กลับไปเพราะคิดถึง เชียงคาน 3 วัน 2 คืน เที่ยวเพลินๆ

เชียงคาน เป็นเวลาเนิ่นนานมากที่ไม่ได้แวะไป หลังจากเคยไปเมื่อหลายปี ภาพความเป็นเชียงคานในครั้งนั้นทำให้รู้สึกหลงเสน่ห์จนกลับไปหลายรอบ ชอบในความเป็นเมืองริมโขงที่มีความสงบเรียบง่าย มีบ้านเรือนเก่าแก่น่ามอง รักในผู้คนที่ยังคงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม สำหรับเราเสน่ห์ที่แท้จริงของเชียงคาน  คือ คำทักทาย รอยยิ้มและมิตรไมตรีอันดีของชาวบ้าน ในขณะเดียวกันในความดั้งเดิมนั้น ยังแฝงด้วยความชิค ความเก๋ ของร้านค้าต่างๆ  กลับมาอีกครั้งด้วยความคิดถึง เชียงคานในยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ที่พักมากมายสะดวกสบายสร้างแบบทันสมัยขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น คาเฟ่เยอะขึ้นตามเทรนการเที่ยวคาเฟ่ที่กำลังมาแรง ใครๆก็ว่าเชียงคานเปลี่ยนไป จนแทบไม่เหลือความเป็นเชียงคานในแบบเดิม ครั้งนี้เรามาพิสูจน์ว่าความรู้สึกของการมาเที่ยวเชียงคานจะต่างจากเดิมเมื่อหลายปีก่อนมั้ย  จัดโปรแกรมเที่ยว  3 วัน 2 คืน เก็บทุกจุด เที่ยว กิน พัก

 

 

วันแรก

 

เชียงคานบุรี

มาเที่ยวเชียงคานครั้งนี้ขับรถส่วนตัวจากกรุงเทพ ออกแต่เช้าขับรถแวะพักมาเรื่อยๆ มาถึงเชียงคานประมาณบ่ายสามโมง เข้าที่พักในคืนแรก ซึ่งตั้งว่าจะพักใกล้ถนนคนเดินเชียงคาน ที่พักในย่านถนนคนเดินมีให้เลือกเยอะมาก แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าหลายแห่งราคาสูงจนเกินไป สูงในความหมายของเรา คือ สูงแบบไม่สมราคากับลักษณะของห้องพัก ถ้าสมราคาไม่ใช่ปัญหายินดีจ่าย ราคาที่พัก คือ ความเปลี่ยนแปลงของเชียงคาน ที่รู้สึกว่าก้าวกระโดดแบบชัดเจนมาก ที่พักใกล้ถนนคนเดินห้องแอร์ ริมโขง หรือห้องอาจไม่ติดริมโขง แต่สร้างทันสมัยหน่อย เกือบทุกที่ต้องมีงบสองพันอัพถึงห้าพัน หลังจากหาที่พักมาหลายแห่งมาลงเอยที่ เชียงคานบุรี  ที่พักติดถนนคนเดิน  ตกแต่งน่ารัก ราคายังน่าคบหาและยังคงสไตล์บ้านแบบเดิมของเชียงคานไว้ ทำให้รู้สึกว่านี่แหละเชียงคานแบบเดิมที่คิดถึง แต่เพิ่มความสะดวกสบายขึ้น  ชั้นล่างของที่พักมีที่นั่งเล่นพักผ่อนหลายมุม หลังจากเดินเล่นถนนคนเดินซื้อของกินมาเต็มมือ มานั่งทานในบ้านได้ค่ะ

 

 

ภายในห้องพักสะอาดกว้างขวาง ห้องแอร์ มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง มีระเบียงชมวิวที่เปิดออกไปได้  2 ฝั่ง ฝั่งแรกมองเห็นวิวของบ้านเรือนในเชียงคาน และอีกฝั่งมองเห็นแม่น้ำโขงไม่ไกล แถมมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งริมระเบียงด้วย  ราคาไม่แพงคืนละ 1200 บาท  แนะนำมากค่ะ เท่าที่หามาในราคาพันต้นๆ ที่นี่น่าจะเป็นที่พักที่โอเคที่สุดและมีครบทุกอย่าง  ถึงแม้ไม่ติดริมโขงแต่เดินนิดเดียวถึง ตัวบ้านเป็นไม้ แต่ข้างในรีโนเวทใหม่โดยใช้พื้นและผนังปูน หมดปัญหาเรื่องเสียงเวลาเวลามีคนเดินไปมา เพราะถ้าเป็นพื้นไม้แบบเดิมมีสะเทือนแน่  สามารถจองห้องพักเชียงคานบุรี คลิ๊ก จองที่พักเชียงคานบุรี 

 

 

 

ถนนคนเดินเชียงคาน

ที่พักตั้งอยู่ติดถนนคนเดิน เดินไม่ถึง 10 ก้าว  ถนนคนเดินสีสันแห่งการมาเที่ยวเชียงคาน ที่เริ่มตั้งแต่ยามเย็นจนพลบค่ำ เป็นถนนทางเดินทอดยาวพาดผ่านบ้านเรือนไม้เก่าแก่ ทั้งสองข้างทางมีทั้งร้านขายของกินร้านค้าสินค้าพื้นเมือง และของที่ระลึกต่างๆตลอดแนวทางเดิน ถนนคนเดินเชียงคาน ตั้งอยู่ถนนศรีเชียงคานสายล่างใกล้กับแม่น้ำโขง เริ่มต้นตั้งแต่วัดท่าครกไปจนถึงวัดศรีคุณเมือง โดยเปิดให้บริการทุกวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 17:00 – 22:00 น. นอกจากมาเดินเล่นหาของทานให้อิ่มท้องแล้ว ช่วงเย็นยังสามารถเดินลัดเลาะไปยังถนนริมโขง เพื่อชมบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกในยามเย็นได้อย่างสวยงาม

 

 

นักท่องเที่ยวที่มาเดินเล่นถนนเชียงคาน ส่วนใหญ่จะค้างคืนยังที่พักที่ตั้งอยู่ใกล้ในเมืองเชียงคาน พอตกเย็นออกมาเดินเล่นหาของกิน รวมทั้งช้อปสินค้าต่างๆ ส่วนใครที่พักอยู่ห่างจากถนนคนเดินไปพอสมควร หากนำรถส่วนตัวมาสามารถนำไปจอดได้ที่วัดท่าครกหรือวัดศรีคุณเมือง ขากลับถ้าเดินกลับไม่ไหวสามารถใช้บริการรถสกายแลป ที่จะจอดอยู่ใกล้วัดกลับมายังจุดรถได้ ประมาณ 4 โมงกว่า ร้านค้าต่างๆเริ่มนำของมาตั้งขาย

 

 

ภาพบ้านไม้เก่าที่เคยเป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ของชาวบ้านที่คุ้นเคยในอดีต ปัจจุบันถูกนำมารีโนเวทใหม่ให้กลายเป็นที่พักที่สะดวกสบายมากขึ้น รวมทั้ง ร้านกาแฟ ร้านค้า ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้สวยงามทันสมัย เพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวในยุคนี้ 

 

 

มาถนนคนเดินเชียงคาน อย่าลืมแวะถ่ายภาพกับกำแพงอิฐเก่าแก่ของบ้านหลังนี้ ตั้งอยู่หัวมุมของถนนศรีเชียงคาน 14  มีชื่อว่า บ้านไม้ที่ชายโขง บ้านเก่าที่มีความสวยงามเฉพาะตัวต่างจากบ้านเก่าหลังอื่นในเชียงคาน  แต่บ้านหลังนี้เป็นอาคารสองชั้น ชั้นบนฝาไม้ไผ่ขัดที่ถูกฉาบด้วยดินหรือปูนขาวทั้งสองด้าน ส่วนด้านล่างเป็นผนังอิฐถือปูน ด้านหน้าบ้านเป็นประตูบานเฟี้ยมไม้ เป็นบ้านเก่าในเมืองเชียงคานที่ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้มีการรีโนเวทใหม่ให้เสียโครงสร้างไปมากนัก  

 

 

ร้านขายเสื้อผ้า สินค้าพื้นเมืองผ้าฝ้าย ของที่ระลึกต่างๆ บนถนนคนเดิน  มีให้เลือกซื้อหลายร้าน บางร้านดีไซน์สวยน่าซื้อใครที่ชื่นชอบสินค้าแนวนี้ รับรองว่าช้อปกันแบบเพลินจนกระเป๋าแฟ่บแน่

 

 

 

อาหารมีเยอะหลากหลายประเภท ส่วนใหญ่ คือ อาหารพื้นเมือง ที่เห็นมีเยอะหลายร้าน คือ กุ้งฝอย กุ้งขาว ปลาหมึก ปูนา และหอยเชอร์รี่ เสียบไม้ อาหารทานเล่นที่กลายเป็นภาพจำของเชียงคานไปแล้ว จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ซึ้งส่วนใหญ่จะทำติดหวานนำนิดๆ 

 

 

ข้าวจี่ร้อนๆ รวมทั้งมะพร้าวแก้วอบแห้ง หลากสีสัน อีกหนึ่งของฝากขึ้นชื่อของเชียงคานที่มีเยอะมากขายกันหลายร้าน

 

 

ยามเย็น ณ ถนนริมฝั่งโขง แสงอุ่นจากดวงอาทิตย์เริ่มส่องมากระทบ เราจะได้เห็นภาพนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น หรือปั่นจักรยานลัดเลาะชมวิว กลายเป็นภาพที่ชินตา มีการจัดทำลานชมวิวริมโขงให้ได้มาเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศของแม่น้ำโขงแบบใกล้ชิด  

 

 

ตกค่ำถนนคนเดินเชียงคานเริ่มคึกคัก ร้านค้าเปิดเกือบครบทุกร้าน นักท่องเที่ยวเริ่มมากันเยอะขึ้น ทั้งจับจ่ายซื้อของ ทั้งของกิน ของที่ระลึก ที่มีให้ซื้อตลอดทั้งสองฝั่งถนน บางร้านมีที่นั่งสำหรับให้นั่งทานในร้านได้  เสียงเรียกของพ่อค้าแม่ค้าเริ่มประสานเสียงลูกค้า ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม เชียงคานยังไม่เปลี่ยนไปซักหน่อย พ่อค้า แม่ค้า ยังน่ารักกันเองเหมือนเดิม 

 

 

 

 

วันแรก

ภูทอก

เช้าวันที่สองเราออกจากที่พักตีห้าครึ่ง เพื่อไปยัง ภูทอก จุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ระยะทางห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร  ภูทอกมีลักษณะเป็นภูเขาสูง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เป็นจุดชมวิวทิวทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นสายหมอกปกคลุมภูเขาคลอเคล้าแสงสีทองของพระอาทิตย์ มีระเบียงชมวิวที่สามารถชมวิวได้ชัดเจนขึ้น ใครที่ได้แวะมาเที่ยวเชียงคาน ไม่ควรพลาดการไปชมทะเลหมอกในยามเช้าที่นี่  

 

 

การเดินทางมาภูทอกไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้นไปยังจุดชมวิว เนื่องจากมีปริมาณพื้นที่จอดรถค่อนข้างจำกัด นักท่องเที่ยวสามารถนำรถส่วนตัวมาจอดไว้ที่ลานจอดรถภูทอก เสียค่าบริการจอดรถคันละ 20 บาท จากนั้นใช้บริการรถท้องถิ่นขึ้นไปยังจุดชมวิว ค่าบริการไปกลับคนละ 25 บาท ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที เริ่มต้นขึ้นภูทอกได้ตั้งแต่เวลาตี 5 เป็นต้นไป พระอาทิตย์จะขึ้นประมาณ 6 โมงครึ่ง มาถึงลานจอดรถซัก 6 โมง กำลังดี  แต่ถ้าช่วงฤดูหนาวในวันเสาร์ อาทิตย์ นักท่องเที่ยวเยอะให้มาถึงก่อนเวลาหน่อย เพราะคิวขึ้นรถยาวมาก

 

 

เมื่อมาถึงแล้วจะเจอกับมวลมหาชนนักท่องเที่ยว เข้ามาจับจองพื้นที่รอพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก จนแทบไม่มีพื้นที่ว่างให้ยืน ต้องสลับหมุนเวียนกัน ภาพแบบนี้เป็นภาพปกติที่จะได้เจอเมื่อมาเที่ยวภูทอก ยิ่งช่วงฤดูหนาวในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ทราบมาว่าคิวรอขึ้นรถยาวมากต้องรีบไปรอก่อนเวลา  ในภาพคือ วันธรรมดาที่คนในพื้นที่บอกว่าคนน้อยแล้ว

 

 

ทะเลหมอกภูทอก  สายหมอกฟูแน่นลอยปกคลุมประมาณครึ่งภูเขา จุดไหนที่หมอกบางสามารถมองเห็นวิวของเมืองเชียงคาน บ้านเรือน และเส้นถนนที่อยู่ข้างล่าง

 

 

พระอาทิตย์ดวงกลมโตเริ่มขึ้นมาทักทาย เป็นช่วงเวลา ที่มวลมหาชนนักท่องเที่ยวทุกคนเริ่มลุกฮือ และเก็บภาพไปพร้อมกัน

 

 

แสงอาทิตย์เริ่มส่องกระทบทะเลหมอก ต้นไม้และผืนป่าขนาดย่อม เป็นช่วงเวลาที่สวยอีกโมเมนท์หนึ่งของภูทอก

 

 

ภูเขาของภูทอก อาจไม่ได้เป็นแบบลูกเล็กลูกน้อยเรียงซ้อนกันแบบที่เคยเห็น แต่เป็นภูเขาลูกใหญ่ตั้งตระหง่านเคียงคู่กัน ส่วนฉากหลังยังมีทิวเขาซ่อนขึ้นมาอีกเล็กน้อย เป็นเอกลักษณ์ของภูทอกที่ทำให้แปลกตาจากที่อื่น

 

 

หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว 7 โมงครึ่ง นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยขึ้นรถกลับ ทำให้ยังพอมีที่ว่างได้แทรกตัวเข้าไปยืนตรงระเบียงให้ถ่ายรูปได้แบบไม่มีคนอยู่แน่นได้บ้าง

 

 

ชมทะเลหมอกจนอิ่มใจ ลงมาข้างล่างบริเวณลานจอดรถ มีร้านค้า ร้านขายอาหารเช้า ให้บริการหลายร้าน

 

 

แวะมาทานอาหารเช้า ที่บ้านไม้ภูทอก ร้านชื่อดังของภูทอก  ตัวร้านกว้างขวาง มีที่นั่งสะดวกสบาย สั่งไข่กระทะ ข้าวเปียกเส้น  ขนมปัง และโกโก้ มาทาน รสชาติอาหารกลางๆ พอทานได้ มาเที่ยวเชียงคาน นอกจากเที่ยวในตัวเมือง เดินถนนคนเดิน ชมความงามริมโขงแล้ว ต้องหาเวลา 1 เช้าเพื่อมาชมทะเลหมอกภูทอก จึงจะเรียกว่าครบเครื่องของการมาเที่ยวเชียงคาน

 

แก่งคุดคู้

ชมทะเลหมอกแล้ว ไปชมวิวแก่งเกาะและบรรยากาศริมน้ำโขง ที่ แก่งคุดคู้  อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเชียงคาน แก่งคุดคู้เป็นแก่งหินขนาดใหญ่กลางลำน้ำโขง ในยามที่น้ำโขงแห้งลดระดับ โดยมีการจัดทำระเบียงและศาลาชมวิว สามารถยืนชมวิวแก่งและสายน้ำโขงไหลผ่าบริเวณแก่งคุดคู้ มีหาดทรายกว้าง สามารถเดินลงไปเพื่อสัมผัสบรรยากาศ ของริมน้ำโขงได้อย่างใกล้ชิด 

 

 

พื้นที่โดยรอบแก่งคุดคู้มีการปรับพื้นที่ให้เป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม ค่อนข้างกว้าง มีสิ่งก่อสร้างที่ช่วยเพิ่มสีสันทั้ง ฉากไม้แบบเก่า รูปปั้นคนถือธนูขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับป้าย

 

 

ระเบียงชมวิวริมน้ำโขง หากมาเที่ยวแก่งคุดคู้ในฤดูหนาวช่วงเช้า นอกจากอากาศเย็นสบายแล้ว ยังสามารถเห็นสายหมอกบางคลอเคล้าแสงอาทิตย์ที่ปกคลุมเหนือลำน้ำโขง มีฉากหลังเป็นวิวของภูเขาที่สวยงามดุจภาพวาด  ในช่วงฤดูแล้งระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะลดลงจนทำให้ก้อนหินน้อยใหญ่รวมถึงหาดทรายซึ่งเคยจมอยู่ใต้แม่น้ำโขง โผล่ขึ้นมาอวดความงดงามให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมประมาณเดือน ธันวาคม– พฤษภาคม ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การมาท่องเที่ยวมากที่สุด

 

 

บริเวณจุดขึ้นเรือ ในยามที่น้ำโขงแห้งลดระดับ มองเห็นหาดทรายกว้าง และหินก้อนกลมเงาเรียงรายกันนับร้อยนับพันก้อน มบรรยากาศดีมาก ลมเย็นสบาย สามารถเดินลงไปเพื่อสัมผัสบรรยากาศ ของริมน้ำโขงได้อย่างใกล้ชิด

 

 

บริเวณแก่งมีร้านอาหารบริการนักท่องเที่ยว บริการเรือล่องแม่น้ำโขง ให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติริมสองฝั่งโขง

 

 

วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน

ไปต่อที่ วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน โบราณสถานเก่าแก่ทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่ง ในเชียงคาน ป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมานาน  สิ่งที่น่าสนใจ คือรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนหินลับพร้า (หินลับมีด) ซึ่งมีลักษณะเป็นรอยแตก รูปลักษณะเหมือนรอยพระพุทธบาทจริง และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน นอกจากนี้ยังมีพระเจ้าใหญ่พุทธฉัพรรณรังสี พระพุทธรูปปูนปั้นสีขาวองค์ใหญ่ประดับด้วยกระจกเงาชิ้นเล็กๆ ให้ได้สักการะ สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตา คือ ปูนปั้นรูปควายเงินที่ตั้งอยู่บริเวณลานจอดรถ นอกจากนี้ยังมีอีกจุดที่น่าสนใจที่ผู้มาเยือนจะต้องมาทำกิจกรรม คือ การเลี้ยงอาหารหรือป้อนอาหารให้กับกระต่ายทั้งหลาย ที่เลี้ยงปล่อยแบบอิสระในบริเวณที่เตรียมไว้

 

 

 

 

BUHOM CAFE 

เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวคาเฟ่กันบ้าง ที่  BUHOM CAFE CAMPING  (บุฮม คาเฟ่) คาเฟ่ในสวนยูคาลิปตัสแสนร่มรื่น ตกแต่งในสไตล์แคมปิ้ง ที่จัดเต็มอุปกรณ์ และร้านนี้ไม่ได้แต่งแค่มุมเล็กๆ แบบที่แคยเห็นในร้านอื่น แต่มาแบบจัดเต็มครบเกือบทั่วทุกมุมของร้าน  ทั้งเต้นท์ ไฟล์ชีท ชุดโต๊ะเก้าอี้ และมุมทำอาหารภายใต้แบรนด์ยอดฮิตที่สายแคมป์ต้องรู้จัก ให้นั่งเล่นแชะภาพแบบสนุกสนาน จะเป็นสายแคมป์หรือไม่ใช่สายแคมป์ รับรองมาร้านนี้ต้องถูกใจนั่งเพลินจนไม่อยากกลับ

 

 

BUHOM CAFE  ห่างจากตัวเมืองเชียงคาน​ประมาณ 14 กิโลเมตร ​ เส้นทางเดียวกับทางไปวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน สามารถแวะเที่ยวเชื่อมกันได้ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่ร้านกว้างมากอยู่ในสวนยูคาลิปตัส ตัวร้านตั้งโดดเด่นอยู่ด้านใน เป็นแบบบ้านไม้ ชั้นสองเปิดโล่ง สองชั้นล่าง เพิ่มความเท่ด้วยผนังและกำแพงอิฐสีส้มแบบลอฟท์ มีเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มอยู่ข้างในและมีมุมนั่งเล่นหน้าร้านและในร้านเล็กน้อย

 

 

รอบร้านเต็มไปด้วยโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ในสไตล์แคมปปิ้งหลายแบบ ทั้งเต้นท์ขนาดใหญ่ ที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นมุมนั่งเล่น ข้างในแต่งสวยมาก มีทั้งเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม ไม้ฟอกอากาศ มีชุดโต๊ะ เก้าอี้นั่งเล่นอยู่ด้านหน้า กลายเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆไปเลย  

 

 

ถัดไปจัดเป็นโซนกางเต้นท์สีดำ มีทั้งเต้นท์ ไฟล์ชีท แปลนอน และอุปกรณ์แคมปปิ้ง แบบครบสูตรของการมาแคมป์  สามารถไปนั่งเล่นถ่ายรูป ประดุจว่าเป็นชาวแคมป์แฝงตัวมา เป็นร้านที่จัดอุปกรณ์ได้แน่นและครบมาก เอาใจไปเลย มีทุกอย่างจริงๆ

 

 

เมนูอาหารมีทั้งเครื่องดื่ม อาหารคาว ของหวาน อาหารคาวมีทั้งส้มตำ สเต๊ก อาหารจานเดียว อาหารทานเล่น ค่อนข้างหลากลาย เมนูแนะนำที่ทางร้านบอกว่าต้องสั่ง คือ มาม่าผัดน้ำพริกเผา ลองสั่งมาทานเมนูนี้เด็ดจริง เครื่องดื่มสั่งแก้วโปรด คือ กาแฟส้มรสชาติดี

 

 

นอกจากคาเฟ่ ยังให้บริการในส่วนของที่พักสไตล์แคมปปิ้งราคา 1500-2500 บาท (ตามขนาดจำนวนคน) ที่พักจัดเต็มอุปกรณ์ครบเช่นกัน บรรยากาศดีน่ามาพักผ่อนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอากาศเย็นสบายกำลังดี  รักและโปรดปราน อยากได้ภาพฟีลสายแคมป์ แต่งตัวมาให้เข้ากับร้าน แวะมาที่ BUHOM CAFE ได้ภาพกลับบ้านเพียบแน่นอน

 

 

BUHOM CAFE CAMPING 

ที่ตั้ง : บ้านบุฮม ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย

เปิดให้บริการ :  จ-พฤ เปิด 10.00-18.00น. , ศ-อา เปิด 09.00-22.00น.(มีดนตรีสด)

โทร 098 353 5639

Face book  : BUHOM CAFE CAMPING 

 

บ้านติดดิน

ช่วงบ่ายเราเข้าไปเช็คอินยังที่พักในคืนที่สอง บ้านติดดิน  อีกหนึ่งที่พักในเชียงคาน ที่ดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา ด้วยตัวบ้านสีดำทรงกระโจม ตั้งเรียงรายลดหลั่นบนเนิน มองเห็นวิวริมโขงกว้างใหญ่ได้จากหน้าที่พักทุกหลัง บ้านติดดิน อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงคานประมาณ 5 กิโลเมตร หากมีเวลาเที่ยวเชียงคาน 3 วัน 2 คืน คืนแรกพักแถวถนนคนเดิน ส่วนคืนที่ 2 อยากมาเก็บฟีลริมโขงแบบเงียบสงบ หรือถ้ามีเวลาแค่ 1 คืน แต่ชอบความเงียบแวะมาพักที่นี่ แล้วไปเที่ยวยังจุดต่างๆของเชียงคานได้ ติดกับที่พักยังมีคาเฟ่บ้านติดดิน ที่บรรยากาศดีและดีไซน์สวยไม่แพ้กัน

 

 

บ้านพักมี 2 แบบ คือ บ้านพักเดี่ยวกระต๊อบ (1-3 ท่าน) /แอร์ ห้องน้ำรวม ราคา 1,800 บาท บ้านพักเดี่ยวกระต๊อบ (1-3 ท่าน) /พัดลม ห้องน้ำรวม ราคา 1,500 บาท  บ้านพักเดี่ยวกระต๊อบมีประมาณ 10 หลัง ตั้งอยู่ลดหลั่นบนเนิน หน้าบ้านทุกหลังหันออกไปจะเจอกับวิวริมโขงที่สบายตาและกว้างใหญ่  

 

 

บ้านพักหลังใหญ่พร้อมห้องน้ำ (4-6 ท่าน) พร้อมเครื่องปรับอากาศ ราคา 3,200 บาท บ้านหลังใหญ่จะตั้งอยู่ด้านข้าง ไม่ได้หันหน้ารับวิวโขง สำหรับสายแคมป์ ที่นี่มีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ ราคาท่านละ 250 บาท ต่อ คืน ห้องพักทุกแบบไม่มีบริการอาหารเช้านะคะ สามารถเตรียมมาเอง หรือไปทานในตัวเมืองเชียงคานได้

 

 

เราพักแบบบ้านพักเดี่ยวกระต๊อบ ห้องแอร์ คืนละ 1800 บาท เลือกห้อง C13 ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางมองเห็นวิวภูเขาและแม่น้ำโขงตรงหน้าบ้านพอดีแป๊ะ  ภายในห้องแคบไปนิดด้วยดีไซน์ของบ้าน ที่เน้นพื้นที่นอกบ้านมากกว่า มีแค่ที่นอน แอร์ และชั้นวางขนาดเล็ก

 

 

ส่วนห้องน้ำรวม เห็นแล้วอึ้งมีเกินสิบห้อง น่าจะเยอะที่สุดตั้งแต่เห็นห้องน้ำรวมในที่พักมา แยกชายหญิง และห้องน้ำ อ่างล้างหน้าเป็นสัดส่วน ฟีลลิ่งเหมือนเดินเข้าห้องน้ำในห้าง ห้องน้ำดูดี สะอาดมากมีน้ำอุ่นทุกห้อง นอกจากดีไซน์บ้าน ต้องเทคะแนนให้กับความใส่ใจในการสร้างห้องน้ำ

 

 

ช่วงเย็นแดดร่ม เดินออกมาถ่ายบรรยากาศของที่พัก ทั้งตัวบ้านที่ดีไซน์เก๋มาก ชอบหน้าต่างแบบกันสาดด้านข้างที่ข่วยเพิ่มดีไซน์ของบ้านให้ดูเท่ขึ้น ได้ฟีลแคมป์นิดๆ ช่วงเช้าหรือช่วงเย็นนั่งทานอาหารตรงนี้ฟินสุด แต่ต้องเตรียมอาหารมาเอง ที่พักอนุญาติให้ประกอบอาหารหน้าบ้านได้  และแสงเย็นของที่นี่สวยมาก ส่องมากระทบตัวบ้านและสวนด้านหน้าฟีลเหมือนต่างประเทศ

 

 

ส่วนพื้นที่หน้าที่พักเป็นลานหญ้ากว้างขวาง มีสวนหย่อมและสะพานขนาดเล็ก ช่วงเย็นแสงเริ่มอ่อนลง สามารถมาเดินเล่น และไปต่อยังพื้นที่ริมโขงที่อยู่ด้านหน้าได้  เงียบสงบผ่อนคลายมาก

 

 

นอกจากที่พัก ยังมีคาเฟ่บ้านติดดิน ตั้งอยู่ติดกัน สามารถเดินเลียบโขงจากตัวบ้านพักไปได้ คาเฟ่ดีไซน์ล้ำกว้างใหญ่แบบโอเพ่นแอร์ ตกแต่งสวยงาม มองเห็นวิวเกาะแก่งและแม่น้ำโขงที่อยู่ด้านหน้า

 

 

ส่วนเมนูอาหารมีทั้งเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และอาหารตามสั่งแบบจานเดียว รสชาติอาหารเครื่องดื่มกลางๆ เน้นบรรยากาศมากกว่าให้คะแนนเรื่องการตกแต่งและวิว คือ เต็มสิบ  บ้านติดดิน ที่พักและคาเฟ่ ที่ตอบโจทย์ของคนชอบถ่ายภาพ แวะหามุมสวย พักผ่อนแบบส่วนตัวแห่งเชียงคานที่แท้ทรู มาเชียงคาน แวะมาค่ะ

 

 

บ้านติดดิน

ที่อยู่ :  99/99 หมู่ 8 ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

คาเฟ่เปิดให้บริการ :  จันทร์-พฤหัส เปิด 10.00-20.00 น. ศุกร์-อาทิตย์ เปิด 10.00-23.00 น.

ติดต่อจองห้องพักทาง inbox  Baantiddinchiangkhan

โทร  088 022 2999

 

วันที่สาม

 

ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว

มาถึงเชียงคานต้องไม่พลาดอาหารเช้าท้องถิ่นขึ้นชื่อ  ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว เมนูที่นำเส้นขนมจีนใส่น้ำซุปใสและเครื่องในหมู เชียงคานมีร้านขายข้าวปุ้นน้ำแจ่วหลายร้าน  แต่ขอนำเสนอ ร้านป้าบัวหวาน น้ำซุปใส เครื่องในสะอาด ไม่มีกลิ่นคาว  รสชาติกลมกล่อมดีงาม อร่อยแบบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม เนื้อนุ่มเคี้ยวง่าย มีให้เลือกทั้งหมูล้วน หรือรวมทุกอย่าง เนื้อหมู กระเพาะ เซ้งจี้ ม้ามตับ ไส้อ่อน ไส้ใหญ่ หัวใจ ไส้ตัน พร้อมผักสดจานโตที่เติมได้ตลอด หน้าตารสชาติคล้ายก๋วยเตี๋ยวเครื่องในหมู เปลี่ยนจากเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นเส้นขนมจีนแทน ใครชอบรสแบบต้มยำบีบมะนาวสดๆ ปรุงด้วยพริกแจ่วตำสด ยิ่งช่วยเพิ่มความแซ่บกลมกล่อมขึ้น  เวลาเปิดร้าน ทุกวัน 06:30 น. – 12:00 น.  

 

วัดศรีคุณเมือง

จากนั้นเราไปที่ วัดศรีคุณเมือง วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาอย่างยาวนาน ภายในวัดมีพระประธานในพระอุโบสถวัดศรีคุณเมืองเป็นพระพุทธปฏิมาประทับขัดสมาธิราบนาคปรกอายุกว่า 300 ปี ในวัดเป็นกำแพงแก้วล้อมรอบตัวพระอุโบสถ วัดนี้ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้างซึ่งเห็นได้จากโบสถ์ ที่มีหลังคาลดหลั่นอย่างศิลปะล้านนา วัดตั้งอยู่บน ถนนชายโขง ระหว่างซอยศรีเชียงคาน 6 และซอยศรีเชียงคาน 7 ใกล้บริเวณเส้นทางถนนคนเดินเชียงคาน แวะมาไห้พระแล้วสามารถเดินชมบรรยากาศชองถนนคนเดินเชียงคานต่อได้

 

 

จิตส้มตำ

มาเชียงคานต้องทานส้มตำ ที่มีอยู่มากมายหลายร้าน เรามาทานตามรีวิวที่ จิตส้มตำ ร้านชื่อดังแห่งเมืองเชียงคาน กับเมนูอาหารในสไตล์อีสาน มีเมนูสารพัดตำ ทั้ง ตำปูปลาร้า ตำป่า ตำซั่ว ตำกุ้งสด ลาบ น้ำตก ต้มแซ้บ และที่ขาดไม่ได้ คือ  ตำด้องแด้ง เมนูยอดฮิตของเชียงคาน ที่นำเส้นขนมจีนเส้นใหญ่มาตำรวมกับเครื่องเคียงต่างๆ รสชาติจะออกไปทางหวานนิดนึง ส่วนเมนูเด็ดของร้านนี้แนะนำต้องสั่ง คือ  ซี่โครงหมูย่างเนื้อนุ่มหมักเครื่องเทศมาแบบกำลังดี  ส่วนส้มตำส่วนตัวยังรู้สึกรสชาติกลางๆ ไม่ถึงกับนัวมาก แต่ถ้าอยากลองอาหารอีสานในเชียงคานลองแวะเข้ามาลิ้มลองกันได้ เพราะความอร่อยของเราไม่เหมือนกัน

 

 

สกายวอล์ค เชียงคาน

ระหว่างทางขับรถกลับกรุงเทพ เราแวะไปท้าความเสียว ชมวิวโขงแบบตื่นตาและตื่นเต้น ด้วยการเดินบน สกายวอล์ค เชียงคาน สะพานพื้นกระจกยกสูง เป็นจุดเช็คอินยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด สามารถมองเห็นแม่นํ้าเหืองไหลมาบรรจบแม่นํ้าโขง เกิดเป็นแม่นํ้า 2 สีได้ชัดเจน หากมาในช่วงเวลาเช้ายังมีโอกาสเห็นสายหมอกที่ลอยอยู่เหนือลำน้ำโขงอีกด้วย สกายวอล์คมีความสูงจากพื้นดินประมาณ 19 เมตร ทางเดินของสกายวอล์คเป็นกระจกใสชนิดพิเศษมีตะแกรงเหล็กรองรับ เป็นทางเดินล้อมรอบองค์พระใหญ่ภูคกงิ้ว ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้อย่างสวยงาม

 

 

สกายวอล์ค เชียงคาน  ตั้งอยู่ในตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน ก่อนถึงตัวเมืองเชียงคาน ห่างกันประมาณ  22 กิโลเมตร  จะแวะเที่ยวตอนขาไปหรือขากลับก็ได้ จอดรถไว้ที่ลานจอดรถและใช้บริการรถของชุมชน ไม่อนุญาติให้นำรถส่วนตัวขึ้นไป สำหรับมาตรการมาเที่ยวในยุคโควิด รวมถึงค่าเข้าชม สามารถอ่านรายละเอียดได้ตามภาพ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น.

 

 

จากนั้นซื้อบัตรเข้าชมบริเวณประตูทางเข้า นำบัตรไปรับรองเท้าผ้าสำหรับใส่เดินบนพื้นกระจกเพื่อป้องกันการลื่น รับรองเท้าแล้วเดินตรงไปขึ้นรถสองแถวที่จอดรอได้เลยค่ะ จากจุดจอดรถขึ้นไปไม่ถึง 5 นาที ใกล้มาก

 

 

สกายวอล์ค ตั้งอยู่ด้านหน้าองค์พระใหญ่  เป็นทางเดินยกสูงความยาวกว่า 100 เมตร มีการจัดทำจุดแวะพักชมวิวที่ยื่นออกไป 3 จุด ก่อนเดินสวมรองเท้าผ้าทับรองเท้าของตัวเอง หากใครที่กลัวความสูงแนะนำให้เดินเชิดหน้าเข้าไว้  พยายามอย่างมองลงไปบริเวณพื้นข้างล่าง เพราะอาจก้าวขาไม่ออกได้ สะพานเป็นพื้นกระจกหนาใสชนิดพิเศษมีตะแกรงเหล็กรองรับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เดินแบบมั่นใจค่ะ

 

 

จุดแวะพักชมวิวให้ถ่ายภาพสวยๆ ที่ได้มองเห็นวิวของภูเขาและลำน้ำโขงแบบใกล้มาก  เป็นความสวยงามและทันสมัยของสะพานที่เคียงคู่ไปกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว

 

 

จบทริปเที่ยวเชียงคาน 3 วัน 2 คืน เชียงคานเปลี่ยนไปมากจริง  แต่เปลี่ยนแค่ภาพภายนอกเท่านั้น แม้จะมีที่พัก ร้านค้า คาเฟ่มากมาย แต่แก่นแท้ของความเป็นเชียงคาน ที่มาแล้วทำให้รู้สึกกันเอง อุ่นใจและสบายใจทุกครั้ง  “เชียงคาน ไม่เคยเปลี่ยนไป “ ยังคงเป็นเมืองที่น่ารักเหมือนเดิม 

 

 

 

หาที่พักเชียงคาน คลิ๊ก  รวม 30 ที่พักเชียงคาน

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน