ทุ่งเสลี่ยม อำเภอน่ารักแห่งสุโขทัย

ทุ่งเสลี่ยม  อีก 1 อำเภอของจังหวัดสุโขทัย ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักเท่าใดนัก  อยู่ห่างจากอำเภอเมืองสุโขทัยประมาณ  68 กิโลเมตร  ประกอบด้วยกลุ่มชุมชนใหญ่กลุ่มหนึ่งซึ่งขยายตัวมาจากอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง  ซึ่งอยู่ห่างกันเพียงแค่ 70 กิโลเมตร  ทุ่งเสลี่ยมเป็นชุมชนโบราณที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้านนาค่อนข้างสูง มีความเป็นธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์  ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยแนวสันเขาทำให้อำเภอนี้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม   วิถีชีวิตของผู้คนทุ่งเสลี่ยมได้อาศัยร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำรงชีวิตจึงทำให้มีวัดวาอารามมากมาย ประชาชนส่วนใหญ่มีอุปนิสัยรักสงบ ดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของเกษตรกรไทย  แล้วอำเภอเล็กที่คนมองข้ามอำเภอนี้มีอะไรดึงดูดใจขนาดถึงกับทำให้เราต้องรีบแพคเก็บกระเป๋ามาเที่ยวบ้าง ตอบได้เลยว่ามีเยอะมาก เยอะจนอาจทำให้เราคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว

 

1

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การแวะชม

14.00 น. ชมเจดีย์สีทอง  ที่วัดแม่ทุเลา

หากถามว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะจะมาเที่ยวมากที่สุด จริงแล้วก็คงต้องบอกว่าเที่ยวได้ทุกฤดูเพราะที่นี่มีอะไรให้เที่ยวเยอะโดยเฉพาะวัดสวยๆ  แต่ถ้าให้ได้บรรยากาศที่ดี ได้ความสดชื่นที่สุดน่าจะเป็นช่วงฤดูทำนาตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. – ปลายพ.ย.  เดินทางจากกรุงเทพประมาณ 7 โมงเช้า หลังจากแวะทานข้าวกลางวันในตัวเมืองสุโขทัยเรียบร้อยแล้ว 14.00 น. คือ เวลาที่เริ่มเข้าสู่ตัวอำเภอทุ่งเสลี่ยม  นั่งรถผ่านถนนสายเล็กๆ ข้างทางเป็นทุ่งนาสลับกับหมู่บ้าน เมื่อเริ่มเข้าสู่ตัวอำเภอก็จะเจอกับวัดนี้เป็นวัดแรกซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้อยู่ในเพลนการเดินทางที่ได้วางไว้ เพียงแต่สะดุดตากับอุโบสถสีทองอาร่ามควรค่าแก่การเลี้ยวรถเข้าไปเยี่ยมชมแบบใกล้ชิด วัดนี้ชื่อว่า  วัดแม่ทุเลา 

 

 

วัดแม่ทุเลา  ตั้งอยู่ที่ตำบลไทยชนะศึก อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย  เดิมเรียกวัดน้ำล้อม ต่อมาเรียกตามชื่อหมู่บ้านแม่ทุเลา ว่า วัดแม่ทุเลา  สิ่งที่โดดเด่นภายในวัดคือ  อุโบสถสีทองงดงามด้วยลวดลายแกะสลัก มีประตูทางขึ้นเป็นบันไดนาค  4 ทิศ ภายในอุโบสถประดับด้วยแก้วโมเสค ระยิบ ระยับ มีพระพุทธรูปองค์ประธาน และพระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ภายใน

 

2DEW_4213

 

นอกจากนี้ยังมีวิหารเก่าแก่ที่ได้รับศิลปะจากอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ภายในมีพระประธานคล้ายกับศิลปะพม่า

 

 

15.00 น. หลายหลากวิจิตรสไตล์ล้านนา  วัดพิพัฒน์มงคล

จากวัดแม่ทุเลาเข้ามาในตัวอำเภอทุ่งเสลี่ยม เราไปต่อยัง วัดพิพัฒน์มงคล ซึ่งต้องเรียกได้ว่าเป็นวัดสวยงามขึ้นชื่อของทุ่งเสลี่ยมเลยก็ว่าได้ วัดนี้มี พระพุทธรูปทองคำ หนัก 9 กิโลกรัม ศิลปะสมัยกรุงสุโขทัยที่ประดิษฐานและสร้างซื่อเสียง โด่งดังมาควบคู่กับวัด เมื่อเราเข้ามาในอาณาเขตของวัดจะได้ตื่นตะลึงไปกับวิหารและอุโบสถตลอดสองข้างทาง ซึ่งสร้างด้วยศิลปะแบบล้านนาบนเนื้อที่กว้างขวางทราบมาว่าพื้นที่วัดทั้งหมดมีกว่า 100  ไร่  วัดพิพัฒน์มงคล เป็นที่รู้จักกันดีไปทั้งประเทศจนถึงยังต่างประเทศถือเป็นสถานธรรมซื่อดังอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย  แต่เราไม่ได้เข้าไปชมในสวนของพื้นที่ปฎิบัติธรรมจะเดินชมในส่วนที่เป็นเขตฆราวาส ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มอุโบสถ วิหารและเจดีย์ต่างๆ

 

 

พระบรมธาตุเจ้าจอมล้านนา องค์สีทองตั้งอยู่ตรงกลางลานกว้างซึ่งรายล้อมด้วยวิหารต่างๆ

 

 

วิหารแต่ละแห่ง จะมีโบราณวัตถุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวิหารนั้น นับได้ประมาณ 3-5 หลัง  ที่สวยงามโดดเด่น คือ  พุทธวิหารลายคำ วิหารที่สร้างแบบล้านนาคล้ายกับวัดทางภาคเหนือหลายแห่ง  เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระแก้วรัตนชาติ และหลวงพ่อทันใจ  วิหารลายคำสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลังงดงามด้วยลวดลายแกะสลักพร้อมลงรักปิดทองคำแท้ทั้งหมด

 

 

ภายในวิหารมีพระประธานคือ พระพุทธรูปหลวงพ่อทันใจ พุทธลักษณะเป็นศิลปะสุโขทัย

 

 

นอกจากนี้ยังมีวิหารล้านนาใหญ่โตอลังการ  ภายในเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเสริมลาภ ขอพร ขอโชคลาภ ให้ร่ำรวย

 

 

นอกจากนี้ยังมี หอคำหลวง ซึ่งสร้างขึ้นในวโรกาสอันเป็นมงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 พรรษา และทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา ในปี 2550 เป็นอาคารเรือนไทยสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลังมีเสา 99 ต้น อาคารทรงไทยหอคำ หลังนี้ประดิษฐานรูปเหมือนเถราจารย์ผู้ใหญ่  4 ภาค เช่น ภาคใต้ รูปเหมือนหลวงปู่ทวด  ภาคกลางหลวงพ่อเงิน  หลวงปู่สุข กทม. หลวงพ่อสด สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ภาคเหนือ หลวงปู่แหวน  ครูบาศรีวิชัย  หลวงปู่แก้ว และรูปเหมือนเกจิ อาจารย์อีกหลายองค์  หอคำหลวงเป็นศิลปะล้านนา ไทยหลังใหญ่ที่สุดในภาคเหนือตอนล่าง

 

 

16.00 น. เช็คอินเข้าที่พัก ชบารีสอร์ท

จากวัดพิพัฒน์มงคล ไปทางเส้นอำเภอสวรรคโลกที่จะออกไปทางอำเภอสวรรคโลกที่เชื่อมต่อไปยังอำเภอเถิน ลำปาง  ใช้เวลาประมาณ 15 นาที สังเกตปั้มแก๊ส LPG  ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือไว้ค่ะ จะเห็นรีสอร์ทสีสัน สดใส  คือ ชบา รีสอร์ท ตั้งอยู่ริมถนนหลักของทุ่งเสลี่ยมที่พักของเราในคืนนี้  อำเภอทุ่งเสลี่ยมมีที่พักหลายแห่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ตัวอำเภอ  ชบารีสอร์ทจะออกไปนอกตัวอำเภอนิดนึง

 

20 DEW_4271

 

ชบารีสอร์ท   มีทั้งหมด 5 หลัง  พักได้หลังละ 2 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง แอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น  ในราคา 500 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาก  เบอร์โทรติดต่อ ป้าณี  โทร 093 304 5815 คุณป้าใจดีและน่ารักมากค่ะ  

 

21DEW_4274

22DEW_4281

23DEW_4287

24DEW_4284

 

ด้านหลังห้องมีระเบียงชมวิว เปิดไปก็เจอบรรยากาศของทุ่งนาเขียวขจี สบายตา

 

25 DEW_4297

 

ด้านหน้าที่พักมีบริการนวดผ่อนคลายด้วย

 

26 DEW_4328

 

ถนนด้านหน้าที่พักในเวลานี้เขียวขจีไปด้วยนาข้าว ซึ่งหากมาในช่วงเดือน ต.ค. –กลางพ.ย.  จะได้พบกับบรรยากาศแบบนี้ ปีนี้ชาวบ้านปลูกข้าวช้าเนื่องจากแล้งมาก นาข้าวจึงน่าจะมีให้เราได้ชมกันถึงเกือบสิ้นเดือนพฤศจิกายน

 

27 DEW_4302

 

 

17.30 น. ปั่นจักรยานชมวิวทุ่งนา

อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์เมื่อมาถึงทุ่งเสลี่ยม คือ ปั่นจักรยานชมวิวทุ่งนาและวิถีชีวิตชาวบ้าน  สำหรับจักรยานเราแจ้งทางที่พักให้เตรียมไว้ให้คิดราคาคันละ 30 บาท ปั่นได้ตลอดทริป ต้องขอบคุณป้าณี เจ้าของที่พักชบา รีสอร์ท ว่าดูแลพวกเราดีมาก บริการและจัดหาให้ทุกอย่างตามต้องการ  สำหรับเส้นทางปั่นจักรยานก็สามารถปั่นกันได้ทั่วอำเภอแต่ถ้าปั่นเส้นทางหลักรถจะเยอะซักหน่อย เส้นทางปั่นจักรายานที่เราว่าสวยที่สุดในอำเภอน่าจะเป็นเส้นนี้เป็นซอยเล็กๆฝั่งตรงข้ามเยื้องกับที่พักเรานี่เอง ข้ามถนนมาปุ๊บตรงดิ่งเข้าไปในซอยได้เลย  เป็นถนนคอนกรีตสายเล็กๆที่วิวทั้งสองข้าง คือ ทุ่งนาและถนนเส้นนี้เป็นถนนที่ตัดออกมาจากถนนสายหลักเข้าไปยังหมู่บ้าน รถจึงไม่เยอะ ค่อนข้างปลอดภัย  รถที่สัญจรไปมาส่วนใหญ่ คือ จักรยานและรถมอเตอร์ไซต์ของชาวบ้าน เป็นถนนที่ถือว่าแสงยามเย็นสวยมากกระทบกับทุ่งนาซึ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง

 

35 DSC_2341

36 DSC_2359

42 DSC_2406

 

เสียงหัวเราะ หยอกล้ออย่างสนุกสนานดังแซงหน้าเราไป เด็กน้อยกำลังวิ่งไล่ตามจักรยานของเพื่อน  วัยเด็กก็ดีแบบนี้เอง ไม่ต้องคิดอะไรเยอะมีหน้าที่เพียงแค่เรียนหนังสือ ไม่ต้องรับผิดชอบมากมายเหมือนผู้ใหญ่

 

37 DSC_2366

 

ปั่นไปเรื่อยๆ ก็เห็นเรื่องราวและการใช้ชีวิตของคนในชุมชน เนิบ เนิบ ง่าย ง่าย  และที่สำคัญเป็นมิตรกับพวกเราซึ่งเป็นคนต่างถิ่นมาก ยิ้มแย้มทักทายกันตลอด

 

38 DSC_2384

 

ปั่น ปั่น คลอเคล้าแสงมองวิวทุ่งนาและทุ่งหญ้าพลิ้วไหวในยามเย็น  อบอุ่นและงดงาม

 

39DSC_2392

40DSC_2396 41 DSC_2416

 

06.30 น. ปั่นสูดอากาศบริสุทธิ์ ในเช้าวันใหม่

ที่เก่าแต่ต่างกันแค่เวลาก็ได้บรรยากาศใหม่  ซึ่งเราตั้งใจไว้แล้วจะกลับมาปั่นตรงนี้อีกรอบเพราะดูจากพระอาทิตย์ตกเมื่อวานแล้วพื้นที่ตรงนี้ถ้าได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นคงสวยน่าดูเลยทีเดียว  วิถีชีชีวิตในยามเช้าแบบเดิมก็ได้เริ่มขึ้น ชาวบ้านขับมอเตอร์ไซต์ไปตลาด ไปทำไร่ ทำนา  เป็นวิถีแบบเรียบง่ายแตกต่างจากเมืองใหญ่ที่เช้ามาปุ๊บรีบอาบน้ำแต่งตัว วิ่ง 4 คูณ 100 ออกจากบ้าน แย่งชิงขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า ไปทำงานให้ทันเวลา

 

43 DSC_2463

 

แสงหลากสีอันงดงามในยามเช้า ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น

 

44 DSC_2690

45DSC_2498

 

เราได้เพียงเฝ้ามองและเฝ้ารอ และลุ้นว่าเช้าวันนี้พระอาทิตย์จะมาปรากฏให้เราเห็นในแบบไหน

 

46 DSC_2684

 

น้ำค้างบนยอดข้าวที่หลอมตัวกันเป็นสายหมอกบางในยามเช้า หมู่นกโผบินหาอาหาร บรรยากาศแบบนี้บางคนบอกว่าเหมือนทุ่งนาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป จะหาถ่ายที่ไหนก็ได้เอาเป็นว่าถ้าลองตื่นเข้าไปดูนาข้าวที่อยุธยาหรือปทุมธานี  คุณไม่น่าจะได้พบเห็นบรรยากาศแบบนี้แน่  ภาพวิวที่เราได้เห็นตรงหน้า รวมถึงบรรยากาศของความเงียบ และความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ที่อยู่รอบตัวเรามันต่างกัน

 

47DSC_2696

48DSC_2692

 

มาแล้ว มาแล้ว เราบอกเพื่อนร่วมทางปั่น  พระอาทิตย์ดวงโตสีทองร้อนแรงกำลังเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้า ช้า ให้เราได้เห็นแบบเต็มดวงสมกับการเฝ้ารอคอยซักที

 

49 DSC_2697

50 DSC_2606

 

เรายืนเก็บภาพตรงจุดนี้อยู่นานมาก ถึงแม้จะเป็นภาพวิวเดียว วิวเดิม แต่เราก็มีความสุขที่ได้ยืนและเก็บความงามยามเช้านี้ไว้ เรามักได้ยินกันบ่อยว่าถ้าเราไปเที่ยวและตื่นเช้าหน่อยเรามักจะได้ของขวัญจากธรรมชาติเสมอ หลายครั้งที่เราได้สิ่งนั้นรวมถึงครั้งนี้ด้วย

 

51 DSC_2509

51DSC_2607

 

7 โมงกว่า พระอาทิตย์เริ่มจ้าขึ้น ปลุกทุกสรรพสิ่งให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง

 

51DSC_2681

53DSC_2534

 

ท้องทุ่งโล่งกว้าง กับท้องฟ้าสดใสในวันไหม่กำลังจะเริ่มขึ้น

 

54DEW_4334

55DEW_4335

56DEW_4332

 

เราปั่นจักรยานออกมาจากซอยเดิมเข้าสู่ถนนเส้นหลักของอำเภอ ซึ่งเป็นถนนสายเล็กๆไม่กว้างมาก มีรถวิ่งผ่านบ้างประปรายและรถก็วิ่งค่อนข้างเร็วมาก ปั้นไปก็ต้องระวังกันซักหน่อย  ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ตั้งอยู่เรียงรายไปตามถนน สังเกตได้ง่ายมากเพราะมีป้ายบอกตลอดเกือบทุกที่

 

57DSC_2577

 

รถโดยสารแบบเก่าคลาสิคกำลังเริ่มทำหน้าที่แบบเดิมที่ทำเหมือนเช่นทุกวัน

 

60 DSC_2580

 

 

09.00 น. เช็คอินออกจากที่พัก ไหว้ครูบาศรีวิชัยที่วัดกลางดง

 

จากที่พักเราประมาณแค่ 1 ก.ม. เราจะเริ่มเห็นวัดสวยสไตล์ล้านนาโดดเด่นอยู่ริมถนน นั่นคือ  วัดกลางดง  ทำเลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักในอำเภอทุ่งเสลี่ยม มีภูมิทัศน์ที่สวยงามคือ มีภูเขาเป็นฉากหลังโอบล้อมไว้ หากมาในช่วงฤดูทำนาเราจะได้เห็นพระอุโบสถและองค์พระเจดีย์ ซึ่งมีฉากด้านหน้าเป็นนาข้าวเขียวขจี

 

 

เก็บภาพจนพอใจก็เดินกลับไปขึ้นรถต่อ ที่เคียงคู่ไปกับรถนั่นก็คือ รถอีแต๋นของชาวบ้านซึ่งเราจะได้พบเห็นวิ่งผ่านไปมาดังแต๊ก แต๊ก ตลอดทั้งวัน ประดุจเป็นพาหนะในการเดินทางหลักของผู้คนในอำเภอ

 

64 DSC_2614

65 DSC_2616

 

ขับรถตรงมาอีกนิดจะเจอซอยเล็กๆซึ่งเป็นทางเข้ามีป้ายเขียนบอกไว้  วัดกลางดง  สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่มีวิจิตรศิลป์งดงามไม่ว่าจะเป็นอุโบสถ ซึ่งมีศิลปะคล้ายกับวัดในจังหวัดเชียงใหม่และลำปาง

 

 

สิ่งที่โดดเด่นคือ องค์พระเจดีย์ 5 ยอด สีทองซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพระวิหาร ซึ่งเป็นศิลปะพม่าภายในบรรจุแก้วแหวนเงินทองที่มีค่ามากมาย

 

 

นอกจากนี้ยังมีมณฑปอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยลักษณะเป็นรูปหล่อเท่าองค์จริง ประดิษฐานอยู่ในมณฑปวัดกลางดง อันเป็นที่เคารพสักการะนับถือของประชาชนชาวอำเภอทุ่งเสลี่ยม

 

 

เราอาจจะสงสัยกันเล็กน้อยว่าเหตุใดครูบาศรีวิชัย จึงมาปรากฏชื่อยู่ในอำเภอทุ่งเสลี่ยมได้ ปกติเราจะคุ้นเคยกันแต่เชียงใหม่  สาเหตุเพราะช่วงเวลาหนึ่งพระครูบาศรีวิชัยได้มาที่วัดกลางดง เนื่องจากลูกศิษย์เอกของพระครูบาศรีวิชัย  คือพระทองสุก คุณารักษ์  เป็นคนบ้านกลางดง พระครูบาศรีวิชัยจึงให้ลูกศิษย์ของท่านมาสร้างพระธาตุเจดีย์ ทองคำ  5 ยอด ไว้ที่วัดกลางดง 1 องค์ ปัจจุบันได้บูรณะใหม่เห็นซึ่งเห็นเด่น เป็นสง่าอยู่ขณะนี้ ด้วยอาศัยเหตุผลดังกล่าว คณะศิษย์และกรรมการวัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จึงได้ถวายรูป เหมือนเท่าองค์จริงให้กับทางวัดกลางดง 1 องค์ โดยคณะกรรมการวัดได้ไปแห่รับ เอาจากวัดบ้านปางซึ่งชาวบ้านได้จัดงานต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ และนำมาไว้ที่ วิหารของวัด สาธุชนที่ทราบข่าวก็เข้าไปกราบและขอพรไม่ขาด  จากนั้นท่านเจ้าอาวาส (พระครูพิพิธธรรมมงคล)จึง ได้ร่วมกับ คณะกรรมการวัดสร้างมณฑป ที่ประดิษฐานถวายและได้อัญเชิญ องค์รูปเหมือนพระครูบาเจ้าศรีวิชัยขึ้นประดิษฐาน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2542 ซึ่งถือว่าเป็นฤกษ์ดี คือวันขึ้นปีใหม่ ทางวัดให้มีงานฉลองและทำพิธีขอพรด้วยการประกอบพิธีสะเดาเคราะห์-ต่อชะตา และได้ถือเป็นงานประจำปีของวัด จนถึงปัจจุบัน

 

 

10.00 น. มาถึงทุ่งเสลี่ยม ต้องแวะไหว้หลวงพ่อศิลา

มาถึงทุ่งเสลี่ยมแล้วไม่ได้มาไหว้หลวงพ่อศิลา ที่วัดทุ่งเสลี่ยม วัดประจำอำเภอถือว่ายังมาไม่ถึง วัดทุ่งเสลี่ยมเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อศิลา  พระพุทธรูปหินทรายปางนาคปรกที่งดงามที่สุดองค์หนึ่ง

 

หลวงพ่อศิลา ประดิษฐานอยู่ในมณฑปสีขาว สันนิษฐานว่ามีอายุนับพันปี   พระพุทธรูปสกัดจากหินทรายสีเทา ศิลปะทวารวดี พบอยู่ในถ้ำเจ้าราม ด้วยความงดงามและความเก่าแก่ของพระพุทธรูปเคยถูกโจรกรรมและพบอีกครั้งคือ อยู่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายไทยก็ตามหาจนพบและซื้อกลับมาประดิษฐานที่วัดทุ่งเสลี่ยมเพื่อเป็นพระพุทธรูปคู่อำเภอได้อีกครั้ง หลวงพ่อศิลาเป็นที่เลื่องลือเลื่อมใสของชาวบ้านรวมถึงจังหวัดใกล้เคียงในพลังอันศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันที่ทางวัดทุ่งเสลี่ยมจัดงานสักการะหลวงพ่อศิลา ทุกปีจะมีพุทธศาสนิกชน จากอำเภอทุ่งเสลี่ยม และจากอำเภอต่างๆ ทั่วทุกจังหวัดมาร่วมงานสักการะหลวงพ่อศิลาเป็นจำนวนมาก

 

 

ความงดงาม และความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายในแบบที่ไม่ต้องปรุงแต่ง  กับสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายทำให้อำเภอทุ่งเสลี่ยม สุโขทัย  ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งอำเภอน่ารักในใจเรา ที่อยากให้หลายคนได้ลองแวะมาเที่ยวกันซักครั้งค่ะ

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง