เส้นทางท่องเที่ยวอำเภอปง จังหวัดพะเยา สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแน่นอนไม่มีใครไม่รู้จัก ภูลังกา รีสอร์ท ไปอำเภอปง ต้องไปพักที่ภูลังกา หรือไม่ก็บ้านทะเลหมอก ที่ตื่นเช้าจะได้พบเห็นทะเลหมอกล่องลอยมาทักทายถึงหน้าที่พัก แต่ถ้าลองเปลี่ยนมาที่อื่นที่ตั้งอยู่ในเส้นทางเดียวกันบ้าง ที่พักแบบสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดได้ว่าน่าจะดีที่สุดในย่านนี้ มีร้านกาแฟเล็กๆ ให้บริการเครื่องดื่ม มีร้านอาหารบรรยากาศดีและเมนูผักสดกรอบให้ได้ทาน พร้อมท่องเที่ยวเชิงเกษตร สัมผัสวัฒนธรรมชนเผ่า ฉันอยากให้ทุกคนลองมาพักที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า ตั้งอยู่ในอำเภอปง จังหวัดพะเยา เส้นทางเดียวกับภูลังการีสอร์ท จากถนนสายหลักเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังวนอุทยานแห่งชาติภูลังกา เป็นอีกหนึ่งโครงการหลวงที่มีบ้านพักสะดวกสบาย ท่ามกลางสวนเกษตรและแปลงดอกไม้ เมื่อมาถึงหน้าศูนย์ฯ จะพบกับร้านกาแฟเล็กๆ ขายเครื่องดื่มประเภท กาแฟ ชา ชาเขียว โกโก้ ด้านหน้าจัดตกแต่งเป็นสวนย่อมขนาดย่อม หากมาเที่ยวในฤดูหนาวพื้นที่บริเวณสวนจะเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ไม้ประดับเมืองหนาว นานาชนิด โดยเฉพาะ มะเขือเทศการ์ตูนและฟักทองยักษ์ ไม้ผลและไม้ประดับขึ้นชื่อของที่นี่ แต่ฉันมาเที่ยวในฤดูฝนไม้ดอกจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นไม้ประดับสีเขียวแทน ให้ความสดชื่นไปอีกแบบ
ร้านอาหารของศูนย์ฯ บรรยากาศดี แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ พร้อมให้บริการแก่ผู้มาเยือน แต่ถ้าไม่ได้พักและไม่ใช่ฤดูหนาวควรแจ้งล่วงหน้าเพื่อที่แม่ครัวจะได้จัดเตรียมวัตถุดิบไว้
บ้านพักแสนสะดวกสบาย เป็นห้องพักตากอากาศหลังใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี ท่ามกลางขุนเขาและความสวยงามของยอดดอยภูลังกา บ้านพักหากเห็นราคาแล้วจะตกใจ เริ่มต้นที่หลังร้อยเท่านั้น หลังนี้ราคา 800 บาท พักได้ถึง 3 คน ห้องพักเป็นแบบพัดลมไม่มีแอร์ เพราะอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง มีห้องครัวเล็กๆ สำหรับประกอบอาหาร นอกจากนี้ยังมีลานกางเต็นท์ ให้ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นอย่างเต็มอิ่ม สามารถรองรับเต็นท์ได้หลายสิบหลัง มีห้องจัดประชุมสัมมนา ห้องคาราโอเกะ บริการทั้งแบบส่วนตัวและหมู่คณะ
ในฤดูฝนถึงแม้ไม้มีดอกไม้เมืองหนาว แต่บริเวณสวนหน้าบ้านพักมีดอกบานชื่น บานสะพรั่งสีสันสวยงาม เต็มไปด้วยเหล่าบรรดากองทัพผีเสื้อนับร้อย หลากสีสัน หลากสายพันธุ์ บินว่อนดอมดมหาน้ำหวานจากดอกไม้
ไฮไลท์ของการมาท่องเที่ยว ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า คือ การเยี่ยมชมแปลงสาธิตการปลูกผัก ไม้ดอกไม้ผล ซึ่งจะสลับปลูกเวียนกันไปตามฤดู แปลงผักมีให้ชมกระจายอยู่รอบพื้นที่ทั้งแปลงที่อยู่ติดกับศูนย์ และถัดออกมาในบริเวณด้านนอก ซึ่งการมาเที่ยวชมแปลงผักต้องมีเจ้าหน้าที่เป็นคนนำทางค่ะ มาเที่ยวฤดูฝนผักที่ปลูก ส่วนใหญ่ คือ พริกหวานหลากสีสัน ผลอวบอิ่มน่ารับประทาน มี ทั้งสีเขียว แดงเหลือง ครบทุกสี
ถัดไปเป็นแปลงปลูกเมล่อนลูกโต ซึ่งน้องเจ้าหน้าที่บอกว่าอีกไม่กี่วันสามารถเก็บผลผลิตนำไปขายได้
นั่งรถต่อไปชมแปลงผักต่อ จุดนี้เป็นโรงเรือนปลูกผักของชาวบ้าน ที่อยู่ในเขตพื้นที่ดูแลของโครงการหลวง ทั้งหมด ซึ่งในฤดูฝนเน้นปลูกคะน้าเป็นหลัก หากมาถึงฤดูหนาวจะเปลี่ยนเป็นผักเมืองหนาวอย่าง ตระกูลผักสลัด ทั้งหลาย
มาถึงแปลงทดลองปลูกต่อไป ตั้งอยู่บนที่สูงท่ามกลางหุบเขา ซึ่งผักที่ปลูกในโรงเรือนเวลานี้ คือ พริกหวาน เช่นกัน
น้องเจ้าหน้าที่บอกว่า มีจุดชมวิวอยู่จุดหนึ่งสวยอยากพาไป ถ้ามาช่วงเช้าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกบาง น้องบอกว่าชอบมาถ่ายภาพชมวิวที่นี่ แต่เรามาในช่วงบ่าย แม้อาจไม่ได้เห็นหมอกและพระอาทิตย์ตามที่น้องบอก แต่ได้เห็นวิวภูเขาแค่นี้ก็พอใจแล้ว หากมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นที่ทำการการศูนย์ฯ อยู่ไกลริบๆ รู้สึกว่าลัดเลาะมาไกลและอยู่บนที่สูงมาก
เส้นทางระหว่างไปชมแปลงผัก เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับนั่งรถเล่นมองวิวทิวเขาเพลินๆ
หลังจากชมแปลงผักแล้ว จุดต่อไปคือ มุ่งหน้าไปยังบ้านปางค่าใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ในความดูแลของโครงการหลวงปังค่า เพราะทราบมาว่าที่นี่มีชาวไทยภูเขาซึ่งเป็นชนเผ่าที่มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ มาถึงปุ๊บ เจอครอบครัวชาวไทยภูเขา แต่งกายเป็นชุดประจำชนเผ่ารอ เพราะมีการแจ้งไว้ล่วงหน้าอยากเห็นการแต่งกายในชุดชนเผ่าด้วย ทางเจ้าหน้าที่โครงการหลวงเลยประสานงานให้และพาเรามาที่นี่ค่ะ ชาวไทยภูเขา ที่บ้านปางค่าใต้ ส่วนใหญ่ คือ ชนเผ่าอิ้วเมี่ยน หรือเย้า ถิ่นฐานเดิมอยู่ในประเทศจีนแถบแม่น้ำแยงซี “เมี่ยน” เป็นชื่อที่ทางราชการตั้งให้ หรือบางครั้งจะเรียกว่า “อิ้วเมี่ยน” แปลว่า มนุษย์ ตอนแรกแอบสงสัยทำไมของชนเผ่านี้ดูต่างไปจากชนเผ่าอื่นที่เราเคยเห็น ดูผิวพรรณหน้าตาออกไปทางชาวจีน เหตุเพราะบรรพบุรุษมีเชื้อสายทางนี้นี่เอง
สำหรับชุดแต่งกายประจำชนเผ่าเห็นครั้งแรกรู้สึกสะดุดตา ลวดลายปักผ้าละเอียดและดูต่างจากชุดประจำชนเผ่าอื่นเครื่องแต่งกายจัดเต็มมาก จึงได้ทราบว่า ชนเผ่าอิ้วเมี่ยน ได้สมญานามว่า เป็นราชินีแห่งผ้าปัก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ปกติลวดลายผ้าปักทั่วไปจะสวยเด่นเฉพาะผ้าด้านหน้าที่ใส่โชว์ เนื้อในผ้านั้นอาจมีรอยเย็บหรือรอยปักที่ไม่เรียบร้อยนัก แต่ถ้าเป็นการปักผ้าของชาวเมี่ยน ทั้งข้างนอกและข้างในลายปักจะสวยเหมือนกัน จึงทำให้ราคาของผ้าปักค่อนข้างสูง เพราะต้องใช้ความละเอียดของฝีมือในการปักจริงๆ แว่วว่าราคาบางชุดแตะไปที่หลักหมื่นเลยทีเดียว ในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะเป็นช่วงไหว้บรรพบุรุษ ถือว่าเป็นเทศกาลใหญ่ เหมือนปีใหม่ของเรา จะมีการเฉลิมฉลอง คึกคักครื้นเครง หากเรามาบ้านป่างค่าในช่วงนี้จะเห็นชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดประจำชนเผ่าทั้งหมู่บ้าน เรียกว่าใครมีแต่งองค์ทรงเครื่องอะไรจะงัดออกมาโชว์กันแบบจัดเต็มทั้งหมด
ที่นี่มีสินค้าหัตถกรรมชาวไทยภูเขาให้เลือกซื้อ ทั้งผ้าพิมพ์ลาย เครื่องเงิน ของที่ระลึกจากผ้าปัก อย่างเช่นกระเป๋า และพวกกุญแจชาวเขาน่ารักมาก ตกอันละ 70-120 บาท
ก่อนกลับขอเก็บภาพสองหนูน้อยเป็นที่ระลึกซักหน่อย แก้มใส่ น่ารัก ว่านอนสอนง่าย ชวนไปถ่ายภาพตรงไหนไม่งอแงเลยค่ะ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า น้อง 2 คน นี้ เป็นดาราประจำหมู่บ้าน ถ่ายรายการและลงหนังสือมาหลายเล่ม
มื้อเย็นที่ศูนย์ ฯ ผลผลิตส่งตรงจากโครงการหลวงมีให้ทานตามฤดูกาล เพราะฉะนั้น ผักที่เราได้ทาน ก็มีพริกหวานสี คะน้า ที่เราไปชมเมื่อช่วงบ่ายนั่นเอง แถมด้วยต้มยำไก่เล็กน้อยไว้ซดน้ำซุปให้รื่นคอ
มื้อเช้า เดินไปสั่งกาแฟที่ร้าน หอมกรุ่นรับความสดชื่นของสายฝนในยามเช้า หากมาเที่ยวภูลังกา ลองเปลี่ยนที่นอนมานอนที่ศูนย์ฯ ดูบ้างค่ะ ที่นี่สามารถพักและเที่ยวได้ทุกฤดู ที่พักคิดหลักร้อยราคาเดียวทุกฤดูเช่นกัน ปังค่า อยากให้มา ถ้ามาแล้วรับประกันว่าจะได้เข้าถึงความรู้สึกเป็นส่วนตัวแห่งการพักผ่อนที่แท้จริง
รายละเอียดท่องเที่ยวศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า
ศูนย์ฯมีบริการบ้านพักรับรอง จำนวน 4 หลัง พักได้ 2-12 คน ราคา 800-2000 บาท และมีเต็นท์พร้อมถุงนอนไว้สำหรับ ให้นักท่องเที่ยวเช่า ราคา 200 บาท พักได้ 2 คน/เต็นท์ เป็นห้องพักตากอากาศหลังใหญ่ท่ามกลางขุนเขาและความสวยงาม ของพืชพรรณเมืองหนาว สัมผัสอากาศเย็นสบาย ชมวิถีชีวิตชนเผ่ากับอาชิพเกษตรที่ได้รับการส่งเสริม นอกจากนี้ยังมีลานกางเต็นท์ ให้ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นอย่างเต็มอิ่ม สามารถรองรับเต็นท์ได้หลายสิบหลัง มีห้องจัดประชุมสัมมนา ห้องคาราโอเกะ บริการทั้งแบบ ส่วนตัวและหมู่คณะ พร้อมเลือกอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารและกาแฟสดจากโครงการหลวงฯ
อาหาร
– มื้อเช้า ราคา 60 บาท/คน
– มื้อกลางวัน ราคา 150 บาท/คน
– มื้ออาหารเย็น ราคา 150 บาท/คน
– อาหารว่างและเครื่องดื่ม 30 บาท/คน
การโอนเงิน: มัดจำ 50 % ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี มูลนิธิโครงการหลวง (ปังค่า-ท่องเที่ยว)
เลขบัญชีเลขที่ 402-042994-5
ติดต่อสอบถาม โทร.054-401023, 088-410-9089
อีเมล์: [email protected]
Facebook: www.facebook.com/pages/ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางอำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน อำเภอเชียงคำ จากนั้นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1179 เลี้ยวขวาบริเวณกิโลเมตรที่ 8 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1148 (เชียงคำ-น่าน)จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 9 ให้ตรงไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จนถึงศูนย์ฯ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง การเดินทางที่จะขึ้นดอยภูลังกาต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น
Tags : พะเยา, เที่ยวอำเภอปง, โครงการหลวงปังค่า