ออกไปทักทายธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ ที่ทุกสิ่งอย่างรอบตัวผ่านไปอย่างช้า ช้า ได้มีช่วงเวลาเพื่อหยุดพัก จากการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบในเมืองใหญ่ หนึ่งสถานที่ของคำจำกัดความนี้ ฉันเทใจให้ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ ที่โดดเด่นในเรื่องของวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีแปลงผักที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวเขาหลากหลายชนิด มาที่นี่จะได้ลิ้มรสผักสดสุดเลิศ ได้เวลาที่ฉันต้องออกเดินทางไปค้นหา ดินแดนแห่งสีเขียว เพื่อเก็บบันทึกไว้ในเรื่องราวแห่งรอยยิ้มอีกครั้ง
หากถามว่าเที่ยวในฤดูใดสวยงามที่สุด ฉันตอบทันทีว่า หน้าฝน สวยที่สุด เส้นทางไปยังโครงการหลวงแม่โถนั้น ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดอีกเส้นทางหนึ่ง ได้เห็นวิวของภูเขาผักและต้นไม้มีเขียวขจี เรียงรายกันสลับซับซ้อน ฉันเริ่มลดกระจกรถลง เพื่อให้ความบริสุทธิ์สดชื่นของธรรมชาติ พัดผ่านเข้ามาสัมผัสตัวเราได้แบบเต็มที่
หลายคนอาจคิดว่า ไปเที่ยวภูเขาที่ไหนก็เห็นวิวแบบนี้ได้ อาจจะใช่แต่ไม่ทั้งหมด เพราะวิวทิวเขาที่แม่โถนั้น มีให้เห็นตลอดทาง เป็นวิวของผืนผักสีเขียวที่ปกคลุมเป็นลวดลายงดงามตา ฉันและเพื่อนร่วมทางลงจากรถแวะถ่ายภาพยังจุดชมวิวระหว่างทางมองเห็นสะดุดตามาแต่ไกล พืชผักที่ปลูกอยู่ในแปลงที่เห็นลดหลั่นเป็นขั้นบันได คือ มะเขือเทศที่ในเวลานี้ผลยังสีเขียวอยู่ แซมด้วยแปลงกะหล่ำปลีที่ลูกสลับกับผืนหญ้าเขียว ที่แม่โถ ถือว่าเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่ง และเป็นแปลงที่เน้นการปลูกแบบลดใช้สารเคมี
ธรรมชาติดีๆ แบบนี้ไม่มีขาย ถ้าอยากเห็น ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง
วิวสวยๆที่ทำให้เรายืนเก็บภาพอยู่นานพอสมควร รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ ท่ามกลางภูเขาผักหันมองไปอีกมุม เห็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดอยู่ไม่ไกล
ฉันยังไม่หยุดแวะชมวิวระหว่างทาง ที่สวยจนอดใจไม่อยู่ ระหว่างนั้นน้องที่ศูนย์โทรมาถามว่าถึงไหนแล้ว เพราะบอกว่าใกล้ถึงหลายรอบ แต่ทำไมไม่ถึงจริงซักที สาเหตุมาจากมัวติดวิวข้างทางอยู่ สำหรับวิวนี้ มองลงไปเห็นแปลงผักของศูนย์ฯ รายล้อมด้วยขุนเขาและต้นไม้ ต้นหญ้าสีเขียวขจี
ผืนปฏิมากรรมผักแสนกว้างใหญ่ เป็นภาพที่ทำให้ฉันต้องตะลึงอีกครั้ง
ในไม่ช้า เราก็มาถึงที่ทำการศูนย์ฯ หันไปมองนาฬิกาจากที่นัดกันไว้ว่าจะมาถึงประมาณเที่ยงครึ่ง แต่เวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายโมงครึ่ง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหลวงแม่โถ พื้นที่ตั้งของศูนย์ฯ เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ทอดยาวตามแนวเหนือคลอบคลุม 2 อำเภอ คือ อำเภอฮอดและอำเภอแม่แจ่ม ศูนย์ฯเน้นในเรื่องศึกษาดูงาน ชมแปลงผักปลอดสารพิษ ดังนั้นกิจกรรมท่องเที่ยวหลักเมื่อมาถึง คือ ชมโรงเรือนปลูกผัก ซึ่งโรงเรือนมีทั้งโรงเรือนภายในศูนย์ฯ และที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รอบนอก
โซนรับประทานอาหารมองเห็นวิวของภูเขาและโรงเรือนปลูกผัก
เมนูเด่นของที่นี่คงไม่พ้นผักสด รสเลิศ ซึ่งเป็นผลผลิตจากศูนย์ ฯ โครงการหลวงแม่โถถือว่า มีผักหลากหลายให้เราได้รับประทาน ทั้ง เบบี้คอส ผักสลัดหวาน เบบี้ฮ่องเต้ คะน้าฮ่องกง ฉันมองแล้วคิดว่าแค่ผัดผัก จะสร้างความประทับใจได้แค่ไหน คงรับประทานเพื่อพออิ่มท้อง แต่แล้วผิดไปทุกสิ่งทุกอย่าง ผักที่ศูนย์ ฯ เป็นความสดกรอบไม่เหมือนที่ใด ไม่ต้องตกแต่งจานให้สวยหรู ของดีไม่ต้องปรุงแต่งเยอะ แค่นำมาผัดกับซอสน้ำมันหอย เติมน้ำตาลใส่น้ำปลา โรยพริกไทยนิดๆ อร่อยแบบหยุดไม่อยู่ต้องเพิ่มข้าวไม่ต่ำกว่า 2 จาน ฉันได้ฟังจากเจ้าหน้าที่เล่าว่า เคยถามนักท่องเที่ยว เหตุผลที่มาเที่ยวแม่โถเพราะอะไร ส่วนใหญ่ตอบว่า เพราะอยากมาทานผักสด เห็นในรีวิวต่างๆ บอกว่าผักอร่อย ฟังแล้วชื่นใจแทน เรื่องผักกลายเป็นเอกลักษณ์ของศูนย์ฯไปเสียแล้ว
ในส่วนของที่พัก มีบ้านพัก 1 หลังใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 ห้องนอน และ 1 ห้องรับแขก มีห้องน้ำอยู่ด้านนอก สามารถพักได้ถึง 10 คน
หลังจากอิ่มท้อง เริ่มกิจกรรมท่องเที่ยวรอบศูนย์ฯ จุดแรกที่น้องเจ้าหน้าที่พาไป คือ จุดชมวิว ซึ่งน้องที่ศูนย์ฯ เรียกว่า จุดชมวิวทุ่งหญ้าสะวันนา เนื่องจากเส้นทางยังเป็นดินแดงเป็นเส้นทางออฟโรด รถที่สามารถสัญจรได้ คือ รถกระบะและรถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องคุ้นเคยกับเส้นทางพอสมควร ฉันจึงใช้บริการรถของศูนย์ฯเพื่อนำเที่ยว เส้นทางนี้บางคนได้เห็นต้องตกใจ แต่ฉันลืมเส้นทางไปจนหมดสิ้นเพราะความเขียวขจี และวิวภูเขาที่สลับซับซ้อนระหว่างทาง มันสวยงามและยิ่งใหญ่กว่ามาก จนทำให้ต้องลงจากรถเดินเก็บภาพ
ระหว่างนั่งรถ ได้สัมผัสอากาศสดชื่นเย็นสบายในช่วงฤดูฝน ลมพัดกระทบยอดหญ้าพริ้วไหว มองเห็นดงดอกไม้สีขาวอมชมพู ซึ่งไม่ทราบเช่นกันว่าคือดอกอะไร รู้แต่ว่าช่วยแต่งแต้มให้เส้นทางนี้ ดูอ่อนโยนขึ้นมาในทันที
ฝ่าเส้นทางสายออฟโรดในช่วงสุดท้าย มาถึงจุดชมวิว ทุ่งหญ้าสะวันนา จนได้ สมชื่อค่ะเพราะบนจุดชมวิวแห่งนี้เป็นลานกว้างที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเหลืองทั้งภูเขา หากมาเที่ยวในฤดูหนาวทุ่งหญ้าจะแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง แต่ถ้ามาเที่ยวในฤดูฝนก็จะเป็นสีเหลืองสลับเขียว มีสายหมอกบางลอยพาดผ่านทิวเขามาเป็นระยะ
มองลงไปเห็นถนนเส้นทางที่เราขึ้นมา ธรรมชาติมากเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสลับสี ลดหลั่นไปตามทิวเขาโค้ง
ระหว่างทางกลับยังไม่หยุดที่จะแวะถ่ายภาพระหว่างทาง คือ มันสวยมากจนอดใจไว้ไม่ไหว
จุดสุดท้าย น้องกิ่งพาเราไปชมโรงเรือนปลูกผัก ท่ามกลางภูเขา ที่เรามองเห็นจากมุมสูง ที่เพิ่งผ่านมาตอนนั่งรถเข้าศูนย์ฯ โรงเรือนปลูกผักของศูนย์ฯมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและมีหลายโรงเรือน ทำให้ฉันเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ ผักสีเขียวที่อยู่ตรงหน้าละลานตามีหลากหลายชนิด เช่น ผักกาดหวาน เบบี้ฮ่องเต้ คอสสลัด ผักคึ่นช่าย ซึ่งน้องกิ่งบอกว่าเพิ่งเริ่มปลูกตามออเดอร์ที่ทางลูกค้าสั่งไว้ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ของที่นี่ คือ ซิลเลอร์ และ MK สุกี้
หากนึกถึงภาพของเจ้าหน้าที่ประจำโครงการหลวงที่ดูแลรับผิดชอบงานในพื้นที่แต่ละศูนย์ฯ หลายคงต้องคิดว่า น่าจะเป็นผู้ชาย ดูมีอายุหน่อยๆ แต่เปล่าเลย ส่วนใหญ่ที่ฉันเจอ คือ ผู้หญิง เป็นคนรุ่นใหม่และลุยมาก น้องกิ่ง ดูแลประสานงานประจำศูนย์แม่โถและแม่สะเรียง หน้าที่รับผิดชอบ คือ ดูแลเรื่องท่องเที่ยว เรื่องแปลงผักพูดคุยกับชาวบ้าน บางครั้งก็เป็นแม่ครัวทำอาหารเองด้วย ซึ่งจริงๆแล้ว ต้องเรียกว่า ทำทุกอย่าง วัยนี้น่าจะชอบแสงสี แต่ก็เลือกมาทำงานอยู่กับชาวบ้านตามศูนย์ฯ งานลักษณะนี้ถ้าไม่ทำเพราะรักมาก่อนสิ่งใด น้องดูมีความสุขกับงานที่ได้ทำ เล็กพริกขี้หนูจริงๆ
มิซูน่า มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า มาสตาร์ทญี่ปุ่น เป็นผักที่มีลักษณะก้านใบยาวสีขาวนวล ขอบใบหยักๆ ปลายใบแหลมมีรสชาดเผ็ด นิยมนำไปรับประทานสดกับเนื้อย่าง ทำเป็นสลัด หรือนำไปใส่ในซุปแบบญี่ปุ่น มิซูน่าเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย โตเร็ว และทนกับสภาพอากาศแบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ผักชนิดนี้น้องกิ่งบอกว่า ปลูกเพื่อส่งให้กับ MK เพื่อนำไปทำน้ำซุป และเวลาเก็บผักชนิดนี้ ต้องเก็บจับตรงรากและห้อยใบลง เพราะก้านอ่อนหักง่ายมาก ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ของฉันเลยทีเดียว เพราะไม่เคยรู้จักผักชนิดนี้มาก่อน
จบทริปการเดินทาง ที่ โครงการหลวงแม่โถ ดินแดนสีเขียวที่มีเรื่องราวของธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ รสชาติผักสดแสนอร่อย บางครั้งสถานที่เล็กๆที่หลายคนมองข้าม อาจสร้างความสุขที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นได้
รายละเอียดเพิ่มเติม
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ มีบ้านพัก 1 หลัง พักได้ประมาณ 10 ท่าน คิดราคาท่านละ 150 รวมถึงเต้นท์ให้บริการ
ค่าบริการอาหารเช้าท่านละ 80 บาท อาหารกลางวันท่านละ 100 บาท อาหารเย็นท่านละ 150 บาท
รถบริการนำเที่ยวโรงเรือนปลูกผักและจุดชมวิว คันละ 500 บาท
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่โถ ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 088-434-4902
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 สายเชียงใหม่ -แม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 88 กิโลเมตร ถึงอำเภอฮอดให้เลี้ยวขวาไปตามถนนฮอด-แม่สะเรียง ถนนหมายเลข 108 อีก 55 กิโลเมตรจากนั้นเลี้ยวขวาที่แยกบ้านกองลอย มุ่งหน้าไปบ้านแม่โถตามทางหลวงหมายเลข 1270 สายกองลอย-แม่โถ ระยะทาง 16 กิโลเมตร เส้นทางถึงศูนย์ฯ สามารถใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท แต่เส้นทางท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆ รถที่สัญจรได้ คือ รถโฟร์วิลและจักรยานยนต์ เท่านั้น สามารถติดต่อขอใช้บริการรถยนต์นำเที่ยวได้จากศูนย์ฯ
Tags : ท่องเที่ยวโครงการหลวง, เชียงใหม่, โครงการหลวงแม่โถ