เกาะยาวน้อย อีกหนึ่งเกาะขึ้นชื่อในจังหวัดพังงา ฉันรู้จักเกาะยาวน้อยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวแนววิถีชีวิตและโฮมสเตย์ เป็นเกาะที่อาจไม่ได้มีชายหาดขาวสวย น้ำทะเลใสเหมือนเกาะอื่นในฝั่งอันดามัน แต่ถ้าหลงใหลในความเป็นธรรมชาติ ชอบเที่ยวชมวิถีชีวิต และชอบความสงบ รับรองว่า เกาะยาวน้อย คือคำตอบที่คุณต้องรีบแพคกระเป๋ามาเยี่ยมเยือนให้ได้ซักครั้ง
ด้วยนิยามความเป็นเกาะยาวน้อยที่ได้บอกมาทั้งหมดทำให้ฉันตัดสินใจมาเที่ยวได้ไม่ยาก การไปเดินทางไปเกาะยาวน้อยสามารถเลือกขึ้นเรือได้จากท่าเรือหลายจังหวัด ทั้งภูเก็ต กระบี่ และพังงา แต่ฉันเลือกเดินทางมาขึ้นเรือที่ ท่าเรือท่าเลน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นเส้นทางที่ใกล้กว่าไปขึ้นเรือที่ภูเก็ตหรือพังงา เรือโดยสารไปยังเกาะยาวน้อยจะเป็นเรือยนต์ซึ่งออกทุกชั่วโมง รอบแรกออกประมาณ 8โมงกว่า ค่าโดยสารคนละ 100 บาทใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง แต่คณะฉันมาหลายคนและสัมภาระเยอะ ต้องการซื้อเวลาไม่อยากรอนาน เลยเลือกเหมาเรือหางยาวจากท่าเรือซึ่งให้บริการหลายลำ ราคา 1500 บาท เป็นเรืองหางยาวมีหลังคา นั่งได้ประมาณ 10 คน ใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาที เท่านั้น สำหรับข้อมูลทุกอย่างของเกาะยาวน้อยอย่างละเอียด คลิ๊ก เกาะยาวน้อย
เมื่อมาถึงท่าเรือฝั่งเกาะยาวน้อย ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ท่าเรือมาเนาะ ก็สามารถนั่งรถสองแถวไปยังที่พักได้เลย หรืออาจจะเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับจากท่าเรือไปยังที่พักและเที่ยวรอบเกาะก็ได้ เนื่องจากมากันหลายคนฉันเลือกเช่ารถสองแถวให้ไปส่งยังที่พักรวมถึงพานำเที่ยวรอบเกาะยาวน้อยทั้งวันด้วย ในราคาเหมา 1700 บาท มาเที่ยวเกาะยาวน้อยนอกจากเลือกมาพักผ่อนตามรีสอร์ทซึ่งมีให้เลือกหลายเกรดหลายราคาแล้ว เกาะยาวน้อยยังมีการบริการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ โดยมีกลุ่มโฮมเสตย์ที่มีชื่อว่า “ชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนชาวเกาะยาวน้อย ” ที่ถือว่าเป็นกลุ่มโฮมสเตย์ที่มีชื่อเสียง และมีการจัดการที่ดีจนได้รับรางวัลมากมาย
แต่ฉันไม่ได้เลือกพักแบบโฮมสเตย์เพราะต้องการสบายเล็กน้อยอยากพักห้องแอร์ ด้วยเหตุที่มาเที่ยวทะเลค่อนข้างร้อนพอสมควร จึงมาลงเอยที่ สันติสุข รีสอร์ท เป็นที่พักที่ตั้งอยู่หาดท่าเขาอยู่ใกล้กับท่าเรือเพียง 5 นาที เหตุผลที่เลือกพักเพราะติดทะเล สามารถเห็นวิวป่าเกาะและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าตรงหน้าบ้านพอดีเป๊ะ ราคาไม่แพงจนเกินไป สามารถเข้าไปชมรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/Suntisookresort
วิวป่าเกาะด้านหน้าที่พักในตอนกลางวัน ตอนนี้น้ำยังขึ้นอยู่
บ้านพักนอนได้หลังละ 3 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น โซฟานั่งเล่น ราคานี่ไม่น่าเชื่อว่าแค่หลังละ 700 บาทเท่านั้น คุ้มเกินราคาสำหรับที่พักบนเกาะที่มีทุกอย่างพร้อมแบบนี้ ใครมาเที่ยวเกาะยาวน้อยและมีงบประมาณที่พักจำกัดแต่อยากพักติดทะเล วิวสวย สะดวกสบายแนะนำให้มาพักที่นี่ค่ะ
นอกจากห้องแอร์แล้วก็มีห้องแบบพัดลมด้วย ราคาหลังละ 500 บาท ภายในห้องพักก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างเหมือนกับห้องแอร์ค่ะ
มีร้านอาหารของรีสอร์ทให้บริการ ฉันฝากท้องไว้หนึ่งมื่้อตอนเช้า อาหารราคาไม่แพงและรสชาติโอเคค่ะ
ออกมาชมวิวหน้าที่พักกับวิวป่าเกาะ ซึ่งเป็นวิวของเกาะเล็กเกาะน้อยรอบเกาะยาวน้อยที่เราเห็นอยู่ตรงหน้า ทั้งกลุ่มเกาะห้อง เกาลาดิง เกาะผักเบี้ย เกาชาบัง เกาะอันตู และอีกสารพัดเกาะที่โดดเด่นตั้งตระหง่านอวดรูปร่างที่สวยงามกลางทะเล ยิ่งเมื่อมีหลายเกาะมาอยู่ใกล้ กัน ดูเป็นป่าจริงๆ เมื่อ ยิ่งในช่วงเช้าตรงจุดนี้จะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามที่สุดบนเกาะยาวน้อย ห่างจากฝั่งไปเล็กน้อย คือ เกาะนก ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ที่สามารถเดินข้ามไปมาระหว่างกันได้เมื่อน้ำแห้ง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ทะเลแหวกท่าเขา
ระหว่างรอเวลารถสองแถวมารับไปเที่ยวรอบเกาะซึ่งนัดไว้บ่ายสามโมง ก็เช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวเล่นเรียบหาดสำรวจว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง หากให้ไล่ชายหาดของเกาะยาวน้อยเริ่มจากท่าเรือหาดท่าเขาจะอยู่ใกล้ที่สุด ลงมาทางใต้เรื่อยๆ เจอหาดคลองจาก จนไปสุดที่หาดป่าทรายซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยว มอเตอร์ไซต์เช่าจากที่พักวันละ 250 บาท ขับไปเรื่อยๆมาถึงหาดคลองจาก
ระหว่างขับมอเตอร์ไซต์ก็จะผ่านสวนยางพาราอันร่มรื่น อาชีพปลูกยางก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพของชาวเกาะยาว ขับมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าก็มาถึงหาดป่าทราย ที่เป็นย่านท่องเที่ยวหาดนี้ค่อนข้างคึกคักมีรีสอร์ทรวมถึงร้านอาหารริมหาดหลายร้าน มื้อเที่ยงของเกาะยาวน้อย พวกฉันจึงเลือกมาทานข้าว นั่งรับลมทะเลกันที่หาดนี้ บรรยากาศของหาดป่าทรายร่มรื่น สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย และชมวิวทิวทัศน์ของป่าเกาะได้เช่นกันแต่มุมจะไม่สวยเท่ากับหาดท่าเขา
ชายหาดของเกาะยาวน้อยแทบทุกหาด ยังสงบ เงียบ คนน้อย จึงดูว่าเป็นหาดส่วนตัวกลายๆ ขนาดฤดูท่องเที่ยวคนก็ยังไม่พลุกพล่าน ยิ่งคนไทยแทบไม่เห็นมีมาเที่ยว หันไปทางไหนก็จะมีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินอนพักผ่อนอาบแดด อ่านหนังสือ ปั่นจักรยาน ออกกำลังกาย เป็นภาพที่เห็นจนชินตา ผับหรือบาร์แทบไม่มีให้เห็น ถ้าให้เปรียบเหมือนคน เกาะยาวน้อยคงเป็นคนๆหนึ่งที่ดูรักความสงบและดูแลสุขภาพตัวเองมาก จึงเรียกได้ว่าเกาะนี้เป็นสวรรค์ของการพักผ่อนอย่างแท้จริง
บ่ายสามโมงถึงเวลาที่เราต้องนั่งรถสองแถวเที่ยวรอบเกาะกันแล้วค่ะ โดยโปรแกรมจะพาไปเที่ยวยังสถานที่เด่นๆของเกาะยาวน้อย เริ่มจากเที่ยวหาดป่าทรายซึ่งพวกเราไปทานข้าวกันมาแล้วก็ข้ามไป และโปรแกรมต่อไป คือ เที่ยวกระชังบ้านมังกร ซึ่งจะอยู่ฝั่งตะวันตกของเกาะยาวน้อย มาถึงท่าเรือบริเวณอ่าวบ้านแหลมไทร เพื่อนั่งเรือข้ามไป เพราะกระชังตั้งอยู่กลางทะเลค่ะ
กระชังบ้านมังกร เป็นกระชังเลี้ยงกุ้งมังกรและปลาต่างๆ ตั้งอยู่บริเวณ อ่าวบ้านแหลมไทร เจ้าของคือ พี่ผู้ชายที่อยู่ในภาพ พี่บังหนีด หากสนใจมาเยี่ยมชมติดต่อได้ที่ 081-2707393 เก็บค่าเข้าชมคนละ 50 บาทค่ะ พี่บังหนีดพาเราไปดูปลาและสัตว์น้ำต่างๆพร้อมอธิบายข้อมูลคร่าวๆให้เราฟัง อธิบายไปก็ให้อาหารพวกมันไปด้วย เพราะแกบอกว่าจะต้องมาให้อาหารวันละ 1 ครั้ง อาหารที่ใช้เลี้ยงก็เป็นลูกปลาเล็กๆ ที่ได้จากการออกวางอวนในแต่ละวัน ปลาที่เลี้ยงขาย เช่น ปลากระพงขาว ,กระพงแดง, ปลาเก๋า,ปลาหมอทะเล
นอกจากนี้ยังเลี้ยงปลาจำพวกปลาสวยงามอีกหลายชนิด อย่างปลาที่ว่ายอยู่ คือ ปลาฉลามเสือจากทะเลน้ำลึก ลายสวยมาก พี่บังบอกว่ามีคนมาขอซื้อเป็นแสนแต่พี่เค้าไม่ขาย เพราะถ้าคนเอาไปเลี้ยงยังไงปลาก็ไม่รอด เพราะต้องเลี้ยงมันในน้ำทะเล
ปลาดาวก็มีค่ะ ตัวใหญ่มาก
ตัวนี้เรียกว่าปลาหิน เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกและไม่คิดว่ามีปลาแบบนี้ด้วย ลำตัวขรุขระมีเนื้อผิวเหมือนก้อนหินมาก
โปรแกรมต่อไปพาไปดูนาข้าวกลางทะเล แต่เนื่องจากช่วงที่เราไปคือเดือน มี.ค.ซึ่งไม่ใช่ฤดูทำนา เลยข้ามโปรแกรมนี้ไป แต่ระหว่างทางที่นั่งรถก็จะเห็นแปลงนาข้าวของชาวบ้านตลอดซึ่งเป็นวิวที่สวยและแปลกดี มายังจุดหมายต่อไปคือไปชม บ่อน้ำจืดกลางทะเล ตั้งอยู่ในบริเวณป่าโกงกาง ซึ่งต้องมาในช่วงเย็นหน่อยน้ำทะเลจึงจะเริ่มลงและแห้งไป บ่อน้ำนี้ในช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำทะเลจะเข้าท่วมบ่อจนเป็นน้ำเค็ม แต่เมื่อน้ำลง บ่อน้ำจะโผล่ขึ้นมา ซึ่งน้ำในบ่อจะจืดสนิท และสามารถดื่มได้ค่ะ
ขับรถไปตามเส้นทางเลียบทะเลสุดปลายทางที่โปรแกรมสุดท้าย คือ ชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมปะการัง ซึ่งอยู่ปลายสุดของเกาะจะเรียกว่าอยู่ไกลสุดก็ได้ค่ะ ชายหาดบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหาดหิน มีหาดทรายแคบๆ แหลมปะการัง เป็นจุดชมปะการังที่สามารถดูได้โดยไม่ต้องดำน้ำลงไป เพราะในช่วงที่น้ำลง ปะการังเหล่านี้จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นมากมาย ทั้งปะการังเขากวาง ปะการังสมอง ฯลฯ ในหนึ่งเดือนสามารถชมได้ประมาณ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 4 วันเท่านั้นในช่วงน้ำลง อีกทั้งอ่าวปะการังยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามของเกาะยาวน้อยอีกด้วย วันที่ฉันไปไม่ได้เห็นปะการังอีกเช่นกัน พี่คนขับบอกว่าอาจเพราะไม่ใช่ช่วงของมันและน้ำก็ถือว่ายังลงไม่มาก
แต่ถึงไม่ได้เห็นปะการังแค่ได้ชมวิวทิวทัศน์ก็คุ้มสุดๆแล้วค่ะ เห็นวิวป่าเกาะเช่นกัน เป็นวิวของเกาะโรย เกาะกูดู โดดเด่นเป็นป่าเกาะย่อยๆ ทางด้านนี้
ตลอดเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง เรือประมงเล่นผ่านวิวป่าเกาะไปลำแล้วลำเล่า ฉันนั่งรอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในบรรยากาศที่เงียบสงบไร้ซึ่งผู้คน ตั้งแต่ไปเที่ยวมาที่นี่คงเป็นที่แรกที่ทำให้รู้สึกว่า เราได้เข้าถึงธรรมชาติแบบไม่มีเสียงจ๊อกแจ๊ก จอแจ มากวนใจ
ยิ่งเวลาเย็นลงน้ำค่อยหายลงไปในทะเล เห็นแต่พื้นทรายเป็นริ้วคลื่นสะท้อนกับแสงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์ดวงกลมโตใกล้จะจากฉันไปอยู่แนบชิดกับภูเขาเกาะแล้วสิน่ะ
บอกลาความประทับกับแสงสุดท้ายที่แหลมปะการังด้วยภาพนี้ค่ะ
ย้อนกลับไปยังแหลมไทรซึ่งเป็นจุดที่เราไปเที่ยวกระชังบ้านมังกร เพื่อมาทานอาหารมื้อเย็นที่ร้าน แหลมไทร ซีฟู้ด ซึ่งเราเล็งไว้ตั้งแต่แรกเพราะเห็นว่าวิวที่ร้านสวย ติดทะเลและพี่คนขับเองก็แนะนำให้มาร้านนี้เพราะบอกว่าอาหารอร่อย
สั่งต้มยำกุ้ง กุ้งอบเกลือ
ยำรวมมิตรทะเลและปลากะพงทอดน้ำปลา
และเมนูที่แนะนำ คือ หอยชักตีนเผา อาหารทุกเมนูย้ำว่าสดจริงเพราะไปจับมาจากกระชังเลี้ยงปลาของร้านซึ่งอยู่กลางทะเลข้างล่าง จับปุ๊บก็มาชั่งกิโลให้เห็นกันเลยทีเดียว รสชาติอาหารโดยรวมอร่อย บริการดี ส่วนราคาตกหัวละ 350 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคามาตราฐานเมื่อเรามาทานอาหารทะเลบนเกาะ หากใครมาเที่ยวเกาะยาวน้อยก็ลองมาทานร้านนี้ดูค่ะ แต่ที่ตั้งร้านจะไกลจากท่าเรือซักหน่อยเพราะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะ แต่ถ้าแวะมาเที่ยวกระชังบ้านมังกรอยู่แล้วไปทานได้สบายเพราะอยู่ใกล้กันนิดเดียว
เช้าวันใหม่กับวิวป่าเกาะมุมเดิมที่เราเห็นเมื่อวานตอนกลางวัน เกาะทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม จะไม่เหมือนเดิมก็คงเป็นน้ำทะเลที่แห้งหายไปจนเราสามารถลงไปเดินเล่นได้ รวมถึงแสงสี ที่เปลี่ยนไป ภาพวิวป่าเกาะในยามเช้ายามน้ำลดจนเห็นริ้วทรายและเศษหินปะการังท่ามกลางฉากท้องฟ้าสีม่วงอมส้มระเรื่อ สวยงามแปลกตาดุจภาพวาด
ภาพบรรยากาศนี้ คือ ไฮไลต์ของการมาเที่ยวเกาะยาวน้อยซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันต้องดั้นด้นมา
พระอาทิตย์ดวงโตเริ่มทอแสงกระทบกับพื้นน้ำและหาดทราย
เป็นห้วงเวลาของการกดชัตเตอร์ที่สนุกที่สุดอีกช่วงเวลาหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นการกดในวิวเดิม แต่แค่ฉันเขยิบ องค์ประกอบทุกอย่างก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
พระอาทิตย์เริ่มคล้อยสูงขึ้น แสงสีก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มทองมากขึ้น
เวลาเรามาเที่ยวเคยเกิดอาการนี้กันบ้างหรือเปล่าค่ะ บางทีขี้เกียจตื่นมาตอนเช้า อยากนอนต่อ “พยายามตื่นขึ้นมาเถอะค่ะ ” เพราะบางครั้งเราอาจจะได้เห็นอะไรดีๆในตอนเช้าเหมือนที่นักท่องเที่ยวคนนี้ได้เห็นก็ได้ ตอนฉันเดินออกมาจากที่พักก็เห็นเธอคนนี้นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใคร รวมถึงเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นสูงฉันเดินกลับที่พัก เธอก็ยังไม่ยอมกลับยังคงนั่งมองวิวอยู่ตรงนี้ แน่นอนฉันเข้าใจดีว่าในบรรยากาศแบบนี้เหมือนเราถูกมนต์สะกดไว้แทบไม่อยากละสายตาไปมองทางไหน ถ้าเราไม่รีบเร่งไปที่ไหนต่อ ก็อยากจะนั่งมองและดื่มด่ำกับมันให้นานที่สุด
โปรแกรมในเช้าวันใหม่ของฉันคือ ไปเที่ยวยังเกาะใกล้เคียง นั่นก็คือ กลุ่มหมู่เกาะห้อง ซึ่งประกอบด้วยเกาะขึ้นชื่อซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไป นั่นก็คือ เกาะผักเบี้ย เกาะลาดิง และเกาะห้อง ถึงแม้เกาะเหล่านี้จะอยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ แต่ถ้าเรานั่งเรือจากเกาะยาวน้อยโดยใช้เรือหางยาวใช้เวลาแค่ 15-30 นาทีเท่านั้น แต่ถ้ามาจากทางกระบี่จากอ่าวนางถึงแม้จะมาด้วยเรือสปีดโบ๊ทใช้เวลาเป็นชั่วโมง ส่วนเรือก็สามารถติดต่อได้ที่ท่าเรือเกาะยาวน้อยหรือจะให้ทางที่พักติดต่อให้ก็ได้ ราคาเที่ยว 3 เกาะ เหมาลำละ 1500 บาท เกาะแรกที่จะแวะ คือ เกาะผักเบี้ย เห็นสันทรายสีขาวมาแต่ไกล จริงแล้วฉันเคยมาเที่ยวหมู่เกาะห้องครั้งหนึ่งแล้วแต่ครั้งนั้นนั่งเรือสปีดโบ๊ทจากกระบี่ ครั้งนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศนั่งเรือหางยาวมาเที่ยวบ้าง
เกาะผักเบี้ย เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางด้านหลังของเกาะห้อง น้ำทะเลสีเขียว ใสสะอาด เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่ริมหาด
เมื่อน้ำลงสันทรายที่เกาะผักเบี้ยนี้จะปรากฏเป็นแนวยาวไปจนจรดอีกเกาะหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า เกาะผักเบี้ย เช่นกัน และสามารถเดินถึงกันได้ในเวลาน้ำลงเต็มที่เท่านั้น เพราะในเวลาที่น้ำขึ้น น้ำก็จะแยกเกาะผักเบี้ยออกเป็นสองเกาะนั่นเอง
ด้านหน้าเกาะมีหินรูปหินทะลุและหินรูปร่างคล้ายใบพัดตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า
มาถึงเกาะต่อไป นั่นคือ เกาะลาดิง ตอนที่มาครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฉันชอบเกาะนี้มากรู้สึกว่าเป็นเกาะที่ถึงแม้จะมีชายหาดแคบ แต่มีความเป็นธรรมชาติ น้ำใส ปลาเยอะ และสงบมาก แต่กลับมาอีกครั้งตกใจเล็กน้อยคนเยอะจริง เรือแทบไม่มีที่จอด และที่สำคัญไม่มีฝูงปลาว่ายมาทักทายหน้าหาดอีกแล้วคงว่ายหลบผู้คนไปอาศัยอยู่กลางทะเล เป็นธรรมดาเมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักคนก็แห่กันมาเที่ยว ฉันรีบหนีผู้คนออกไปจากเกาะนี้แทบไม่ทัน
มาถึง เกาะห้อง ซึ่งเป็นเกาะสุดท้าย คนก็ยังเยอะเช่นกัน ความสวยและความสงบของเกาะที่ฉันเคยรู้จักหายไปพอสมควร แต่ยังดีที่ว่าชายหาดกว้างทำให้เรายังมีที่ยืนและพักผ่อนไปกับธรรมชาติได้บ้าง
เรือคายัคสีสันสดใส พายคายัคเที่ยวรอบเกาะคือ อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมเมื่่อมาเที่ยวเกาะห้อง
เป็นที่น่าดีใจที่ฝูงปลาที่ฉันเคยเห็นเมื่อก่อนมันยังคงว่ายทักทายนักท่องเที่ยวอยู่เหมือนเดิม ไม่เหมือนกับเกาะลาดิงที่หนีหายไปหมดแล้ว
จากเกาะห้อง เราก็มาเที่ยวยังจุดไฮไลต์อีกหนึ่งจุดนั่นคือ ทะเลในหรือลากูน ซึ่งเปรียบเสมือนสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ผนังเป็นหน้าผาชันโดยรอบ ลักษณะคล้ายห้อง มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียว กว้างประมาณ 10 เมตร สามารถนำเรือเข้าไปได้ หากมาในช่วงน้ำลดจะเห็นพื้นทรายขาวสะอาดราบเรียบเสมอกันสามารถลงเล่นน้ำได้ค่ะ
บอกลาความสุขกับการท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย สำหรับฉันเป็นเกาะที่มีที่เที่ยวมากมายทั้งเที่ยวรอบเกาะและเที่ยวยังเกาะใกล้เคียงซึ่งสถานที่ที่ฉันไปเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลายจุดที่ยังไม่ได้แวะ ร้อนนี้หากคุณต้องการเที่ยวทะเล ชมวิวสวยๆ และหลีกหนีความวุ่นวาย ลองชำเลืองมองมาที่เกาะยาวน้อยซักนิดค่ะ และคุณจะได้เที่ยวในอีกมุมมองที่สงบและสวยงามแตกต่างจากหลายเกาะที่คุณเคยไป
ทริปเดินทางวันที่ 7-8 มีนาคม 2557
Tags : กระชังบ้านมังกร, การเดินทางไปเกาะยาวน้อย, ที่พักเกาะยาวน้อย, ท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย, ร้านอาหารเกาะยาวน้อย, สถานทีท่องเที่ยวพังงา, สถานที่ท่องเที่ยวพังงา, สันติสุข รีสอร์ท เกาะยาวน้อย, เกาะยาวน้อย