเมืองที่เหมาะมากสำหรับสายชิล ที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนสัมผัสบรรยากาศสบาย ยังที่พักที่จะช่วยให้ผ่อนคลาย รวมทั้งท่องเที่ยวอย่างเพลิดเพลินใจยังสถานที่ต่างๆ สัมผัสวิถีชีวิตและเข้าถึงความเป็นเมืองเชียงกลางได้มากยิ่งขึ้น

สถานที่แรกเรียกว่าเป็นการเปิดประตูสู่เมืองเชียงกลาง คือ พระธาตุจอมกิตติ พระธาตุประจำอำเภอที่ต้องแวะมาสักการะ  องค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนินเขา ภายในบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า  นอกจากนี้ บริเวณวัดยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของบ้านเรือนในอำเภอเชียงกลางแทรกตัวอยู่ท่ามกลางนาข้าวเขียวขจีอีกด้วย

 

บ้านน้อยหน่า

ได้เวลาเที่ยงในระหว่างเส้นทางผ่านไปยัง พระธาตุจอมกิตติ ร้านอาหารขึ้นชื่อของเชียงกลาง ที่แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาด  เพราะนอกจากบรรยากาศของร้านที่อยู่ติดริมแม่น้ำสามารถนั่งกินลมชมวิวได้แบบสบายๆ แล้ว รสชาติอาหารอร่อยมาก เมนูมีให้เลือกหลายอย่างทั้งก๋วยเตี๋ยวอาหารจานเดียวอาหารตามสั่ง เครื่องดื่ม เบอเกอรี่ เรียกว่าครบ  ในราคาที่ไม่แพง สำหรับเมนูอาหารแนะนำมีหลายอย่าง แต่อยากให้ลองสั่ง คือ มาม่าต้มยำทะเลที่จัดเต็มเครื่องแน่นเต็มหม้อน้ำซุปเข้มข้นเปรี้ยวแซ่บ  สามชั้นคั่วเกลือรสชาติเลิศ  สำหรับที่นั่งภายในร้านมีทั้งโซนห้องแอร์และแบบโอเพ่นแอร์ซึ่งเป็นที่นั่งริมน้ำ  ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00 – 22:00

 

แสงทองรีสอร์ท 

บ่ายสาม เราเดินทางไปยัง แสงทองรีสอร์ท ที่พักที่ตั้งอยู่ริมทุ่งนาและภูเขา เป็นอาณาจักรของการพักผ่อนที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายทุกอย่าง ทั้งที่พัก ร้านอาหาร สระว่ายน้ำ มุมพักผ่อนในโซนต่างๆ  ห้องพักของแสงทองรีสอร์ทมีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบแนบชิดริมทุ่งนา ซึ่งจะราคาสูงหน่อย หรือจะแบบที่พักกลางสวน หรือห้องพักแบบไม่ติดทุ่งนาซึ่งเป็นห้องพักแบบสเตนดาร์ด แต่สามารถเดินมาชมทุ่งนาจากห้องพักได้ไม่ไกล สามารถเข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.sangthongresort.com

แสงทองเทอเรส คือ พื้นที่ในส่วนของร้านอาหาร ให้บริการทั้งอาหารเครื่องดื่ม สามารถสั่งทานได้ตลอด อาหารรสชาติอร่อยมาก ใช้วัตถุดิบค่อนข้างดี  แถมวิวติดริมทุ่งนาอีกด้วย จัดโซนที่นั่งได้หลากหลาย ทั้งที่นั่งทานอาหารและที่นั่งเล่น ทั้งแบบระเบียงเทอเรส  แปลตาข่าย  นั่งชิวจิบเครื่องดื่มมองวิวทุ่งนาแสนกว้างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

ในช่วงเย็นก็ออกไปปั่นจักรยานรอบที่พัก ซึ่งมีจักรยานให้บริการฟรี  แวะไปเดินเล่นที่ สะพานไม้ไผ่กลางทุ่ง ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าที่พัก จุดนี้ก็มีมุมให้ถ่ายภาพและนั่งเล่นเช่นกัน ทั้งแปลตาข่าย และชิงช้า มาพักผ่อนที่แสงทองรีสอร์ท เรียกว่าครบจบในที่เดียว ไม่ต้องไปไหน เพราะมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก

 

วันที่สอง

ตื่นแต่เช้าสักหน่อยเพื่อไปเดินเล่นบริเวณสะพานไม้ไผ่และชมพระอาทิตย์ขึ้น แสงสีทองอันอบอุ่นส่องกระทบมายังต้นข้าว นั่งมองวิถีชีวิตของผู้คนที่กำลังเริ่มเข้าสู่เช้าวันใหม่ ปั่นจักรยานรับอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวของทุ่งนาโดยรอบ ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรค่าในยามเช้า

 

สะพานสายรุ้ง

เก็บของออกจากที่พักเพื่อไปเที่ยวกันต่อ เริ่มจากสะพานสายรุ้ง ตั้งอยู่ห่างจากแสงทองรีสอร์ทประมาณ 4 กม. เห็นจากสีของสะพาน ก็อนุมานได้ว่า ทำไมชื่อ สะพานสายรุ้ง เดิมทีสะพานแห่งนี้ทำด้วยไม้ไผ่สานขัดแตะ อยู่ในระดับเดียวกับขอบฝั่ง ชาวบ้านใช้สัญจรผ่านไปมา ข้ามลำห้วยกอนที่ใช้เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลา แต่ทุกปีสะพานจะทรุดพังและถูกน้ำป่าหลากเสียหาย จึงได้สร้างสะพานให้แข็งแรงถาวรมากขึ้น จนได้เป็นสะพานคอนกรีต ลักษณะโค้ง แล้วชาวบ้านได้ช่วยกันทาสีเป็นสีรุ้งโดยเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจที่ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้น  เดินผ่านสะพานไปก็จะพบกับวิวของทุ่งนากว้างใหญ่

 

โบราณสถานวิหารไทลื้อ วัดหนองแดง

สถานที่ต่อไป มาถึงเชียงกลางต้องไม่พลาดแวะมาที่ โบราณสถานวิหารไทลื้อ วัดหนองแดง  มีลักษณะเด่นคือตัวโบราณสถานวิหารไทลื้อของวัดหนองแดงมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยลื้อมีรูปแบบเฉพาะทางมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เป็นสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่หาดูได้ยากและคงเป็นวิหารไม้รุ่นสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ทางกรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในปี พ.ศ. 2524

ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังแสดงทศชาติชาดก และประดิษฐาน พระบัวเข็ม เป็นองค์พระประธานบนฐานชุกชีที่พันรอบด้วยพญานาคเรียกว่า  นาคบัลลังค์  จากความเชื่อที่ว่านาคเป็นเครื่องหมายแห่งความสง่างาม ความดี และเป็นอารักษ์แห่งพุทธศาสนา

โรงบ่มยาสูบ บ้านสบกอน

โรงบ่มยาสูบ เป็นอาคารก่ออิฐปูน ทุกหลังถูกทิ้งร้างไว้ มีต้นหญ้าขึ้นสูง และบางอาคารก็มีวัชพืชเลื้อยตามตัวตึก  เมื่อก่อนบ้านสบกอนปลูกใบยาสูบเยอะมากต่อมาเมื่อมีการสูบน้อยลง ทำให้ขายได้น้อยลง ชาวบ้านจึงปลูกน้อยลง แรงงานคนและฟืนหายาก เจ้าของกิจการ จึงเปลี่ยนจากโรงบ่มด้วยฟืนเป็นเตาอบไฟฟ้า สถานีเดิมแห่งนี้เลยถูกทิ้งร้างไว้ให้กลายเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของคนรุ่นหลังถึงอาชีพและวิถีชีวิตของชาวเชียงกลางในอดีตต่อไป  ปกติประตูโรงบ่มจะปิดเพราะเป็นที่ของเอกชน แต่หากใครสนใจไปถ่ายภาพก็ขออนุญาติก่อนเข้าไปได้ จะมีคนดูแลซึ่งอยู่บริเวณปั้มน้ำมันตรงข้ามกับโรงบ่ม

 

ฮิมวัดคาเฟ่ 

ปิดทริปเที่ยวเชียงกลางที่  ตั้งอยู่ข้างวัดรัชดา วัดที่มีเจดีย์สีทองสวยงามวิจิตรมาก จึงเป็นที่มาของชื่อร้านซึ่งแปลตรงตัวว่า คาเฟ่ริมวัด ตัวร้านตกแต่งสไตล์ลอฟผสมวินเทจ เก๋ไก๋ผนังปูนเปลือย โต๊ะเก้าอ้ไม้ และของเก่าโบราณมากมาย  การตกแต่งร้านที่ต้องบอกว่ามาจากอินเนอร์ของเจ้าของร้านล้วนๆ คอนเซ็ปต์ของที่นี่คือ  ทำให้บรรยากาศรอบร้านเต็มไปด้วยความคลาสสิค อยากให้ทุกคนมีมุมพักผ่อน พักชาร์จแบต ได้มองวัด (พระธาตุ) ให้คลายเครียด หายเมื่อยล้า

 

หมู่บ้านสะปัน

ออกเดินทางกันต่อ ผ่านขุนเขาอันคดเคี้ยวเพื่อไปยัง  หมู่บ้านสะปัน ตั้งอยู่ในอำเภอบ่อเกลือ เป็นชุมชนเล็กๆ แสนสง ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขา มีลำธารไหลผ่าน และในช่วงหน้าฝนฤดูทำนา ยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ของนาข้าวเขียวขจีได้อีกด้วย เรียกได้ว่าหากแวะมาเที่ยวบ่อเกลือภูเขาขับรถเลยไปอีกเพียงไม่กี่นาทีก็จะถึงหมู่บ้านสะปัน เหมาะสำหรับมาพักผ่อน ปล่อยชีวิตให้เดินไปอย่างช้า ๆ  บรรยากาศในช่วงฤดูฝนเขียวขจีและชุ่มชื่น ยิ่งช่วงที่ฝนตกใหม่ก็จะได้เห็นสายหมอกลอยไปมาตามยอดเขา ปกคลุมทั้งหมู่บ้าน บ้านสะปันเรียกได้ว่าเป็นจุดของการล่องแก่งน้ำว้าด้วย ลำธารตรงนี้ปกติหากฝนไม่ตก จะใสมากสามารถลงเล่นน้ำได้เพราะไม่ลึกมาก แต่ถ้าฝนตกจะเปลี่ยนเป็นสีขุ่น และน้ำค่อนข้างไหลแรง

ภายในหมู่บ้านมีที่พักบรรยากาศดีหลายแห่ง เราเลือกพักที่ สายหมอกบอกฮัก ตั้งอยู่บนที่สูงทำให้สามารถมองเห็นวิวของทิวเขาและสายหมอก รวมถึงวิวนาข้าวได้แบบชัดเจน โดยพักแบบกระโจมมีระเบียง ซึ่งสามารถมองเห็นวิวมุมสูงได้แบบชัดเจน กระโจมแบบมีระเบียงค่อนข้างกว้าง โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือ ห้องนอน ที่สามารถเปิดกระโจมออกมาแล้วเห็นวิวสวยของภูเขาและทุ่งนาได้จากที่นอน ภายในห้องมีอุปกรณ์ เท่าที่จำเป็นให้ครบไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟ  ปลั๊กสามตา น้ำดื่ม ผ้าเช็ดตัว ที่นอนนุ่มนอนสบาย ถึงแม้จะเป็นที่พักแบบกระโจมเต้นท์ แต่ให้ความรู้สึกสะดวกสบายเหมือนพักอยู่ในรีสอร์ท

พื้นที่อีกส่วนซึ่งเป็นระเบียงตั้งอยู่ด้านนอก มีโต๊ะไม้ไผ่และฟูกนั่งให้นั่งเล่นมองวิวภูเขา นาข้าว และสายหมอกได้แบบเต็มที่ เรียกได้ว่า มุมนี้ฟินสุด  ตลอดทั้งวันจะมีสายหมอกลอยคลอเคลีย ผ่านไปมาตามยอดเขาตลอด เป็นมุมที่เหมาะสำหรับมาพักผ่อน ปล่อยชีวิตให้เดินไปอย่างช้า ๆ

ใกล้กับที่พักสามารถเดินไปชมวิวนาข้าวและสายน้ำว้าที่ไหลผ่าน ไม่ต้องไปที่ไหนไกล พักที่นี่มีทุกอย่างให้ครบ ทั้งห้องพัก ร้านอาหาร และวิวในมุมสูงที่สวยที่สุดของหมู่บ้านสะปัน

อาหารมื้อเย็นสั่งไว้ล่วงหน้าได้จากที่พัก  เมนูเน้นอาหารพื้นบ้าน  เราสั่งชุดน้ำพริกสายหมอก ไก่ทอดมะแขว่น ต้มยำปลา และไข่เจียว อาหารปริมาณเยอะและรสชาติอาหารอร่อย ราคาไม่แพง และน้องพนักงานก็ให้บริการดีมาก

 

วันที่สาม

เช้าวันใหม่ตื่นเต้นกับสายหมอกที่มาทักทายถึงหน้าห้อง ในช่วงเช้าหมอกจะค่อนข้างเยอะกว่าทุกช่วงเวลา ยื่งเมื่อคืนฝนตกตลอดทั้งคืน ทำให้หมอกมาเยอะกว่าปกติ ตื่นมาแล้วเจอภาพแบบนี้จากหน้าห้องและระเบียงฟินมากมาย

หมอกเยอะขนาดนี้ เราตัดสินใจเดินไปยังจุดชมวิวนาข้าวที่อยู่ใกล้ที่พักอีกครั้ง เพื่อเก็บบรรยากาศในยามเช้า ความลงตัวของลวดลายนาข้าวที่อยู่เบื้องล่าง ภายใต้สายหมอกและขุนเขาที่โอบล้อม เขาสีเขียวที่เรียงรายไกลสุดตา มองไกลเห็นถนนและบ้านเรือนของชาวบ้านที่แทรกตัวท่ามกลางสายหมอกลอยอ้อยอิ่ง กับความเป็นธรรมชาติที่ยังแสนบริสุทธิ์แบบไม่มีอะไรมาปรุงแต่ง ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ก็ต่างหลงรักบ้านสะปัน

 

ดอยกว่างคอฟฟี่

9  โมงเช้า เราออกเดินทางจากบ้านสะปัน เพื่อเตรียมตัวกลับเข้าตัวเมืองน่าน ระหว่างทางผ่านร้านกาแฟ ดอยกว่างคอฟฟี่  ร้านกาแฟวิวดี ตั้งอยู่ริมถนนลอยฟ้า ริมถนนน่านสันติสุข ทางผ่านไปบ่อเกลือ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในเมืองน่าน ร้านตั้งอยู่ริมถนน วิวหน้าร้านได้โค้งถนนลอยฟ้าเห็นวิวทิวเขาเขียวขจีของดอยภูคา วิวด้านหลังร้านแบบพาโนรามา สวยงามสุดลูกหูลูกตา เหมาะสำหรับแวะพักเมื่อยเติมความสดชื่น เครื่องดื่มแนะนำเป็น ชามะนาวน้ำผึ้งป่า โอเลี้ยงน้ำผึ้งป่า รสชาติดีมาก เข้มข้น  หลังร้านมีบ้านพักวิวหุบเขาสวย ราคาคืนละ 500 บาท ให้บริการอีกด้วย

บรรยากาศภายในร้านเป็นแบบกระท่อม มีระเบียงที่นั่งชมวิว วิวด้านหลังร้าน มีมุมนั่งเล่นหลากลหลาย ทั้งแคร่ ชิงช้า เก้าอี้นั่ง

ร้านดอยกว่าง  

บ้านน้ำยาว ทางขึ้นบ่อเกลือ กม 29 อ.สันติสุข จ.น่าน

เทศบาลเมืองน่าน 55120

โทร 081 924 4872

เดอะวิว @ กิ่วม่วง น่าน

ปิดท้ายด้วยร้านกาแฟอีกหนึ่งร้าน ที่ตั้งอยู่ริมทางไหล่เขา บนเส้นทางระหว่าง อ.เมืองน่าน-สันติสุข-บ่อเกลือ ห่างจากเมืองน่านประมาณ 25 กม.  มีวิวทิวทัศน์สวยงามมองเห็นวิวภูเขาเขียวขจี บวกกับการตกแต่งร้านสไตล์ล้านนาที่เข้ากับธรรมชาติ ทำให้ เดอะวิว @ กิ่วม่วง กลายเป็นร้านกาแฟสำหรับพักระหว่างทางที่หลายคนนิยมมานั่งพัก จิบเครื่องดื่ม ชมบรรยากาศสวยๆ พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ เติมความสดชื่นได้อย่างดีเยี่ยม

ตัวร้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น สร้างแบบโอเพ่น โปรงโล่ง เห็นวิวได้จากภายในร้าน  แต่ละมุมตกแต่งได้น่ารัก โดยใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ผสมกับไม้ไผ่  มีมุมให้นั่งเล่น พักด้านหลังคือ วิวภูเขา ที่เราสามารถยนั่งมองได้แบบสบายตา ช่วงไหนที่ฝนเพิ่งตกก็จำได้เห้นสายหมอกคลอเคลียภูเขา

เคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มมีหลากหลายนอกจากกาแฟ ชา โกโก้ อิตาเลียนโซดา ก็ยังมีชาต่างๆ ให้ลิ้มลอง ไอศครีม พร้อมขนมขบเคี้ยวต่างๆ ชากุหลาบรสชาติดี กับวิวสวยๆ เพิ่มความสดชื่น จากความเมื่อยล้า และมึนโค้งจากการนั่งรถได้ดีเยี่ยม

เดอะวิว @ กิ่วม่วง

124 บ้านกิ่วม่วง หมู่ที่ 6 ต.ดู่พงษ์ อ.สันติสุข จ.น่าน
โทร 089 998 8760
เวลาทำการ: เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา  8:00 น. – 20:00 น.

เฟสบุค คลิ๊ก เดอะวิว @ กิ่วม่วง

เที่ยวน่าน 3 วัน 2 คืน อิ่มใจไปกับบรรยากาศสีเขียว และธรรมชาติที่สวยงาม ช่วยเติมพลังให้วันที่เหนื่อยล้าได้อย่างดีเยี่ยม

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง