ทะเลหมอกขุนแปะ ดอยบาอ่าโจ๊ะโข่  &  ดอยเพาะแพะโจ๊ะ

ขุนแปะไม่ได้มีเพียงแค่ นาข้าวขั้นบันได ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย แต่ยังมี ทะเลหมอกสุดอลังการ  มีวิวฉากหน้าคือ ทุ่งหญ้าสีทองและแปลงกะหล่ำปลีหลายสิบไร่ จุดชมทะเลหมอกแห่งขุนแปะมีสองจุดหลัก คือ ดอยเพาะแพะโจ๊ะ  หากมาในช่วงฤดูปลูกกะหล่ำปลีมองเห็นแปลงกะหล่ำที่ปลูกบนเนินเขากว้างไหลไล่ระดับสวยงาม มีฉากหลังเป็นทะเลหมอกสุดกว้างไกล ดอยบาอ่าโจ๊ะโข่ จุดนี้จะได้เห็นฉากหน้าเป็นทุ่งหญ้าพริ้วไหว รวมทั้งแปลงกะหล่ำปลีด้วย มองผ่านไป คือ ทะเลหมอก ฤดูที่เหมาะสมที่จะขึ้นไปชมทะเลหมอก คือ ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์  เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกน้องใหม่สุดอันซีนที่ไม่ควรพลาด

 

 

สำหรับการเดินทางมาชมทะเลหมอกที่ขุนแปะทั้งสองดอย ต้องค้างคืนบนขุนแปะ เพราะต้องออกจากที่พักประมาณตีห้าเพื่อไปชมทะเลหมอก การเดินทางต้องใช้รถโฟรวิวของชาวบ้านในพื้นที่นำเที่ยวเท่านั้น ไม่อนุญาติให้นำรถส่วนตัวขึ้นไป เพราะเส้นทางแคบรถสวนไม่ได้ และออฟโรดมาก หากไม่ชำนาญเส้นทางไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง นั่งรถโยกไปโยกมาตลอด ตับไตไส้พุงสะเทือน ในภาพคือ เส้นทางที่ถ่ายไว้ตอนกลับซึ่งยังมีบางจุดที่ออฟโรดกว่านี้มาก โดยค่าบริการเที่ยวชม  ดอยบาอ่าโจ๊ะโข่  &  ดอยเพาะแพะโจ๊ะ คันละ 1500 บาท นั่งได้ไม่เกิน 8 คน เราพักที่กระท่อมตะวันไรวินท์ และใช้บริการรถนำเที่ยวของที่นี่ด้วย ซึ่งที่พักบนขุนแปะทุกแห่งมีบริการนำเที่ยวชมทะเลหมอกทั้งสองดอยอยู่แล้วค่ะ  

 

 

มาถึงจุดแรก ดอยบาอ่าโจ๊ะโข่  เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทุ่งหญ้าได้แบบก้างไกลมาก เรามาเที่ยวในช่วงปลายพฤศจิกายน ทุ่งหญ้ายังไม่เปลี่ยนเป็นสีทองนะคะ ถ้ามาเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ตรงจุดนี้จะกลายเป็นทุ่งหญ้าสีทองทั้งหมด และมีนักท่องเที่ยวมาชมเยอะมาก มาถึงหมอกกำลังฟุ้งมองไม่เห็นวิวมากนัก ต้องรอให้เข้ากว่านี้อีกนิด จะมองเห็นวิวภูเขาและหมอกที่อยู่ถัดไปจากทุ่งหญ้า

 

 

ไปต่อจนยอดดอยข้างบน มีให้ขมทั้งทุ่งกะหล่ำปลีที่กว้างมากหลายสิบไร่ มีฉากหลังคือวิวภูเขา และอีกฝั่ง คือ ทุ่งหญ้า

 

 

ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น แสงส่องลงมากระทบกับไร่กะหล่ำปลี เดินเล่นกลางแปลงกะหล่ำปลี หามุมถ่ายภาพได้ฟีลสุดๆ ใครอยากให้ทันถ่ายภาพกับแปลงกะหล่ำปลี มาได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงปลายพฤศจิกายน 

 

 

ส่วนอีกฝั่งที่เป็นทุ่งหญ้า มองเห็นทะเลหมอกที่มีฉากหน้าเป็นทุ่งหญ้า สวยงามชวนฝันมาก ภาพที่ถ่ายมายังไม่สวยเท่าสถานที่จริงนะคะ แต่ทุ่งหญ้าที่นี้ค่อนข้างสูง การที่เราจะถ่ายภาพตัวเองกลางทุ่งหญ้าที่มีวิวของหมอกด้วยจะยากหน่อย ต้องขึ้นไปยืนบนรถแล้วถ่ายลงมา

 

 

เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มส่องลงมากระทบบนทุ่งหญ้า และถ่ายแบบย้อนแสงกลับไปก็ได้ภาพที่ได้บรรยากาศของแสงสวยไปอีกแบบ

 

 

เดินผ่านทุ่งหญ้าไปก็มีแปลงกระหล่ำปลีที่มองเห็นวิวของทะเลหมอก เป็นดอยที่มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะมาก สวยทุกจุด

 

 

ย้อนกลับไปยังทุ่งหญ้าจุดแรกที่เราถ่ายภาพในช่วงเช้า พอหมอกไม่ฟุ้งก็จะได้เห็นวิวแบบนี้ เห็นวิวภูเขาและสายหมอกที่ชัดขึ้น  

 

 

ตรงข้ามกันคือ ไร่กะหล่ำปลีที่มองไปก็ คือ ทะเลหมอกหลังจากที่หมอกหายฟุ้ง มองเห็นวิวที่ สวยงามอลังการมาก มีพรอพเป็นตระกร้าเก็บกะหล่ำของชาวบ้านวางอยู่ หยิบขึ้นมาสะพานถ่ายรูปสักหน่อย

 

 

ภาพมุมสุงจากโดรนมองเห็นวิวได้แบบกว้างไกล มองเห็นทะเลหมอกแบบเต็มๆ

 

 

 

จากนั้นไปต่อยัง ดอยเพาะแพะโจ๊ะ เป็นดอยที่ปลูกกะหล่ำปลี ตั้งอยู่ไม่ไกลกันใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที  ระหว่างทางก็จะได้เห็นวิวแบบนี้ ไร่กะหล่ำที่ปลูกไล่ระดับบนภูเขา สีเขียวเต็มไปหมด  

 

 

ใกล้ถึงแล้ว ดอยเพาะแพะโจ๊ะ มองเห็นอยู่ไม่ไกล มองภาพไปก็เหมือนกับภูทับเบิก ในยุคแรกๆมากค่ะ ที่มีภาพกะหล่ำแบบนี้เกือบทั้งดอย

 

 

 

ดอยเพาะแพะโจ๊ะ มีจุดเด่นอยู่ที่ต้นไม้เดียวดายต้นนี้  เป็นสถานที่ถ่ายทำละคร คือเธอ ที่มาริโอ้ กับญาญ่า แสดงนำด้วยค่ะ ฉากในละครหลายแห่งถ่ายที่ขุนแปะ ทั้งบ้านคือเธอ แปลงไฮเดรนเยีย และฉากไร่กะหล่ำปลีก็ถ่ายทำกันที่นี่ ต้องมาตามรอยละครซักหน่อย

 

 

มาถึงแล้วก็เดินหามุมถ่ายภาพกันได้ตามสะดวก วิวค่อนข้างกว้างมากแบบ 360 องศา มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเลหมอก ถ่ายมุมไหนสวยทุกจุด

 

 

 

ได้ยินนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบอกว่า สวยมากไม่เคยเห็นทะเลหมอกที่ไหนสวยเท่านี้ ยังไม่อยากกลับเลย เป็นเรื่องจริงค่ะ ถ้าเราได้มายืนตรงจุดนี้เราจะอยากอยู่ให้นานที่สุด  มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ยังไม่พอ มันยังไม่อิ่มไปกับวิว อยากอยู่นานๆ เพราะสวยจริง ทั้งแปลงกะหล่ำ ทะลหมอก ท้องฟ้า วิวภูเขา ลงตัวไปหมด กดภาพในมุมเดิมมาแบบเยอะมาก ดอยบาอ่าโจ๊ะโข่  &  ดอยเพาะแพะโจ๊ะ เป็นจุดชมทะเลหมอกสวยที่อาจใช้เวลาเดินทางเข้าไปแบบสมบุกสมบันสักนิด แต่เชื่อเถอะ ว่าไปถึงแล้วคุ้มค่ากับการเดินทางไปแน่นอน 

 

 

 

ดอยบาอ่าโจ๊ะโข่  &  ดอยเพาะแพะโจ๊ะ

พิกัด : บ้านขุนแปะ ตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

ช่วงเวลาท่องเที่ยว : ตุลาคม-กุมภาพันธ์

ติดต่อที่พักและรถนำเที่ยวได้ที่ : กระท่อมตะวันไรวินท์  โทร 093 149 1269

Facebook : KhunPaeHut

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง