เที่ยวอ่าวคราม พักโฮมสเตย์ อิ่มอาหารทะเล

อ่าวคราม  คือ ที่ตั้งของชุมชนชาวประมงขนาดเล็ก ในอำเภอสวี  จังหวัดชุมพร  ซึ่งชุมชนดังกล่าวตั้งอยู่ริมทะเลท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสงบ  โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพักแบบโฮมสเตย์ เรียนรู้วิถีชุมชน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง หาปลา ปลาหมึก กุ้ง  มาที่นี่เสมือนได้มาอยู่อีกโลกหนึ่งที่ผู้คนในชุมชนยังคงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม  ได้ดื่มด่ำกับการบรรยากาศของการพักผ่อนแบบโฮมสเตย์ริมเล ที่มีลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน ได้อิ่มอร่อยกับอาหารทะเลสดๆ แบบจัดเต็ม ยามค่ำคืนมีกิจกรรมพาไปชมการยกบาม หรืออวนหมึกที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของ บ้านอ่าวคราม  แถมยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวยังเกาะใกล้เคียง คือ เกาะกุลา ที่เรียกได้ว่าน้ำทะเลสวยใส สามารถมองเห็นแนวปะการังได้จากหน้าหาด  เลอเลิศขนาดนี้มาหลบหนีความวุ่นวายจากป่าคอนกรีต มาใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายที่ อ่าวคราม โฮมสเตย์  

 

cover

 

อ่าวคราม มีโฮมสเตย์ ไว้รองรับนักท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ  อ่าวครามโฮมสเตย์  และ แดนโดมโฮมสเตย์   ทราบมาว่าเป็นพี่น้องกัน  แล้วแต่ว่าจะเลือกพักที่ใด สำหรับเราเลือกพักที่ อ่าวคราม โฮมสเตย์  โดยปัจจุบันคิดราคาคนละ 1000 บาท  ราคานี้ รวมที่พัก 1 คืน อาหาร 3 มื้อ พร้อมชมการบามหมึก รับประทานปลาหมึกๆ สด  เมื่อมาถึงอ่าวครามจะได้พบกับบรรยากาศของบ้านชาวประมง ซึ่งเป็นบ้านไม้ยกสูงแบบดั้งเดิมมุงด้วยหลังคากระเบื้อง ตั้งเรียงรายอยู่ริมทะเล แนบชิดภูเขาและต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นแซมหน้าผา มีทิวมะพร้าวอันร่มรื่นมีความเป็นธรรมชาติมาก

 

1-dew_8789

2-dew_8942

3-dew_8935

 

เรามาถึง อ่าวครามโฮมสเตย์  ประมาณ 10 โมง  พี่เจ้าของบ้านพร้อมลูกสาวกล่าวทักทายต้อนรับ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  หลังจากนั้นเดินนำไปยังบ้านพักโฮมสเตย์ซึ่งตั้งอยู่ท้ายอ่าว ระหว่างเดินไปผ่านบ้านเรือนของชาวบ้าน  ทุกบ้านมีข้าวของเครื่องใช้สำหรับประกอบอาชีพประมง ทั้งอวนแห และ มีเรือลำน้อยจอดแนบชิดใต้ถุนบ้าน

 

4-dew_8788

 

ระหว่างที่เดินย่ำไปบนพื้นทรายสีน้ำตาลที่อาจดูไม่ค่อยสะอาด ต่างจากหาดทรายขาวที่เราเคยพบเจอ มองบ้านภายนอกแสนธรรมดาและไม่น่าจะสะดวกสบายเท่าไหร่นัก แอบคิดในใจคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกมาพัก  แต่เมื่อมาถึงและได้เห็นบรรยากาศของโฮมสเตย์  ความคิดเหล่านั้นหายไปหมดสิ้น  กลายเป็นอุทานออกมาว่า  ” โอ้โห บรรยากาศดี น่านอนมาก” บ้านไม้สะอาดสะอ้าน  มีลานกว้างเปิดโล่งรับลมทะเลแบบรอบทิศ  พื้นที่กว้างขวางจะลงไปกลิ้งนอนตรงไหนก็ได้ สบายดีจัง

 

6-dew_8784

7-dew_8755

6-dew_8966

 

ภาพวิวหน้าบ้าน  คือ ทะเลอันนิ่งสงบ มองไปเห็นเกาะเรียงราย กันประมาณ 3 -4 เกาะ  หนึ่งในนั้น  คือ เกาะกุลา ซึ่งเราจะนั่งเรือไปเที่ยวในไม่ช้านี้  ตลอดทั้งวันจะได้เห็นเรือของชาวบ้านแล่นผ่านไปมาเพื่อหาปลา  ตรงกลางทะเลจะเห็นอวนตาข่าย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้บามหมึก หรือจับหมึกของชาวบ้าน

 

8-dew_8767

10-dew_8760

 

ส่วนวิวด้านข้าง คือ ภูเขาต้นไม้ บ้านของชาวบ้านที่ยื่นออกไปในทะเล มองเห็นภูเขารูปร่างแปลกตาโดดเด่น

 

11-dew_8952

12-dsc_8563

 

มุมพักผ่อนมีให้เลือกมากมายรับลมทะเลที่พัดเข้ามาตลอดเพราะเป็นบ้านแบบเปิดโล่ง พัดลมไม่ต้องใช้ ความรู้สึกตอนนี้คือ อยากนอนหรือนั่งมองวิวนิ่งๆ ไม่อยากไปที่ไหนอีกเลย  ความฟินยกให้เกินสิบ

 

12-dew_8783

 

ภายในบ้านพัก มีห้องพักเล็ก ๆ  ประมาณ 5 ห้อง พักได้ห้องละ 2 คน และยังมีห้องโถงที่เป็นห้องดูทีวี ก็ยังสามารถพักได้อีก มีเครื่องนอน ผ้าห่มและพัดลมให้เยอะมาก  บ้านพักของอ่าวคราม โฮมสเตย์สามารถรองรับได้น่าจะประมาณ  30  คน ทีเดียว ส่วนห้องน้ำ เป็นห้องน้ำรวม มีห้องอาบน้ำ  1 ห้อง และห้องสุขา 2 ห้อง  คือ หากมาเป็นหมู่คณะ ลากเครื่องนอนมาปูนอนข้างนอกรับลมทะเลกันได้ ตอนกลางคืน แทบไม่มียุงและอากาศเย็นสบายมากจนต้องลุกขึ้นปิดพัดลมยามดึก

 

17-dsc_8555

16-dsc_8528

 

หลังจากใช้เวลานั่งพักผ่อนจากการเดินทาง  10 โมง ครึ่ง  คือ เวลานัดหมายที่ได้แจ้งทางที่พักว่าจะไปเที่ยว เกาะกุลา  ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งที่ถูกใส่ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอ่าวคราม  เพราะตั้งอยู่ตรงข้ามระยะทางไม่ไกลกัน สามารถมองเห็นเกาะกุลาจากฝั่งอ่าวครามได้แบบชัดเจน  โดยใช้เวลาเดินทางด้วยเรือหางยาวเพียง 15 นาที เท่านั้น  จึงสามารถไปเที่ยวแบบ one day  ได้แบบสบายๆ  เรียกว่าใช้เวลาแค่  1  ชั่วโมงก็เที่ยวเต็มอิ่ม  สามารถเหมาเรือในราคาเที่ยวละ  1500 บาท เรือนั่งได้ไม่เกิน  10 คน  พร้อมเสือชูชีพและอุปกรณ์ดำน้ำ  ซึ่งอาจจะไปเที่ยวเกาะกุลาในเช้าอีกวันก็ได้  แต่เราเลือกมาเที่ยวในวันแรกเพราะพรุ่งนี้มีโปรแกรมเดินทางไปเที่ยวยังทีอื่นต่อ

 

18dew_8795

 

นั่งเรือมาได้ซักครู่มาถึงจุดจอดเรือ เกาะกุลา อยู่ในพื้นที่ความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะทะเลชุมพร  เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงเกาะจะต้องเสียค่าบำรุงอุทยานตามระเบียบ  นักท่องเที่ยวชาวไทยผู้ใหญ่คนละ  40  บาทเกาะกุลามีชายหาดเด่น  2 หาด หาดแรก เป็นจุดที่เราจอดเรือ ชายหาดฝั่งนี้น้ำยังไม่ใสมาก  แต่มีชายหาดที่กว้างและเป็นที่ตั้งของบ้านพักอุทยาน ซึ่งมีให้บริการ 3 หลัง ในราคาหลังละ 1200  บาท  พักได้หลังละ 5 คน อาหารหากไม่ได้นำมาเองแจ้งทางอุทยานให้ทำได้คิดราคารวม 3 มื้อ  คนละ 600 บาท  ไฟฟ้าจะมีให้ใช้ในช่วงเย็น  ตั้งแต่เวลา 18.00 – 24.00 น.  ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืนบนเกาะเพื่อสัมผัสบรรยากาศได้แบบเต็มที่

 

 

ส่วนอีกหาดเชื่อมต่อกันสามารถเดินถึงกันได้  มีสะพานยางทอดยาวเป็นท่าเทียบเรือ ชายหาดทางฝั่งนี้จะมีพื้นที่ของหาดไม่กว้างมาก แต่มีน้ำทะเลที่ใสมากจนมองเห็นโขดหินและปะการัง  สามารถดำน้ำตื้นได้จากหน้าหาด  เป็นหาดที่นิยมมาเล่นน้ำของนักท่องเที่ยว

 

 

เดินเล่นบนสะพานมองเห็นแนวปะการังอันสมบูรณ์และฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่เบื้องล่าง  นั่งพักผ่อนเอาเท้าแช่น้ำทะเล อินกับบรรยากาศและความสวยใสของน้ำทะเลที่อยู่ตรงหน้า จนลืมความร้อนของแสงแดดที่กำลังแผดเผาอยู่ตอนนี้ไปในทันที

 

 

เหมือนเรือลอยได้ น้ำทะเลของฝั่งทะเลชุมพรส่วนใหญ่จะเป็นโทนสีเขียวมรกตจะไม่ใช่สีฟ้าใสเหมือนฝั่งอันดามัน  อยากจะบอกว่าภาพที่เห็นด้วยตาตัวเองนั้นสวยกว่าภาพถ่ายมาก

 

 

เป็นเกาะที่เงียบสงบ และแทบไม่มีนักท่องเที่ยว เรียกได้ว่าเป็นเกาะแห่งความลับ ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักหรืออาจมองข้ามไป ไม่คิดว่าทะเลชุมพรนั้นจะมีเกาะที่สวยขนาดนี้ซ่อนอยู่ด้วย แถมเดินทางง่าย สะดวก ค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงมากนัก

 

 

ภาพมุมสูงของเกาะกุลา  เห็นแนวปารังยาวใกล้ชายหาด  สามารถลงเล่นน้ำและดำน้ำตื้นชมปารังได้แบบสบายๆ

 

32

 

เรือคายัคพายรอบเกาะซึ่งทางอุทยานมีให้บริการฟรี

 

 

เกาะกุลา มีบ่ออนุบาลเต่าทะเล  ซึ่งบนเกาะจะมีเต่ามาวางไข่อยู่บ่อยครั้ง เจ้าหน้าที่จึงจัดทำอนุบาลเต่าและปล่อยลงสู่ทะเลเพื่อเป็น การอนุรักษ์พันธ์สัตว์ไว้ไห้สืบเนื่องต่อไป

 

 

เต็มอิ่มกับความสวยใสของเกาะกุลา ได้เวลานั่งเรือกลับ  ผ่านเกาะต่างๆ ตรงจุดนี้น้ำทะเลใสมองเห็นโขดหินเบื้องล่าง  ผ่านภูเขาหินรูปร่างแปลงตาที่มองเห็นไกลๆ จากที่พัก

 

44-dew_8926

45-dew_8928

 

กลับมาถึงอ่าวครามโฮมสเตย์ประมาณเที่ยงครึ่ง อาหารกลางวันก็มารอพวกเราอยู่แล้วค่ะ มื้อเที่ยงเป็นอาหารแบบง่ายๆ คือ ข้าวผัดทะเล และต้มยำทะเล  พร้อมน้ำแข็ง น้ำเปล่า กาแฟ ซึ่งรวมอยู่ในราคา 650 บาทแล้ว แต่หากใครอยากทานน้ำอัดลมสั่งเพิ่มได้แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างหาก  ปริมาณอาหารในหม้อนั้นเยอะมาก ทานกัน 10 คน จนเกินอิ่มก็ยังไม่หมด

 

46-dew_8943

47-dew_8946

 

หลังจากอิ่มท้อง  ในบรรยากาศแบบนี้ไม่มีอะไรที่จะวิเศษไปกว่าการนอนพักรับลมทะเล ให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าทั้งหมด หามุมโปรดกันคนละมุมหยิบหมอนคนละใบแล้วนอน มีสมาชิกที่ร่วมเดินทางนำแปลส่วนตัวมาผูกด้วย

 

48-dsc_8561

49-dew_8948

50-dew_8957

 

บ่ายแก่ๆ เดินออกไปชมยังหาดเล็กๆ ที่มองเห็นจากหน้าบ้านพัก เดินลัดเลาะจากบ้านพักไปเพียงไม่กี่นาทีก็ถึง  จริงๆ แล้วน้ำทะเลที่อ่าวคราม ถือว่าใส่ในระดับนึง เพียงแต่ทรายจะเป็นสีน้ำตาลทำให้เรารู้สึกว่าน้ำไม่ได้ใสมาก

 

51-dew_8978

52-dew_8985

 

หันมองไปเห็นบ้านของชุมชนอ่าวคราม รวมถึงบ้านพักของเรา

 

52-dew_8981

 

เป็นชายหาดเล็กที่เต็มไปด้วย โขดหิน แต่มองดูไปก็สวยดี

 

54-dew_8989

 

มาถึงเวลาที่รอคอย  18.00 น. คือเวลาอาหารมื้อเย็น จัดเต็มอาหารทะเล ทั้งปูม้านึ่งใส่ถาดมาเยอะมาก10 คน แบ่งกันทานตกคนละ 2 -3 ตัว หมึกไข่ผัดหวาน ผักเหลียงผัดไข่ใส่กุ้ง แกงส้มปลา ไข่เจียว และพล่าปลาพร้อมน้ำจิ้มถั่วตัดเป็นเมนูที่คุณพี่เจ้าของโฮมสเตย์ทำให้เป็นพิเศษ เพราะเราบอกว่าอยากทานมาก พี่เจ้าของน่ารักและใจดีดูแลพวกเราดีมาก  อาหารทะเลสดมาก รสชาติโดยรวมคืออร่อย ทั้งหมดนี้ทานกัน 10 คน เกินอิ่มเช่นเคย  นั่งล้อมวงทานอาหารกันแบบง่ายๆ ในอาหารที่จัดเต็มสำหรับเราในราคา 650 บาท ทั้งที่พักบรรยากาศดี อาหารเย็นจัดมาให้ขนาดนี้ เกินคุ้มมาก

 

55-dsc_8611

56-dsc_8599

57-dsc_8586

58-dsc_8578

59-dsc_8595

 

ทานข้าวเสร็จนั่งชมบรรยากาศในยามเย็น เรียกได้ว่าทุกชั่วโมงที่ผ่านพ้นไปเราใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ  นั่งนอนเอื่อยไปตามลมที่พัดผ่าน  เล่นโทรศัพท์อัพสเตตัส เดินไปมาเปลี่ยนที่นั่งมองวิวรอบบ้าน  เป็นความรู้สึกที่เรียกว่าได้อยู่นิ่งและพักผ่อนอย่างแท้จริง

 

61-dsc_8620

62-dsc_8626

63-dsc_8646

 

ความอบอุ่นของแสงสีทองที่ส่องเข้ามา บ้านไม้บรรยากาศเรียบง่าย สะท้อนเรื่องราวของวิถีชาวประมงริมชายฝั่ง

 

64-dsc_8632

65-dsc_8643

66-dsc_8640

 

แสงสีทองเริ่มส่องเข้ามายังบ้านพัก  เราจะได้ชมพระอาทิตย์ตกและแสงสีของท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปได้จากหน้าบ้าน

 

68-dsc_8662

69-dsc_8656

70-dsc_8658

 

3 ทุ่ม คือ เวลานัดออกเรือไปบามหมึก  ซึ่งจะเรียกว่าเป็นกิจกรรมก็คงจะไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะนี่คือ วิถีชีวิตของชาวชุมชน ที่ชาวบ้านจะต้องออกเรือไปหาปลาหมึกในช่วงค่ำเป็นประจำทุกวัน  และจะพานักท่องเที่ยวที่สนใจชมการบามหมึก ว่ามีวิธีการอย่างไรไปชมด้วย

 

71-dsc_8695

 

การบามหมึก  เป็นวิธีการจับปลาหมึกโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น  ซึ่งชาวประมงแต่ละครอบครัวจะมีวิธีการต่างกันไป พี่เจ้าของโฮมสเตย์บอกว่า มีที่อ่าวครามเพียงที่เดียวที่ใช้วิธีการจับปลาหมึกแบบนี้   บาม เป็นวิธีการจับสัตว์ทะเลของชาวบ้านอ่าวครามแบบพอเพียง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  โดยใช้ไม้มาปักในทะเลริม 4 เสา ด้านบนเสาพาดไม้ไผ่เอาไว้ แล้วผูกเชือกยึดอวนขนาดตาไม่ถี่มากไว้เหนือผิวดิน กลางบามมีพาดไม้ไผ่เป็นคานไว้สำหรับผูกเชือกวางตะเกียง   ในช่วงเย็นชาวบ้านจะนำตะเกียงแก๊สไปผูกเชือกที่คานกลาง ให้ตะเกียงลอยอยู่เหนือน้ำเล็กน้อย แต่แสงสว่างส่องถึงพื้นน้ำ เพื่อให้หมึก กุ้ง ปู ปลา อื่นๆ มาว่ายเล่นไฟ แล้วทิ้งแสงไฟจากตะเกียงแก๊ส รอเวลายกบาม โดยคืนหนึ่งจะทำการยกบามประมาณ 2-5 ครั้ง/คืน ขึ้นอยู่กับสภาพน้ำ ข้างขึ้น ข้างแรม ที่ต้องอาศัยประสบการณ์ของชาวประมงแต่ละคน  พี่เจ้าของบอกเราว่า บางวันโชคดีปลาหมึกเป็นร้อยๆ กิโลเลยทีเดียว

 

72-dsc_8708

 

หน้าตาของเจ้าปลาหมึกหลังจากยกบาม เยอะมาก ปลาหมึกตัวจริงและตัวเป็นๆนั้นคือ ตัวใสมาก ที่เราเห็นตัวสีขาวๆ ขายตามท้องตลาดนั้น คือ มันตายและถูกแช่เย็นมาเรียบร้อยแล้ว

 

73-dsc_8733

 

หลังจากได้ปลาหมึกมาแล้ว ก็นำมาประกอบอาหารจะหั่นทานกันสดๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดหรือเตรียมซอสวาซาบิมาด้วยย่อมได้ หรือถ้าใครไม่ชอบทานสด ก็นำไปปิ้งย่างได้  แต่การทานสดๆ นั้นเนื้อกรุบกรอบหวานยิ่งนัก  แต่เราทานได้ไม่เยอะเพราะอาจไม่ค่อยคุ้นกับการทานสดแบบนี้เท่าไหร่  ส่วนใหญ่จะนำมาย่างก่อน

 

74-dsc_8742

75-dsc_8738

 

หลับใหลไปกับแสงไฟที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน ลมทะเลพัดโชยมาเอื่อยๆ  พร้อมเสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ คอยขับกล่อมชวนให้เคลิ้มหลับ ความสุขความผ่อนคลายที่เราได้รับจากการมาเที่ยวอ่าวครามในครั้งนี้  เป็นความสุขในราคาหลักร้อย แต่สิ่งที่ได้รับนั้นคุ้มค่าเกินราคา หากกำลังอยากไปเที่ยวทางทะเลซักแห่ง  ไม่ติดกับความสะดวกสบายจนเกินไปเน้นพักผ่อนจริงๆ  รีบยกป้ายไฟเชียร์อ่าวคราม แบบรัวๆ  ก่อนกลับคุณพี่เจ้าของถามว่า “ ทำไมเลือกมาพักที่นี่  บางคนเค้าก็บอกว่า กันดารไม่เจริญ  เราตอบพร้อมหัวเราะว่า  ” อยู่กับความเจริญมาเยอะแล้ว  ชอบเที่ยวแบบนี้มากกว่า มีความบริสุทธิ์แบบไม่ได้ปรุงแต่ง ทั้งบรรยากาศและผู้คนที่เป็นมิตรจริงใจ ”  ซึ่งเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่มีความคิดแบบนี้

 

76-dsc_8650

 

รายละเอียด

อ่าวครามโฮมสเตย์  ค่าบริการคิดราคาคนละ 1000 บาท รวมที่พัก 1 คืน และอาหาร 3 มื้อ พร้อมชมการบามหมึก  เบอร์โทร  084 745 5278 กิจกรรมท่องเที่ยวเกาะกุลา คิดค่าบริการเพิ่มเรือลำละ 1500 บาท พร้อมเสื้อชูชีพและสนอกเกิ้ล

สำหรับการเดินทางมาอ่าวครามถนนช่วงสุดท้ายก่อนเข้าที่พัก เป็นทางลูกรังถนนไม่ค่อยดี   ทางราดยางในบางช่วงชันและแคบควรขับรถอย่างระมัดระวัง  รถทุกชนิดสามารถสัญจรได้  ที่อ่าวครามทีสัญญาณโทรศัพท์ทุกค่ายแต่ใช้ได้ดีที่สุด คือ ais ไฟฟ้ามีให้ใช้ตลอดทั้งวัน

 

ข้อมูลท่องเที่ยว เกาะกุลาเพิ่มเติม คลิ๊ก เกาะกุลา

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง