เที่ยวเพลินๆ @ สกลนคร

สกลนคร จังหวัดที่ติดกับนครพนม มีวัดสวยขึ้นชื่ออย่างวัดถ้ำผาเด่น และพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองอย่าง พระธาตุเชิงชุม มีความชิค ความเก๋ ของตึกเก่าโบราณแบบโคโรเนียล ณ บ้านท่าแร่ มีผ้าย้อมครามขึ้นชื่อ ที่ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ทันสมัย ด้วยความน่าสนใจทั้งหมดนี้ ทำให้เราตัดสินใจไปเที่ยวสกลนคร ได้ไม่ยาก แถมเที่ยวได้ เที่ยวง่าย ในระยะเวลาอันสั้น ก็ครบตามจุดเที่ยวสำคัญ เตรียมพร้อมแพคกระเป๋าไปเที่ยวเมืองสกลนคร 

 

 

การเดินทางมาสกลนคร

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวสกลนคร จะเดินทางด้วยรถโดยสาร หรือเครื่องบิน โดยมีสายการบินที่ให้บริการ คือ นกแอร์ ขาไปเดินทางไฟท์เช้าประมาณ 8 โมง  และขากลับเลือกกลับไฟท์ช่วงเย็น จากนั้นสามารถเช่ารถจากสนามบินสกลนครขับเที่ยว มีบริษัทรถเช่าให้บริการหลายแห่ง หรือจะเลือกนั่งเครื่องไปลงจังหวัดนครพนมเช่ารถจากที่นั่นเที่ยวนครพนมก่อน แล้วแวะมาสกลนครต่อก็ได้ค่ะ จากนครพนมใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง เท่านั้น เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กัน การเที่ยวภายในจังหวัดสกล ใช้รถส่วนตัวจะสะดวกที่สุด เพราะไม่มีค่อยมีรถโดยสารภายในจังหวัดเยอะนัก

 

วันแรก

มาถึงช่วงเช้าแวะเติมพลังให้อิ่มท้องกันที่  หนีห่าวเจ้าซาว   ร้านอาหารเช้าตกแต่งในสไตล์จีนแบบเก๋ๆ มาพร้อมกับเมนูอาหารที่เสิร์ฟตั้งแต่เช้าถึงบ่าย เหมาะกับสำหรับคนตื่นเช้าหรือตื่นบ่ายก็มาทานได้ เมนูมีทั้ง  ติ่มซำ  ขนมจีบ ซาลาเปา หมั่นโถว ไข่กระทะ ข้าวต้ม อาหารจานเดียว เช่น ข้าวหน้าไก่ราชวงศ์  ข้าวหมูกรอบ ข้าวคลุกกะปิ  เครื่องดื่ม ชา กาแฟ และกาแฟดริปแบบเวียดนาม น้ำส้มคั้นสดแท้ เรียกได้ว่ามีมากมายให้เลือกทาน ให้มื้อเช้าของการมาเที่ยวสกลนคร เป็นอีกหนึ่งมื้อที่น่าจดจำ

 

                                                                                                                                 

ตัวร้านเป็นแบบตึก ที่ตกแต่งในแบบสไตล์จีนแท้  มีที่จอดรถสะดวกสบาย  ด้านนอกมีเก๋ๆ ทั้งด้านหน้าและข้างนั่งชิลๆถ่ายรูป

 

 

ส่วนภายในร้านตกแต่งแบบจีนเช่นกัน มีโต๊ะเก้าอี้นั่ง ตามมุมต่างๆ ในแบบที่ต่างกัน ให้ฟีลเหมือนนั่งทานอาหารในโรงเตี๋ยม ยิ่งช่วงเช้าเวลาที่มีแสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ได้ความรู้สึกอบอุ่น

 

 

มาถึงเมนูอาหารมีมากมาย ทั้งอาหารแบบจีนๆ อย่างเช่น ติ่มซำ  ขนมจีบ ซาลาเปา  และอาหารสไตล์เวียดนาม อย่างเช่น ไข่กระทะ และกาแฟดริป อาหารแบบไทยๆ อย่างเช่น ข้าวต้ม ข้าวไก่ราชวงศ์ ข้าวคลุกกะปิ รสชาติอาหารและเครื่องดื่มโดยรวมก็ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ ทานตอนเช้าเคล้าบรรยากาศดีให้ได้พออิ่มท้อง ก่อนเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดสกลนคร

 

 

หนีห่าวจ่าวชาน

พิกัด 642/3 ถ.รัฐบำรุง สกลนคร (ติดสนามแบดมินตัน ตรงข้ามโรงแรมเอพีเพลส เส้นกกส้มโฮง)

เปิดให้บริการ : จันทร์ – ศุกร์  07:00 – 14:00 เสาร์, อาทิตย์ 07:00 – 15:00 น.  

(หยุดทุกวันพุธ) 

Facebook : nihaozaocan

 

วัดพระธาตุเชิงชุม

จากนั้นแวะไป  วัดพระธาตุเชิงชุม  ปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ยอดฉัตรเหนือองค์พระธาตุทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ภายในมีรอยพระพุทธบาท 4 พระองค์ นับเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ดังคำกล่าวที่ว่า “จะมีครั้งไหนที่ได้อานิสงส์มากไปกว่าการได้มาบูชา พระธาตุที่สร้างครอบรอยพระบาทแห่งพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์” เชื่อกันว่าอานิสงส์ในการนมัสการพระธาตุเชิงชุมจะก่อให้เกิดความ เป็นสิริมงคลสูงสุดแก่ตนเองและครอบครัวให้มีความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปราศจากอันตราย 

 

 

ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร  ในทุกวันจะมีประชาชนมากราบ ไหว้พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระแสนเป็นจำนวนมากทีเดียว

 

 

ถนนสายผ้าคราม 

สกลนคร เมืองที่โดดเด่นขึ้นชื่อในเรื่องผ้าคราม เนื่องด้วยภูมิศาสตร์เหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นคราม รวมถึงอุณหภูมิยังช่วยเสริมการแช่ใยครามและหมักน้ำย้อม ทำให้น้ำครามมีคุณภาพดีเยี่ยม ผ้าครามจึงเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ผ้าครามสกล จึงถือเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า ภายในตัวเมืองสกลนครมีร้านขายผ้าครามจำหน่ายหลายร้านบริเวณถนน โดยเฉพาะบริเวณ ถนนสายผ้าคราม เยื้องวัดพระธาตุเชิงชุม  ซึ่งในช่วงวันเสาร์ จะมีถนนคนเดิน ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้ามาเปิดร้านขายสินค้า ตั้งเป็นแถวเรียงรายไปตามถนน แต่ถ้ามาในช่วงเวลาปกติมีเพียงร้านค้าขายผ้าครามที่เปิดให้บริการประมาณ 3-4 ร้าน  พอให้ได้ช้อปพอหอมปากหอมคอ 

 

 

บริเวณถนนสายผ้าครามยังมีภาพวาดผ้าคราม ที่วาดได้พริ้วไหวเหมือนจริงมาก ให้เก็บภาพความประทับใจกลับไปด้วย 

 

 

มีคาเฟ่ชิคๆ ชื่อ Piccolo cafe เป็นร้านเล็กๆ ตกแต่งสวยผสมผสานความเป็นฮิปสเตอร์กับวัสดุไม้แดงได้บรรยากาศแปลกตา มีทั้งพื้นที่ในห้องแอร์ที่มีมุมหน้าต่างกระจกนั่งพักจิบเครื่องดื่มให้ชื่นใจ

 

 

ส่วนข้างนอกแบบโอเพ่นแอร์ เป็นมุมเล็กประดับด้วยต้นไม้สีเขียวให้พอชื่นใต เราสั่งโกโก้ มาทาน รสชาติเข้มขันอร่อยดี

 

 

อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ

จากนั้นเราออกจากตัวเมืองสกล ไปยัง อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ  ที่นี่มีบัวมากกว่าหลายร้อยสายพันธุ์  ความโดดเด่นของอุทยานบัว คือ บึงบัวขนาดใหญ่มีสะพานไม้สีแดงทอดยาวเชื่อมต่อกัน ให้เดินความสวยงามตระการตาของดอกบัวรอบสระ มีศาลาชมวิวกลางบึงบัวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้บริเวณอุทยานบัว ยังมีรูปปั้นพญานาคเผือกขนาดใหญ่ ให้กราบไหว้ขอพร และมีร้านกาแฟ ขนม เครื่องดื่มให้บริการอีกด้วย  

 

 

อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ เปิดให้เข้าชมฟรี โดยมีบึงบัวขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า ภายในบึงน้ำมีดอกบัวหลากสีสัน หลายสายพันธุ์ พร้อมจัดทำทางเดินไม้สีแดงที่ทอดยาวพาดผ่านบึงน้ำ ที่ถูกสร้างออกแบบให้เชื่อมสัมพันธ์กัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมดอกบัวได้อย่างใกล้ชิดรอบสระ และยังมีศาลาอเนกประสงค์กลางบึงได้นั่งรับลมชมวิว และสำหรับพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย สามารถนั่งชมดอกบัวพร้อมรับลมยามเย็น

 

 

นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นพญานาคเผือกขนาดใหญ่ ตั้งโดดเด่นริมอุทยานบัว พญานาคสีขาว เปรียบเทียบเป็นสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ตามศาสนาพุทธ จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนมีความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงให้ความเคารพพญานาค ซึ่งตามตำนานของชาวเมืองสกลนครเชื่อว่า พญานาคช่วยปกป้องรักษาบ้านเมือง ช่วยคุ้มครองทะเลสาบหนองหาร บึงน้ำขนาดใหญ่ ให้ประชาชนมีความสงบสุขร่มเย็น  บึงบัวสกลนคร จึงเป็นสถานที่ในอีกบรรยากาศชิลๆ ที่สามารถแวะมาหาความเพลิดเพลินกันได้

 

 

อุทยานหนองหานเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร 
ที่อยู่ : 59 หมู่ 1 ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.สกลนคร รหัสไปรษณีย์ 47000
โทรศัพท์ : 0-4272-5000  โทรสาร : 0-4272-5013
วันเวลาเปิดทำการ  จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 8.30 – 18.00 น.

 

 Pimulano hotel

จากบึงบัวไม่ถึง 10 นาที ตรงไปยังที่พักในคืนนี้ในโซนบ้านท่าแร่  เพราะตั้งใจจะไปเที่ยวบ้านท่าแร่ในบ่ายแก่ๆ เลยไม่ได้เลือกพักในตัวเมืองหาที่พักแถวท่าแร่จะสะดวกกว่า เราเลือกพักที่  Pimulano hotel ที่พักในสไตล์ยุโรป อาคารแบบอิตาลีสวยงามแบบนี้ แต่ราคาถูกมาก คืนละ 500 บาท เท่านั้น ภายในห้องสิ่งอำนวยความสะดวกครบมาก และแบ่งเป็นสัดส่วน ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ มีห้องที่มีอ่างอาบน้าด้วยค่ะ หากใครต้องการพักแบบใช้อ่างอาบน้ำเสียค่าห้องเพิ่มเพียง 100 บาท เตียงนอนนุ่มนอนสบาย ดีคุ้มเกินราคามากๆ สามารถจองห้องพักและสอบถามรายละเอียดได้ในเฟสบุคของที่พักได้เลยค่ะ 

 

 

บ้านท่าแร่

พักผ่อนคลายในที่พักจนถึงบ่ายสี่โมง เราไปต่อยัง หมู่บ้านท่าแร่ จากที่พักไม่ถึง 10 นาที  บ้านท่าแร่  เป็นชุมชนคริสต์เก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี   เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย ความโดดเด่นของหมู่บ้านท่าแร่ นอกจากจะได้พบกับบรรยากาศเงียบสงบ และวิถีชุมชนขาวคาทอลิคที่เรียบง่ายแล้ว ยังได้ชมบ้านเรือนและตึกโบราณสไตล์โคโรเนียลแบบฝรั่งเศสสวยงามแปลกตา เป็นอาคารทอดยาวที่เป็นเอกลัษณ์ ตามแบบฉบับของฝีมือช่างท้องถิ่นที่ไม่เหมือนที่ใด

 

 

หมู่บ้านท่าแร่  ห่างจากตัวเมืองสกลนคร ประมาณ 21 กม. ในอดีต ประชากรชาวท่าแร่เป็นชาวคริสต์ อพยพมาจากประเทศเวียดนามประมาณ 40 คน อาศัยอยู่ในตัวเมืองสกลนคร แต่เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น จึงได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ บ้านท่าแร่ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ “โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล” ซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านนี้อีกด้วย

 

 

สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านท่าแร่ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้พบกับความสวยงามของบ้านโบราณอายุมากกว่า 100 ปี โดยอาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นแบบตึกปูนทรงยุโรปด้วยสถาปัตยกรรม​โคโลเนียล​แบบฝรั่งเศสผสมเวียดนาม อาคารแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้ภูมิปัญญาช่าง และประสบการณ์การก่อสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูนไม่มีช่างใดทำได้และไม่ค่อยพบเห็นที่ไหน 

 

 

 บ้านฟรานซิสโก บ้านโบราณ Landmark ที่ต้องแวะตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์ อัครเทวดามีคาแอล เป็นบ้านเก่าแก่ที่ปัจจุบันเจ้าของบ้านได้เปลี่ยนบ้านเป็นร้านอาหาร ชื่อว่า “ ข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก” ที่ให้บริการอาหารเมนูง่ายๆ สไตล์เวียดนาม รวมไปถึงอาหารตามสั่ง ชา กาแฟ รวมทั้งร้านอาหารเช้าแบบคลาสิคย้อนยุค ในราคาไม่แพง

 

 

อาหารของร้านนี้ถึงแม้จะเป็นอาหารจานเดียวง่ายๆ  แต่อาหารอร่อยถูกปากทุกเมนู  โดยเฉพาะสุกี้น้ำจิ้มสุกี้แบบโบราณ คือ ดีมาก เป็นเมนูขึ้นชื่อ ที่ถ้าพูดร้านนี้ทุกคนต้องถามว่า ได้ทานสุกี้หรือยัง เป็นเมนูอันดับต้นที่ไม่ควรพลาด ส่วนอาหารเช้ามีทั้ง ไข่กระทะ ข้าวเปียกเส้น ข้าวต้ม อาหารทานเล่น อย่างเกี๊ยวกุ้ง อร่อยมาก เราฝากท้องที่ร้านนี้ทั้งมื้อเย็นและมื้อเช้า มีความปลื้ม

 

 

อีกหนึ่งเครื่องดื่มที่คอกาแฟและไม่ใช่คอกาแฟต้องลอง กาแฟดริปเวียดนามที่ใช้เมล็ดกาแฟโรบัสต้าของเวียดนามแท้ มีความเข้มแบบไม่มากจนเกินไป หอมละมุนมาก เติมนมสดที่ผสมความหวานมาแบบกำลังดีลงไปอีกนิด ทำเอาคนที่ไม่ค่อยชอบทานกาแฟอย่างเรา เคยไม่ปลื้มและมีภาพจำความเข้มที่หนักมากของกาแฟโรบัสต้า ชอบจนเผลอซดหมดได้ ถือว่า ไม่ธรรมดา ส่วนใครที่ยังไงก็ไม่สามารถลองทานกาแฟดริปได้ แนะนำเป็นชาเย็น กลิ่นชาหอมรสชาติดี เช่นกัน

 

 

ถัดจาก บ้านฟรานซิสโก คือ  2  อาคารที่มีลักษณะคล้ายกัน อาคารแรก คือ คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์  คฤหาสน์เก่าแก่ดั้งเดิม​ตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ที่​​ทอดตัวเป็นแนวยาว โดยช่างฝีมือชาวเวียดนาม ที่อพยพมาอยู่ในจังหวัดนครพนมและบ้านท่าแร่  ลักษณะเป็นอาคารสีเหลืองก่อปูน 2 ชั้น​ ถึงแม้สีจะซีดและเลือนลางไปตามกาลเวลา แต่สภาพตึกยังค่อนข้างสมบูรณ์สะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีต  ปัจจุบันไม่มีคนพักอาศัย แต่ยังมีทายาทที่เป็นเจ้าของอาคารนี้มาทำร้านกาแฟอยู่ติดกับตึก และมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปเรื่อยๆ  

 

 

ร้านวราคาเฟ่ ร้านกาแฟเล็กๆที่ติดกับ คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์  จัดมุมที่นั่งได้น่ารัก น่านั่ง ทั้งมุมด้านหน้าและข้างร้านที่จัดเป็นสวนเล็กๆ แบบอังกฤษ  อีกมุมที่เก๋มาก คือ ที่นั่งติดกับบานประตูของคฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ 

 

 

ติดกับคฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์  เป็นอาคารที่มีศิลปแบบโคโลเนียลเช่นกัน  ชื่อว่า บ้านโบราณ องเลื่อง โสรินทร์ ช่างก่อสร้างได้ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประสบการณ์ในการก่อสร้าง แบบก่ออิฐถือปูนไม่มีปูนซีเมนต์ ไม่มีเหล็ก แต่ช่างได้ใช้วัสดุพื้นบ้าน โดยการนำปูนขาวผสมกับทราย ยางพืชพื้นเมือง คือ ยางบงและน้ำอ้อยแทนปูนซีเมนต์ โครงสร้างชั้นบนส่วนมากเป็นไม้ อุปกรณ์บางอย่างนำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส  ลงเรือมาถึงกรุงเทพขึ้นรถไฟมาถึงโคราช และบรรทุกใส่เกวียนต่อมาถึงท่าแร่ อาคารหลังนี้จึงกลายเป็นมรดกที่ล้ำค่าทางสถาปัตยกรรม ที่โดดเด่นสวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร

 

 

 

 

เป็นอีกอาคารที่ถ่ายรูปแล้วแสงเงาสวย โดยเฉพาะช่วงบ่ายประมาณสี่โมง ที่มีแสงส่องกระทบลงมายังตัวอาคาร เดินถ่ายรูปแทรกตัวตามเสา บานประตู สนุกเพลิดเพลินมาก

 

 

จากบ้าน องเลื่อง โสรินทร์ ไปประมาณ 400 เมตร จะพบกับบ้านโบราณหลังนี้ มีอายุประมาณ 90-100 ปี เป็นบ้านของ นายหนู ศรีวรกุล นางหนูนา อุปพงษ์ ซึ่งเป็นบุตรของพระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมืองสกลนครเวลานั้น เดิมสร้างเป็นที่อยู่อาศัย ต่อมาในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการสั่งปิดโบสถ์ไม่ให้ใช้ทำพิธีใดๆ ในทางศาสนา ชาวคริสต์จึงต้องหาสถานที่แห่งใหม่เพื่อใช้ทำพิธีต่างๆ และเนื่องจากบุตรหลานของเจ้าของบ้าน  เป็นพระสงฆ์ในศาสนาคริสต์ จึงอนุญาตให้ใช้บ้านเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา น่าเสียดายที่ต่อมาบ้านถูกไฟไหม้ ชำรุดทรุดโทรม ไม่มีการบูรณะซ่อมแซม มีต้นโพธิ์ขึ้นรกรุงรัง จนกลายเป็นบ้านร้างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ก็ดูมีความเก่าขลังไปอีกแบบ

 

 

มาเที่ยวสกลนคร แล้วไม่ได้แวะมาบ้านท่าแร่ เหมือนมาไม่ถึง เป็นหมู่บ้านน่ารักที่เหมาะกับการถ่ายรูปแนวอาร์ท วินเทจ  สวยคลาสสิค ที่ให้อารมณ์ย้อนยุคมาก ใครชอบถ่ายรูปน่าจะชอบที่นี่มาก มายืนถ่ายรูปกับอาคารโบราณได้หลายมุม

 

วันที่สอง

วัดถ้ำผาเด่น

เราตื่นแต่เช้า แวะไปรับประทานอาหารเช้าที่ ข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก  ร้านเดิมบ้านท่าแร่ เพราะโรงแรมไม่มีอาหารเช้าให้ จากนั้นเดินทางกลับเข้าไปในตัวเมือง ไปต่อยัง วัดถ้ำผาเด่น  ห่างจากตัวจังหวัด 17 กม.  เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดของสกลนคร  โดดเด่นด้วยรูปปั้นองค์พญานาคปรกขนาดใหญ่  ภาพแกะสลักบนหน้าผาหินมีเอกลักษณ์วิจิตรงดงาม พญาเต่าภูผาแด่นงดงามอลังการ ตัววัดตั้งอยู่บนภูเขาสูงท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่น มีการจัดสวนด้วยดอกไม้สีสันสดใส ต้นไม้ต่างๆ และน้ำตกจำลอง มีร้านกาแฟไว้ให้นั่งพักสัมผัสธรรมชาติที่ร่มรื่น สามารถชมทิวทัศน์มองเห็นวิวภูเขาเขียวขจีได้แบบพาโนรามาอีกด้วย  

 

 

การเดินทางมาที่ วัดถ้ำผาแด่น ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดด้านล่าง จากนั้นใช้บริการรถสองแถวของทางชุมชน ค่าบริการคนละ 20 บาท (ไป กลับ) มีรถออกตลอดทั้งวัน เมื่อมาถึงด้านหน้าจะผ่านป้ายชื่อวัด และสวนแมกไม้ใบไม้มอสตะไคร้น้ำเย็นเขียวสดสวยเย็นฉ่ำใจ  สวยงามและโดดเด่นตลอดทาง  ได้ยินเสียงน้ำไหล นกร้อง เหมือนภาพในสารคดีป่าเขตร้อนชื้นมากๆ 

 

 

จากทางเข้าเดินผ่านสวน มาถึงจุดไฮไลท์ จุดแรก พระพุทธชัยราชา เป็นพระพุทธรูปนาคปรกมีลำตัวแบบพญานาคสีทอง ลำตัวทอดยาว 

 

 

 

ส่วนหางของพญานาคทอดยาวไปจนถึงภาพแกะสลักหิน ทางเดินมีการการจัดทำเป็นซุ้มต้นไม้ ต้นเฟิร์น ให้เดินลอดผ่านเหมือนเดินผ่านอุโมงค์ เดินมาจนสุดทางจะพบกับสวนน้ำตกจำลองที่ชุ่มชื่น

 

 

หินแกะสลักเป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับรูปปั้นพญานาค ที่สามารถชมวิวตัวเมืองสกลนครได้ 

 

 

ประติมากรรมหินทรายขนาดใหญ่ถูกแกะสลักเป็นเรื่องราวต่างๆ ทั้ง ภาพแกะสลักหินทรายพระพุทธสีหไสยาสน์  ภาพพระอริยสงฆ์   พญาครุฑเวสสุวรรณ ส่วนด้านบนเป็นที่ตั้งของหินสีทอง คล้ายพระธาตุอินทร์แขวนที่สามาถมองเห็นมาแต่ไกล เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ตามคติในศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนา

 

 

 

ร้านกาแฟที่มีการจัดสวน ด้วยดอกไม้สีสันสดใส ต้นไม้ และไม้ประดับต่างๆ มีการจัดทำเป็นทางเดินบันไดลงไปด้านล่าง ผ่านต้นไม้และเฟิร์นที่ห้อยระย้า เพื่อไปไหว้พญาเต่าภูผาแด่น

 

 

พญาเต่าภูผาแด่นมหาโพธิสัตว์และราหู ลักษณะรูปปั้นมีปีกสองข้าง บนหลังกระดองเต่ามีพระราหูทับอยู่ ด้านบนพระราหูมีองค์พระอินทร์นั่งอยู่ชั้นบนสุดด้วย สำหรับการขอพรพญาเต่าให้ ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ไม้ข้างๆ และกระซิบที่ข้างหูพญาเต่า  ใครอยากจะขอพระอะไรก็ได้ หรือจะระบายความทุกข์อะไรก็ได้ ไม่มีใครได้ยิน มีแต่องค์พญาเต่าผาแด่น มหาโพธิสัตว์ จะคอยดลบันดาลและให้ทุกคนพบแต่สิ่งที่ดีตลอดไป  วัดถ้ำผาแด่น ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีโอกาสอยากให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเอง

 

 

พญาเต่างอย

จุดหมายต่อไป เปิดตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของนักเสี่ยงโชค พญาเต่างอย  ที่ไม่ได้เป็นเพียงชื่อที่ถูกนำมาเรียบเรียงในเพลง เต่างอย เพลงดังของคุณจินตรา พูนลาภ เต่างอย ชื่อ ที่เราคุ้นหู คือ  พญาเต่างอย สัญลักษณ์ของอำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร จนมีการปั้นรูปพญาเต่างอยขึ้นมา จนกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เคารพนับถือของชาวบ้านในอำเภอ รวมถึงในจังหวัดใกล้เคียง โดยมีความเชื่อว่าหากใครได้มาสักการะบูชาจะทำให้อายุยืนยาวมีโชคมีลาภกลับไป

 

 

พญาเต่างอย ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะอำเภอเต่างอย ริมลำน้ำพุง จังหวัดสกลนคร  พญาเต่างอย ถูกกล่าวขึ้นราว 400 ปี โดยไทยได้ทำสงครามกับลาว คนลาวพ่ายแพ้จึงถูกกวาดต้อนมาอยู่ในประเทศไทย เมื่อเดินทางมาถึงลำน้ำพุง ซึ่งเป็นลำน้ำขนาดใหญ่ของสกลนคร  และมีเต่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก คนในสมัยก่อนเห็นว่าบริเวณนี้น่าจะมีพืชพันธุ์ธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัย จึงได้ตั้งถิ่นฐานขึ้น โดยตั้งชื่อว่า “หมู่บ้านเต่างอย” ตามสถานที่พบเห็นเต่าที่กำลังลอยริมฝั่งแม่น้ำ หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีสัญลักษณ์เป็น รูปเต่า และได้ตั้งชื่ออำเภอว่า เต่างอย  เต่างอย หมายถึง เต่าที่อยู่บนที่สูงหรืออยู่ริมตลิ่งหรือโขดหิน  

 

 

หลังจากนั้นชาวบ้านและทางราชการต้องการที่จะสร้างสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอเต่างอยขึ้นมา จึงได้ให้ช่างปั้นจากศูนย์ฝึกศิลปาชีพบ้านกุดนาขามมาสร้างรูปปั้นเต่ายักษ์ไว้บริเวณสวนสาธารณะหลังที่ทำการอำเภอเต่างอย รูปปั้นพญาเต่างอยตั้งอยู่ในสระน้ำ ที่ล้อมรอบด้วยรูปปั้นพญานาค และเต่าบริวารขนาดเล็กหลายตัว ลักษณะสำคัญของพญาเต่างอยคือเป็นเต่าขนาดใหญ่ เกล็ดบนหลังรูปพระเกจิอาจารย์ประดับตกแต่ง บนหลังพญาเต่างอยประดับดอกบัวปั้น ในดอกบัวมีสร้อยทอง พระ ของขลังต่างๆ บรรจุไว้พร้อมฉาบปิดแน่นหนา โดยผู้ที่ใส่เครื่องรางของขลังเหล่านั้นเชื่อว่าจะไม่เจ็บไข้ได้ป่วย และเชื่อว่าหากใครได้มาสักการะบูชาจะทำให้อายุยืนมีโชคมีลาภกลับไป จึงมีผู้เดินทางมากราบไหว้และขอโชคขอลาภกับพญาเต่างอยตลอด

 

 

หลังจากขอโชคลาภจาก พญาเต่างอยแล้วควรแวะมายัง วัดศิริมังคละ เต่างอย ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ รูปปั้นพญาเต่างอย จะเดินข้ามสะพานมา หรือจะขับรถมาก็ได้ วัดตั้งอยู่ริมถนนเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ของคนในพื้นที่ ที่ควรแวะไหว้สักการะ ด้านหน้าวัด มีป้ายชื่อ และรูปปั้นพญานาคสองตัวคดเคี้ยวล้อมไว้ ถัดจากป้าย คือ เจดีย์พระธาตุเต่างอย ที่ตั้งโดดเด่น จำลองคล้ายกับพระธาตุพนม มีความงดงาม ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ให้ได้กราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล

 

 

ครามสกล

ใครอยากมารู้จักผ้าครามในมุมมองที่ทันสมัย ให้มาที่ ครามสกล ร้านชื่อดังที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ฝ้ายย้อมครามทอมือและจากสีธรรมชาติ โดยแปรรูปผ้าคราม ให้เป็นสินค้าต่างๆ มีความหลากหลาย ทั้ง เสื้อผ้า ผ้าพันคอ หมวก กระเป๋า รองเท้า ตุ๊กตา พวงกุญแจ ดีไซน์เก๋ไก๋มีความทันสมัยใช้งานง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน มีกิจกรรม workshop การทำผ้าครามรวมถึงร้านอาหารและร้านกาแฟ ให้บริการอีกด้วย

 

 

ร้านครามสกล ตั้งอยู่ออกมานอกเมืองนิดหน่อย บริเวณเส้นทางที่จะไปวัดถ้ำผาแด่น  เป็นร้านที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผ้าคราม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งพื้นที่ได้เป็นสัดส่วนและตกแต่งแบบเก๋ไก๋มาก ทั้งโซนขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มาถึงพื้นที่บริเวณลานจอดรถจะเจอกับตุ๊กตาคู่ชายหญิงแต่งชุดผ้าคราม ยืนพนมมือไหว้ต้อนรับด้านหน้าอย่างน่ารัก ซึ่งส่วนนี้คือ พื้นที่ของร้านขายของที่ระลึก และกิจกรรมเวิร์คชอป DIY

 

 

ร้านขายของที่ระลึก เป็นบ้านไม้แบบไทยภาคอีสาน รอบบ้านร่มรื่นด้วยต้นไม้ จัดเป็นมุมโต๊ะเก้าอี้ สำหรับนั่งพักผ่อน มีของประดับเป็นผ้าครามตามมุมต่างๆ ทั้งผ้าพันคอ ตุ๊กตาหมีตัวโต ภายในร้านมีสินค้าให้เลือกมากมาย ดีไซน์สินค้าค่อนข้างทันสมัย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมวก ผ้าพันคอ หรือจะเป็นของชิ้นใหญ่ อย่างปลอกหมอน ไปจนถึงผ้าคลุมเตียง  ลายผ้าสวย ดีไซน์ทันสมัยน่าซื้อมาก ราคาจึงค่อนข้างสูงนิดนึงส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 500 up ถึงหลักหลายพันแต่เพราะเป็นงานฝีมือทั้งหมด แต่สำหรับคนที่ชอบสินค้าแนวนี้ อยากได้ดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร เรื่องราคาคงไม่ใช่ปัญหา ส่วนราคาสินค้าที่ไม่สูงมาก จะเป็นพวงกุญแจ ตุ๊กตาหมี ที่สามารถซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก

 

 

ข้างในสุดเป็นร้านขายของที่ระลึกเช่นกัน แต่สินค้าจะเน้นผ้าเป็นผืน ผ้าพันคอ และเสื้อผ้าที่ดีไซน์จะเป็นแบบดั้งเดิม

 

 

นอกจากได้เดินช้อปสินค้าจากผ้าครามแล้ว ที่นี่ยังมีสาธิตวิธีการทำผ้าคราม รวมถึงเวิร์คชอป DIY ทำผ้าครามกันด้วย เราสามารถเลือกทำผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ กระเป๋า หรือเสื้อก็ได้ ใครสะดวกแบบไหน จัดได้ตามใจชอบเลย การเวิร์คช็อปย้อมผ้าคราม จะใช้เวลาประมาณ2-3ชั่วโมง ชึ้นอยู่กับลวดลายที่เราเลือกทำ

 

 

ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งได้ร่มรื่นน่านั่ง มีทั้งพื้นที่แบบเอาท์ดอร์ในสวน และพื้นที่ในส่วนขอบห้องแอร์  ทั้งโต๊ะเก้าอี้บางส่วนยังใช้ผ้าครามมาทำอีกด้วย สมกับเป็นร้านขายผลิตภัณฑ์จากคราม ส่วนเครื่องดื่ม มีทั้งกาแฟ ชา และน้ำผลไม้ สั่งเสาวรสโซดา มาทาน รสชาติดี

 

 

ภายในร้านกาแฟยังมีผลิตภัณฑ์กระเป๋าและหมวกสานให้เลือกช้อปด้วย ราคาไม่แพงหมวกใบละ 150 กระเป๋า 150-250 บาท แล้วแต่ดีไซน์และขนาด เป็นราคาที่ตัดสินใจซื้อได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก  มาสกลนคร ต้องมารู้จักผ้าครามนอกจากจะได้อุดหนุนสินค้าดีๆจากชุมชนดีไซน์เก๋ ไม่ซ้ำใคร ยังได้เรียนรู้การทำผ้าครามได้แบบสนุกสนานอีกด้วย

 

 

ครามสกล

ที่อยู่ : 12 ตำบล ห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร สกลนคร 47000

เปิดให้บริการ : ทุกวัน 08:00 น.  – 17:00 น.  

โทรศัพท์: 092 515 9455

 

ข้าวเกรียบปากหม้อปารีส

ก่อนขึ้นเครื่องกลับแวะไปทาน ข้าวเกรียบปากหม้อปารีส อีกหนึ่งเมนูอาหารขึ้นชื่อของสกลนคร ปากหม้อมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งแบบดั้งเดิมแป้งนุ่มสอดไส้ต่างๆ  ด้านในเครื่องแน่นมากทั้งหมูสับ หมูยอ กุ่ยช่าย และบางเมนูมีใส่ไข่ลงไปด้วย ทีเด็ดคือ หอมเจียวที่โรยหน้าปากหม้อมีความหอมกรอบ นอกจากนี้ยังมีแบบแป้งกรอบให้ทาน  ปากหม้อทำแบบสดใหม่ชิ้นต่อชิ้น พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้านหวานผสมเปรี้ยว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูปากหม้อที่แตกต่างจากปากหม้อที่เราเคยทาน สำหรับรสชาติโดยรวมพอใช้ได้ เป็นอาหารพื้นถิ่นที่ควรมาทานลองทานเมื่อมาถึงสกลนคร 

 

 

ข้าวเกรียบปากหม้อปารีส

พิกัด 1438/12, เปรมปรีดา ซอย 7 สกลนคร (เข้าซอยตรงข้ามโรงแรมดุสิต ร้านอยู่บริเวณโรงหนังปารีสเก่า)

เวลาเปิดร้าน จันทร์ – อังคาร 09:30 น. – 19:00 น. , พฤหัสบดี – อาทิตย์ 09:30 น. – 19:00  น.

 

เที่ยวสกลนคร 2 วัน 1 คืน เที่ยวได้ เที่ยวง่าย มีสถานที่สวยงาม มีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมในมุมแบบเก๋ๆ มีความคลาสสิคเรียบง่าย  ใครมาสายนี้รับรองชื่นชอบจังหวัดนี้แน่นอน

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง