เที่ยวแม่สอด กอดธรรมชาติ ที่แม่กาษา

เข้าชม 262,317 ครั้ง

แม่สอด อำเภอท่องเที่ยวในจังหวัดตาก ที่ไม่อยากให้มองข้าม หากลองตั้งใจมาเที่ยวแบบจริงจังแล้ว จะรู้ว่าแม่สอดมีดีอยู่มาก แม่สอดเป็นเมืองที่มีการค้าระหว่างประเทศไทยกับพม่าเนื่องจากเป็นอำเภอที่อยู่ติดชายแดน และเป็นที่ตั้งจุดผ่านแดนถาวรด่านพรมแดนแม่สอด เชื่อมโยงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า ทำให้ความรู้สึกแรกที่เข้ามาถึงเมืองนี้ คือ เราเข้าอยู่ในพม่าหรือเปล่า ทั้งผู้คน การแต่งกาย วิถีชีวิต รวมถึงวัดวามอาราม ยังคงมีกลิ่นไอและวัฒนธรรมของเมืองพม่าเข้ามาแทรกซึมอยู่มาก  จากที่เคยคิดว่าแม่สอดคงเป็นอำเภอชนบทแนวบ้านๆ ไม่มีอะไรน่าเที่ยวเท่าใดนัก คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะแท้จริงแล้วเป็นเมืองที่รายล้อมด้วยทิวทัศน์ของภูเขา มีพื้นที่กว้างขวาง มีความงดงามของวัฒนธรรมสองชายแดน  มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้สัมผัสมากมาย

 

 

%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%882

 

ไหว้พระ เที่ยวในตัวเมืองแม่สอด

เราเริ่มต้นเที่ยวเมืองแม่สอดกันแต่เช้า ทราบมาว่าแม่สอด มีวัดที่สวยงามอยู่หลายวัด มาถึงแล้วแล้วต้องมาชมและกราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นศิริมงคล เพราะฉะนั้นโปรแกรมครึ่งวันเช้าจึงเน้นทัวร์วัดล้วนๆ  เริ่มจากวัดแรก วัดไทยวัฒนาราม เห็นครั้งแรกต้องบอกว่า ตะลึงมาก สวยสุดๆ ถ่ายภาพเช็คอินลงเฟสบุค ทุกคนนึกว่ามาเที่ยวพม่ากันเป็นแถว วัดไทยวัฒนาราม ตั้งอยู่ใน เป็นวัดที่งดงามอีกหนึ่งวัดในแม่สอด ที่สร้างด้วยศิลปะแบบวัดในพม่า สีเหลืองทองอร่ามวิจิตรงดงาม

 

 

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด  เริ่มจากพระวิหารที่โดดเด่น ด้วยศิลปะแบบพม่า มีลวดลายแกะสลักสีทองลงบนพื้นผนังสีแดง ล้อมด้วยกำแพงสีแดงและรูปปั้นลายหงส์สีทอง บริเวณทางเดินมีรูปปั้นสิงห์สีทองเป็นโลหะสีทองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้า รวมถึงรูปปั้นหงส์คู่สีทอง ที่มีตำนานการเกิดมาจากเมืองหงสาวดีที่ยิ่งใหญ่ในอดีต

 

 

รวมถึงวิหารพระมหามุนี  ที่ประดิษฐานพระพุทธมหามุนีจำลองจากองค์จริง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวมัณฑะเลย์ของประเทศพม่า และเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดตากศรัทธาเลื่อมใสกันมาก

 

 

วัดที่ 2  วัดชุมพลคีรี   วัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 200 ปี  สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด เจดีย์สีทอง ซึ่งจำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองของพม่าที่มีความสวยงาม เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทาสีขาว สูง 20 ม. ฐานย่อมุม องค์ระฆังประดับด้วยกระเบื้องและลวดลายสีทองไปจนจรดยอดเจดีย์ซึ่งเป็นยอดฉัตร มีเจดีย์ขาดเล็กทาสีทอง 20 องค์ ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีพระพุทธรูปขององค์พระแก้วมรกตจำลองประดิษฐานอยู่ด้านหน้าพระเจดีย์ให้กราบไหว้ขอพร

 

 

วัดที่ 3  วัดมณีไพรสณฑ์   สิ่งที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ต้องเข้าไปเยี่ยมชมคือเจดีย์วิหารสัมพุทเธเจดีย์ศิลปกรรมแบบพม่า ลักษณะเป็นเจดีย์ที่บนเจดีย์จะประกอบไปด้วยเจดีย์องค์เล็ก ๆ จำนวนมากล้อมรอบตัวเจดีย์องค์ใหญ่

 

 

นอกจากนี้ภายในวัดมีปูชนียวัตถุและ โบราณสถานมากมาย แต่ที่สำคัญได้แก่ พระพุทธโคตมบรมศรีเมืองฉอด   หลวงพ่อสังกัจจาย พระพุทธรูปปูนปั้นปางค์พุทธไสยาสน์  หลวงพ่อทันใจทรงเครื่อง

 

 

จบการเที่ยววัด 3 วัด มาถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์กันบ้าง  ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ถือได้ว่าเป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองตาก ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามกีฬาเทศบาลแม่สอด  สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ครั้นเมื่อพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแกลง ประเทศสหภาพเมียนมาร์  โดยเสด็จผ่านด่านแม่ละเมา อ.แม่สอดเป็นแห่งแรก

 

 

ภายในบริเวณศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีรูปปั้นช้างศึกของพระนเรศวรขนาดเท่าของจริง อยู่ภายในสวนที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ด้านหน้าศาลยังมีรูปปั้นไก่ชนจำนวนมากที่ประชาชนนำมาแก้บน ทำให้ดูแล้วน่าเลื่อมใส ใครที่เดินทางไปมาอำเภอแม่สอดให้ทำการสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทาง

 

 

จากนั้น เราแวะมานั่งพักผ่อน ชิลๆ จิบเครื่องดื่ม ที่ This is A Book  Coffee & Library bar คาเฟ่น่ารักบรรยากาศอบอุ่น  ในตัวอำเภอแม่สอด สไตล์ร้านตกแต่งแบบบ้านสวนท่ามกลางธรรมชาติ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้  มีมุมอ่านหนังสือ มีมุมกระจุกกระจิกประดับด้วยต้นไม้ต่างๆ หลายมุม เหมือนสวนขนาดย่อม  พื้นที่หน้าบ้านมีแปลชิงช้าและแปลญวนให้นั่งเล่น  หลังบ้านติดริมน้ำนั่งรับลม และมุมถ่ายรูปให้เลือกเยอะ

 

 

พื้นที่ภายในร้านต้องบอกว่า ร่มรื่นมากๆ มีต้นไม้นานาชนิดหลกาหลายพันธุ์ ประดับเกือบทุกบริเวณที่เราเดินผ่าน เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดย่อมที่มองแล้วสดชื่น แถมแต่ละมุมยังตกแต่งได้น่ารักมาก

 

 

พักผ่อนคลาย ฟอกปอดที่เเม่กาษา

จบโปรแกรมครึ่งวันเช้า เรามุ่งหน้าต่อไปยัง บ้านแม่กาษา ที่พักของเราในคืนนี้  ซึ่งห่างจากตัวอำเภอแม่สอดไม่ไกล ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า บ้านแม่กาษา เป็นตำบลเล็กๆ จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของอำเภอแม่สอด ตอนเที่ยวอยู่ในตัวเมืองแม่สอดนั้น จะได้เห็นภาพความเจริญ คึกคัก มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ตามแบบฉบับความเป็นเมืองการค้าติดชายแดน  แต่เมื่อเข้าสู่เขตชุมชน บ้านแม่กาษา ถึงแม้ว่าจะอยู่ในอำเภอเดียวกัน แต่สภาพแวดล้อมนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  บ้านแม่กาษา ยังมีความเป็นธรรมชาติมาก รายล้อมด้วยภูเขา ถนนหนทางคดเคี้ยว ระหว่างทางมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม  เรียกได้ว่า ยังคงมีความบริสุทธิ์ดุจผ้าขาวที่ยังไม่มีอะไรมาแปดเปื้อน   บรรยากาศคล้ายกับมาเที่ยวตามดอยสูงแถวเชียงใหม่หรือ น่าน เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงแม่สอด ควรแวะมาเสพความเป็นธรรมชาติ ฟอกปอด ที่ แม่กาษา 

 

2-dsc_7595

3-dew_5359

4-dew_5375

6-dsc_7362

7-dsc_7429

 

ต้องสารภาพเลยว่า นอกจากน้ำพุร้อน น้ำตกแม่กาษา อโรคยาโป่งคำราม ที่สามารถค้นหาได้ง่ายดายในกูเกิ้ลนั้น  ก็ไม่รู้จักเลยว่าแม่กาษามีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง เราเลยโทรไปที่ร้าน Kasa cup ร้านกาแฟที่แม่กาษา เจอเจ้าของร้านชื่อน้องโอม ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่น้องให้ข้อมูลแนะนำเรื่องท่องเที่ยวได้ดีมาก คอยเป็นไกด์นำเที่ยว จัดการเรื่องที่พัก ที่กิน พาไปหามุมสวยๆ ถ่ายภาพ สวยอัธยาศัยดี และชงเครื่องดื่มอร่อยมาก  จุดแวะจุดแรกเมื่อมาถึงบ้านแม่กาษานั่นก็คือ  Kasa cup จุดนัดหมายกับน้องโอม ซึ่งจะเป็นไกด์นำเที่ยวของเราในแม่กาษานั่นเอง

 

 

ร้าน  Kasa cup  Kasa cup คาเฟ่สายกรีน แห่งบ้านแม่กาษา โลเคชั่นดี๊ดีติดน้ำตกแม่กาษา ท่ามกลางของธรรมชาติและต้นไม้เขียวขจี  ล้อมรอบด้วยอ่างเก็บน้ำ  นั่งจิบเครื่องดื่ม มองน้ำตกในบรรยากาศของแมกไม้ที่ร่มรื่นฟินสุด เป็นอีกหนึ่งร้านที่ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศ แต่เมนูต่างๆ ยังรสชาติดีมาก ทั้งชากาแฟ ของหวานอย่าง ฮันนี่โทสต์  ขนมปังปิ้ง ไข่กระทะ และไส้กรอก เรียกได้ว่าเมื่อมาถึงบ้านแม่กาษาแล้ว ต้องแวะมาพักจิบเครื่องดื่ม ชมวิวน้ำตกกันให้ผ่อนคลาย

 

 

เมนูแนะนำที่ต้องสั่ง  ฮันนี่โทสต์  มีทั้งขนาดใหญ่และแบบมินิ  รสชาติอร่อยมาก  เสริฟ์พร้อมไอศกรีม และผลไม้รสเปรี้ยวเข้ากันดี  ชอบที่สุด คือ น้ำผึ้งที่ใช้ราด ซึ่งทางร้านใช้น้ำผึ้งป่าแท้  ได้กลิ่นความหอมของน้ำผึ้งแบบมากๆ   โดยปกติเป็นคนไม่ชอบทานของหวาน หรือถ้าทานก็ได้นิดหน่อยเพราะรู้สึกว่าเลี่ยน แต่โทสต์ ของร้าน  Kasa cup ทำให้เราและเพื่อน ทานหมดภายในไม่ถึง 5 นาที และมีเบิ้ลต้องสั่งมาทานเพิ่ม แถมตอนเช้าก็ยังสั่งทานอีก ติดใจมาก ทานได้เรื่อยๆจริงๆ

 

 

ไข่กระทะเมนูยามเช้า รสชาติดี

 

 

จุดแรกที่บ้านแม่กาษาที่น้องโอมพาเราไป คือ น้ำพุร้อนแม่กาษา ซึ่งมาในวันเสาร์ อาทิตย์คนก็จะเยอะหน่อยๆ ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นก็จะเป็นชาวพม่าที่ข้ามมาเที่ยวในวันหยุด   บริเวณโดยรอบบ่อน้ำพุร้อนมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีการปรับปรุงตกแต่งสนามหญ้าและสวนหย่อม มีน้ำพุร้อนให้สำหรับต้มไข่ มีบ่อน้ำแร่ให้แช่เท้า และมีห้องอาบน้ำแร่ น้ำพุร้อนแม่ภาษา  เป็นน้ำพุขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงและไร่นาของชาวบ้าน ผุดขึ้นมาจากดิน มีความร้อนประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส ธารน้ำร้อนที่พุ่งออกมาผสมกับน้ำจากผิวดินที่เป็นน้ำเย็น เกิดเป็นธารน้ำอุ่น มีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ และไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นมา

 

11-dew_5310

12-dew_5327

 

น้ำพุร้อนแม่ภาษา  เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์ อาทิตย์  ปัจจุบันมีห้องบริการอาบน้ำแร่และบ่ออาบน้ำ ซึ่งไม่มีกลิ่นฉุนจากก๊าซกำมะถัน สามารถแช่น้ำร้อนในห้องอาบน้ำ ถ้าไปเป็นหมู่คณะ ห้องละ 300 บาท หรือแช่เท้าน้ำอุ่นที่ไหลผ่านธารน้ำให้แช่ฟรี

 

 

บริการต้มไข่ จะมีขายอยู่หน้าทางเข้า

 

 

ตรงกันข้ามกับน้ำพุร้อนมีศาลเจ้าแม่อุษาที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำและภูเขาหินปูนมีสะพานแขวนเชื่อมต่อไปยังศาลสามารถเข้าไปกราบไหว้ขอพร ซึ่งว่ากันว่าศาลเจ้าแม่อุษานั้น ศักดิ์สิทธิ์มาก  เจ้าแม่อุษาเป็นมเหสีของเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งในอดีตเป็นขุนศึกที่นำทัพหนีพม่าเข้ามาทางจังหวัดตาก ตอนนั้นเจ้าแม่อุษากำลังตั้งครรภ์ จึงพาไพร่พลหนีเข้าไปในถ้ำ และให้กำเนิดบุตรที่ถ้ำแห่งนี้ หลังจากนั้นเจ้าแม่อุษาก็อาศัยอยู่ที่ถ้ำนี้ตลอดจนสิ้นอายุขัย ชาวบ้านแถวนี้จึงตั้งศาลให้ชื่อว่าศาลเจ้าแม่อุษา ส่วนขุนพะวอได้กลายเป็นเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวอำเภอแม่สอด

 

 

แต่ที่น้ำพุร้อนแม่กาษานั้น เราไม่ได้แช่เท่า หรือแช่ตัว เพราะคนค่อนข้างเยอะ อีกอย่างคือ เรามีจุดมุ่งหมายหลักที่จะไปแช่ตัวที่ อโรคยาศาลโป่งคำราม  อยู่แล้ว ซึ่งที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน  และคนจะค่อนข้างน้อย บรรยากาศจะเป็นส่วนตัวกว่า

 

 

อโรคยาศาลโป่งคำราม หรือ บ่อน้ำแร่โป่งคำราม ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำดิบ เป็นออนเซ็นแห่งแม่กาษา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง โดยใช้สายธารน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมาปรับปรุงเสริมแต่งเพื่อความเหมาะสม ใช้เป็นสถานที่บำบัดรักษาโรค สำหรับการแช่น้ำร้อน และพอกบ่อโคลนเพื่อสุขภาพ เพื่อช่วยผ่อนคลายและเพื่อการท่องเที่ยว   เป็นบ่อน้ำแร่ที่มีคุณภาพที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่มีความเชื่อว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอาการเมื่อยล้าต่างๆได้

 

 

ความพิเศษของการการแช่น้ำแร่ คือ เป็นการแช่ออนเซ็นในถังไม้โอ๊คแบบญี่ปุ่นมีก๊อกไม้ไผ่สูบน้ำแร่ร้อนมาจากแหล่งธรรมชาติใต้ดิน จัดเรียงรายไว้ให้นอนแช่น้ำแร่อย่างสบายตัว ท่ามกลางธรรมชาติ  มีต้นไม้ร่มรื่น  สะอาดสะอ้าน  โดยแยกชาย-หญิงอย่างชัดเจน  ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ ยังให้บริการฟรี โดยสามารถบริจาคเงินเพื่อบำรุงสถานที่แล้วแต่กำลังศรัทธา

 

 

 

สำหรับชุดสำหรับแช่น้ำแร่ จะเตรียมชุดมาเอง หรือมาเช่าผ้าถุงและผ้าชาวม้าที่นี่ก็ได้ มีให้เช่าคนละ 20 บาท จากนั้นไปเปลี่ยนชุด อาบน้ำชำระชำระร่างกายให้สะอาดก่อนแช่น้ำแร่ สำหรับการแช่น้ำแร่นั้นบางถังจะเปิดน้ำไว้จนเต็มแล้วซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น แต่บางถังก็ยังไม่ได้เปิด ก็สามารถลงไปแช่แล้วเปิดก๊อก การเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนลงแช่ในถังไม่โอ๊คนั้น  ไม่ควรลงไปแช่ทั้งตัวแบบรวดเร็ว แต่ควรค่อยๆเอาตัวลงไป โดยเริ่มที่เอาเท้าลงไปก่อน จากนั้นค่อยๆ ย่อตัวลงไปในน้ำเพื่อให้ร่างการปรับสภาพ  ไม่ควรลงไปทั้งตัวทีเดียว  เวลาในการเเช่ส่วนใหญ่ประมาณ 20 นาที ไม่ควรแช่นานเกินไปเพราะอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียหรือช็อคได้ คนที่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ ไม่ควรแช่นานเกิน 10 นาที   และควรอาบน้ำเย็นอีกครั้งหลังจากแช่น้ำแร่เสร็จเพื่อให้รูขุมขนปิด เรียกได้ว่าเป็นการแช่น้ำแร่ที่ได้บรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติ เงียบสงบ และสบายตัวอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว  หากใครมาถึงบ้านแม่กาษาต้องลงมาแช่น้ำแร่ที่นี่  รับรองว่าจะได้ความสบายตัวกลับไปแน่นอน

 

 

บ่ายสามโมงกว่า แช่น้ำร้อนผ่อนคลายแต่ก็เริ่มรู้สึกเพลียและหิวมาก ในหมู่บ้านแม่กาษานั้น ต้องบอกก่อนเลยว่า แทบไม่มีร้านอาหารเลย จะมีก็เป็นเพียงร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ประมาณ  2 ร้าน  น้องโอมแนะนำให้มาทานร้านนี้  ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดแม่กาษา  มองเข้าไปยังคิดว่าจะมีอะไรให้เราทานบ้าน เพราะดูเงียบ ๆ เมนูอาหารของร้านก็จะเป็นก๋วยเตี๋ยว และส้มตำแบบพื้นฐาน เมนูไม่ค่อยมีมากนัก  แต่อย่ามองแค่เพียงภาพภายนอก เพราะก๋วยเตี๋ยวที่ว่านั้น จัดเต็มมาก เครื่องมาเพียบ รสชาติอร่อยมาก ในราคาชามละ 40 บาท  ส่วนส้มตำนั้นทั้งตำปูปลาร้า  ตำแตงหมูยอ ก็อร่อยมาก เรียกว่าทานกันจนอิ่ม คุ้มมาก

 

64-dew_5364

64

 

ทานเสร็จก็เดินข้ามไปไหว้พระที่วัดแม่กาษา วัดเพียงแห่งเดียวที่เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนนี้

 

30-dew_5368

29-dew_5367

 

เที่ยวกันทั้งวัน ก็ถึงเวลาพักผ่อนกันบ้าง มาแม่กาษาพักที่ไหนดี  ต้องบอกว่าในบ้านแม่กาษานั้น มีที่พักแบบบ้านพักแค่เพียง 2 แห่ง เท่านั้น เรียกได้ว่าน้อยมาก เราแนะนำที่นี่ กานต์กาษา  ตั้งอยู่ติดกับน้ำพุร้อนแม่กาษา มองภายนอกเหมือนห้องแถวธรรมดา แต่เมื่อเข้าไปชมภายในห้องพักบอกได้เลยว่าสะดวกสบาย น่าพักมาก ห้องพักเป็นแบบห้องแอร์ ทุกห้อง ราคาห้องละ 800 บาท พักได้ 2 ท่าน ราคานี้รวมอาหารเช้าและแช่น้ำแร่ฟรี ดีงามมาก

 

42-dew_5533

43-dew_5531

44-dew_5528

45-dew_5523

 

ห้องแช่น้ำแร่ โดยนั่งแช่ในถังไม้โอ๊ค  ที่เปิดให้แช่ฟรีตลอดทั้งวัน ซึ่งรวมอยู่ในราคาห้องแล้วนอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ เช่น นวดเท้า นวดตัว ซึ่งแยกออกเป็นห้องนวดต่างๆ ราคาชั่วโมงละ 200 บาท เรียกได้ว่าหากใครเมื่อยล้า อยากผ่อนคลายมานวดได้เต็มที่

 

48-dew_5517

46-dew_5514

47-dew_5522

 

สำหรับใครที่ชอบนอนเต็นท์ สัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติ แนะนำ สามไร่แคมป์ปิ้ง ซึ่งเจ้าของพื้นที่ก็คือ น้องโอม เจ้าของร้านแม่กาษานั้นเอง พื้นที่กางเต็นท์มีห้องน้ำให้บริการ และพื้นที่กว้างขวาง วิวสวยมาก มองไปเห็นภูเขาและพื้นที่ทำนาข้าวอยู่เบื้องล่าง อากาศเย็นสบายลมพัดตลอด โดยเฉพาะตอนเย็นตอนกลางคืนดาวเต็มฟ้า และอากาศหนาวเลยทีเดียว

 

 

 

ช่วงเย็นเรามีนัดกับน้องโอม ซึ่งจะพาเราไปชมจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกจุดหนึ่งของบ้านแม่กาษา ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้าน Kasa cup เป็นจุดชมวิวในมุมสูง ที่สามาถมองเห็นวิวทิวทัศน์ในมุมสูงอันเป็นธรรมชาติของบ้านแม่กาษาได้แบบชัดเจน มาเที่ยวในช่วงฤดูหนาวมีต้นหญ้าพลิ้วไหวรับสายลมและแสงอาทิตย์ยามเย็น เป็นแสงอุ่นสีทองที่งดงามมาก

 

58-dsc_7434

59-dsc_7441

60-dsc_7479

 

เช้าวันใหม่ เรามุ่งไปที่ ไร่รัตนสุข ซึ่งอยู่ติดกับน้ำพุร้อนแม่กาษา ตอนเช้าทางเข้าด้านหน้าไร่จะปิด ให้ไปเข้าทางประตูฝั่งข้างซึ่งอยู่ตรงข้าม กานต์กาษา โฮมสเตย์ บรรยากาศภายในไร่กว้างขวาง  มีภูเขาโอบล้อม เขียวขจีไปด้วยต้นไม้ และมีอ่างเก็บน้ำตั้งอยู่ภายในบริเวณไร่ เป็นชลประทานแก้มลิง ตามพระราชาดำริของในหลวง ร. 9  ซึ่งบริเวณอ่างเก็บน้ำมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อนชมวิว มีบริการล่องแพ และหากมาในยามเช้าในวันที่อากาศหนาวมากๆ จะมีโอกาสได้เห็นไอหมอกลอยขึ้นมาเหนือน้ำด้วย คล้ายกับปางอุ๋งเลยทีเดียว

 

82-dsc_7535

83dsc_7527

84-dsc_7519

85-dew_5449

 

จุดประสงค์ที่ในตอนเช้าเพราะอยากชมไอหมอกนั่นเอง เพียงแต่วันที่เราไปอากาศยังไม่หนาวมาก เลยมีไอให้เห็นน้อยแต่ถึงไอหมอกจะมีมาให้เห็นน้อย แค่ได้ตื่นเช้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว

 

86-dew_5448

86-dew_5465

 

จากอ่างเก็บน้ำเราไปต่อยัง วัดถ้ำโพธิ์ทอง  เพื่อชมวิวสายหมอกในมุมสูงยามเช้า  จอดรถไว้แล้วเดินขึ้นบันไดไปอีกนิดหน่อย ก็จะได้เห็นวิวสวยๆ ของแม่กาษาเคล้าสายหมอกบางอยู่เบื้องหน้า น่าเสียดายที่หมอกน้อยไปซักหน่อย แต่ความงดงามนั้นก็ยังคงมีอยู่  ได้ยินหลวงพี่พูดว่า ถ้ามาหน้าหนาวกว่านี้หมอกจะเยอะมาก รวมถึงในหน้าในด้วย ซึ่งเราก็มีความตั้งใจไว้ว่าหน้าฝนจะมาเที่ยวอีกแน่นอน

 

88dew_5498

89-dew_5474

90dew_5469

 

ภายในวัดถ้ำโพธิ์ทอง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปมากมายหลายองค์  ภายในถ้ำสวยด้วยลวดลายของหินที่แปลกตาบนเพดานของโพรงถ้ำ

 

91-dew_5483

92-dew_5479

 

จบทริปช่วงเช้า เราเข้าไปเก็บสัมภาระยังที่พัก จากนั้นไปทานอาหารเช้าที่ Kasa cup แล้วเดินทางกลับไปตัวอำเภอแม่สอด เตรียมกลับกรุงเทพ  ระหว่างทางก็จะได้พบเจอกับวิวถนนสวยๆ ของแม่กาษา อดใจไม่ไหวต้องแวะถ่ายภาพ

 

93-dew_5609

95dew_5608

 

ก่อนกลับกรุงเทพ เราแวะไปยัง พระธาตุดอยหินกิ่ว  สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอที่ไม่ควรพลาด  องค์พระธาตุที่ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูง โดยมีหินก้อนใหญ่บนหน้าผานั้น ซึ่งชาวบ้านต่างพากันขนานนามว่า “เจดีย์หินพระอินทร์แขวน”

 

 

ถัดจากเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่เกือบชั้นบนสุดของยอดดอยภายในเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของมีค่า  เงินรูปี  เหรียญตรา และพระพุทธรูปทองคำ 5 องค์  ที่ผู้สร้างนำติดตัวมาจากประเทศพม่า ถัดลงมาคือรอยพระบาท

 

 

จบทริปเที่ยวแม่สอดแบบ 2 วัน 1 คืน ชมวัฒนธรรมแบบพม่า ฟอกปอด เสพธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ ทีเรียกได้ว่าเที่ยวคุ้มมาก มีครบหลากหลายรูปแบบ  แม่สอด  เป็นอีกอำเภอหนึ่งในจังหวัดตาก และอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งในภาคเหนือ ที่ไม่อยากให้มองข้ามและแค่เลยผ่านไป  แม่สอด ยังรอต้อนรับเสมอ

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

การเดินทางไปแม่สอด

โดยรถส่วนตัว

จากกรุงเทพไปตามเส้นทางทางหลวงหมายเลข 1 แยกซ้ายมือเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ที่ชุมทางประตูน้ำพระอิน ผ่านจังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดชัยนาท เข้าจังหวัดนครสวรรค์ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 อีกครั้งผ่านจังหวัดกำแพงเพชรถึงจังหวัดตาก จากนั้น เส้นทางถนนไปแม่สอดถนนดีราดยางแต่อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ เพราะเส้นทางโค้งคดเคี้ยว ขึ้นลงเขาบางช่วง ต้องใช้ความระมัดระวัง บางครั้งเจอรถบรรทุก หรือรถส่งของ  แม่สอดอยู่ห่างจากอำเภอเมืองตาก 86กิโลเมตร   จากตัวเมืองตากไปตามเส้นทางสายแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง ทางหลวงหมายเลข 105 ใช้เวลาประมาณเกือบ  2 ชั่วโมงถึงเมืองแม่สอด

การเดินทางโดยรถทัวร์ รถตู้

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงอำเภอแม่สอด มีรถ บขส.ออกจากสถานี ขนส่งสายเหนือ วันละ 9 เที่ยว ตั้งแต่เวลา 08.30 – 22.00 น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. (02) 9363666 สำหรับรถเอกชนติดต่อบริษัท ทันจิตต์ทัวร์ โทร. (02) 9363210 – 13 และบริษัท เชิดชัยทัวร์ โทร. (02) 9360199
การเดินทางจากจังหวัดตากไปอำเภอแม่สอด มีรถยนต์จากตัวเมืองตาก ถึงอำเภอแม่สอดโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 ระยะทางประมาณ 86 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง ผ่านเส้นทางเทือกเขาสูงที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม โดยมีรถตู้ออกจากสถานีขนส่งจังหวัดตากทุก 30 นาที ตั้งแต่เวลา 06.00 – 09.00 น.

ทางเครื่องบิน 

บริษัท นกแอร์  มีบริการเที่ยวบินจากอำเภอแม่สอด  รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://www.nokair.com/

 

ที่พักบ้านแม่กาษา

กานต์กาษา โฮมสเตย์ ที่พักแม่กาษา ราคาห้องละ 800 บาท พักได้ 2 ท่าน รวมอาหารเช้าและบริการแช่น้ำแร่ โทร 090 006 0451 062 514 7995

 

หาที่พักแม่สอด คลิ๊ก  ที่พักแม่สอด

 

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

เข้าชม 262,317 ครั้ง