15 ถ้ำสวยในเมืองไทย กับตำนานความเชื่อเร้นลับ

ถ้ำ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นิยมอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเทียว ซึ่งจะได้พบกับความยิ่งใหญ่อลังการ และความสวยงามของปฎิมากรรมที่สวยงามแปลกตาของหินงอก หินย้อย ที่มีความระยิบระยับ ที่สร้างสรรค์ด้วยธรรมชาติ ความสวยงามเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของผู้ที่ชื่นชอบความงามของถ้ำและการผจญภัยให้เดินทางเข้ามาชมแต่ภายใต้ความงามที่ชวนหลงใหลเหล่านั้น บางถ้ำมีความเร้นลับ อาถรรพ์ต่างๆ ที่ปรากฏออกมาตามตำนาน ความเชื่อ คำร่ำลือของคนในพื้นที่และจากนักท่องเที่ยวผู้ที่เคยไปประสบพบเจอมาด้วยตัวเอง ไปด้วยกันได้รวบรวมถ้ำเด่น ที่สวยงามน่าเที่ยวและบางถ้ำมาพร้อมกับตำนานความเชื่ออันลี้ลับ ชวนให้พิศวงมาฝากกัน

 

เที่ยวถ้ำ

 

ถ้ำเชียงดาว เชียงใหม่

ถ้ำเชียงดาว หรือถ้ำหลวงเชียงดาว ตั้งอยู่ในเขต อำเภอเชียงดาว เชิงเขาของดอยหลวงเชียงดาว เป็นถ้ำเก่าแก่ที่สวยงามและขึ้นชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ ลี้ลับ อันดับต้นของเมืองไทย ภายในถ้ำแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ซึ่งมีความงามจากการเสกสรรปั้นแต่งของธรรมชาติชวนให้ตื่นตาตื่นใจกับปรากฏการณ์ของหินงอกหินย้อย ที่ก่อให้เกิดรูปร่างต่างๆ มีชื่อเรียกตามลักษณะรูปทรง เช่น หินโคมไฟเทวดา หินดอกบัวบาน หินมือยักษ์ หินดอกบัวพันชั้น โดยเฉพาะภายในถ้ำแก้ว เมื่อยามกระทบแสงสว่างนั้นดูงดงาม ตระการตา เพราะจะเห็นเป็นแสงระยิบระยับคล้ายประกายของเพชรเลยทีเดียว

ตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำเชียงดาว

ถ้ำหลวงเชียงดาว เป็นโบราณสถานที่ผู้คนมากมายเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งอาจเป็นเพราะได้รู้เรื่องราวอัศจรรย์แต่ในหนหลังที่เล่าสืบต่อกันมา นั่นก็คือ เจ้าหลวงคำแดง เป็นบุตรชายของเจ้าผู้ครองเมืองพะเยาได้ทิ้งบ้านเมืองเพื่อออกตามหาหญิงสาวที่แปลงร่างเป็นกวางทอง เพราะหลงรูปโฉมที่สวยงามซึ่งหายลับเข้าไปในถ้ำหลวงเชียงดาว เจ้าหลวงคำแดงจึงได้ตามเข้าไปในถ้ำเช่นเดียวกัน โดยไม่ได้กลับออกมาอีกเลย หากแต่ไม่จุติใหม่เป็นเทวดาผู้มีฤทธิ์อยู่ในภายถ้ำ และปกปักรักษาถ้ำหลวงเชียงดาว ต่อมาชาวบ้านได้สร้างศาลถวายท่านและตั้งชื่อว่า“ศาลพ่อหลวงคำแดง” นอกจากนี้ยังมีตำนานเรื่องเล่ากันต่อๆ มาอีกว่ามีฤาษี ชื่อว่า “พรหมฤาษี”เป็นผู้วิเศษด้วยฌานอันแก่กล้า ได้เรียกประชุมเทวดา อินทร์ พรหม ยักษ์ อสูร นาคราช เป็นต้น เพื่อมาเนรมิตสิ่งวิเศษต่างๆ เช่น พระพุทธรูปทองคำ ต้นโพธิ์ทองคำ ช้างวิเศษหรือ ช้างเอราวัณ ดาบวิเศษหรือดาบศรีกัญชัย อาหารทิพย์ ม้าวิเศษ เป็นต้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกเก็บไว้ที่ส่วนลึกภายในถ้ำและได้รับ การดูแลรักษาเป็นอย่างดีจากเทวดาผู้มีฤทธิ์ชื่อว่า “เจ้าหลวงคำแดง” ครั้งหนึ่งมีชาวบ้าน 2 คนได้เข้าไปในถ้ำเพื่อ ค้นหาของวิเศษ และต้องการนำออกมาจากถ้ำด้วย แต่แล้วก็มีอันเป็นไป คือทั้ง 2 คนหาทางออกมาจากถ้ำไม่ได้ แม้ญาติพี่น้องจะเข้าไปตามหาก็ ไม่พบ ภายหลังมีชาวบ้านเข้าไปพบโดยบังเอิญ ปรากฏว่าคนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่จึงนำมารักษาตัวที่บ้าน แต่เพียงไม่ถึงอาทิตย์ก็เสียชีวิตหลังจากนั้นก็มีเรื่องราวของคนที่เข้าไปในถ้ำแล้วหลงทางกลับออกมาไม่ได้จนต้องเสียชีวิตอยู่ในถ้ำ เพราะมีจิตอกุศลคิดอยากได้ของวิเศษนั้นมาเป็นสมบัติส่วนตัว ดังนั้นเรื่องราวในตำนานจึงกลายเป็นความเชื่อความศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำหลวงเชียงดาวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สำหรับเกร็ดความเชื่อความศรัทธาเกี่ยวกับถ้ำหลวงเชียงดาวยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น พระพุทธรูปหินอ่อนที่อยู่คู่ถ้ำหลวงเชียงดาวมาเนิ่นนานได้มีคนขโมยไปแต่ก็เกิดเหตุร้ายเกือบถึงแก่ชีวิต จนต้องนำกลับไปคืนดังเดิม อีกเรื่องหนึ่งคือ “พระพุทธรูปทันใจ”ที่ อยู่ในวัดถ้ำเชียงดาวซึ่งเชื่อกันว่าหากได้อธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวังดังปรารถนาอย่างรวดเร็วทันใจ ดังเช่นชื่อของพระพุทธรูปองค์นี้

 

 

วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน  เชียงราย

ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน หรือดอยนางนอน อยู่ในพื้นที่ ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน  ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน บนเส้นทางไปอำเภอแม่จัน แม่สาย เป็นขุนเขาทอดตัวคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว  เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร เชื่อกันว่ามีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย ภายในถ้ำเป็นหินปูนขนาดใหญ่  ปากถ้ำเป็นห้องโถงกว้างกว่า 15 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย ธารน้ำ และถ้ำลอด มีห้องโถงกว้างใหญ่ มีจุดต่างๆ ให้แวะชม เช่น ท้องฟ้าจำลอง เขาวกวน ถ้ำกระดูก เจดีย์ทราย มงกุฎเพชร ลานเพลิน บ่อน้ำทิพย์ หินย้อยรูปสไบ นครลอยฟ้า เมืองลับแล นครบาดาล  ซึ่งเส้นทางเดินเที่ยวชมถ้ำนั้นมีความยาวกว่า 800 เมตร การเดินเที่ยวก็คือ. เดินชมแล้ว ย้อนกลับมาทางเดิม
ตำนานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน 

ตำนานของถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ว่า ณ เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งมีพระรูปงดงามเป็นที่ยิ่ง ได้แอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง จึงหนีตามกันมาถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น เจ้าหญิงก็ทรงครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว จึงเสด็จต่อไปไม่ไหว บอกพระสวามีว่าจะประทับรออยู่ที่นั่น สวามีก็บอกว่าจะไปหาอาหารมาให้ อย่าไปไหนนะชายหนุ่มก็ไปแล้วไปลับไม่กลับมาเสียที มาได้ข่าวอีกที ปรากฏว่าถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดาเจ้าหญิงที่สะกดรอยตามมานั่นเอง ด้วยความเสียใจนางจึงใช้ปิ่นปักผมแทงพระเศียรของพระองค์จนเลือดไหลออกมาเป็นสาย กลายเป็นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้และพระวรกายของพระองค์ที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็นดอยนางนอนจนทุกวันนี้ โดยส่วนของพระอุทร (ท้อง)ก็เป็นดอยตุง โดยปกติถ้ำนี้จะไม่ค่อยมีคนเข้าไปข้างในเพราะมีความลึกลับและน่ากลัวมาก ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีถึงอาถรรพ์และความลี้ลับที่อยู่ภายในถ้ำ จึงไม่มีใครย่างกรายเข้ามา แม้จะเป็นในเวลากลางวัน

 

ถ้ำเมืองออน  เชียงใหม่

ถ้ำเมืองออน ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางเดียวกับหมู่บ้านแม่กำปอง เป็นถ้ำขนาดใหญ่บนเทือกเขาหินปูนโดด ๆ โดยรอบเป็นเทือกเขาที่มีโครงสร้างหินหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นหินชั้น และหินแปร  มีหินงอก  หินย้อย  มีพระธาตุนมผา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถ้ำ ภ ตั้งอยู่กลางลานในถ้ำ มีลักษณะเป็นแท่งหินงอกขึ้นมา ซึ่งเกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ สดใสแวววาว  ภายในบรรจุพระเกศาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีผู้คนมากมายเดินทางมากราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล นับเป็นพระธาตุที่มีความแปลกประหลาดและสวยงามมาก ไม่มีพระธาตุองค์ใดเสมอเหมือนได้ เพราะเป็นพระธาตุของธรรมชาติ มิใช่มนุษย์สร้างไว้ เป็นองค์พระธาตุที่ชาวบ้านต่างให้ความเคารพศรัทธากันอย่างกว้างขวาง และยกให้เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์   นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมี  หินซึ่งเชื่อว่าเป็นรอยพญานาค ซึ่งด้านล่างของหินมีลวดลายเหมือนรอยงูเลื้อย จึงมีความเชื่อว่าตรงนี้เป็นที่อยู่ของพญานาคมาก่อน และเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครได้มากราบไหว้ก็จะมีแต่ความโชคดี

ตำนานถ้ำเมืองออน

ตำนานกล่าวว่า ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้วพระพุทธเจ้าจะนำเอาพระภิกษุออกเดินเผยแพร่คำสั่งสอน ผ่านมายังเมืองหริภุญชัย (จ.ลำพูน) แล้วขึ้นทางเหนือมาถ้ำดอยศิลาแห่งนี้ เมื่อพระพุทธเจ้านำพระภิกษุออกเดินธุดงค์ขึ้นมาบนดอยถ้ำก็สถิตนั่งอยู่บน เหนือถ้ำศิลานั้น ได้มีนาคราจาหรือพญานาคที่สิงสถิตอยู่ภายในถ้ำได้ขึ้นไปสังเกตุดูดอยถ้ำศิลา ก็ได้เห็นพระพุทธเจ้าพำนักอยู่บนดอย พญานาคจึงแปลงกายเป็นมนุษย์แล้วได้นำเอาผลไม้และน้ำผึ้งป่า ถวายแด่พระพุทธเจ้า เมื่อท่านรับเอาก็ถวายพรแก่พญานาค ทำให้พญานาคมีความปีติยินดีอย่างยิ่ง จึงขอเอาเกศาธาตุพระพุทธเจ้ามาตั้งไว้ในพระธาตุนมผา เพื่อให้เป็นที่กราบไหว้สักการบูชาภายในถ้ำ

 

 

ถ้ำผานางคอย  แพร่

ถ้ำผานางคอย ตั้งอยู่ในอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่  เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านกลางป่า ปกคลุมด้วยแมกไม้น้อย ใหญ่ อดีตเมื่อผืนป่ายังอุดมสมบูรณ์ละแวกนี้เต็มไปด้วยสัตว์มากมายหลายชนิด โดยเฉพาะกวางป่า เป็นที่มาของชื่ออำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ แต่เมื่อพื้นที่ถูกแปรเป็นพื้นที่การเกษตร สัตว์ก็ค่อยๆ หายไป เหลือเพียงภูเขาหินปูน ถ้ำและหินงอกหินย้อยสวยวิจิตรอลังการ เป็นประติมากรรมที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง  ดยแบ่งออกเป็น 13 จุดให้นักท่องเที่ยวได้ชม ไฮไลท์ของถ้ำ คือ หินนางคอยละหินนางคอยซึ่งตั้งอยู่บริเวณกลางถ้ำ เป็นหินปูนที่หยดย้อยลงมาก่อเกิด รูปทรงเหมือนหญิงสาวกำลังก้มหน้าโอบอุ้มลูกน้อยนั่งอยู่บนแท่นหิน และต้องยืนอยู่ห่างออกมาประมาณ 10 เมตร จึงจะมองเห็นได้ชัดว่าเป็นรูปร่างเหมือนผู้หญิงอุ้มลูก

ตำนานรักถ้ำผานางคอย
ตำนานถ้ำผานางคอย เปิดฉากด้วยความรักต่างชนชั้นอันยิ่งใหญ่ระหว่างเจ้าหญิงอรัญญาณี หญิงสาวผู้สูงศักดิ์กับคะนองเดชชายอันเป็นที่รัก ในสมัยอาณาจักรแสนหวี จนในที่สุดเจ้าหญิงเกิดตั้งครรภ์จึงตัดสินใจหนีไปด้วยกัน แต่ทั้งสองก็ถูกทหารตามล่าอย่าง กระชั้น ชิด จนมาถึงกลางป่าทหารพยายามยิงคะนองเดชแต่พลาดเป้าไปถูกกลางอุระของเจ้าหญิง  ทั้งสองพยายามตะเกียกตะกายหลบหนีจนมาเจอถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหญิงได้ให้ประสูติพระโอรสพอดี ด้วยความรักที่มีอย่างเปี่ยมล้น พระองค์ตัดสินใจปล่อยให้ชายที่รักหนีเอาชีวิตรอดไป พร้อมพูดว่า “หญิงจะรออยู่ที่นี่ชั่วกัลปาวสาน” ด้วยแรงอธิษฐานดังกล่าวได้ทำให้นางกลายเป็นหินในขณะ ที่มือยังโอบพระโอรสไว้บนตัก และนี่เองจึงเป็นเป็นที่มาของชื่อถ้ำผานางคอย

 

 

ถ้ำเลเขากอบ  ตรัง

ตั้งอยู่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย ระยะทาง 4 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งเป็นถ้ำต่างๆ ถ้ำเลเขากอบ  มีทางน้ำใต้ดินไหลผ่าน ต้องใช้เรือล่องตามลำน้ำเข้าไปข้างใน เพื่อไปชมหินงอกหินย้อยอันงดงาม ซึ่งยังมีการก่อตัวของหินอยู่ภายในถ้ำ หนึ่งในความอัศจรรย์ที่ได้รับให้เป็น Unseen Thailand  คือ ในถ้ำสุดท้าย ซึ่งมีชื่อว่า ถ้ำลอด ซึ่งไม่สามารถเดินชมได้เพราะต้อง ล่องเรือชมถ้ำโดยการนอนราบไปกับเรือเป็นระยะทางประมาณ 800 เมตร แม้จะเป็นเพียงระยะทางสั้น เป็นช่วงแห่งการลุ้นระทึกสร้างความตื่นเต้นและแอบหวาดเสียวให้กับนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย เพราะในบางช่วงหน้าและลำตัวแทบติดกับผนังของถ้ำแทบจะชนกันเลยทีเดียว

ความเชื่อ

ถ้ำลอด หรือ ถ้ำมังกร  เป็นจุดเด่นของการเที่ยวถ้ำเลเขากอบ เนื่องจากโถงถ้ำมีระดับเพดานถ้ำต่ำมากเกือบติดหน้าและลำตัว การเดินทางผ่านถ้าลอดต้องอาศัยการนอนราบไปบนเรือ ตลอดระยะทางประมาณ 350 เมตร เปรียบเสมือนการนอนลอดผ่านท้องมังกร ซึ่งมีความเชื่อว่า หากใครได้ลอดผ่านท้องมังกรเหมือนเป็นการสะเดาะห์กลับไปก็จะพบแต่ความโชคดี  นอกจากนี้ยังมีถ้ำเจ้าสาว มีหินงอกลักษณะคล้ายผ้าม่านกั้นอยู่บริเวณด้านหน้าโถง ภายในมีแท่นหินลักษณะคล้ายเตียงนอน ชาวบ้านในท้องถิ่นเชื่อกันว่า หากคนที่ยังไม่มีคู่เมื่อลอดเข้าโถงถ้ำทางช่องกลางของม่านเจ้าสาว กลับไปก็จะได้พบกันเนื้อคู่ แต่ถ้าหากมีคู่แล้วก็ให้ลอดช่อง ทางด้านซ้ายมือก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข แต่ถ้าหากคนไหนมีคู่แล้ว ต้องการมีเพิ่มก็ให้ลอดช่องด้านขวามือ เมื่อกลับไปจะได้พบคู่เพิ่มและเมื่อออกจากโถงถ้ำเจ้าสาวจะต้องออกทางช่องใหญ่ มิฉะนั้นจะไม่เป็นดังคำอธิษฐาน

 

 

ถ้ำจอมพล  ราชบุรี

ถ้ำจอมพล เป็นนามที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ารัชกาลที่ 5 พระราชทานในคราวที่เสด็จประพาสถ้ำด้วย ทรงจินตนาการว่า หินย้อย ภายในถ้ำที่เรียกว่า“ผาวิจิตร” มีลักษณะเป็นริ้วไหมคล้ายอินทรธนูบนบ่าของ ทหารยศ จอมพลในสมัยก่อน แต่เดิมถ้ำจอมพล มีชื่อเรียกกันว่า“ถ้ำมุจรินทร์” ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยวิจิตรงดงามชวนชมอยู่หลายแห่ง ซึ่งบางแห่งก็คล้ายฉากละคร ในขณะที่บางจุดก็มีรูปทรงคล้ายตุ๊กตาหินและบัลลังก์ หินงอกหินย้อยที่มีความเด่นและสวยงาม  ส่วนด้านในสุดของถ้ำเป็นห้องโถงที่มีเพดานถ้ำทะลุเป็นช่องกว้างมีแสงสว่างสอดส่องลงมากระทบเนินที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางลีลา และพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีผู้สร้างขึ้น

ตำนานความเชื่อ

ภายในถ้ำจอมพลยังมีเรื่องเล่าถึงอาถรรพณ์มากมาย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับหินฤาษีและรูปปั้นฤาษีหินฤาษี ซึ่งเป็นก้อนหินที่มีรูปร่างประหลาดคล้ายฤาษีกำลังนั่ง ชาวบ้านแถบนี้เรียกหินฤาษีว่า”พ่อปู่ฤาษี”ทุกคนเชื่อว่าท่านมีความ ศักดิ์สิทธิ์ บันดาล โชคลาภ และความสุขความเจริญ มาให้ เล่ากันว่าพวกนายหน้าค้าที่ดินชอบมาบนบานและมักประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องเลขเด็ดเขาบอกว่าท่านมัก ให้อย่างแม่นยำ ใกล้หินพ่อปู่ฤาษียังมีหินที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายคน 2 คน กำลังยืนกอดกัน ซึ่งชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ก้อนหินทั้งสองนี้เป็นแม่ลูกกันแล้วยังมีหินอีกก้อนที่มีลักษณะเหมือนคน ซึ่งเขาบอกว่าเป็นพ่อ และมีตำนานเล่าว่า พ่อ แม่ ลูก ครอบครัวนี้ ถูกพ่อปู่ฤาษีสาปให้กลายเป็นหิน จึงได้กลายเป็นอาถรรพณ์ชวนขนหัวลุกว่า ในวันดีคืนดียามค่ำคืนชาวบ้านแถบถ้ำจอมพลจะได้ยินเสียงคนคุยกัน บางครั้งก็จะมีเสียงเด็กร้องลั่นถ้ำ และบางคืนก็จะได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากถ้ำ จึงสันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากหินทั้ง 3 ก้อนนี้  ยังมีเรื่องเล่าของใครอีกหลายคน เล่าว่านอกจากในถ้ำจะมีหินฤาษีที่มีความอัศจรรย์อยู่แล้ว ก็ยังมีรูปปั้นของฤาษี  อีกฅนหนึ่งที่มีความมหัศจรรย์ไม่แพ้กัน เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากพระภิกษุรูปหนึ่งที่เฝ้า ถ้ำว่าเป็นความจริง  รูปปั้นฤาษีตนนี้อยู่ด้านในสุดของตัวถ้ำ ชาวบ้านเรียกว่า ฤาษีพ่อแก่ที่น่าประหลาดคือที่หน้ารูปปั้นของฤาษีพ่อแก่ จะมีป้ายเขียนไว้ว่าห้ามถ่ายรูป ซึ่งเมื่อสอบถามจากหลวงพ่อในถ้ำก็ได้ความว่า ฤาษีตนนี้ไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูป ท่าน หลายคนไม่เชื่อคำเตือน ชอบลองของท้าทายท่าน ถ่ายรูปท่านไปไม่นานก็ต้องรีบเอารูปที่ถ่ายไปมาคืน

 

 

วัดถ้ำน้ำ  ราชบุรี

วัดถ้ำน้ำ ตั้งอยู่ใน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นถ้ำดึกดำบรรพ์อายุกว่าล้านปี  มีจุดเด่นคือมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเสาหินขนาดใหญ่ จุดเด่นของถ้ำ คือ มีน้ำไหลเวียนภายในถ้ำตลอดเวลาไม่เคยแห้งเหือด จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำ หินภายในถ้ำเป็นหินแกรนิตมีโพรงอากาศเป็นรอยหลุมอยู่ในเนื้อหินเกิดเป็นลวดลายที่สวยงาม รวมถึงหินงอกหินย้อยที่งดงาม หากมองไปจะเห็นประกายระยิบระยับสวยงาม  ภายในถ้ำโดยมีเสาหินตั้งอยู่บริเวณกลางถ้ำ สันนิษฐานว่าเกิดจากการน้ำที่บนเพดานถ้ำหยดกลายเป็นเสาหินงอก หินย้อยขนาดใหญ่  ภายในถ้ำได้จัดทำเป็นทางเดินปูน สำหรับเดินชมความงามของถ้ำ จำลองคล้ายเมืองบาดาลพญานาค โดยในบ่อน้ำมีรูปปั้นของพญานาคอยู่ในน้ำ ตลอดเส้นทางมีพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งพระพุทธรูป พระสิวลี  รูปปั้นฤาษี  เจ้าแม่กวนอิม

ความเชื่อ

ไฮไลท์ของวัดถ้ำน้ำ คือ น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หยดลงมาจากหินไหลออกมาตลอดเวลา ซึ่งสามารถดื่มได้ ใครมาแล้วต้องดื่มน้ำศักดิ์สิทธ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเอง หายจากอาหารป่วยไข้

 

 

ถ้ำพระยานคร

ถ้ำพระยานคร ตั้งอยู่ในอำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นถ้ำขนาดใหญ่ บนเพดานถ้ำมีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้ จุดเด่นของ ถ้ำพระยานครที่ทำ ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว คือ  พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์  ที่ตั้งอยู่ภายในถ้ำ เป็นพลับพลาแบบจตุรมุขโดยจะยิ่งมีความงดงามยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านจกปล่องของถ้ำลงมากระทบกับพระที่นั่งแห่งนี้ เป็นภาพที่เห็นแล้วดั่งต้องมนต์สะกด พระที่นั่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 คราวเสด็จประพาสเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2433 ถ้ำพระยานครเป็นฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ ทรงสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ แล้วส่งมาประกอบทีหลังโดยให้พระยาชลยุทธโยธินเป็นนายงานก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ มายกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง ที่กำแพงหินด้านขวามีพระปรมาภิไธยย่อในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 เป็นตัวหนังสือใหญ่สีขาวสะดุดตา พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์นอกจากเป็นจุดเด่น ของถ้ำพระยานครแล้ว ยังเป็นตราประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน  บริเวณกำแพงหินด้านขวามีพระปรมาภิไธยย่อในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 เป็นตัวหนังสือใหญ่สีขาวสะดุดตา และอีกฝั่งหนึ่งของถ้ำเป็นหินรูปเจดีย์ เป็นหินงอกที่มีรูปร่างคล้ายกับเจดีย์หลายยอด บริเวณฐานจะมีพระพุทธรูปหนึ่งองค์และผ้าแพร7สีพันล้อมรอบหินอยู่ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในถ้ำ

 

 

ถ้ำเขาหลวง เพชรบุรี

ถ้ำเขาหลวง ตั้งอยู่ที่อยู่บนเขาหลวง ห่างจากเขาวังประมาณ 5 กิโลเมตร จากเชิงเขามีบันไดคอนกรีตนำสู่ทางลงถ้ำ เขาหลวงเป็นภูเขา ขนาดเล็กมียอดสูงสุดเพียง 92 เมตร มีหินงอกหินย้อย สีสันสวยงาม สำหรับถ้ำเขาหลวงถือเป็นถ้ำใหญ่และสำคัญที่สุดในเมืองเพชร ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปฉลองพระองค์อันสำคัญยิ่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไฮไลต์ของการมาเที่ยวถ้ำเขาหลวง คือ การได้ชมแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาจากปล่องแสงของเพดาน ถ้ำลงมาสู่พื้นข้างล่างคล้ายกับมีสปอร์ตไลท์ส่องลงมาเป็นภาพที่อัศจรรย์และงดงามมาก ซึ่งช่วงเวลาที่จะมีแสงส่องลงมาเยอะที่สุด คือประมาณ 9.30 -10.30 น. ซึ่งลักษณะของลำแสงจะแตกต่างกันไปตามสภาพอากาศในแต่ละฤดู ถ้ำเขาหลวง มีตำนานเล่าว่าปากถ้ำที่วัดนี้คือ ทางเข้าสู่เมืองลับแลอันเป็นเมืองที่มีแต่หญิงสาวทั้งนั้น แต่ก็เป็นเพียงตำนานของชาวเมืองเพชรนับร้อย ๆ ปีมาแล้ว

 

 

ถ้ำธารลอด กาญจนบุรี

ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีเนื้อที่ไม่มาก แต่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์และมีจุดเด่นและธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตก หน้าผา และถ้ำธารลอดที่นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดจาก การยุบตัวของหินปูน ประกอบกับการกัดเซาะของน้ำทำให้เขาหินปูนกลายเป็นสะพานธรรมชาติขนาดมหึมา และมีหลักฐานแสดงถึง ด้านประวัติศาสตร์เป็นทางเดินทัพของพม่าและกองทัพญี่ปุ่น มีถ้ำที่น่าสนใจ คือ  ถ้ำธารลอดน้อย ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยปรากฏเป็นรูปต่าง ๆ ยามเมื่อกระทบกับแสงไฟจะส่องประกายระยิบระยับงามจับตามาก จากถ้ำธารลอดน้อยมีทางเดินไปถึงถ้ำธารลอดใหญ่ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะคล้ายสะพานธรรมชาติมีความสวยงาม นอกจากนี้แล้วยังมีหลักฐานปรากฏว่าบริเวณนี้เป็นที่ฝังศพของมนุษย์โบราณ จากค้นพบโครงกระดูกเป็นจำนวนมาก

 

 

ถ้ำพุหว้า กาญจนบุรี

ตั้งอยู่ภายในวัดถ้ำพุหว้า ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี  ตัววัดเป็นศิลปะแบบขอมประยุกต์ที่สวยงาม เป็นวัดป่าอยู่ในอ้อม กอดของขุนเขามีบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบเหมาะแก่การวิปัสสนาและสงบจิตใจแต่เดิมวัดแห่งนี้มีถ้ำเป็นอุโบสถ แต่ปัจจุบันได้รับการ บูรณะให้สวยงามอลังการด้วยการสร้างอุโบสถหินทรายมีการแกะสลักลวดลายรอบอุโบสถได้อ่อนช้อยงดงามครอบตัวถ้ำเอาไว้ เมื่อเดิน เข้าไปในพระอุโบสถก็จะถึงปากทางเข้าถ้ำซึ่งภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติมีปล่องแสงภายในถ้ำเพื่อให้แสงส่องลงมา มีพระพุทธรูปหลายองค์ รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสหภาพเมียนมาร์ประดิษฐานไว้ให้นักท่องเที่ยว ได้สักการะบูชา มีพระพุทธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานเป็นองค์ประธาน  ใกล้กับพระอุโบสถยังมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่เพื่อให้ พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้อีกด้วย

 

 

ถ้ำลำคลองงู  กาญจนบุรี

อยู่ในพื้นที่ความดูแลของ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เป็นอีกหนึ่งถ้ำสำหรับขาลุย และชอบแนวแอดเวนเจอร์ เพื่อเข้าไปชมความมหัศจรรย์จนเป็นที่เลื่องลือ คือถ้ำเสาหินที่ภายในนั้นจะได้พบกับเสาหินปูนที่สูงที่สุดในประเทศไทยและสูงที่สุดในโลกอีกด้วยโดยมีความสูงประมาณ 62.5 เมตร ทั้งนี้การก่อเกิดของโพรงถ้ำ ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์ใจของถ้ำหลายแห่งภายในอุทยานฯ นั้น สันนิษฐานว่าบริเวณนี้น่าจะเป็นต้นน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์ที่มีลำห้วยไหลวกวนมากมายกลางผืนป่าและกัดเซาะเพิงผาเทือกเขาหินปูน จนเกิดโพรงถ้ำมากมาย ประกอบกับการสะสมของตะกอนหินปูนที่ใช้เวลานาน จึงทำให้เกิดหินงอกหินย้อยที่เป็นดั่ง ประติมากรรมธรรมชาติงดงามไม่เหมือนใคร นอกจากประสบการณ์ของการชมถ้ำเสาหินที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วย เสาหินปูนขนาดใหญ่ และภายในถ้ำเองก็มีลำห้วยลำคลองงูไหลผ่านทะลุกลางถ้ำแล้ว ยังมีถ้ำที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ถ้ำนกนางแอ่น ถ้ำน้ำตก ถ้ำใหญ่ เป็นต้น

 

ถ้ำผาท่าพล  พิษณุโลก

ตั้งอยู่ภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล  ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเนินมะปราง  ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก  85 กิโลเมตร ครอบคลุมเนื้อที่ 1,775 ไร่ เป็นภูเขาหินปูนขนาดใหญ่หน้าผาสูงชัน ทอดยาวมีลักษณะคล้ายรูปเกือกม้า มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่ประมาณ 236 เมตร  มีหน้าผาแหว่งเว้า อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนหลายล้านปี ก่อให้เกิดถ้ำมากมาย การเที่ยวชมถ้ำจึงเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่นี่  โดยการเที่ยวชมถ้ำต่าง ๆ ได้แก่ ถ้ำนเรศวร ถ้ำเรือ  ถ้ำดึกดำบรรพ์  ถ้ำอักษรญี่ปุ่น  ถ้ำเต่า  ถ้ำลอด ถ้ำผาแดง  สามารถขับรถเข้าไปชมยังถ้ำต่างๆ ได้โดยตรง  โดยถ้ำแต่ละแห่งจะอยู่ติดถนนดินของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล

 

 

อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ลำปาง 
ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอเมืองลำปางกับอำเภองาว ห่างจากตัวเมืองประมาณ 66 กิโลเมตร ถ้ำผาไท อยู่ใกล้ๆที่ทำการอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท เป็นถ้ำลึกประมาณ 405 เมตร ในเขาหินปูนที่คำนวนอายุได้ไม่ต่ำกว่าเก้าสิบล้านปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เคยเสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ. 2469 ดังปรากฏหลักฐานพระปรมาภิไธยย่อ ป.ป.ร.บนผนังถ้ำด้านขวามือ สภาพของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำผาไทสวนงามระยิบระยับ ส่วนใหญ่ยังคงเจริญเติบโต บริเวณปากถ้ำเป็นคูหากว้างซึ่งมีเสาหินขนาดใหญ่สูงหลายสิบเมตรตั้งตระหง่านเป็นเอกลักษณ์ ใกล้กันนั้นมีพระพุทธรูปในปางลักษณะพิเศษคือพระหัตถ์ขวาจีบขึ้นฟ้า ไม่พบที่ใดนอกจากที่นี่ที่เดียว ภายในถ้ำ มีค้างคาวจำนวนมากอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ บริเวณใกล้เคียงมีถ้ำโจรและถ้ำเสือที่มีประวัติเก่าแก่ สามารถเดินถึงได้จากถ้ำผาไท

 

 

ถ้ำลอดปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน

ถ้ำลอด เป็นถ้ำขนาดใหญ่และเป็น Unseen Thailand ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายในถ้ำมีธารน้ำ “ลำน้ำลาง” เซาะและกัดกร่อนรอยแยกของหินปูน ลอดผ่านภูเขาและทะลุออกอีกด้านหนึ่ง จนเกิดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอก หินย้อย ตัวถ้ำมีความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร กว้าง 20 เมตร สูง 50 เมตร ซึ่งสายน้ำที่กัดเซาะโพรง ถ้ำน้ำลอด มานานก่อเกิดเป็นถ้ำใหญ่ ๆ ถึง 3 แห่ง ประกอบด้วย ถ้ำเสาหินหลวง ถ้ำตุ๊กตา ถ้ำผีแมน นอกจากนั้นยังมีการพบเครื่องมือเครื่องใช้โบราณในถ้ำสันนิษฐานได้ว่ามีอายุประมาณ 2000 ปีมาแล้ว

 

 

ถ้ำภูผาเพชร สตูล

ถ้ำภูผาเพชร  ตั้งอยู่ในอำเภอมะนัง จังหวัดสตูล มีมีเพดานถ้ำสูงโปร่ง  ความงามของหินงอกหินย้อยที่มีหยดน้ำเกาะอยู่  เมื่อกระทบกับแสงไฟจะมีประกายวาวเหมือนเพชร แบ่งเป็นห้องเล็กห้องน้อยประมาณ 20 ห้อง   ถ้าเดินลึกเข้าไปด้านในสุด จะพบโพรง 1 แห่ง เพดานถ้ำบริเวณนั้นเป็นช่องปล่อง มีแสงธรรมชาติสาดส่องกระทบกับหินงอกหินย้อยที่มีสีเขียว  ทำให้ลานกลางห้องเป็นสีมรกตสวยงามแปลกตา จึงตั้งชื่อกันว่า ห้องแสงมรกต บริเวณที่เป็นไฮไลท์ที่สุดสวยงามสุด คือ ห้องภูผาเพชร  หินงอกหินย้อย มีประกายเหมือนเกล็ดเพชรระยิบแวววาว เมื่อกระทบกับแสงไฟสวยงามวิจิตรตระการตาเกินคำบรรยาย  คุณจะหลงใหลในความงามมหัศจรรย์ของธรรมชาติถ้ำภูผาเพชร

 

ข้อปฏิบัติในการเที่ยวถ้ำ

1 ควรศึกษาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวถ้ำต่างๆก่อนเดินทาง ว่าสามารถเข้าชมได้ในช่วงใดบ้าง ถ้ำบางแห่งสามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปี และบางแห่งซึ่งเป็นถ้ำประเภทที่มีน้ำไหลลอดหรือที่เรียกกันว่า ถ้ำน้ำ หรือ ถ้ำธารลอด จะเข้าไปเที่ยวชมได้เฉพาะช่วงฤดูแล้งเท่านั้น ช่วงฤดูฝนเพราะอาจเสี่ยงอันตรายจากน้ำท่วมถ้ำแบบไม่ทันตั้งตัวได้

2 เนื่องจากถ้ำ มีความเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าไปในถ้ำควรเที่ยวด้วยอาการสำรวม ไม่พูดจาหรือแสดงท่าทีหลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำ

3 ถ้ำบางแห่งหากมีการแจ้งไว้ ว่าต้องมีเจ้าหน้าที่หรือไกด์นำทาง ควรปฏิบัติตามกฎ ไม่ควรเดินเข้าไปเองและไม่ควรออกนอกเส้นทางที่จัดให้เดิน เพราะนอกเส้นทางอาจมืดไร้แสงสว่าง อาจเกิดอันตรายจากพลัดหลง ชนหรือหกล้มได้

4 ไม่จับ แตะ หัก ชนหินงอกหินย้อยภายในถ้ำเพราะอาจทำให้เกิดการแตกหัก ซึ่งจะทำลายความงามของธรรมชาติ รวมทั้งไม่ขีดเขียน บนฝาผนังถ้ำ ไม่ทิ้งขยะ ไม่ไม่นำสิ่งต่างๆ ออกนอกถ้ำ เพราะสิ่งเหล่านี้มีค่าเฉพาะเมื่ออยู่ในถ้ำเท่านั้น

5 ระมัดระวังอย่าไปสัมผัสกับหลอดไฟตามผนังถ้ำ โดยเฉพาะในถ้าที่เปียกชื้น อาจโดนไฟดูดได้

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง