หากคุณหลงใหลในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชอบชมมรดกแห่งงานศิลป์ที่หาชมได้ยาก อยากผ่อนคลายและก้าวผ่านกาลเวลาไปสัมผัสบรรยากาศเก่าในอดีตที่อาจทำให้คุณยิ้มได้ ใน 1 วันสั้นๆ แนะนำให้มาสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของอำเภอเล็กน่ารักที่แสนเรียบง่าย โพธาราม ราชบุรี
โพธาราม อำเภอหนึ่งในจังหวัดราชบุรี เป็นหมู่บ้านสองฝั่งแม่น้ำแม่กลองที่ยังคงวิถีชาวบ้านอันเรียบง่ายและมีกลิ่นอายของความเก่าแก่ ฉันเดินทางจากกรุงเทพแต่เช้า เพื่อมาให้ทันเวลาก่อนเวลา 10โมงเช้ายังจุดหมายแรกที่ วัดขนอน เพื่อตั้งใจมาชมการละเล่นหนังใหญ่ที่มีให้ชมเพียงวันละรอบเท่านั้น คือ วันเสาร์ เวลา 10-11 โมง
หนังใหญ่ ถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมเก่าแก่ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ฉันรู้สึกว่าคนไทยโดยส่วนใหญ่น้อยคนที่จะมาชมการแสดงแบบนี้ คือ ดูทีไรอาจรู้สึกเบื่อ ไม่มีความตื่นเต้น ไม่เหมือนแต่งตัวเก๋ไปเที่ยวถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างเลียนแบบบรรยากาศเมืองนอกทั้งหลาย แต่ฉันกลับชอบดูการแสดง การละเล่นแบบไทยต่างๆ เพราะ หาชมยาก
หนังใหญ่วัดขนอน ได้รับรางวัลจากยูเนสโก (UNESCO) ในฐานะการแสดงที่ควรค่าแก่การสืบทอดให้คงอยู่ต่อไป และโพธารามเป็นอำเภอที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานในการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเชิงนามธรรม
คนที่เชิดตัวละครหนังใหญ่ไม่ใช่ผู้ใหญ่หรือคนเฒ่าคนแก่ แต่เป็นเด็กในชุมชนโพธารามที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีไม่ต่ำกว่า 3 เดือน สำหรับฉันเป็นการยากที่จะให้เด็กในวัยนี้หันมาสนใจการละเล่นแบบไทยเพราะส่วนใหญ่เราจะเห็นแต่เล่นเกมส์และเที่ยวสนุกไปกับเพื่อน หนังใหญ่แต่ละตัวก็ไม่ใช่ขนาดเล็กเหมือนตัวหนังตะลุง เด็กตัวเล็กๆต้องมายกตัวหนังขึ้นในระดับศรีษะพร้อมแสดงท่วงท่า ลีลา และก้าวเดินให้ถูกจังหวะสอดคล้องไปกับดนตรี บอกได้เลยว่าเชิดเก่งและอ่อนช้อยมาก เด็กตัวน้อยที่จะคอยสืบสานวัฒนธรรมและสานต่อลมหายใจของ หนังใหญ่วัดขนอนให้ดำรงอยู่ต่อไป
นอกจากนี้ภายในวัดขนอนมีพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน ลักษณะเป็นเรือนไทย เก็บรักษาหนังใหญ่ทั้ง 313 ตัว ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นตัวละครเรื่องรามเกียรติ์ ชุดหนุมานถวายแหวน ชุดสหัสสกุมาร และเผากรุงลงกา และชุดศึกอินทรชิตครั้งที่ 1 รวมทั้งจัดนิทรรศการ แสดง ประวัติความเป็นมา การแกะสลักตัวหนังใหญ่ และการแสดงเชิดหนังใหญ่ทุกวันเสาร์ เปิดบริการให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.30 น.
เราเคยชื่นชมกับความสวยงามของจิตรกรรมฝาผนังและภาพกระซิบรักบันลือโลกอันโด่งดัง ที่วัดภูมินทร์ จ. น่าน ที่ วัดคงคาราม อ.โพธาราม ก็มีภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณอายุเก่าแก่กว่า 250 ปี ที่งดงามเช่นกัน
ความสวยงามของแสงเงา ที่สาดส่องเข้ามาภายตัวโบสถ์ทำให้รู้สึกว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังราวกับมีชีวิต ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ ภาพสวรรค์ชั้นต่างๆ ภาพอดีตของพระพุทธเจ้าที่ประทับบนบัลลังก์ ภาพพระพุทธประวัติและพระพุทธชาติชาดก
บางภาพก็บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในยุคนั้นได้อย่างดี จะสังเกตได้ว่ามีรูปของฝรั่งเข้ามาอยู่ในเรื่องราวของภาพ แสดงให้เห็นว่าในยุคนั้นชาติตะวันตกเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในประเทศไทย
บางภาพก็มีเรื่องราวให้เราชวนขำ อย่างเช่นภาพนี้
บางภาพหลุดลอกไปตามกาลเวลา นั่นก็ไม่ได้อาจทำให้ความงดงามน้อยลงไป วัดคงคารามดูภายนอกจะเป็นวัดเล็ก แต่ถ้าหากได้มาสัมผัส จะรู้ว่าวัดคงคาราม มีศิลปะและโบราณวัตถุหลายอย่างที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย
มื้อกลางวันที่โพธาราม ไปทานส้มตำร้านอร่อยตามคำแนะนำของคนในพื้นที่ไกด์กิตติมศักดิ์ของเราในทริปนี้ ที่ร้านส้มตำแจ่มใสสาขา 3 ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองชลประทาน ต.คลองตาคต อ.โพธาราม บรรยากาศภายในร้านร่วมรื่นไปด้วยต้นไม้ นั่งสบาย ไม่ร้อน ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 10.00-20.00 น.เบอร์โทรติดต่อ: 081-9959962, 081-9202992
เมนูมีให้เลือกเยอะมาก หลักๆ คือส้มตำ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำไทย ปู ส้มตำยอดมะพร้าวอ่อน ส้มตำไหลบัว ส้มตำแมงดา นอกจากนี้ยังมีเมนูอร่อยอีกมากมาย เช่น ปีกไก่ทอด ปลาทับทิมทอดกระเทียม ฯลฯ รสชาติส้มตำอร่อยเข้มข้นทุกจาน รวมถึงอาหารจานอื่นด้วย ที่สำคัญราคาไม่แพงสั่งอาหารมาเยอะมากทานกับเกือบ 10 คน เช็คบิลมาในราคาเพียง 1,000 บาท เท่านั้น
มาถึงโพธาราม ต้องมาชิมและซื้อเต้าหู้ดำกลับบ้าน เต้าหู้ดำโพธาราม มีให้เลือกชิมเพียง 2 ร้าน คือ ร้านเจ๊อั๊ง และร้านแม่เล็ก เอาจริงๆฉันก็ไม่เคยรู้ว่าเต้าหู้ดำคือ ของฝากที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ฉันเลือกไปร้าน เต้าหู้ดำแม่เล็ก เพราะเห็นว่าเป็นร้านแรกและร้านเก่าแก่ สถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโพธาราม เข้ามาในถนนราษฎรอุทิศ ประมาณ 50 เมตร
ตอนแรกก็ไม่รู้ว่า เต้าหู้ดำหน้าตาเป็นยังไง นึกว่าเป็นอาหารประเภทขนมหวาน แล้วมันอร่อยจนขนาดได้ชื่อว่าเป็นของดีแห่งเมืองโพธารามเลยหรือ เลยต้องลองมาชิม พอมองภาพแล้วนึกในใจก็แค่ เต้าหู้ที่นำมาต้มในน้ำพะโล้เลยกลายเป็นสีดำที่มาของชื่อ รสชาติก็คงคล้ายกับกินเต้าหู้ในไข่พะโล้สิน่ะ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เต้าหู้ดำ โพธาราม ก็คือ เต้าหู้ขาวที่ทำมาจากถั่วเหลืองแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมของแป้ง เหมือนกับโรงงานเต้าหู้อื่นๆ ต้มในน้ำพะโล้โดยส่วนผสมที่ใช้ประกอบไปด้วย ผงพะโล้ และน้ำตาลทราย เกลือทะเล อบเชย โป๊ยกั๊ก โดยไม่มีการใส่สารกันบูดแต่อย่างใด ใช้เทคนิคการต้มอยู่ที่การใช้ไฟปานกลางและใช้เวลาต้มนานถึง 3 วัน จนน้ำพะโล้เข้าเนื้อจึงนำมาวางขาย ฉันได้ลองชิมแล้วถึงกับติดใจในรสชาติเพราะไม่ใช่แค่เต้าหู้ที่อยู่ในน้ำพะโล้ธรรมดา เนื้อเต้าหู้ทั้งนุ่มและหอมถั่วเหลือง รสชาติออกหวานกลมกล่อมด้วยน้ำพะโล้ แม้จะกินเล่นแบบไม่นำมาปรุงรสหรือประกอบอาหารอะไรเลยก็ยังอร่อย
มีลูกค้ามารอซื้อกลับบ้านมาเยอะมาก แถมบอกว่าอร่อยจริงเป็นลูกค้าประจำมาซื้อบ่อย เต้าหู้ขายราคาแผ่นละ 18 บาทเท่านั้น ทางร้านมีใบปลิวแจกลูกค้าที่ซื้อ บอกวิธีการประกอบอาหารด้วยเต้าหู้ดำประมาณ 4 เมนู เช่น ยำเต้าหู้ดำ เต้าหู้ดำผัดกระเพรา แกงป่า และ ผัดถั่วงอก ฉันกลับมาถึงบ้านนอกจากกินเล่นแล้วก็ลองนำมาทำยำเต้าหู้ตามเอกสารดู บอกเลยอร่อยมากแอบติดใจ เต้าหู้ดำโพธรารามซะแล้ว แม่ค้าบอกว่าในช่วงเทศกาลกินเจ ทำขายกันเป็นพันชิ้น ขายดีมาก
เที่ยววัด ชมการการแสดงแบบไทย อิ่มของอร่อยกันไปแล้ว ก็มาย้อนรอยอดีตสัมผัสบ้านไม้เก่าแก่กันที่ ตลาดเก่าโพธาราม เมื่อเทียบกับชุมชนเก่าหรือตลาดเก่าที่เคยไปมาหลายแห่ง สำหรับฉันที่นี่เป็นเพียงชุมชนเล็กๆที่อาจดูเงียบสงบไปซักหน่อย ร้านค้า บ้านเรือน ปิดหลายร้าน โดยภาพดูแล้วไมมีอะไรที่น่าสนใจมากนัก
แต่ที่นี่มีร้านกาแฟชื่อว่า ร้านดูนม ที่เห็นแค่ชื่อก็ทำให้เราสะดุด เมื่อเข้ามาในร้านก็ทำให้เราเคลิ้มไปกับบรรยากาศการตกแต่งแบบโบราณสไตล์เรสโทร มีทั้งวัยรุ่นหนุ่มสาว และกลุ่มผู้สูงวัยแวะมาที่ร้านไม่ขาดสาย ร้านดูนม เปิด จันทร์ – พุธ เวลา 11:00 – 20:30 ศุกร์ – อาทิตย์ 11:00 – 20:30 อย่างน้อยเมื่อมาถึงตลาดเก่าโพธาราม ก็มานั่งพักผ่อน จิบเครื่องดื่มดับร้อน พร้อมสนุกสนานไปกับการถ่ายภาพในมุมเก๋ๆของร้านที่มีอยู่หลากหลายมุม
มุมนั่งพักผ่อนจบเครื่องดื่มมีให้เลือกนั่งหลายมุม ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ถ้าใครชอบแบบใกล้ชิดธรรมชาติมีโซนที่นั่งในสวน ประดับประดาไปด้วยต้นไม้เขียวขจี
ตรงข้ามกับร้านดูนม เป็นร้านทำกรอบรูปและขายภาพวาด แค่ป้ายหน้าร้านก็ชวนสะดุดตา ฉันชอบเที่ยวและเดินชมตลาดเก่าและชุมชนโบราณก็ตรงนี้เพราะเราจะได้เห็นข้อความหรือกิมมิคน่ารักๆ ของแต่ละร้านมองแล้วทำให้เรารู้สึก เออ คิดได้ยังไง
ไม่ไกลจากร้านดูนมเป็นที่ตั้งของ ชมรมอย่าลืมโพธาราม ซึ่งวันนี้ไม่เปิด หน้าชมรมมีภาพถ่ายในมุมต่างๆของโพธาราม ประดับอยู่ด้านหน้า
ส่วนร้านนี้ตรงข้ามกับชมรมกับสีสันของประตูที่สดใส ชวนให้ถ่ายรูป
ร้านขายยาเก่าแก่ที่เรามักพบเห็นได้ตามชุมชนเก่าต่างๆ แต่ร้านนี้ต้องเรียกว่าเก่าแก่จริง เพราะไม่มียาแผนปัจจุบันขายเลย เน้นขายแต่ยาจีนโบราณ คุณป้าเจ้าของร้านยิ้มทักทายและต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง
ฉันเดินต่อไปอีกซอย เพื่อไปชมวิกหนังเก่าครูทวี ในซอยนี้มีร้านกาแฟเก๋อีกหนึ่งร้าน ชื่อว่า ร้านกาลนาน เป็นร้านกาแฟขนาดเล็ก บรรยากาศสบาย ร้านเป็นตึกดีไซน์เป็นไม้ตกแต่งแบบกึ่งretroโทนสีน้ำตาล เปิดทุกวันตั้งแต่ 09.00 – 19.00 น.
ภายในร้านพื้นที่อาจดูเล็กนิดนึง แต่ก็ตกแต่งได้น่ารักเช่นกัน มีกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆให้เลือกรับประทาน มีขนมปังปิ้งเป็นของทานเล่น เสาร์-อาทิตย์จะมีเมนูสเต็กเพิ่มเติมหลากหลายเมนู เช่น กาแฟกาลนานรสเข้มกลางหวานมัน ชาชักกาลนาน
มุมนั่งจิบเครื่องดื่มจะตั้งอยู่ข้างนอกร้าน ก็มีมุมน่ารักอยู่หลายมุม ที่เห็นหลายคนชอบมาถ่ายภาพกันก็คงเป็นโต๊ะเรียนมุมนี้
ฝั่งตรงข้ามกันตกแต่งด้วยภาพถ่ายของตลาดเก่าโพธารามเข้ากับบรรยากาศมาก
เดินไปสุดซอยก็จะเจอโรงหนังเก่า วิกครูทวี ชมได้แต่เพียงภายนอกค่ะ เห็นแล้วก็ชวนให้นึกถึงสมัยเด็กที่เคยเข้าไปดูหนังในโรงแบบนี้
บ่ายแก่ๆเราเดินทางต่อไปยัง อ.เจ็ดเสมียน เพื่อไปยังจุดหมายต่อไป นั่นก็คือ สวนศิลป์บ้านดิน ธรรมชาติสถานเพื่องานศิลปะ สวนศิลป์บ้านดินเป็นศูนย์ศิลปะ ที่ถือกำเนิดมาจากความคิดของ “ครูเล็ก” ภัทราวดี มีชูธนกับ มานพ มีจำรัส หรือ “ครูนาย” ลูกศิษย์ครูเล็ก โดยตั้งใจพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางของชุมชนท้องถิ่นในการสร้างสรรค์ พัฒนางานศิลปะ และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนความรู้ด้านศิลปะแขนงต่างๆ ระหว่าง ศิลปิน นักเรียนนักศึกษา บุคคลทั่วไปทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมทั้งเปิดอบรมศิลปะการแสดง ดนตรี นาฏศิลป์ ให้กับเด็กๆในพื้นที่ หลักสูตรที่เปิดสอนมีทั้ง รำไทยโขนยักษ์ โขนลิง นาฏศิลป์ร่วมสมัย นาฏศิลป์พื้นบ้าน ศิลปะการแสดง ดนตรีไทยศิลปะป้องกันตัว นาฏศิลป์ตะวันตก สอนเด็กตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไป ในวันเสาร์ อาทิตย์
มีร้านกาแฟให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว มีมุมให้นั่งหลากหลายมุม
รวมถึงยังเปิดเป็นที่พักแบบเรียบง่ายร่มรื่นกลางสวนแบบแนบชิดธรรมชาติ โดยมีห้องพักในรูปแบบของบ้านดิน และ บ้านไม้ไผ่ ในราคาไม่แพง มีจักรยานให้ปั่นเล่นกินลมชมวิวเรียบคลองและไปเที่ยวตลาดเก่าเจ็ดเสมียนซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
อำลาจากเสน่ห์แห่งโพธารามก่อนกลับกรุงเทพ แวะเข้าไปในตัวเมืองราชบุรี เพื่อไปยัง วัดหนองหอย ไหว้รูปหล่อพระโพธิสัตว์กวนอิม องค์ใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาแร้ง ซึ่งเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มากขออะไรก็จะสมหวัง
บนยอดเขาแร้งถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองราชบุรีได้ในมุมกว้างโดยเฉพาะในยามเย็นเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม จากวิหารเจ้าแม่กวนอิมตรงบริวเณโรงเจ ฝั่งตรงข้ามกันมองเห็นวิวที่งดงามมาก ฝั่งนั้น คือยอดเขาพระใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรัตนโกสินทร์มหามุณี หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ องค์สีขาวโดดเด่นมีเขางูรูปร่างแปลกตาเป็นฉากหลัง
บรรยากาศของพระอาทิตย์ตกในยามเย็น ณ จุดชมวิว วัดหนองหอย เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่อาจทำให้เราได้เคลิ้มไปกับวิวเขียวขจีของทุ่งนาไกลสุดตาของเมืองราชบุรี บ่งบอกให้เรารู้ว่าที่นี่เป็นจังหวัดที่มีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก
ความเรียบง่ายที่ไม่ต้องมีอะไรมาปรุงแต่งให้สวยหรู ความงดงามของมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ กับเรื่องราวที่ทำให้เราได้หวนนึกถึงความหลัง มันคือความงดงามที่เราจะได้พบจากที่นี่ อำเภอโพธาราม ราชบุรี
Tags : ตลาดเก่าโพธาราม, ราชบุรี, ร้านส้มตำแจ่มใส ราชบุรี, ร้านเต้าหู้ดำโพธาราม, เที่ยวราชบุรี 1 วัน, เที่ยวราชบุรีวันเดียว, เที่ยวโพธาราม ราชบุรี