หากเที่ยวหัวหิน ปราณบุรี บ่อยแล้ว ลองแวะมาเที่ยว ตัวเมืองประจวบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสามอ่าว แวะสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นสัญลักษณ์ของจังหวัด ทั้งเขาช่องกระจก ต่อด้วยมองวิวภูเขาสวยเป็นเอกลักษณ์ของสามอ่าว ทั้งอ่าวประจวบ อ่าวมะนาว อ่าวมะนาว เดินเที่ยวสะพานสราญวิถี สะพานสุดคลาสสิค ทานอาหารทะเลสดรสชาติท้องถิ่น มีที่พักสะดวกสบายในราคาหลักร้อย ให้ความรู้สึกสบายผ่อนคลาย สุขสราญใจสมกับคอนเซ็ปต์ของอำเภอ 2 วัน 1 คืน มาขับเคลื่อนพลังกายและพลังใจด้วยกัน
วันแรก
เมดูลอง
ออกเดินทางจากรกรุงเทพแต่เช้า มาถึงเมืองประจวบเวลาเที่ยงพอดี มาเมืองสามอ่าวทั้งที ต้องกินอาหารทะเลเป็นของคู่กัน ถามเจ้าถิ่นคนในพื้นที่ให้แนะนำร้านที่จัดว่าอร่อยเด็ด และอาหารทะเลสด แนะนำมา 2 ร้าน หนึ่งในนั้นมีชื่อร้าน เมดูลอง เห็นบรรยากาศแล้วชอบเลือกร้านนี้ทันที เป็นร้านอาหารเล็กๆน่ารักโซนหาดคลองวาฬ เป็นบ้านไม้แบบวินเทจได้กลิ่นไอของความเป็นบ้านชาวประมง การันตีความสดเพราะยกมาจากเรือประมงเล็กส่งตรงถึงหน้าร้าน ไม่ผิดหวังอาหารทะเลสดอร่อยทุกอย่าง สมคำแนะนำของคนในพื้นที่
ร้านตั้งอยู่ในโซนหาดคลองวาฬ ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ บรรยากาศในร้านมีความชิลติดทะเล เหมือนนั่งกินอาหารที่บ้าน เจ้าของร้านอัธยาศัยยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับดีมาก เรื่องความสดไม่ต้องห่วง วัตถุดิบที่ใช้ จากเรือประมงเล็กในพื้นที่ ประกอบกับการปรุงที่พอถีพิถีน ได้รสชาติอร่อยกำลังดี
เมนูเน้นอาหารทะเลที่มีหลายอย่างนึ่ง ย่าง หรือนำมาปรุงรส เริ่มจากปูม้าสด 4 ตัว กิโลละ 700 บาท ปูตัวใหญ่และเนื้อสดหวานมาก แกะออกมา ยังคงรูปเดิมแป๊ะ ไม่มีเนื้อยุ่ย กุ้งแชบ๊วยอบเกลือครึ่งกิโล 600 บาท กุ้งสดเนื้อเด้ง จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ ฟินมาก เจ้าของร้านบอกว่าอาหารทะเลที่นี่รับจากเรือก็นำประกอบอาหาร ไม่ให้โดนน้ำจืดกันเลยทีเดียว
อีกหนึ่งเมนูแนะนำของร้าน ปลาหมึกหอมแดดเดียวทอด ตัวใหญ่เนื้อดีมากเนื้อนุ่มเคี้ยวง่ายไม่เหนียว จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดคือดี ปกติกินหมึกแดดเดียวร้านไหน จะเหนียวเคี้ยวยาก แต่ร้านนี้นุ่มมาก เจ้าของบอกว่าหมักด้วยสูตรเฉพาะของทางร้านเนื้อจึงนุ่ม
ต้มยำไข่ปลาริวกิว ไข่ปลาเยอะ แถมเนื้อปลามาให้ด้วย ไข่ปลาเนื้อปลาสดนุ่ม แกงส้มน้ำแกงแบบสไตล์พื้นบ้านจะไม่จัดจ้านมาก เช็คบิลมาทั้งหมดเกือบ 2000 กว่าบาท บางเมนูราคากลางๆ บางเมนูราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับรสชาติและคุณภาพของวัตถุดิบถือว่าเหมาะสม ดีไปหมดทุกอย่างสมคำแนะนำของคนในพื้นที่จริงๆ รักเลยร้านนี้มาประจวบเมื่อไหร่แวะมาทานอีกแน่นอน
เมดูลอง
พิกัด : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3167 ประจวบคีรีขันธ์ (อยู่ในคลองวาฬแยกซ้าย (มาจากอ่าวมะนาว) ตรงเข้ามาจะเจอป้ายบอกทางไปร้าน)
เปิดให้บริการ : ทุกวัน11:00 น.- 22:00 น.
โทร : 086 364 4753
พิพิธภัณฑ์หว้ากอ
อิ่มท้องพร้อมลุย ไปต่อยัง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ตั้งอยู่ไม่ไกลกันกับร้านเมดูลอง ได้ยินชื่อเสียงมานานว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ทางทะเลที่ทำได้ดีมาก ได้มาตัวเองสุดว้าว เปลี่ยนภาพพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เคยไปมาหลายแห่งในทันที ตระการตามากทั้งปลาและสัตว์ทะเลสีสันสวยงามที่โชว์ในตู้กระจก ได้เรียนรู้ระบบนิเวศใต้ทะเลและรู้จักกับสัตว์น้ำในทะเลหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนเหมือนเปิดโลก ยังมีอุโมงค์ใต้ทะเลให้เดินลอดผ่าน มีปลาทะเลตัวโตว่ายผ่าน ยกให้เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเลที่ดีอีกแห่งหนึ่งในเมืองไทย
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในโซนอ่าวคลองวาฬ สถานที่ด้านนอกกว้างขวาง มีที่จอดรถสะดวกสบาย บรรยากาศติดชายทะล สำหรับค่าใช้จ่ายผู้ใหย่ 50 บาท เด็ก 30 บาท สถานที่ข้างในไม่ได้ใหญ่มาก ใช้เวลาเดิน 30 นาที เก็บหมด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนั่งรถรางนำชมทัศนียภาพรอบพิพิธภัณฑ์ ภายในพิพิธภัณฑ์ จัดเป็นพื้นที่ทั้งหมด 6 โซน คือ โซนอัศจรรย์โลกสีคราม โซนจากขุนเขาสู่สายน้ำ โซนสีสันแห่งท้องทะเล โซนเปิดโลกใต้ทะเล โซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และ โซนกิจกรรมปฏิบัติการ ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่หลากหลายสมจริงตามระบบนิเวศวิทยาของแหล่งน้ำต่าง ๆ ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำทะเลมีสื่อบรรยายความรู้ไว้บริการ เริ่มจากจุดแรกเป็นโซนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทั้งแหล่งน้ำทั้งแหล่งน้ำจืดและน้ำกร่อย
มาถึงโซนที่ชอบมาก ตลอดทางจะได้เห็นสัตว์น้ำและสัตว์ทะเลโชว์อยู่ในตู้กระจกใส สีสันสวยงาม ปะการังและดอกไม้ทะเลสีสวย ตู้ปลาใสสะอาด สัตว์ทุกตัวแลดูมีสุขภาพที่ดี เพราะน่าจะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง สัตว์ที่โชว์มีมีพันธุ์ทั้งน้ำจืดและน้ำทะเล แต่จะสัตว์ทะเล อย่างเช่นปลาชนิดต่างๆ รวมถึงปะการังมีมากกว่า
ส่วนใหญ่ปลาที่โชว์ในตู้ เราจะไม่ค่อยรู้จักเลยค่ะ ทุกตัวเขียนป้ายอธิบายหมด ว่าสัตว์น้ำแต่ละชนิดมีชื่อว่าอะไรบ้าง เป็นการเปิดโลกมาก เหมือนกำลังท่องอยู่ในโลกใต้ทะเลขนาดย่อม
มาถึงไฮไลท์อุโมงค์ใต้ทะเล มีปลาตัวใหญ่แหวกว่ายผ่านไปมา มีทั้งปลาฉลามและปลากระแบนด้วย
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ควรแค่แก่การศึกษาสัตว์น้ำในประเทศไทย อยากให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะ ๆ ทางศูนย์ฯ จะได้มีเงินช่วยกันสนับสนุนอาหารน้องปลา น้องเต่า และสถานที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์โลกใต้ทะเลไปนาน ๆ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ
ที่อยู่ : อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เปิดให้เข้าชม : ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก (ความสูงตั้งแต่ 91 – 135 เซนติเมตร 30 บาท สูงตั้งแต่ 136 เซนติเมตรขึ้นไป คิดค่าเข้าชมเท่ากับผู้ใหญ่)
โทร : 0-3266-1098 , 0-3266-1726 ต่อ 0
Facebook : WaghorAqua
เดอบูติค โฮเทล
แวะกินแวะเที่ยวกันพอหอมปากหอมคอ ได้เวลาแวะเช็คอินพักผ่อนยังที่พัก ที่พักในตัวเมืองบริเวณอ่าวประจวบมีไม่เยอะมาก ที่พักติดทะเลมีประมาณ 2 แห่ง แต่ไม่มีลิฟต์ห้องไม่ค่อยใหม่ด้วย ที่ไม่ติดทะเลก็มีแต่บางที่ก็ไม่มีลิฟต์อีก โจทย์คือ อยากได้ที่พักใกล้สะพานสราญวิถี และเขาช่องกระจก ห้องใหม่สภาพดีในราคาห้องไม่แพง และมีที่จอดรถสะดวกสบาย มาลงเอยที่ เดอบูติค โฮเทล ที่พักใจกลางเมืองตั้งอยู่ไม่ไกลจากอ่าวประจวบ ที่สำคัญราคาหลักร้อยเป็นมิตรมากๆ ได้ห้องพักคุณภาพดีเกินราคา สำหรับห้องพักมี 2 ราคา คือ คืนละ 650 บาท อยู่ในตึก 4 ชั้น ตั้งอยู่ข้างในไม่มีลิฟต์ และอีกแบบ คืนละ 800 บาท ห้องพักอยู่ในตึกข้างหน้ามีลิฟต์
เราเลือกพักห้อง คืนละ 800 บาท ภายในห้องพักพื้นที่กว้างกำลังดี ทั้ง เตียง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่ใช้ใหม่มาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น มี wifi ที่แรงมาก ห้องน้ำดีกว้างขวางและสะอาดสุดๆ เห็นห้องพักครั้งแรกคืออึ้ง ดีเกินราคา และที่สำคัญเงียบห้องเก็บเสียง เตียงนอนนุ่ม หลับสบายมาก
ภายในห้องยังมีระเบียงที่สามารถเปิดออกไปชมวิวอ่าวประจวบได้ด้วย ถึงแม้ไม่ติดทะเลแต่มองเห็นวิวทะเลอยู่ไม่ไกล แนะนำมากๆค่ะสำหรับ เดอบูติค ดีงามทุกอย่าง สนใจจองห้องพักโทร 032 611 888
สะพานสราญวิถี
ช่วงสี่โมงเย็น แวะไปยังแลนด์มาร์คสำคัญ คือ สะพานสราญวิถี สะพานปูนสีแดงโดดเด่นที่ยื่นออกไปริมทะเล โดยใช้รูปแบบและสีสันอิงกับสถานีรถไฟหัวหินที่มีเอกลักษณ์ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งเมืองประจวบ ที่นักท่องเที่ยว ต้องมาเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศริมทะเล พร้อมไปกับการถ่ายภาพสวยเคียงคู่กับสะพานสีแดงที่ตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเลและท้องฟ้าแห่งนี้
สะพานสราญวิถี ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นสะพานปูนสีแดงที่ยื่นไปยังบริเวณอ่าวประจวบ ในอดีตเคยเป็นสะพานปลาสำหรับทำการประมง หลังจากมีประกาศยกเลิกใช้สะพานปลาดังกล่าว ต่อมาทางจังหวัดได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมก่อสร้างเพิ่มเติม และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น สะพานสราญวิถี ซึ่งเป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา หมายถึงสะพานแห่งความสุขสำราญ และพระราชทานพระราชานุญาติให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ประทับที่ป้ายชื่อด้วย
จากสะพานสราญวิถี สามารถมองเห็นวิวทะเลของทั้ง 3 อ่าว นั้นคือ อ่าวประจวบตั้งอยู่ตรงกลาง อ่าวน้อยอยู่ฝั่งซ้าย และอ่าวมะนาวอยู่ฝั่งขวา รวมทั้งเขาช่องกระจก สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในตัวเมืองประจวบ
ช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับการมาเที่ยวสะพานสราญวิถี ให้มาในช่วงบ่ายสี่โมงไปแล้ว เพราะแดดจะค่อนข้างร่ม สามารถเดินชมสะพานได้แบบไม่ร้อนมาก เพราะสะพานค่อนข้างยาว หากแวะมาในช่วงที่แดดแรงแนะนำให้พกร่มและอุปกรณ์กันแดดมาให้พร้อม อีกหนึ่งช่วงเวลาที่สะพานสวยงามคือ เวลาเช้าสามารถชมอาทิตย์ขึ้นได้จากหน้าอ่าวประจวบอีกด้วย สำหรับการมาที่นี่ สามารถขับรถมาบริเวณอ่าวประจวบ จอดรถเลียบถนน แล้วเดินมาที่สะพานได้เลย แต่ถ้ามาในวันศุกร์ เสาร์ ซึ่งเป็นวันที่มีถนนคนเดินประจวบ รถจะค่อนข้างเยอะหาที่จอดค่อนข้างลำบาก อาจต้องไปจอดตามซอยต่างๆที่อยู่ใกล้ แล้วใช้บริการรถโดยสารของชาวบ้าน มาถึงหน้าสะพานจะเจอกับซุ้มมประตูสวยงามสุดอลังการ
สะพานมีความยาวมากน่าจะเกือบ 1 กิโล ระหว่างทาง มีจุดแวะพักและที่นั่งให้ได้นั่งพัก วิวบนสะพานมีความแปลกตา มองเห็นเขาสูงใหญ่ของอ่าวมะนาวอยู่ฝั่งขวา เรือประมงที่จอดเรียงรายบนอ่าว และบ้านเรือชองชาวบ้านที่อยู่ริมฝั่ง
เดินไปเรื่อยๆ จะเห็นประภาคารที่ตั้งอยู่เกือบปลายสุด เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องแวะมาถ่ายภาพ ช่วงเย็นจะเห็นชาวบ้านมานั่งตกปลาบริเวณปลายสะพานด้วย เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวเมืองประจวบ
บริเวณใกล้สะพานในทุกวันมีร้านค้ามาขายอาหารต่างๆ มาขายแต่มีร้านไม่เยอะมาก แต่ถ้ามาในทุกวันศุกร์และเสาร์จะมีถนนคนเดินเรียบอ่าวประจวบ ซึ่งมีร้านค้าค่อนข้างเยอะกว่า สามารถซื้ออาหารมานั่งกินริมทะเลได้ เป็นสะพานแห่งความสุข ที่สามารถมาสัมผัส บรรยากาศริมทะเล รับลมเย็นสบายในยามเย็น ระหว่างเดินเล่นถ่ายภาพบนสะพานจะรู้สึกได้ถึงความสุข และความสบายใจ สมกับความหมายของชื่อ สะพานแห่งความสุข
ถนนคนเดินประจวบ
ติดกับสะพานสราญวิถี คือ ถนนคนเดินประจวบ สามารถเดินมาหาของกินต่อได้ ถนนคนเดินมีทุกวัน เริ่มตั้งแต่ 16.00 น-21.00 น. มีอาหารมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะอาหารทะเล ทั้งแบบย่าง ยำ สั่งใส่จานมานั่งกินริมทะเลได้เลย เรามาในช่วงวันธรรมดาร้านจะน้อยกว่าปกติ ถ้าอยากมาเจอร้านแบบอัดแน่นจัดเต็ม ต้องมาวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งจะเปิดกันอย่างจริงจังค่ะ วันธรรมดา แค่ออเดิฟ
วันที่สอง
โจ๊กเกาะหลัก
เช้าวันต่อมาตื่นแต่เช้า ที่พักไม่มีอาหารเช้าให้ มีเพียงแค่ชา กาแฟโอวัลติน ขนม ให้ทาน เราเลยเดินไปทานอาหารเช้าที่ร้าน โจ๊กเกาะหลัก ตั้งอยู่ใกล้ที่พักนิดเดียว สะดวกมาก ร้านนี้เป็นร้านดังขึ้นชื่อของเมืองประจวบค่ะ ลูกค้าค่อนข้างเยอะ เสิร์ฟอาหารเช้าเมนูหลากหลาย ทั้งโจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวอาหารจานเดียว และปลาทะเลลวกจิ้ม
เมนูที่โดดเด่นของร้าน คือ โจ๊ก มีให้เลือกหลายแบบ โจ๊กร้านนี้เป็นโจ๊กที่เนื้อละเอียดเนียนนุ่ม รสชาติอร่อยค่ะ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ส่วนเมนูอื่นที่สั่งมาเพิ่ม ข้าวหมูอบ เกาเหลา ปลาลวกจิ้ม รสชาติโอเค ค่อนข้างถูกใจโจ๊กเป็นที่สุด
โจ๊กเกาะหลัก
พิกัด: เยื้องวิทยาลัยเทคนิค ถนน สละชีพ เมือง ประจวบคีรีขันธ์
เปิดให้บริการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30 น. -14.00 น.
โทร. 089 895 7443
ศาลหลักเมืองประจวบ
ศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่ใกล้กับเขาช่องกระจก ศาลหลักเมืองแห่งนี้ ไม่เพียงเป็นหลักชัยคู่บ้านคู่เมืองประจวบคีรีขันธ์เท่านั้น ยังเป็นศาลหลักเมืองที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยตัวศาลเป็นสีแดงเข้มเข้มสร้างด้วยศิลปะแบบลพบุรี มีจตุรมุขยอดปรางค์ 9 ชั้นตามแบบสยามลพบุรี ชั้นสูงสุดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและชั้นที่เหลือประดิษฐานองค์เทพต่าง ๆ ส่วนหน้าบันแรกนั้น เป็นรูปรอยตราพญาราหูอมจันทร์ และหน้าบันที่เหลือประดิษฐานองค์เทพล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วสองชั้น
สำหรับองค์หลักเมืองที่มีนามว่า จตุโชค ทำจากไม้ตะเคียน ส่วนยอดแกะเป็นรูป 4 เศียร 4 พักตร์ ศิลปะศรีวิชัย และลงรักปิดทองด้วยอัญมณีทั้งองค์ ศาลหลักเมืองแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในสมัย ร.ต.อำนวย ไทยานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ในขณะนั้น ใครผ่านมาในตัวเมืองประจวบ ต้องแวะไปขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต
เขาช่องกระจก
เตรียมพลังให้พร้อมไปต่อยัง เขาช่องกระจก สัญลักษณ์ของเมืองประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองบนยอดเขาริมอ่าวประจวบ เป็นที่ตั้งของวัดเขาช่องกระจก ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธบาทจำลอง จากยอดเขาสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองประจวบและวิวทั้งสามอ่าว ทั้งอ่าวประจวบ อ่าวมะนาว และอ่าวน้อย รวมทั้ง เขาตาม่องล่าย เขาล้อมหมวก ได้อย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเที่ยวที่เขากระจก ต้องการขึ้นบันไดคอนกรีตจำนวน 396 ขั้น ไปจนถึงยอดเขา สามารถจอดรถไว้ที่วัดธรรมิการามวรวิหาร จากนั้นเดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นจุดทางขึ้นเขา
ตรงบริเวณบันไดทางขึ้น มีลิงอยู่จำนวนหนึ่ง มีชาวบ้านมาขายอาหารลิงรวมทั้งไม้ไล่ลิง ถุงละ 50 บาท พร้อมไม้ ก็ซื้อไว้เถอะจะดีค่ะ เพราะลิงตรงนี้เยอะพอสมควร เดินไปก็เอาไม้ตีตรงราวบันไดเพื่อให้เกิดเสียงดังไปด้วยเพื่อไม่ให้ลิงเข้ามาใกล้ ลิงที่นี่ไม่ดุมากค่ะ แต่มีไม้ไว้ก็จะดีกว่า ลิงจะมีแค่ในช่วงแรกของทางขึ้นเท่านั้น บันไดทางขึ้นไปจนถึงยอดเขา จำนวน 396 ขั้น มีแอบเหนื่อยนิดๆ แต่ระหว่างทางมีจุดให้พักชมวิวตลอด วิวสวยมาก มองเห็นทั้งวิวเมือง อ่าวประจวบ และสะพานสราญวิถีอยู่ไม่ไกล รวมทั้งอ่าวมะนาว และเขาล้อมหมวกด้วย
ยิ่งขึ้นสูงมาเรื่อยๆ วิวก็ยิ่งกว้างและสวยขึ้น มองเห็นบันไดทางขึ้นทอดยาวไปจนถึงข้างล่าง
มาถึงข้างบน เป็นที่ตั้งของ วัดเขาช่องกระจก มีเจดีย์สีทองที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธบาทจำลอง สามารถเข้าไปกราบพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาทเพื่อความเป็นสิริมงคล ตรงจุดนี้มีตู้แช่น้ำเย็นๆ ให้ดื่มฟรีด้วยค่ะ ทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม และสปอนเซอร์ หยิบมาทานแล้วทำบุญให้กับวัดสักหน่อย
บนยอดเขาสามารถชมวิวได้หลายจุด เริ่มจากศาลาซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นกรมหลวงชุมพร มีที่นั่งทอดยาวให้ชมวิวด้วย ตรงจุดนี้ลมพัดเย็นสบายมาก มานั่งพักให้หายเหนื่อยจากการเดินขึ้นบันได มองเห็นวิวทะเลสวยๆ ได้อย่างสบายตา จากนั้นขึ้นไปชมวิวยังระเบียงชมวิวที่สูงขึ้นไปอีก สามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา ทั้งวิวเมือง วิวของอ่าวน้อย อ่าวประจวบ และอ่าวมะนาว
ปิดท้ายกันที่ลงไปยังถ้ำที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม เดินลงบันไดไปนิดเดียว บริเวณถ้ำมีปล่องแสงให้ลอดผ่านลงมาให้ความรู้สึกที่สวยงามไปอีกหนึ่ง เขาช่องกระจก สถานที่ท่องเที่ยวสัญลักษณ์ของจังหวัดประจวบ ที่นอกจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาช่องกระจกแล้ว ยังจะได้ชมวิวทะเล และเมืองประจวบฯ ในมุมที่งดงามมากอีกด้วย
อ่าวมะนาว
อ่าวมะนาว ตั้งอยู่ในเขตกองบิน 53 กองทัพอากาศ ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ บริเวณอ่าวมะนาวมีทิวทัศน์สวยงาม สามารถเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจได้ เป็นชายหาดสะอาด ธรรมชาติสวยงาม เหมาะแก่การเล่นน้ำ ตรงข้ามกับหาดเป็นเขาล้อมหมวก ด้วยความโค้งมนจนเหมือนลูกมะนาว จึงได้รับการขนานนามว่า “อ่าวมะนาว” หน้าอ่าวยังมองเห็นเขาล้อมหมวกกับเขาคลองวาฬที่วางตัวเรียงกันอยู่เบื้องหน้า กลายเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีร้านอาหารใกล้ชายหาดที่ขายอาหารหลายร้าน สามารถสั่งมานั่งทานพักผ่อนริมชายหาดได้
อ่าวมะนาว เป็นอ่าวที่เหมาะสำหรับการเล่นน้ำ เนื่องจากพื้นทรายค่อยๆลาดลงสู่ภายนอกอ่าว ทำให้ระดับน้ำทะเลค่อยๆลึกตามระยะห่างจากฝั่ง กระแสน้ำและคลื่นไม่แรงนักเนื่องจากมีภูเขา บังกระแสน้ำและลมไว้ทั้ง 2 ข้าง จึงมีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวมาก และพื้นทรายมีลักษณะละเอียด มีชายหาดกว้างเหมาะสำหรับนอนพักผ่อนบนเก้าอี้ชายหาด อีกทั้งยังมีบริการบ้านพักที่ค่อนข้างสะดวกสบายมองเห็นวิวทะเลให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว เพียงแห่งเดียวในเขตของกองทัพอากาศ กองบิน 5 สามารถเข้าไปห้องพักได้ที่ https://www.fachomkluen.com/
อำเภอเมืองประจวบ ถือเป็นอำเภอที่ตั้งใจอยากแวะมาเที่ยวอยู่หลายครั้ง ขับรถไปทางใต้ผ่านตลอด แต่ไม่มีโอกาสแวะมาแบบจริงจังสักที มัวแต่ไปเที่ยวอำเภออื่นมากกว่า พอได้มารู้สึกประทับใจมาก ชอบในความเรียบง่าย ทุกอย่างดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยว ที่พักราคาไม่แพง ได้สัมผัสความรู้สึกของการเที่ยวทะเลประจวบแบบเงียบสงบ นั่งมองวิวทะเลและภูเขาที่สวยแปลกตาประกอบกัน บนสะพานสุดคลาสสิค ต้องมาอีกแน่นอนค่ะ ที่สำคัญไม่ต้องใช้เวลาในการเที่ยวเยอะ 2 วัน 1 คืน ก็เพียงพอที่จะมาชาร์ตพลังและได้ความสุขกับไปแบบเต็มเปี่ยม
Tags : รีวิวเที่ยวประจวบ, เที่ยวตัวเมืองประจวบ, เที่ยวประจวบ