หากพูดถึงเมืองท่องเที่ยวแห่งดินแดนตะวันออกอีกหนึ่งจังหวัดขึ้นชื่อที่เราไม่ควรพลาด ตราด เมืองเกาะครึ่งร้อย โดยมีเกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีเกาะกูด เกาะที่ได้รับสมญานามว่า อัญมณีแห่งอ่าวไทย และนอกจากความสวยงามของหมู่เกาะนับร้อยแล้ว ตราด ยังเป็นเมืองที่มีเรื่องราวและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศ ที่อาจเคยได้ยินชื่อมาบ้าง นั่นก็คือ เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง ตราด เป็นจังหวัดที่อุดสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรมากมายจึงเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ไปด้วยกันไม่พลาดเก็บภาพและเรื่องราวมานำเสนอให้ทุกคนได้รู้จักตราดกันมากขึ้น เชื่อเถอะค่ะว่า จังหวัดนี้มีอะไรให้เที่ยวมากกว่าแค่ เกาะช้าง เกาะกูด แน่นอน
ทริปนี้ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน จุดหมายแรกของทริปเมื่อมาถึงตราดปุ๊บก่อนขึ้นเรือไปเที่ยวเกาะต่างๆ แวะมาเที่ยวในตัวเมืองก่อนซักนิดดีมั้ยค่ะพราะอย่างที่บอกว่าจังหวัดนี้มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก อาจเป็นอะไรที่เรารู้จักกันดีในเรื่องของความสวยงามอยู่แล้ว แต่ถ้าเราได้รู้จักความเป็นมาว่ากว่าจะได้มาเป็นตราดเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างเช่นทุกวันนี้ต้องผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้างก็จะดีไม่น้อย แหล่งเรียนรู้ที่จะทำให้เราได้เข้าถึงและรู้จักความเป็นตราดได้กระจ่างที่สุดคงเป็นที่นี่ พิพิธภัณฑ์สถานเมืองตราด
พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ตั้งอยู่ที่ถนนสันติสุข อำเภอเมือง จังหวัดตราด เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตเมืองตราด รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ส่งเสริม เผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรม นอกเหนือจากนิทรรศการ อาคารของพิพิธภัณฑ์ฯ ยังมีความโดดเด่นชวนศึกษาโดยได้รักษาสถาปัตยกรรมรูปแบบเดิมที่สร้างขึ้นตั้งแต่พุทธศักราช 2465 โดยลักษณะอาคารเป็นเรือนไม้ เสาปูน ยกพื้นใต้ถุนสูง หลังคาทรงปั้นหยา พิพิธภัณฑฯ เปิดให้เข้าชมในวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.30-16.30 น. หยุดวันจันทร์ 1 วัน เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
ชั้นบนเป็นในส่วนของการจัดแสดงทั้งหมด และไม่ต้องกลัวร้อนเพราะข้างในติดแอร์เย็นฉ่ำ ภายในห้องนิทรรศการประกอบด้วย 6 หัวข้อ คือ มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งตราด ผู้คนเมืองตราด ลำดับทางโบราณตดีและประวัติศาสตร์เมืองตราด เหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง และ ตลาดเมืองตราด
มาถึงห้องแรก มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งตราด มีวิทยาการคอยบรรยายและให้ความรู้เกี่ยวกับเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย
เริ่มจากหมู่เกาะมากมายแห่งท้องทะเลตราด นอกจาก เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก เกาะขาม ตราดยังมี เกาะรังใหญ่ เกาะไม้ซี้ใหญ่ เกาะกระดาด เกาะหวาย ที่สวยงดงามไม่แพ้กัน รู้หรือยังว่าเกาะกระดาด คือ เกาะแรกของประเทศไทยที่มีการออกโฉนดที่ดินตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
พืชพรรณผลไม้ อัญมณีเมืองตราด ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ฟังวิทยากรเค้าเล่าเรื่องราวแล้วรู้สึกสนุกและเพลินดีช่วยบิลท์อารมณ์ท่องเที่ยวได้อย่างดีเยี่ยม และพบว่ายังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่เรายังไม่เคยไปและอยากไป ใครบอกว่าเที่ยวพิพิธภัณฑ์น่าเบื่อคงต้องเปลี่ยนความคิด
มาถึงห้องต่อไป ผู้คนเมืองตราด ซึ่งจัดแสดงเรื่องภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมและกลุ่มชาติพันธุ์
ห้องต่อไป จัดแสดงลำดับทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์เมืองตราด
มาถึงห้อง เหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะทำให้เราได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทำให้จังหวัดตราดได้มีโอกาสกลับมาอยู่ในแผนที่ของประเทศไทยอีกครั้ง เนื่องจากในสมัยนั้นประเทศฝรั่งเศสได้ส่งกองทัพเรือเข้ายึดเมืองจันทบุรีในปี พ.ศ. 2436 และคืนให้ไทยในปี พ.ศ. 2447 โดยแลกกับเมืองตราดและเกาะต่างๆ ตั้งแต่แหลมสิงห์ไปจนถึงเกาะกูด รวมทั้งเมืองปัจจันตคีรีเขตร (เกาะกง) ต่อมารัฐบาลไทยเห็นว่าตราดมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ และพลเมืองส่วนใหญ่เป็นคนไทย ด้วยพระปรีชาสามารถทางการปกครองและการทูตของพระองค์ ฝรั่งเศสจึงยินยอมทำสัญญายกเมืองตราด เมืองด่านซ้าย (อยู่ในเขตจังหวัดเลย) และเกาะต่างๆ ตั้งแต่แหลมสิงห์ไปจนถึงเกาะกูดคืนให้แก่ไทย โดยแลกกับดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ โดยทำสัญญาและพิธีส่งและรับมอบดินแดนกัน ณ ศาลากลางจังหวัด และฝรั่งเศสยอมถอนกำลังทหารออกไปในเวลาต่อมา
รวมถึงอีกห้องหนึ่งที่สำคัญ เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง ซึ่งจะมีห้องฉายวีดีทัศน์จำลองเหตุการณ์พูดได้เลยว่าหากใครได้ดูต้องอินแน่ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2484 ในช่วงระหว่างสงครามอินโดจีน เรือรบฝรั่งเศสได้ล่วงล้ำน่านน้ำไทยในเขตจังหวัดตราด กองเรือรบราชนาวีไทยจึงได้เข้าขัดขวาง จนเกิดการยิงต่อสู้กันซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนาม “ยุทธนาวีเกาะช้าง” ครั้งนั้นฝ่ายไทยสามารถขับไล่ข้าศึกให้ล่าถอยไป และรักษาเมืองยุทธศาสตร์ที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ไว้ได้
ห้องสุดท้าย ตลาดเมืองตราด โดยจำลองบรรยากาศตลาดเมืองตราดและจัดแสดงเรื่องราวการค้าในตลาดเก่าวันวานและสภาพปัจจุบัน
ได้ข้อมูลอย่างเต็มเปี่ยมจากการเรียนรู้แบบร่วมสมัยที่ไม่น่าเบื่อที่ พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด จุดหมายต่อไปคณะของเราก็มาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่เราไม่ควรพลาดควรแวะมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด
ในภาพที่คุ้นเคยของ ศาลหลักเมือง จะเป็นสถานที่สร้างแบบไทยๆ แต่ศาลหลักเมืองตราดเป็นที่แรกที่เหมือนกับศาลเจ้าจีน แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้นละ ตอบ เพราะว่าในอดีตในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินเมื่อครั้งมารวบรวมรี้พลกอบกู้เอกราชที่ตราด ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามความเชื่อแบบจีนเพื่อ ให้ปกป้องคุ้มครองเมืองตราดให้รอดพ้นจากอันตรายชาวเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ศาลหลักเมืองนี้จึงเป็นดั่งศูนย์กลางเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน
ภายในศาลหลักเมืองมีเสา 2 ต้น เสาต้นสูงคือเสาหลักเมือง เสาต้นต่ำคือเสาศิวลึงค์ มีเรื่องเล่าว่าศิวลึงค์เดิมอยู่ที่ ต.ห้วยแร้ง เจ้าเมืองสมัยนั้นเดินทาง ไปพบมีผู้คนศรัทธากราบไหว้ เชื่อว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้จึงอัญเชิญมาไว้คู่กันเป็นของสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาจนทุกวันนี้ ส่วนศาลเจ้าพ่อนั้น เดิมเป็นอาคารไม้มุงสังกะสีอยู่ด้านหลังศาลหลักเมือง ภายในมีภาพจำลองเจ้าพ่อหลักเมืองเขียนด้วยภาษาจีนกำกับ สร้างโดยชาวจีนใน จ.ตราด ต่อมาได้มีการสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นแทนอาคารไม้ที่ชำรุดทรุดโทรมและได้อัญเชิญรูปหล่อเจ้าพ่อเข้าประทับ
นอกจากนี้ยังมีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแห่งนี้ว่า เมื่อครั้งฝรั่งเศสเข้ายึดเมือง ตราดนั้น ทหารฝรั่งเศสสังเกตเห็นเห็นว่าประชาชนชาวเมืองตราดต่างพากันเคารพกราบไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแห่งนี้กันมาก จึงต้องการทำลายขวัญและกำลังใจของประชาชน โดยสั่งให้ถอนเสาหลักเมืองนี้ไปทิ้งโดยให้คนไปขุดแต่ถอนเสาหลักเมืองไม่ขึ้น ครั้นนำช้างมาดึงเสาออก ปรากฏว่าช้างเหล่ากลับตกหล่มตายกันหมด ส่วนคนควบคุมการดึงเสาหลักเมืองคอหักตาย ด้วยปาฏิหาริย์ของ เจ้าพ่อหลักเมืองทำให้ไม่สามารถถอนเสาหลักเมืองขึ้นมาได้ จึงมีการสั่งให้เผาศาลทิ้ง ปรากฏมีฟ้าผ่าและฝนตกลงมาอย่างหนัก จะด้วยความเกรงกลัวหรือเหตุใดไม่ทราบนายทหารฝรั่งเศสที่ควบคุมกำลังมาจึงได้สร้างเสาหลักเมืองเพิ่มขึ้นอีก 1 ต้น จึงเป็นที่มาที่ศาลแห่งนี้มีเสาหลักเมือง 2 ต้น ตั้งแต่นั้นต่อมาพวกฝรั่งเศสก็ไม่กล้ายุ่งกับศาลเจ้าแห่งนี้อีก นอกจากนี้หากผู้ใดลบหลู่ก็มีอันเป็นไปทุกราย
หลังจากเที่ยวสนุกสนานบนภาคพื้นดินกันพอหอมปากหอมคอ เวลาบ่ายสองโมงก็ได้เวลายกพลขึ้นฝั่งทะเลกันบ้าง โดยเดินทางด้วยเรือสปีดโบ้ทไปยังเกาะในฝัน เกาะแรกของทริป นั่นก็คือ เกาะกระดาด มองเห็นทิวมะพร้าวและความราบแบบของเกาะนี้มาแต่ไกล โดยปกติถ้าเราสังเกตรูปพรรณสัณฐานของเกาะในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะมีภูเขาด้วย แต่เกาะกระดาดถือว่าเป็นเกาะที่แตกต่างจากเกาะอื่น นั่นก็คือ มีแต่ต้นไม้โดยเฉพาะต้นมะพร้าว เลยทำให้เกาะนี้มีความราบแบบเหมือนกระดาษ ซึ่งหากเรามองจากภาพมุมสูงจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น
เกาะกระดาด เกาะที่มีเรื่องราวทางประวัติศาตร์ที่สำคัญอีกเกาะหนึ่ง เพราะเป็นเกาะแรกที่มีการออกโฉนดถูกต้องตามกฎหมายมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สาเหตุมาจากในสมัยนั้น ฝรั่งเศสได้เข้ามาล่าอาณานิคมในแถบเอเซียอาคเนย์ และพยายามยึดครองแผ่นดินของไทย เกาะกระดาดก็เป็นที่หมายหนึ่งของฝรั่งเศส โดยพระองค์ได้ทรงใช้พระราชทรัพย์ซื้อเกาะนี้คืนมาจากชาวบ้านซึ่งเป็นเจ้าของเกาะกระดาดในสมัยนั้นด้วยราคา 2000 บาท หลังจากนั้นจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ออกโฉนดทีดินของเกาะขึ้น เพื่อให้รู้ว่าเกาะแห่งนี้คือผืนแผ่นดินไทย ปัจจุบันเกาะกระดาดมีสถานะเป็นเกาะส่วนตัว นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะมาท่องเที่ยวบนเกาะต้องซื้อแพคเกจ ท่องเที่ยวจากทางเกาะกระดาด รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทเพียงหนึ่งเดียวของเกาะ ข้อมูลเกาะกระดาด อย่างละเอียดคลิ๊ก http://www.paiduaykan.com/province/east/trat/kohkradad.html
คณะเราไม่ได้มาเที่ยวชมความงามเพียงอย่างเดียว เราต้องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงทะเล คืนความสมดุลให้กับธรรมชาติ
จุดเด่นเกาะกระดาด คือ การได้มาชมทิวต้นมะพร้าวที่เอนเอียงลิ่วล้อไปตามแรงลม
เนื่องจากต้นมะพร้าวที่มีมากมายบนเกาะ ทำให้การเก็บมะพร้าวขายคือ อีกหนึ่งอาชีพของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะ เป็นวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยได้เห็นแล้วในปัจจุบัน บ่งบอกถึงความเป็นชาวเกาะอย่างแท้จริง
สำหรับอีกหนึ่งไฮไลท์ประจำเกาะกระดาดก็คือ เจ้ากวางน้อยใหญ่ ที่อาศัยอยู่บนเกาะจนออกลูกออกหลานเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันบนเกาะกระดาดมีกวางหลายร้อยตัว จนได้รับฉายาว่าเป็น “ซาฟารีกลางทะเล”
โดยกิจกรรมนำเที่ยวหลักของที่นี่ก็คือ นั่งรถอีแต๊กกินลมชมวิวบนเกาะ ชมวิถีชีวิตและธรรมชาติระหว่างทางซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นดงมะพร้าว โดยในหลายจุดหลายช่วง เราจะได้เห็นเจ้ากวางน้อยใหญ่ออกมาหากินแบบชินกับผู้คนและเสียงรถอีแต๊ก
นั่งรถอีกแต๊กมาสุดปลายทางยังหาดอีกด้านหนึ่งซึ่งหาดฝั่งนี้น้ำทะเลใสและนิ่งสงบ มีต้นมะพร้าวไฮไลท์ประจำเกาะที่เอียงเข้าหาทะเล แนะนำถ้าจะให้ได้ดีควรมาเที่ยวหาดนี้ในช่วงเช้าซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงฝั่งตรงข้ามกับน้ำทะเลจะสามารถมองเห็นความใสของน้ำทะเลได้ชัดกว่า ในภาพนี้คณะเรามาถึงในเวลาบ่ายแก่ ย้อนแสงไปเยอะ ทำให้มองเห็นความสวยงามของท้องทะเลได้ยังไม่เต็มที่
ได้เวลาไปยังที่พักผ่อนยังเกาะสวรรค์แห่งทะเลตราดเกาะต่อไป นั่นก็คือ เกาะกูด โดยพักที่เกาะกูด เป็นเวลา 2 คืน ที่พักของคณะเราคือ เกาะกูด อ่าวพร้าวบีช ซึ่งตั้งอยู่ที่อ่าวพร้าว มาถึงเวลาเย็นเก็บความสวยงามพระอาทิตย์ตกมาฝากกันซักหน่อย พระอาทิตย์ดวงกลมโตมาก
ชมวิว เก็บภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า โรแมนติกแท้ อยากอยู่ตรงมุมไหนก็เลือกตามใจชอบ
เกาะกูด เกาะขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในตราดรองจากเกาะช้าง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น หาดทราย และน้ำทะเลใสสีมรกต จนได้รับการขนานนามว่า “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” ถือว่าเป็นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ในภาพคือ บรรยากาศของทะเลในยามเช้า ของอ่าวพร้าว หน้าที่พักซึ่งน้ำทะเลนิ่งใสราวกระจก มาเที่ยวเกาะกูดหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะมาไม่ค่อยถูกช่วงจังหวะเจอฝนบ้างผิดช่วงเวลาบ้าง แต่หากเรามาท่องเที่ยวถูกเวลาในช่วงที่เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวตั้งแต่เดือน พ.ย. – มี.ค. จะได้เห็นภาพเกาะกูดในแบบที่เราอยากเห็นน้ำทะเลนิ่งสงบสีเขียวมรกตอมฟ้านิดๆ สวยใสไม่แพ้ฝั่งอันดามันเลยทีเดียว สำหรับข้อมูลเกาะกูดอย่างละเอียดคลิ๊ก http://www.paiduaykan.com/province/east/trat/kohkood.html
เกาะกูด มีอยู่หลายหาด ชายหาดฮิตซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมีหาดทรายขาวยาวสามารถลงเล่นน้ำได้ เช่น หาดบางเบ้า อ่าวคลองเจ้า และ อ่าวพร้าว หากมีคำถามว่ามาเที่ยวเกาะกูดหาดไหนน้ำใสสวยที่สุด สำหรับไปด้วยกันหลังจากได้พักมาหลายหาด ตอบได้เลยว่าชอบ อ่าวพร้าว ที่สุดเพราะมีชายหาดขาวและค่อนข้างยาว น้ำทะเลใสสงบเหมาะกับการเล่นน้ำ แถมมีบรรยากาศริมชายหาดสงบและร่มรื่น ด้วยสวนมะพร้าว
อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตบนเกาะกูด นั่นก็คือ การพายคายัค ซึ่งมีเรือคายัคให้ใช้บริการฟรีอยู่แทบทุกรีสอร์ท
มาถึงทะเลตราดทั้งที อีกหนึ่งเกาะที่ไม่ควรพลาดนั้นก็คือ หมู่เกาะรัง ซึ่งจะประกอบด้วย เกาะยักษ์เล็ก ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นจุดดำน้ำ และ หาดศาลเจ้า และหาดซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยาน สำหรับการจะไปยังหมู่เกาะรังหากพักที่เกาะกูด เกาะหมาก สามารถซื้อแพคเกจท่องเที่ยวทัวร์เกาะแบบ One day trip ได้จากที่พักค่ะ โดยโปรแกรมนำเที่ยวเกาะแรก คือ พาไปดำน้ำดูปลาที่เกาะยักษ์เล็ก
ต่อด้วยเกาะยักษ์ใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้กัน ที่เกาะยักษ์อาจไม่ได้มีปะการังให้ชมเยอะเหมือนฝั่งทางใต้ แต่ในเรื่องของปลาต้องยอมว่ามีให้ชมเยอะจริงๆ มาทักทายนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราแบบสนิทคุ้นเคยเลยทีเดียว
จากจุดดำน้ำมาขึ้นฝั่งกันบ้าง หมู่เกาะรัง จะมีชายหาด อยู่สองฝั่งคือ ฝั่งทางด้านเหนือ ซึ่งเรียกว่าหาดศาลเจ้า ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดดำน้ำเกาะยักษ์ ซึ่งเกาะฝั่งนี้จะมีหาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำใส เกาะฝั่งนี้จะไม่มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
สำหรับไปด้วยกันเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาหาดศาลเจ้า ยังจำภาพน้ำทะเลสีฟ้าใสหาดทรายขาวละเอียด จนต้องให้สมญานามเองว่า สิมิลันน้อยแห่งทะเลตราด มาครั้งนี้น้ำทะเลก็ยังสวยใสถึงแม้ชายหาดจะเปลี่ยนไปบ้างเพราะเกิดจากซัดของน้ำทะเล ถ้าได้มาเกาะกูดหรือเกาะหมาก อย่าลืมซื้อแพคเกจไปท่องเที่ยวหมู่เกาะรังเกาะรัง รับประกันความงาม เป็นเกาะที่เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของท้องทะเลตราดแล้วจริงๆ ค่ะ
นอกจากเกาะรังฝั่งหาดศาลเจ้าแล้ว ยังมีเกาะรังอีกฝั่งซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.5 (เกาะรัง)มีแหล่งน้ำจืดสำหรับใช้ สามารถกาง เต็นท์พัก ค้างแรมได้ น้ำทะเลอาจสวยน้อยกว่าหาดศาลเจ้า
สำหรับใครที่อยากมาพักบนเกาะนี้มีที่พักของอุทยานให้บริการ สามารถติดต่อได้ที่โทร 093 697 8994 084 063 3716
ตลอดระยะเวลา 2 วัน เราได้เที่ยวเกาะสวย ชมเมืองเรียนรู้ประวัติศาตร์ ไปเแล้ว วันสุดท้ายกลับขึ้นฝั่งไปสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน ที่ชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรัษ์บ้านน้ำเชี่ยว ตั้งอยู่ใน ต.น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ
บ้านน้ำเชี่ยว ได้เป็นรับเลือกให้เป็น “หมู่บ้าน OVC” (OTOP Village Champion) ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย รวมถึงรางอุตสาหรรมท่องเที่ยวไทยดีเด่นจากากรท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในปี 2550 2553 2556
พื้นที่ส่วนใหญ่ของบ้านน้ำเชี่ยวอยู่ติดทะเล มีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่เป็นจำนวนมาก มีคลองขนาดใหญ่ไหลผ่าน เดิมประชากรของตำบลน้ำเชี่ยว เป็นคนไทยนับถือศาสนาพุทธ ต่อมามีพ่อค้าชาวจีนล่องเรือสำเภามาค้าขายสินค้าที่ท่าเรือบ้านน้ำเชี่ยว และได้ตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ทำให้ชาวน้ำเชี่ยวส่วนหนึ่งเป็นคนไทย เชื้อสายจีน และในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีชาวมุสลิมซึ่งเรียกตัวเองว่า “แขกจาม หรือ จำปา” อพยพหนีสงครามมาจากประเทศเขมร มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ริมคลองน้ำเชี่ยว และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยชาวพุทธและมุสลิมสามารถแต่งงานข้ามศาสนาได้ ซึ่งพี่น้องทั้งสอง ศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกันในตำบลน้ำเชี่ยวอย่างสันติสุขด้วยความสัมพันธ์อันดีตลอดมา
กิจกรรมท่องเที่ยวของบ้านน้ำเชี่ยว คือ เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนโดยพักร่วมกับชาวบ้านในรูปแบบโฮมสเตย์ ล่องเรือชมธรรมชาติป่าชายเลนชมวิถีชีวิตชาวประมง ชมสาธิตตการทำงอบใบจาก
ออเดิฟต้อนรับ น้ำชาเขียวเย็นพร้อมขนมเบื้อง ที่เจ้าบ้านบอกว่าเป็นสูตรเฉพาะไม่เหมือนที่อื่น
ชมการสาธิตและลองทำตังเมกรอบหรือขนมตาลชัก เป็นขนมโบราณที่ปัจจุบันหารับประทานได้ยากพอสมควร บ้านน้ำเชี่ยวถือว่าเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของจ.ตราด เลยทีเดียว
ด้วยความที่เป็นชุมชนชายฝั่ง ที่นี่จึงมีความสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่งอยู่ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะป่าชายเลนบ้านน้ำเชี่ยวนั้นถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นทางการท่องเที่ยวของที่นี่เลยทีเดียว ป่าชายเลนแห่งนี้มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติสร้างทอดยาว
มีหอดูนกสูงกว่า 12 เมตร สร้างเป็นไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปดูนก ชมวิว ซึ่งบนนั้นสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของป่าชายเลนได้รอบด้าน ส่วนยามค่ำคืนป่าชายเลนแห่งนี้ถือเป็นจุดชมหิ่งห้อยที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง
ของฝากจากบ้านน้ำเชี่ยว
สิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของหมู่บ้านน้ำเชี่ยวที่โด่งดังไปไกลก็คือ “งอบน้ำเชี่ยว” เป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์อันเกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษชาวตราดที่ได้สืบทอดสู่อนุชนรุ่นหลัง ใส่เพื่อกันแดดกันฝน หรือตบแต่งบ้านเรือน ปัจจุบันมีการพัฒนารูปทรงที่หลากหลายยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการสวมใส่หรือเป็นของที่ระลึก เพราะเน้นความประณีต สวยงาม มีน้ำหนักเบา และมีหลายรูปแบบ ให้เลือกตามความต้องการ โดยใช้ใบจากที่หาได้ไม่ยาก จากป่าชายเลนใกล้ชุมชน งอบน้ำเชี่ยวนั้นถือได้ว่าเป็นสินค้าที่ระลึกขึ้นชื่อของชุมชนแห่งนี้ โดยจะมี 5 ทรง คือ ทรงกระทะคว่ำ ทรงกระดองเต่า ทรงยอดแหลมหรือทรงหัวแหลม ทรงสมเด็จ ทรงกะโหลก ข้อมูลบ้านน้ำเชี่ยวแบบละเอียด http://www.paiduaykan.com/province/east/trat/baananmcheaw.html
มาถึงตราดต้องมาชิมสละ ผลไม้และของดี มีหนึ่งสวนที่อยากแนะนำคือ สวนสละสมโภชน์ เป็นสวนสละที่มีการดูแล การจัดการสวนอย่างดี คัดสรรคุณภาพตั้งแต่กระบวนการคัดเมล็ดพันธุ์ในการปลูกหรือ แม้กระทั่งคัดเกสรไม้เพื่อใช้ในการผสมให้ติดลูก ทำให้เป็นสละที่มีรสชาติดี
สวนสมโภชน์เป็นสวนสละคุณภาพ ที่เปิดขายสละพันธ์สุมาลี ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเลือกซื้อกันได้ถึงหน้าสวน นอกจากนี้ยังมีสละแปรรูปอย่าง สละลอยแก้ว ซึ่งมีรสชาติหวานชื่นใจ ไว้ให้ทานและซื้อเป็นของฝากกลับบ้านอีกด้วย gปิดให้บริการทุกวัน 8.00-17.00 น.ไม่เสียค่าเข้าชม รายละเอียดเพิ่มเติม โทร.08-1438 -2015
จบทริปเกาะในฝันแห่งท้องทะเลตราด สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวทะเล หากใครรักเสียงคลื่น มีความฝันอยากเจอเกาะสวย และธรรมชาติที่แสนสงบ กับเรื่องราวทางประวัติศาตร์และวิถีชีวิตชุมชมอันแสนประทับใจ อย่าให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน ก้าวออกมาเพื่อไปพบกับบรรยากาศจริงที่สวยงามยิ่งกว่ากับ เมืองต้องห้าม (พลาด ) จังหวัดตราด
Tags : ตราด, บ้านน้ำเชี่ยว, สถานที่ท่องเที่ยวตราด, เกาะทะเลตราด, เที่ยวตราดไม่ข้ามเกาะ, เที่ยวทะเลตราด