ย้อนไปกลับไปเมื่อครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปเยือนหมู่บ้านแห่งหนึ่งหลังจากได้ยินชื่อมานานแสนนาน แม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ หมู่บ้านกลางป่าใหญ่อันเขียวขจี แต่การเดินทางในครั้งนั้นเราพักที่โครงการหลวงตีนตก และมีโอกาสได้ไปสัมผัสบรรยากาศและความร่มรื่นของหมู่บ้านแม่กำปองแค่เพียงช่วงเวลาอันสั้น มีความรู้สึกที่คาใจว่าการไปครั้งนั้นยังไม่สุด เรื่องราวของที่นี้ยังมีอีกมากมายที่เราน่าจะเข้าถึงได้มากกว่านี้ หากมีโอกาสก็น่าจะนอนค้างซัก 1 คืน พักผ่อนอิงแอบกับธรรมชาติให้คุ้มค่าและหายเหนื่อย 1 ปี เวียนหมุนไป เมื่อมาถึงช่วงฤดูฝนอันชุ่มชื่น ด้วยความคิดถึง จึงกลับมาหาเธออีกครั้ง “ หมู่บ้านแม่กำปอง ”
หมู่บ้านแม่กำปอง ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 2 ชั่วโมง เท่านั้น ขับรถจากตัวเมืองผ่านอำเภอสันกำแพง เข้ามายังอำเภอแม่ออน เข้าสู่เส้นทางคดเคี้ยวของภูเขา มาถึงโครงการหลวงตีนตก จากนั้นก็ไปยังหมู่บ้านแม่กำปอง ตั้งแต่หมู่บ้านแม่กำปองนอก บ้านแม่กำปองกลาง มาจนถึงบ้าน แม่กำปองใน สิ่งหนึ่งที่ค่อนช้างชัดเจน นอกจากป้ายบอกว่าเราได้มาถึงบ้านแม่กำปองแล้วนั่นก็คือ บรรยากาศของความเป็นร่มรื่นที่และบ้านไม้เรียบง่ายเก่าแก่แทรกตัวอยู่บนไหล่เขาถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ น้อยใหญ่ เราแทบจะไม่เห็นบ้านหลังใดสร้างด้วยปูน หรือสร้างแบบทรงสมัยใหม่เลยแม้แต่น้อย นับว่าชาวบ้านยังคงรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นแม่กำปองไว้ได้อย่างเยี่ยมยอด สำหรับเราหมู่บ้านแม่กำปองหลังจากโด่งดังและมีช่วงที่เงียบไปนานมากได้ กลับมาคึกคักและเป็นจุดสนใจอีกครั้ง เมื่อมีโครงการหลวงตีนตกเกิดขึ้น ซึ่งหมู่บ้านนี้ถือว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวน่าแวะเมื่อมาโครงการหลวงตีนตกเพราะอยู่ห่างกันเพียงแค่ 7 ก.ม. เท่านั้น บวกกับกระแส slowlife กำลังมา ทำให้บ้านแม่กำปองกลายมาเป็นขวัญใจของชาว slowlife ที่ถวิลหาความเป็นธรรมชาติได้ไม่ยาก สังเกตจากที่เดินทางมาเมื่อปีที่แล้ว 2557 ยังเงียบอยู่มาก ผ่านไปหนึ่งปีกลับมาครั้งนี้เริ่มคึกคักด้วยนักท่องเที่ยวมากขึ้น
มาแม่กำปอง ต้องมานอนโฮมสเตย์ ฟังเสียงนก เสียงลำธาร เสียงป่าไม้ ซัก 1-2 คืน ถึงจะพูดได้เต็มปากว่าเราได้มาถึงแม่กำปองแล้ว ที่นี่มีโฮมสเตย์ให้เลือกพักมากมาย อาจจะติดต่อไปยังกลุ่มโฮมสเตย์โดยตรงซึ่งก็จะจัดสรรรบ้านที่เข้าร่วมกลุ่มสลับหมุนเวียนกันไปให้เราได้พัก หรือบางบ้านก็จะให้ติดต่อไปยังที่พักโดยตรงก็มี เรามาถูกตาต้องใจกับบรรยากาศของบ้านพักโฮมสเตย์หลังนี้ ชื่อว่า สำราญชน โฮมสเตย์ บ้านพักไม้สไตล์ล้านนาสุดคลาสสิคกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ชวนให้นึกไปถึงความรู้สึกของบ้านไม้กลางป่าแบบมีสไตล์ในละครแนวบ้านไร่ สำราญชน โฮมสเตย์ ตั้งอยู่ริมถนนของบ้านแม่กำปอง เลยจากวัดแม่กำปองมานิดหน่อย หากมองในแง่ของการเดินทางนับว่าโลเคชั่นตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างสะดวกคือ ริมถนนและใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในหมู่บ้านแม่กำปอง อย่างเช่น วัดแม่กำปอง ร้านกาแฟชมนกชมไม้ และน้ำตกแม่กำปอง โดยเฉพาะวัดแม่กำปองค่อนข้างใกล้มาก สามารถเดินจากบ้านพักไปได้เลย ลักษณะของบ้านเป็นบ้านไม้ ตัวบ้านยกสูง 2 ชั้น ทอดยาวเชื่อมกัน โดยแต่ละโซนจะเรียกเป็นหลัง เกือบทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวของธรรมชาติจากต้นไม้และตะไคร่ที่ปกคลุมตามหลังคาบ้าน ด้านหลังบ้านมีลำธารเล็กๆไหลผ่านแค่เดินลงระเบียงก็เล่นน้ำได้แล้ว
บ้านหลังใหญ่แบ่งห้องพักเป็นห้องตามขนาดของจำนวนคน พักได้ตั้งแต่ 4-8 คน บางห้องมีห้องน้ำในตัวและบางห้องก็ไม่มี่ต้องใช้ห้องน้ำรวมซึ่งจะแบ่งตามโซนของห้องพัก อุปกรณ์ภายในห้องไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากมาย ไม่มีแอร์ ทีวี พัดลม เพราะอากาศเย็นมากอยู่แล้ว มีเพียงเครื่องนอน ตามสไตล์ของการพักผ่อนแบบโฮมสเตย์ สำหรับห้องพักที่อยู่ในภาพคือบ้านหลังที่ 3 ชั้น 2 ซึ่งจะอยู่ใกล้กับระเบียงส่วนกลางมากที่สุดโดยบ้านหลังนี้จะมีทั้งหมด 3 ห้อง ราคาที่พักคิดเป็นรายหัว คือ คนละ 550 รวมอาหารเช้าและอาหารเย็น ห้องแรกของบ้านหลังที่ 3 เป็นห้องใหญ่ฝั่งริมถนนพักได้ 8 คน มีห้องน้ำในตัว และมีระเบียงภายในห้อง
ภายในบ้านเรียกได้ว่าออกแบบพื้นที่ได้ดีมากมีทางเดินและบันไดเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด มีระเบียงให้นั่งชมวิวแบบส่วนตัวมองน้ำตกที่อยู่ด้านหลังบ้านแทบทุกจุด ตามที่ได้บอกไปตอนแรกว่าเป็นบ้านพักที่ชวนให้เรานึกถึงบรรยากาศของละครบ้านไร่ ซึ่งที่นี่ก็เคยใช้เป็นที่ถ่ายละครมาหลายเรื่องแล้วเช่นกัน เป็นสถานที่ที่เหมาะจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างช้าเพื่อที่เราจะได้สัมผัสและอยู่กับทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบบ้านได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นมองต้นไม้ หรือยืนมองน้ำตกไหลผ่านไปอย่างช้า ช้า อย่างเพลิดเพลินใจ
มาเที่ยวหน้าฝนก็จะมีพวกมอสและตะไคร่น้ำขึ้นตามหลังคา มองดูแล้วก็เป็นภาพที่เก๋ไม่น้อย จะเรียกว่า กลายเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปเลยได้
บ้านโฮมสเตย์อีกหนึ่งเจ้าสามารถมองได้จากระเบียงบ้านพักของสำราญชนโฮมสเตย์ แลดูใหญ่โตไม่น้อย แต่ก็ยังคง concept เหมือนกันทุกหลังคือ แทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
หลังจากเก็บของนั่งพัก นอนเล่น เดินชมบ้านพักกันพอหอมปากหอมคอ บ่ายแก่ๆ เราก็ตะลอนเดินชมหมู่บ้านกันซักหน่อย
ติดกับสำราญชน มีโฮมสเตย์ที่น่าพักอีกหนึ่งแห่งบรรยากาศจะคล้ายๆกัน ตอนแรกยังเข้าใจว่าเป็นที่เดียวกันแต่ปรากฎว่าไม่ใช่ เพราะด้านหน้ามีป้ายเขียนชื่อบอกรายละเอียดไว้ว่า ชื่อ บ้านสายชล ราคาส่วนใหญ่ที่บ้านแม่กำปองจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดคือ คนละ 550 บ้านรวมอาหารเช้า เย็น
มีแบ่งพื้นที่ให้กางเต้นท์ด้วยคิดราคา 350 บาท รวมอาหารเช้า เย็น ใครสนใจอยากพักก็สามารถติดต่อไปได้ที่เบอร์ 062 298 9556 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโฮมสเตย์ที่บรรยากาศดีและการเดินทางสะดวกอีกหนึ่งแห่ง
แอบเห็นบ้านโล่งๆหลังหนึ่งอยู่ในต้นไม้เป็นพื้นที่สำหรับกางเต้นท์ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นของสายชลโฮมสเตย์หรือเปล่าค่ะ เพราไม่ได้เขียนบอกว่าว่าชื่ออะไร เขียนแต่ว่า ที่กางเต้นท์ เรียกว่าเข้าใจสร้างกันจริงๆ เป็นที่กางเต้นท์ที่น่าสนใจไม่น้อย คงได้นอนฟังเสียงลม เสียงต้นไม้และลำธารได้อย่างชัดเจนตลอดทั้งคืน
เราเดินมาถึงเฮือนกาแฟ ในกรณีที่เราไม่ได้ติดต่อกับโฮมสเตย์โดยตรง ก็มาติดต่อมาที่นี่ได้ค่ะ เพราะเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวแม่กำปองรวมถึงการจัดสรรโฮมสเตย์แต่ละหลังในหมู่บ้านให้นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังเป็นร้านอาหารและร้านกาแฟด้วย สามารถติดต่อสอบถามเรื่องโฮมสเตย์ได้ที่เบอร์ 085-6754598
บ้านพักโฮมสเตย์ที่อยู่ในบริเวณเดียวกับเฮือนกาแฟ
เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของบ้านแม่กำปองที่เราจะได้พบเห็นตลอดก็คือ ลำธาร เพราะหมู่บ้านนี้มีลำธารทอดยาวไหลผ่านทั้งหมู่บ้าน
พักถ่ายภาพชิค ชิค เคียงคู่กับความเขียวกันซักหน่อย
เกือบทุกหลังต้องมีการปลูกต้นไม้แนบชิดกับบ้าน
เดินมาถึงร้านค้าขายของที่ระลึกของชุมชนซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดแม่กำปอง มีสินค้าโอทอปห้าดาวขึ้นชื่อก็คือ หมอนใบชา เพื่อสุขภาพ ซึ่งมีสรรพคุณในการดูดกลิ่นได้อย่างดีเยี่ยม กลิ่นของใบชาก็ถือว่าเป็นกลิ่นบำบัดเมื่อเราได้สูดดมแล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย
ข้างร้านมีที่นั่งเล่นมองลำธารกันเพลินๆ
ตรงกันข้ามมีร้านขายโปสการ์ดแต่วันนี้ร้านปิด ด้านหน้ามีมุมน่ารักๆให้ถ่ายรูป
มาถึงแม่กำปอง ต้องแวะมาไหว้พระและชมความสวยงามและเก่าแก่เพียงวัดเดียวของหมู่บ้าน วัดคันธาพฤกษา หรือวัดแม่กำปอง ด้านหน้าเป็นที่ตั้งของนวิหารหลังเก่าเป็นไม้ทั้งหลัง หน้าจั่วหลังคาวัดแกะสลักจากไม้สัก เป็นลวดลาย แบบล้านนา
เมื่อลงไปด้านล่างก็จะเป็นอุโบสถที่ตั้งอยู่กลางลำธารท่ามกลางแมกไม้ที่เขียวขจี ซึ่งถือว่าเป็นความสวยงามและเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของวัดนี้
เกือบ 6 โมงเย็น ได้เวลาทานอาหารเย็น เราก็เดินกลับไปยังที่พัก นั่งพักซักครู่ อาหารเย็นแบบชาวเหนือแสนง่าย ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้า คุณป้าเจ้าของบอกว่าถ้าไม่อิ่มก็เติมได้ตลอด กับข้าวมีเพียงไม่กี่อย่าง น้ำพริกไข่เจียว ผัดผัก นั่งทานท่ามกลางอากาศที่แสนเย็นสบายกลางป่าเขา ท่ามกลางวงสนทนาของเพื่อนร่วมทางคอเดียวกัน ทำให้อาหารมื้อนี้กลายเป็นมื้อพิเศษสุด สุด
ค่ำคืนของเราหลับไปพร้อมกับอากาศที่แสนเย็นสบายในฤดูฝน ขับกล่อมด้วยเสียงแมกไม้และลำธาร ตื่นเช้ามาในวันใหม่ กับเพลนท่องเที่ยวอันดับแรก น้ำตกแม่กำปอง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากบ้านพักไปไม่ไกล ถือว่าเป็นสถานที่ตั้งอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน เลยจากตรงนี้ไปก็จะสุดเขตจังหวัดเชียงใหม่เข้าสู่เขตจังหวัดลำปาง เส้นทางนี้เป็นอีกเส้นทางที่เราสามารถไปยังอช.แจ้ซ้อนได้ซึ่งจะช่วยล้นระยะทางมากว่าไปจากทางตัวเมืองเชียงใหม่ได้เยอะแต่เส้นทางคดเคี้ยวไต่เขาพอสมควร เราจอดรถตรงบริเวณปากทางเข้าเดินเข้าไปนิดเดียวจะได้พบกับความสวยงามของน้ำตก ซึ่งมาในช่วงฤดูฝนเต็มที่น้ำก็จะเยอะแบบนี้ ชุ่มฉ่ำดีจัง เป็นน้ำตกที่มีต้นเฟิร์น และตะไคร่น้ำขึ้นอยู่ทั่วไป ซึ่งมีต้นน้ำเป็นแหล่งกำเนิดของประปาหมู่บ้านแม่กำปองที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้น
น้ำตกแม่กำปอง เป็นน้ำตกเล็กๆ มีทั้งหมด 7 ชั้น ชั้นที่เห็นในภาพคือ ชั้นแรก ส่วนชั้นอื่นก็จะมีการทำทางเดินให้ขึ้นไปชมได้ลดหลั่นกันไป แต่สำหรับเราคิดว่าชั้นแรกก็สวยแล้วนะ เพราะถ้าขึ้นไปทราบมาว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ขอนั่งสบายๆชมความงามอยู่แค่ชั้นนี้ก็เพียงพอและอิ่มใจแล้ว
ย้อนกลับไปยังร้านกาแฟชื่อดัง ร้านชมนกชมไม้ ในเวลานี้ถึงแม้จะเป็นเวลาเช้า ก็ยังคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว นั่งกันเต็มร้าน เมื่อก่อนที่นี่จะเปิดให้บริการโฮมสเตย์ด้วย แต่ตอนนี้ทราบมาว่าให้บริการแค่ร้านกาแฟเพียงอย่างเดียว เพราะเกรงว่าถ้ารับคนเข้าพักจะไปกระทบกับความเป็นส่วนตัว ดูจากบรรยากาศแล้วแค่นักท่องเที่ยวที่มาถ่ายภาพหรือ จิบเครื่องดื่มร้านก็แทบจะรับไม่ไหวแน่นมาก แทบไม่มีที่นั่งเพราะพื้นที่ค่อนข้างน้อย แต่ถ้ามองในอีกมุมที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเยอะแบบนี้ก็ถือว่าเป็นร้านกาแฟที่ถือว่าวิวดีมาก ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงสามารถชมวิวและทอดสายตาจิบกาแฟมองหมู่บ้านแม่กำปองที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ได้อย่างงดงาม
อีกหนึ่งร้านสวยน่านั่ง อยู่เลยจากวัดแม่กำปองไปนั่นก็คือ ร้านกาแฟบ้านริมห้วย ลุงปุ๊ด & ป้าเป็งเป็นร้านขายเครื่องดื่ม และร้านอาหาร บรรยากาศดี ตั้งอยู่ริมธารริมลำธารกลางหมู่บ้าน นอกจากนี้ที่นี้ยังเปิดให้บริการบ้านพักแบบ โฮมสเตย์ด้วย มาอีกครั้งก็ยังคงแวะไปชมไปถ่ายรูปไว้เหมือนเดิม คนเยอะไม่แพ้ร้านชมน้องชมไม้เลยทีเดียว
ข้างร้านฮิมห้วยเป็นร้านขายส้มตำ ไส้อั่ว น่าทานมาก
ขากลับเราฝากท้องกับอาหารมื้อกลางวันที่ธารทองลอดจ์ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปทานที่โครงการหลวงตีนตก แต่ทราบมาว่าวันนั้นรับกรุ๊ปสัมมนาใหญ่ไป เลยยังไม่สามารถให้บริการอาหารกลางวันกับนักท่องเที่ยวในช่วงเวลาเที่ยงได้ เลยลองมาฝากท้องกับที่นี่ซักหน่อย ธารทองลอดจ์เปิดเป็นที่พักและร้านอาหารคะ สำหรับใครที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศหลังจากเคยพักที่โครงการหลวงตีนตกหรือบ้านแม่กำปอง ที่นี่ก็ถือว่าเป็นที่พักบรรยากาศเยี่ยม ตกแต่งสวนและมุมนั่งเล่นไว้หลายมุม
อาหารมื้อกลางวันเน้นสั่งเฉพาะเมนูแนะนำ ของทางร้าน หากถามถึงรสชาติโดยรวมยังถือว่าปานกลาง บางอย่างรสชาติออกไปทางจืด แต่ก็พอทานได้คะ ส่วนราคาก็อยู่ในระดับกลางไม่ได้แพงมาก แต่ถ้าคิดว่ามานั่งทานอาหารและกินบรรยากาศอันนี้ก็ถือว่าพอได้อยู่
หายคิดถึงไปได้เยอะกับการมาเที่ยวหมู่บ้านแม่กำปองในครั้งนี้ รู้สึกเต็มอิ่มกว่าการมาเยือนครั้งแรก กลับมาอีกครั้งคึกคัก ขึ้นกว่าเดิมมากสิ่งก่อสร้างโฮมสเตย์ ก็เพิ่มมากขึ้น ก็ได้แต่ภาวนาและหวังว่า ชาวบ้านที่นี่จะยังคงรักษาความเรียบง่ายแสนธรรมดาของแม่กำปอง ได้นานที่สุด ให้ยังคงเป็น หมู่บ้านไม้สวยกลางหุบเขาในป่าใหญ่ ที่หลายคนต่างพากันหลงรักในบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ ของที่นี่ หมู่บ้านแม่กำปอง
ช่วงเวลาเดินทาง วันที่ 15 สิงหาคม 2558
Tags : แม่กำปอง