หลังจากห่างหายไปนาน ในปีนี้กลับมาอีกครั้งกับงาน เจียไต๋แฟร์ 2015 จังหวัดกาญจนบุรี งานแห่งมหัศจรรย์แห่งเมล็ดพันธุ์ ภายใต้แนวคิด กินข้าวเป็นหลัก กินผักเป็นยา ซึ่งในงานเราจะได้พบกับพันธุ์ผักพื้นเมืองดั้งเดิม พันธุ์ผักหายาก และพันธุ์ผักเศรษฐกิจสมัยใหม่ พร้อมการให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกผักเพื่อบริโภคและการปลูกเชิงพาณิชย์ ตื่นตากับอลังการงานจัดสวนเมืองด้วยผืชพักสวนครัวกว่า 10 รูปแบบ ร่วมสนุกกับกิจกรรมตัดผักจากแปลงด้วยตนเอง และช้อปปิ้งสินค้าเกษตรคุณภาพดีวางจำหน่ายก่อนใคร บนพื้นที่จัดงานขนาดใหญ่กว่า 100 ไร่ งานในปีนี้จะมีบรรยากาศอย่างไร ไปด้วยกันเก็บภาพมาฝากกันค่ะ
เจียไต๋แฟร์ 2015 เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 9-18 มกราคม 2558 ณ ไร่ชนม์เจริญฟาร์ม ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. โดยเปิดให้เข้าชมฟรี มาถึงงานเกือบเที่ยงแล้ว แดดเริ่มร้อนซักหน่อยแต่อากาศยังเย็นสบาย ใครที่เข้ามาชมงานและนำรถส่วนตัวมาสามารถเข้าไปจอดในงานได้เลยพื้นที่กว้างขวางจอดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ก่อนถึงงานตามริมถนนสองข้างมีที่ตลาดชุมชนที่ขายต้นไม้ดอกไม้และของที่ระลึกตลอดทาง รวมถึงมีที่จอดรถด้วยเสียค่าจอด 20 บาท แนะนำว่าให้เข้ามาจอดที่งานจะดีกว่า เพราะพื้นที่กว้างมากและสะดวกด้วย ที่สำคัญจอดฟรีด้วย เมื่อจอดรถแล้วก็เดินมาอีกหน่อยถึงปากทางเข้างานจะพบกับซุ้มและฟักทองยักษ์สีสันสดใส
รวมถึงซุ้มนี้ด้วยค่ะ อยู่ใกล้กับฟักทองยักษ์
งานเจียไต๋แฟร์ จัดแบ่งเป็น 8 โซน ได้แก่ โซนรักพันธุ์พื้นเมืองเพื่อความยั่งยืน ที่จะให้ความรู้เรื่องเมล็ดพันธุ์และการเพาะปลูก โซน “กินข้าวเป็นหลัก กินผักเป็นยา” เน้นเรื่องประโยชน์ในการทานผักและผลไม้ โซนโฮมการ์เด้น คุณทำได้ นำเสนอไอเดียการทำสวนในบ้านขนาดเล็ก โซนรักษ์พืช รักเกษตรกร เน้นการนำเสนอภูมิปัญญาไทยและวิธีแบบธรรมชาติในการเพาะปลูก ควบคู่กับการใช้สารเคมีอย่างปลอดภัย โซนพืชโรงเรือน จัดแสดงเทคโนโลยีการปลูกพืชในโรงเรือน โซนดอกไม้ในโรงเรือน โซนคลินิกเกษตรเพื่อให้คำปรึกษาด้านการเกษตร และโซนกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ร้านค้าผัก-ผลไม้สด มุมต้นกล้า แต่ตอนที่เดินชมงานจริงๆ ก็ไม่ได้สังเกตน่ะค่ะ ว่าโซนไหนเรียกว่าอะไรบ้าง ก็เดินชมไปตามเส้นทางเรื่อยๆ สนุกสนานกับการถ่ายภาพกันไป เข้ามายังในโซนนี้ก่อน ซึ่งจัดแสดงอยู่ในโรงเรือนทั้งหมดเรียงรายการ เริ่มจากโซนดอกไม้ในโรงเรือน
โซนนี้จะได้พบกับความสวยงามของดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ มีมุมกิ๊บแก๋ น่ารัก ให้เราถ่ายภาพได้หลายมุม ถือเป็นโซนพักผ่อน ให้ผู้เข้าชมได้ถ่ายรูป พักดื่มกาแฟ รับประทานอาหารว่าง ไอศกรีม
มาถึงโรงเรือนต่อไป น่าจะได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นโรงเรือนของฟักษ์ทองแฟนซี แปลกตา ในสายพันธุ์ต่างๆ
เข้ามาก็จะเป็นซุ้มฟักทองทอดยาว เดินเลือกถ่ายภาพได้ตามใจชอบ
เจ้าหน้าที่บอกว่าจับและลูบคลำ ถ่ายภาพได้ตามใจชอบ เค้าไม่หวงน่ะ
พันธุ์นี้หน้าตาเหมือนน้อยหน่า
มีอีกหลากหลายสายพันธุ์ที่เราไม่เคยเห็น เดินถ่ายภาพก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย แปกลตาดี ถ่ายรูปฟักทองจนเพลินไปเลยทีเดียว
โรงเรือนจัดแสดงงานจะตั้งเรียงกันเป็นแถวตามภาพเป็นโรงเรือนที่ใช้ปลูกพืชผักจริง เดินเที่ยวงานแนะนนำให้พกร่มและหมวกกันแดดไปด้วยจะดีมาก
มาถึงแตงโมกันบ้าง พืชผักผลไม้แต่ละชนิด ก็จะมีป้ายเขียนบอกลักษณะเด่น
ข้างในก็จะมีป้ายให้ความรู้ รวทั้งบอกทั้งวิธีการเลือกซื้อ และประโยชน์ของแตงโม
โรงเรือนต่อไปพริกหวาน ร่ำรวยวิตามิน
และพริกหยวกสีเหลืองอาร่าม
โรงเรือนเมล่อน เมืองกาญถือว่าเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหวาน กรอบ ของผลไม้ชนิดนี้ค่ะ ได้ลองชิมเมล่อนที่งานเจียไต๋หวานมาก ไม่ซื้อติดมือกลับบ้านไม่ได้แล้ว
โรงเรือนสุดท้ายเป็นโรงเรือนปลูกมะเขือเทศ
โซน “รักษ์พืช รักเกษตรกร” ถือเป็นไฮไลต์ของงานในปีนี้ มีการจำลองบ้านไทยของเกษตรกร มีทุ่งนาสองฝั่ง และมีพืชเศรษฐกิจที่ปลูกผสมผสานอยู่ในนั้น เช่น ข้าวโพด พริก ฯลฯ เน้นการนำเสนอภูมิปัญญาไทยและวิธีแบบธรรมชาติในการเพาะปลูก ควบคู่ไปกับการให้ความรู้การใช้ผลิตภัณฑ์อารักขาพืชอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคและแมลงสมัยใหม่ โดยถือเป็นโซนที่เป็นการให้ความรู้แบบครบวงจรและคำนึงถึงผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน
เดินมาอีกนิดก็จะสะดุดตากับบ้านหลังน้อยน่ารัก โซนนี่คือ โฮมการ์เดน นำเสนอไอเดียการทำสวนในบ้านขนาดเล็กผ่านการจัดแสดงบ้านตัวอย่าง 3 หลัง ที่มีทั้งสวนหน้าบ้านขนาดเล็กที่ปลูกผักสวนครัวสมุนไพร สวนดอกไม้ สวนผักจำลอง รวมทั้งจัดทำสวนสวยริมระเบียงเพื่อการปลูกผักและดอกไม้ในพื้นที่จำกัด เช่นระเบียงคอนโดในเมืองใหญ่ ถือเป็นโซนที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าชมในการเริ่มทำสวนเล็กๆ ของตนเอง
ซุ้มขายเมล็ดพันธุ์พืชและอุปกรณ์ ชอบแบบไหน ซื้อกลับไปปลูกเองมีแนะนำวิธีการปลูกด้วย
ด้านหน้าซุ้มตกแต่งได้อย่างสวยงาม
รถแทรกเตอร์รุ่นบุกเบิกของไร่ ยังคงเก็บไว้
ตรงโซนนี้จะเป็นพวกพืชผักสวนครัวต่างๆ
มุมน่ารักๆ สำหรับไว้เป็นไอเดียตกแต่งสวน
สวนดอกไม้สีสันสดใส
มองไปก็จะเห็นโรงเรือนปลูกผักที่เราเข้าชมในตอนแรก
ลานปลูกผักสลัดหลากชนิด
มาถึงอีกโซนสุดท้าย เราเรียกเองว่า ซุ้มไม้เลื้อย
มีทั้งลูกฟักยักษ์ มะระ ห้อยตกแต่งอยู่ข้างบน
ระหว่างทางเดินก็จะมีพืชผัก แปลกตาต่างๆ ให้เราได้ชมด้วย อย่างเช่น มะเขือลายด่าง ซึ่งผสมกันระหว่างสีขาวกับม่วง เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกเช่นกัน
ข้าวโพดข้าวเหนียวสีม่วง
ออกมาจากซุ้มพันธุ์ไม้เรื่อย ก็มีผักประดับอีกนิดหน่อยให้ได้ชม
ใกล้กับทางออกมีซุ้มนิทรรศการให้ความรู้ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของพริกพันธุ์ต่าง บอกทั้งชื่อและสรรพคุณ
พริกสายพันธุ์ต่างๆ
นอกจากพริกแล้วก็มีเรื่องของฟักทองด้วย
ฟักทอง ทองอำไพ ลักษณะผิวเหมือนคางคก เหมือนจริงด้วย แต่เนื้อหนา รสหวานมัน น่ะจ๊ะ
อีกมุมสุดเก๋ตรงทางออกด้านหน้างาน
ที่เห็นเป็นทางลายสลับสีกัน เค้าเอาเมล็ดพันธุ์พืชมาตกแต่งค่ะ
หลังจากเดินชมทั้งงานรู้สึกชอบและประทับใจในมุมตกแต่งในแต่ละโซน ไอเดียเจ๋งจริง เป็นครั้งแรกที่ได้มางานนี้และก็ประทับใจมาก และทางงานเองก็บริหารจัดการได้ดีเลยทีเดียว วันหยุดว่างๆ หนึ่งวัน ก่อนที่งานจะสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์นี้ลองแวะมาเดินเล่น เรียนรู้พันธุ์พืชแปลกตาในรูปแบบการจัดแสดงที่ร่วมสมัยได้ที่ งานเจียไต๋แฟร์ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมงาน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2639-4000, 0-2023-4993 หรือที่ www.facebook.com/Chiataifair
แผนที่งานเจียไต๋แฟร์