หากเราพูดถึง เกาะมุก เราก็จะนึกถึงกันแต่ ถ้ำมรกต ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับ จังหวัดตรังมาช้านาน เกาะมุกเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของท้องทะเลตรัง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ ชายฝั่งด้านตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำมรกตที่มีความงดงามตระการตา ซึ่งฝั่งนี้จะไม่มีชายหาดและที่พักใดๆ และอีกฝั่ง คือ เกาะมุกฝั่งด้านตะวันออก เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมง มีรีสอร์ทที่พัก ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีชายหาดที่สวยงามและน้ำทะเลให้ลงเล่นน้ำหลายหาด บรรยากาศค่อนข้างสงบ นักท่องเที่ยวไม่วุ่นวาย เหมาะสำหรับมาเที่ยวพักผ่อน นอนค้างชมวิวทะเลซัก 1 หรือ 2 คืน ซึ่งเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเกาะมุกในฝั่งนี้กันบ้าง
เริ่มต้นการเดินทางมาเกาะมุก
สำหรับการเดินทางมาที่เกาะมุก หากเดินทางโดยรถส่วนตัวสามารถมาขึ้นเรือหางยาวไปยังเกาะได้ที่ ท่าเรือควนตุ้งกู ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง ท่าเรืออยู่ระหว่างหาดยาว กับหาดปากเมง ห่างจากหาดปากเมงประมาณ 15 กม เรือโดยสารมีเวลาเดียวคือ 12:45 น. ส่วนเรือหางยาวมีออกตลอดทั้งวันราคาเหมา 600 บาท ต่อลำ นั่งได้ประมาณ 10 คน ใช้เวลาจากท่าเรือไปยังเกาะมุก ประมาณ 30 นาที ที่ท่าเรือมีที่รับฝากรถ
หากไม่มีรถส่วนตัว สามารถไปขึ้นรถไปยังท่าเรือได้แถวสถานีรถไฟตรัง โทรจองได้ที่คุณจิ๊บ เบอร์ 0816072411 ค่ารถราคาคนละ 300-450 บาท จากตรังถึงเกาะ รถออกเวลา 11:00 น. และ 14:00 น. หรือถ้าไม่อยากรอตามรอบ หากเดินทางจากตัวเมืองก็เหมาทั้งรถทั้งเรือจะเดินทางในเวลาใดก็ได้รวมราคา 1800 บาท ต่อเที่ยว
จุดขึ้นรถในตัวเมืองเพื่อเดินทางไปยังเกาะมุก อยู่ใกล้กับโรงแรมศรีตรัง แถวสถานีรถไฟ
ท่าเรือควนตุ้งกู
เมื่อมาถึงเกาะมุก
เมื่อเรือเริ่มใกล้ถึงฝั่งเราจะเห็นหาดทรายสีขาวมาแต่ไกล ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทที่ชื่อว่า เกาะมุก สิวาลัยบีช ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือของเกาะมุก โดยปกติหากที่พักของเราอยู่ติดหาด เรือจะไปส่งเราที่หาดซึ่งที่พักตั้งอยู่ แต่หากเราไปถึงในช่วงเวลาที่น้ำหน้าหาดของที่พักลดลงเรือจะมาส่งเราที่ท่าเรือ จากนั้นก็มีรถซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างรถประจำถิ่นบนเกาะมุกมารับเราไปยังรีสอร์ทนั้นๆ การเดินทางสัญจรไปมาบนเกาะ มีพาหนะ คือ รถพ่วงข้างซึ่งเรียกว่าแท๊กซี่เซอร์วิส และ มอเตอร์ไซต์ จักรยานเท่านั้น รถยนต์วิ่งไม่ได้เพราะถนนแคบมาก การเดินทางไปแต่ละหาดก็ไม่ไกลกันมากใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
บรรยากาศบริเวณท่าเรืออันเงียบสงบ ท่าเรือเหมือนศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเกาะมุก เป็นที่ตั้งของร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้า ตรงท่าเรือมีร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ ซึ่งหากไม่อยากใช้บริการรถพ่วงข้างเที่ยวรอบเกาะ ก็สามารถเช่ามอเตอร์ไซต์ราคาจะอยู่ที่ 250-300 บาท ส่วนราคารถโดยสารมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างไม่ว่าจะไปตรงจุดไหนใกล้ ไกล ของเกาะจะคิดราคาเดียวคือ เที่ยวละ 50 บาท ไปกลับก็ 100 บาท
สำหรับร้านอาหารบนเกาะมีไม่กี่ร้าน ถ้าไม่นับร้านอาหารของที่พักต่างๆ ทั้งเกาะนับได้ประมาณ 3-4 ร้าน ที่ท่าเรือมีร้านอาหารแนะนำอยู่ 1 ร้าน ที่รสชาติอร่อยมาก คนท้องถิ่นแนะนำ รสชาติถูกปากคนไทยต้องทาน ร้านครัวบุญชู มีหลากหลายเมนูให้เลือก ราคาไม่แพงด้วย จากที่ทานอาหารบนเกาะส่วนใหญ่จะรสชาติจะออกไปทางหวานคือ เน้นรสชาติชาวต่างชาติมากกว่าเพราะบนเกาะจะมีแต่ชาวต่างชาติ คนไทยนี่เรานับคนได้แทบไม่เห็นบนเกาะนี้ อาจเป็นเพราะที่นี่บรรยากาศจะออกแนวชาวบ้าน ต้องนั่งรถพ่วงข้างเที่ยวตามหาด และเช่ามอเตอร์ไซต์ ซึ่งถ้ามาแนวนี้จะเป็นที่นิยมของฝรั่งชาวต่างชาติมากกว่า
ที่พักเกาะมุก พักเกาะมุกด์ เดอธารา บีช
เกาะมุกต์มีที่พักหลายแห่งให้เลือกทั้งแบบที่ติดทะเล และแบบที่ไม่ได้ติดทะเลตั้งอยู่ในชุมชนให้เลือกตามงบประมาณและความชอบ เกาะมุกจะมีทั้งหมด 3 หาด ที่มีหาดทรายขาวทอดยาวและเล่นน้ำได้ คือ หาดตรงท่าเรือของศิวาไลซ์บีช หาดฝรั่งซึ่งอยู่ท้ายเกาะหาดนี้หาดทรายสวยที่สุด และหาดในโซนของเกาะมุกเดอธาราบีช ซึ่งจะมีที่พักอยู่อีกหนึ่งแห่ง คือ เกาะมุก ริวิร่า บีช ซึ่งถามพี่คนขับรถเจ้าถิ่นว่า มีชื่อหาดมั้ย เค้าบอกว่าไม่มี แต่จะเรียกชื่อหาดตามที่พัก จากท่าเรือนั่งรถมอเตร์ไซต์พ่วงข้างที่รีสอร์ทส่งมารับ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที เราก็มาถึงที่พักของเราในคืนนี้ นั่นก็คือ เกาะมุกด์ เดอธารา บีช เป็นที่พักติดหาด ออกแนวชิคทันสมัยหน่อย ที่พักมีหลายแบบค่ะ ทั้งแบบเต้นท์บ้านติดแอร์ และห้องพักสไตล์ลอฟแบ่งเป็นห้อง ตกแต่งเก๋ๆ ซึ่งจะมีในส่วนที่ Sea view ทะเล 2 ห้อง และไม่ Sea view ทะเลอีกหลายห้องซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง ด้านล่างจะเป็นในส่วนของร้านอาหาร ไว้นั่งดื่มชมวิวทะเลแบบคูลๆ กัน
เราจองห้องแบบ Sea view ไว้ สำหรับรายละเอียดราคาสามารถติดตามและสอบถามได้ที่เพจของที่พักโดยตรงที่ https://www.facebook.com/KohMookDeTara/ ภายในห้องพักกว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง ทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม มีมุมโต๊ะนั่งทำงานให้ด้วย
ห้องน้ำกว้างขวาง
มีระเบียงยื่นออกไปมีเก้าอี้ชายหาด และอ่างอาบน้ำขนาดเล็ก มองเห็นวิวทะเลที่อยู่เบื้องหน้า ชิวสุด สุด ไปเลย
วิวทะเลจากระเบียงห้องพัก เรามาถึงประมาณ บ่าย 3 โมง กว่า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลลดลงแล้ว และจะขึ้นอีกครั้งตอนประมาณ 10 โมงเช้าของอีกวัน
ลงมาข้างล่างออกมาเดินเล่นหน้าหาดกันบ้าง น้ำลดขนาดนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเรือถึงเข้าเทียบจอดไม่ได้ ต้องนั่งรถเข้ามา
ช่วงเวลาน้ำลดนักท่องเที่ยวก็นิยมมาเดินเล่นดูวิว ชมเรือที่วิ่งไปมา ลวดลายริ้วทรายสลับไปด้วยน้ำทะเลที่แห้งขอด ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงที่สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง แถมสงบผู้คนไม่พลุกพล่านวุ่นวาย จึงเป็นเกาะที่เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนจริงๆ
นักท่องเที่ยวเค้าดูอะไรกัน ก็ดูเจ้าปลาดาวที่อยู่หน้าหาดนี่ไงละ คือ ตอนแรกเดินไปก็หันไปมองพื้นทรายก็งงว่าทำไมเป็นรูปดาว นึกว่าใครมาเล่นอะไรไว้ แต่ไม่ใช่แบบนั้นพอก้มลงมองดี มันคือ ปลาดาวที่ฝังตัวอยู่ในพื้นทรายเพื่อหาความชื้น บางตัวก็คลานกระดึ๊บๆ ถ้ามันพูดได้มันก็คงอยากจะบอกเราว่า มันก็รออยากให้น้ำขึ้นเพื่อที่มันจะได้แหวกว่ายลงสู่ทะเลที่มันรัก ทะเลตรังนี่ต้องเรียกว่าเป็นถิ่นปลาดาวใกล้หาดจริงๆ ไปทะเลที่ไหนก็เจอตลอด
มาเกาะมุกต้องไปชมพระอาทิตย์ตกที่หาดฝรั่ง
เกาะมุกก็มีพระอาทิตย์ตกที่งดงาม ซึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกจะอยู่ที่หาดฝรั่ง 17.00 น. ทางที่พักได้นัดรถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างให้มารับเราไปที่หาดนั้นใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที สำหรับใครที่ไปเกาะมุกแล้วอยากใช้บริการรถพ่าวงข้าง ติดต่อได้ที่พี่เลิศคนขับ โทร 061 229 7400 คิดราคาไปกลับคนละ 100 บาท พี่เลิศเป็นคนท้องถิ่นบนเกาะนี้ สุภาพ อัธยาศัยดี สามารถเล่าเรื่องราวบนเกาะมุกที่เราอยากรู้ได้ ว่าตรงไหนมีอะไรบ้าง ก่อนมาหาข้อมูลรีวิวของเกาะมุกแทบไม่มีที่ไหนที่เล่าเรื่องราวได้ละเอียดตามที่อยากรู้ เลยคิดว่าไว้ไปถามคนในพื้นที่เองดีกว่าน่าจะให้คำแนะนำได้ดีที่สุด ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ถนนหนทางบนเกาะเป็นเส้นทางแคบ เป็นพื้นคอนกรีตพาดผ่านชุมชน และสวนยางพารา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่ ช่วงสุดท้ายที่จะถึงหาดฝรั่งเป็นถนนดินแดงบ้างสลับกันไป
หาดฝรั่งกว้างขว้าง และทรายค่อนข้างขาวละเอียด หาดฝรั่งเป็นที่ตั้งของที่พัก ชื่อ ว่าชาลี บีช รีสอร์ท ซึ่งตรงนี้เป็นหาดหน้าชาลีบีช มีทั้งเตียงผ้าใบ ร่มชายหาดครบเซ็ท หาดนี้ถือได้ว่าคึกคักที่สุดบนเกาะและค่อนข้างเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ด้วยทรายหาดที่ขาวกว้างไกลและน้ำทะเลที่ใสกว่าหาดอื่น มีที่พักอีกหนึ่งแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับชาลีบีช คือ สวัสดี รีสอร์ท ลักษณะเป็นบังกะโลแบบเล็กๆ
มีทั้งเรือยอร์ช และเรือหางยาวจอดมากมาย น้ำทะเลในเวลานี้ คือ ลดระดับแห้งขอดจนเห็นริ้วลายทรายกระทบแสงที่สวยงาม
สุดปลายหาดมีร้านอาหารอยู่ 1 ร้าน ชื่อว่า ร้านโกยาว ดูจากการโลเคชั่นแล้ว ต้องเป็นจุดชมวิวที่เยี่ยมแน่นอน น่าจะมองเห็นวิวทะเลได้ในมุมสูง เย็นแล้วด้วยเลยตัดสินใจขึ้นไปสั่งอาหารรอชมพระอาทิตย์ตกดีกว่า
เมนูอาหารราคาก็ถือว่าไม่แพงมาก สั่งมาประมาณ 3 อย่าง ต้องบอกตามตรงว่าวันที่ไปทานอาหารทะเลแอบมีกลิ่นไม่ค่อยสดเท่าไหร่ ส่วนรสชาติพอทานได้แต่ยังไม่ถึงกับอร่อยมาก
แต่ถ้ามานั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ดื่มด่ำบรรยากาศนั่นคือ ตอบโจทย์ใช่เลย
บรรยากาศปาร์ติ้ซีฟู้ดริมหาด หน้าชาลีบีช คักคักกันจริงๆ
ส่วนเราขอกลับมานั่งทานอาหารและจิ๊บเครื่องดื่มแบบสงบยังที่พักของเราจะดีกว่าค่ะ
อาหารมื้อค่ำหน้าตาหน้ารับประทาน ที่นี่ค่อนช้างพิถีพิถันในเรื่องอาหารมากสังเกตจากการจัดแต่งจานมาอย่างสวยงาม เนื่องจากยังอิ่มจากการทานมื้อเย็นเลยสั่งเป็นออกเดิฟมาทานเบาๆ กับค๊อกเทล เป็น รวมทะเลทอด และปลากะพงนึ่งมะนาว ด้วยคุณภาพความสดของอาหารเลยทำให้รสชาติโอเคไปด้วย
ที่ถูกใจในรสชาติที่สุดก็คงเป็นค๊อกเทลและเครื่องดื่มต่างๆปรุงรสชาติได้ถูกปากและอร่อยมาก ทั้งบลูมาการิต้า โมจิโต้ คือ เยี่ยมเลย
ชมพระอาทิตย์ขึ้นหน้าที่พัก
บรรยากาศของพระอาทิตย์ขึ้นไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล หน้าที่พักของเรานั้นไง มาให้เห็นกันแบบเต็มๆ ตื่นมาจากที่นอนก็มองดูแสงอาทิตย์สีทองได้จากที่นอนและระเบียงห้อง
หรือจะเดินลงมาชมบรรยากาศหน้าชายหาดก็ได้ค่ะ วันนี้ตื่นสายไปซักหน่อยเลยไม่ทันตอนที่กำลังเริ่มขึ้นจากขอบฟ้าเป็นดวงกลมโต ช่วงเวลานี้น้ำทะเลยังลดอยู่
ซุ้มบริการนวดของทางรีสอร์ท
อาหารเช้าของที่นี่รวมราคาไปกับห้องพักแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าจัดเต็มมาก มีหลายเมนูให้เลือก ทั้ง อเมริกันเบรคฟาสต์ แพนเค้ก สลัด ข้าวต้ม ข้าวผัดกุ้ง สปาเก๊ตตี้ สลัดไก่/ทูน่า ผลไม้ ซึ่งทุกอย่างสั่งได้ไม่อั้น จะทานกี่จาน กี่เมนูก็ได้ เท่าที่เราจะทานไหว และรสชาติอาหารชาติก็อร่อย
หลังจากอาหารเช้า ประมาณ 10 โมงกว่า เรานัดพี่เลิศ ให้มารับเราไปเก็บภาพหาดต่างๆ บนเกาะมุกอีกรอบ เริ่มจากหาดฝรั่งอีกรอบ อยากไปเห็นภาพในช่วงเวลาท้องฟ้าสดใสและทะเลสวยๆ ในเวลากลางวันบ้าง เกาะมุกชาลีบีช ที่พักบนหาดฝรั่ง
บรรยากาศในวันฟ้าใสที่หาดฝรั่ง หาดทรายขาวพอประมาณและทรายก็ค่อนข้างละเอียดนุ่มเท้า
ช่วงเวลานี่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวเต็มหาด ที่มีโปรแกรมจะไปเที่ยวและดำน้ำยังเกาะใกล้เคียง เช่น เกาะไหง เกาะกระดาน และถ้ำมรกต ซึ่งสามารถเช่าเหมาเรือหางยาว หรือซื้อแพคเกจรายหัวไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบายๆ เพราะอยู่ไม่ไกลกัน
ส่วนใครที่ไม่นิยมดำน้ำก็นั่งอาบแดดชิวริมหาด เล่นน้ำทะเลกันไป สังเกตว่าส่วนใหญ่มีแต่นักท่องเที่ยวฝรั่งต่างชาติ คนไทยแทบไม่มีเลย
วิวภูเขาหินปูนตรงนี้คล้ายกับชายหาดในทะเลกระบี่
มีเรือคายัคให้เช่าด้วย ชั่วโมงละ 100 บาท
ช่วงเวลานี้เราไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าไปยังร้านโกยาว ร้านเดิมที่ชมพระอาทิตย์ตกเมื่อวาน เพื่อชมวิวทะเลในมุมสูง คงสวยน่าดูแอบจินตนาการไว้
และแล้วก็ไม่ผิดหวัง มองเห็นความใสของน้ำทะเลสีเขียวไล่ระดับโทนสีได้ชัดเจนมาก สวยสุดๆ ไปเลย
เรากลับมายังที่พักที่เดอธาราบีชอีกครั้ง เพื่อรอเรือมารับตอนบ่าย 2 โมง ช่วงเวลานี้น้ำเริ่มขึ้นมาจนถึงชายหาดแล้ว แต่เสียดายสีน้ำทะเลไม่ค่อยฟ้ามากเท่าไหร่นัก เนื่องจากเจออิทธิพลจากพายุไปเมื่อวาน ความใสของน้ำทะเลที่หาดนี้อาจไม่สวยเท่าหาดฝรั่งแต่ความชิว และความสงบ คือ กินขาด ระหว่างรอก็สั่งน้ำแตงโมปั่นมาทานไปด้วย รสชาติดีสดชื่น แถมแกะสลักเปลือกแตงโมเป็นตัวปลามาอย่างน่ารัก
หากจุดหมายปลายทางการเที่ยวทะเล คือ ต้องการพักผ่อนไปกับธรรมชาติที่สงบยังคงมีวิถีชีวิตของความเป็นชาวบ้าน หาดสวย น้ำใส มีบรรยากาศของพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงาม เกาะมุก ตรัง อีกหนึ่งเกาะที่อยากแนะนำให้ลองมาสัมผัสทะเลที่นี่ดูซักครั้ง
Tags : การเดินทางไปเกาะมุก, ตรัง, ที่พักเกาะมุก, เกาะมุกตรัง