บ้านป่าบงเปียง ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่มีนาขั้นบันไดรายล้อมด้วยเทือกเขาสูง สลับไปกับไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ฮิตกันมากในเวลานี้ ฮิตจนในช่วงฤดูทำนาเรามักได้เห็นภาพนาข้าวป่าบงเปียงเต็มหน้าฟีดของสื่อ Social ทั้งหลาย ฟีดกันทุกวัน ยั่วใจกันทั้งวัน แล้วแบบนี้จะอดใจไหวได้อย่างไรแพคกระเป๋าสิคะจะรออะไร
ช่วงเวลาท่องเที่ยว
มีหลายคำถามว่าควรเดินทางไปป่าบงเปียงในช่วงเดือนไหนดี สำหรับการท่องเที่ยวที่นี่ต้องบอกว่าแบ่งเป็น 3 ช่วง แล้วแต่ความพึงพอใจของนักเดินทางและนักถ่ายภาพ บางคนอยากชมบรรยากาศช่วงการดำนา คือ ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. ซึ่งต้นข้าวยังเป็นต้นกล้าเล็กไม่เต็มพื้นที่ทำให้สามารถมองเห็นพื้นน้ำของท้องนาในช่วงเวลานี้เหล่าบรรดาช่างภาพบอกกันว่ายามเย็นแสงสีทองของพระอาทิตย์จะสะท้อนกับพื้นน้ำก็จะได้ความงดงามไปอีกแบบ แต่ถ้าอยากเห็นข้าวเขียวขจีเต็มท้องทุ่งช่วงเดือนก.ย. – ต้น ต.ค. จะเป็นอะไรที่สวยที่สุด หากอยากได้สีทองของรวงข้าวก็มาในช่วงปลายเดือนต.ค.
ปกตินักท่องเที่ยวที่มาป่าบงเปียงจะมาเที่ยวแบบไปกลับ คือ จะเน้นมาเก็บแสงสวยในยามเย็น เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าแสงเย็นสวยมากถ้าโชคดีก็จะได้เห็นเป็นลำแสงลอดผ่านก้อนเมฆมากระทบกับหุบเขาที่เรียงรายการสลับซับซ้อนเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก หากมาในยามเช้าจะได้พบกับทะเลหมอกที่คลอเคลียอยู่ตามไหล่เขา แต่จะเจอมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวันด้วย ถ้ามีฝนตกลงมาตอนกลางคืนก็มีโอกาสได้พบเห็นทะเลหมอกได้มากขึ้น
แต่หากอยากพบเห็นทั้งสองบรรยากาศคือ แสงเย็นและทะเลหมอกก็แนะนำให้ค้างคืนซักคืน หรือใครไม่อยากค้าง เพราะที่พักอาจไม่สะดวกนักและมีน้อยก็พักแถวดอยอินนทนนท์หรือแม่แจ่มก็ได้คะ แต่จะต้องนั่งรถกันถึง 2 รอบ จะเหนื่อยและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการเช่ารถในกรณีที่ไม่มีรถกระบะโฟรวิวของตัวเอง
การเดินทางไปป่าบงเปียง
การเดินทางมาที่บ้านป่าบงเปียง ต้องอาศัยรถกระบะที่มีแรงกำลังในการขับเคลื่อนเท่านั้น รถเก๋ง รถตู้ เข้าไม่ได้ เนื่องจากสภาพถนนแคบ ขรุขะและเป็นดินแดงแบบออฟโรดในบางช่วง หากไม่มีรถส่วนตัว สามารถใช้บริการรถนำเที่ยวซึ่งติดต่อได้จากที่พักป่าบงเปียงโดยตรง หรือถ้าขับมอเตอร์ไซต์แข็งก็เช่ามอเตอร์ไซต์จากอำเภอจอมทอง หรือจากตัวอ.แม่แจ่ม ขึ้นไปก็ได้คะ
บ้านป่าบงเปียง สามารถเดินทางได้ 2 ทาง
เส้นทางแรก จากเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ขับไปถึงด่านของอุทยานฯ เลี้ยวซ้ายไปยังทางแยกที่จะไปอำเภอแม่แจ่ม ไปอีก 12 กิโลเมตร จะพบป้ายน้ำตกแม่ปาน เลี้ยวขวาลงไปตามป้ายนั้น จะถึงลานจอดรถ (เส้นทางนี้รถทุกชนิดเข้าได้เพราะทางราดยาง) จอดรถไว้ตรงนี้ จากนั้นต้องใช้บริการรถโฟรวิวเข้าไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตรจะถึง บ้านป่าบงเปียง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที สามารถติดต่อ รถเช่ารถยังที่พักป่าบงเปียงโดยตรง หรือพี่สมศักดิ์ บ้านแม่กลางหลวง โทร 081 960 8856 , 08 1760 5181 ทราบราคามาคือ ถ้ารับที่ลานจอดรถเที่ยวละ 700 บาท แต่ทั้งนี้ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเดินทางกรุณาสอบถามอีกครั้ง
เส้นทางถนนยังที่จอดรถน้ำตกแม่ปานเพื่อต่อรถกระบะไปยังป่าบงเปียง
เส้นทางไปยังป่าบงเปียง
เส้นทางที่ 2 ในกรณีที่เข้ามาเที่ยวในเมืองแม่แจ่ม จากตัวเมืองแม่แจ่ม มาถึงที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม ให้เลี้ยวขวา จะพบ 7-11 อยู่ฝั่งขวามือ ให้ตรงไปประมาณ 1 กิโล จะมีทางแยกซ้ายมือไปวัดพุทธเอิ้นและนาขั้นบันไดบ้านกองกาน ให้ตรงไปจะพบบ้านต่อเรือมุ่งตรงไปเรื่อยๆประมาณ 10 กิโล จะมาถึงบ้านทุ่งยาวขับตรงไป สังเกตุคือหลักกิโลแม่นาจร 16 เลี้ยวขวาจะเจอวัดทุ่งยาวให้เลี้ยวซ้าย เข้ามาประมาณ 1 กิโลจะเจอหมู่บ้านแม่มิงค์ สังเกตุป้ายเล็กๆจะบอกว่าไป ร.ร.อินทนนท์วิทยา เลี้ยวขว จะพบหน่วยจัดการต้นน้ำแม่อวม และก็จะมาถึงบ้านป่าตึงให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนทางราดยางจะสิ้นสุดตรงนี้ ชับตรงไปประมาณ 1 กิโลจะพบทางแยกทางซ้ายไปบ้านตีนผาส่วนทางขวาไปบ้านป่าบงเปียง เส้นทางนี้ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองแม่แจ่ม ประมาณ 45 นาที หากไม่มีรถส่วนตัวสามารถใช้บริการรถนำเที่ยวจากแม่แจ่ม คุณเป๊ก โทร 082 888 5180 โดยรถจะมารับถึงพักในตัวเมืองแม่แจ่มและพาเที่ยวยังจุดต่างๆในแม่แจ่มและป่าบงเปียงด้วย ค่าบริการไปกลับ 1200 – 1500 บาท (นั่งได้ 10 คน) เส้นทางนี้อาจใช้เวลานานกว่าเส้นทางแรกแต่เป็นเส้นทางที่วิวระหว่างทางค่อนข้างดงามเพราะเราจะผ่านนาข้าวขั้นบันไดในตัวเมืองแม่แจ่ม บ้านตีนผาด้วย ซึ่งวิวสวยมาก ระหว่างทางก็แวะถ่ายภาพไปด้วยฟินสุดๆ
ที่พักป่าบงเปียง
เมื่อก่อนที่พักป่าบงเปียงจะมีเพียงหลังเดียว คือ มาฉิโพ แต่ปัจจุบันมีที่พักเพิ่มขึ้นประมาณ 10 กว่าหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครือญาติกัน ที่พักที่นี่ทุกหลังไม่มีไฟฟ้าใช้ ใช้เทียนและไฟฉายคะ ลักษณะของบ้านก็เป็นกระท่อมไม้แบบเรียบง่าย มีที่นอนหมอนมุ้งให้ มีห้องน้ำทุกหลังแต่ส่วนใหญ่จะแยกออกมาจากตัวบ้าน น้ำท่าอะไรก็มีให้อาบตามปกติ ทุกหลังมองเห็นวิวทุ่งนาแต่จะมองเห็นในวิวต่างกันตามตำแหน่งที่ตั้ง ที่พักอาจไม่ได้สะดวกสบายอะไรมากนัก เพราะมาที่นี่เน้นวิวบรรยากาศ ค่าบริการจะคิดในราคาเท่ากัน คือ คนละ 500 บาท รวมอาหารเช้าเย็น ซึ่งก็ถือว่าเป็นระดับราคาที่สมเหตุสมผล หรือใครอยากทานอะไรเพิ่มเติมก็เตรียมกันมาเองได้ ว่าแล้วก็มาดูบ้านพักกันว่ามีที่ไหนบ้าง ที่ป่าบงเปียงมีสัญญาณโทรศัพท์ของทุกค่ายคะ แต่ที่แรงที่สุด คงเป็น AIS
สำหรับการมาเยือนป่าบงเปียงในครั้งนี้เราพักที่ บ้านมาฉิโพ ทำให้สามารถ่ายภาพเก็บรายละเอียดมาได้มากกว่าที่อื่น คำว่า มาฉิโพ แปลว่า ชาวนา เป็นที่พักแห่งแรกของที่บ้านป่าบงเปียง บ้านพักมาฉิโพและในเครือตอนนี้มีทั้งหมด 3 หลัง เรียงกัน เป็นทั้งของพี่วิชัยและของน้องชาย ซ้ายสุดคือ บ้านมาฉิโพ หลังกลางของน้องชาย และอีกหลังก็เช่นกัน แต่พี่วิชัยบอกว่าที่พักทุกหลังในของที่นี่คือญาติกันหมด เบอร์โทรติดต่อพี่วิชัย 081 020 1691 (บางครั้งไม่ค่อยมีสัญญาณ ต้องพยายามโทรบ่อยหน่อย)
พี่วิชัยคนนี้นี่เอง ตอนเช้าๆ ก็จะมานั่งเล่นเครื่องดนตรีของชนเผ่าให้เราฟังด้วย พี่เค้าร้องเพลงเพราะมากคะ ฟังเพลงไปชมบรรยากาศไปเข้ากันดีแท้
บ้านพักมาฉิโพข้างในมี 1 ห้อง พักได้ประมาณ 3 คน ข้างนอกนอนได้อีก 3 คน มีระเบียงไม้สวยงามให้ยืนมองชมวิว มีอ่างล่างหน้าและห้องน้ำอยู่ข้างบ้าน
ภายในห้องเปิดหน้าต่างมาก็เห็นวิวทุ่งนาแบบนี้คะ
หลังที่ 2 ของน้องชายอยู่ข้างกัน หลังนี้มี 2 ห้องนอน นอนได้ห้องละ 3-4 คน และมีระเบียงให้ชมวิวได้เช่นกัน ส่วนหลังที่ 3 ไม่ได้ถ่ายภาพข้างในมาคะ เพราะมีแขกท่านอื่นพักอยู่ แต่ดูจากขนาดแล้วก็พักได้ประมาณ 6 คนเลยทีเดียวเพราะหลังใหญ่
วิวนาข้าวมองจากหน้าระเบียงบ้านพักหลังแรก มาฉิโพ ในช่วงเย็น เห็นบ้านพักอีก 2 หลังอยู่ด้านล่างเป็นบ้านของพี่ศรชัย ก็ญาติพี่วิชัยอีกนั้นแหละค่ะ
อาหารสองมื้อเช้าและเย็น เป็นเมนูพื้นบ้านง่ายๆไม่กี่อย่าง เช่น ไข่เจียว ปลาทู น้ำพริก ต้มจืดไก้ฟักทอง แต่กินกันจนอิ่มรสชาติอร่อยทีเดียวคะ
มื้อเย็น
อาหารมื้อเช้ามีกาแฟโอวัลตินให้บริการในตอนเช้าด้วย
บ้านพักหลังต่อไปถัดลงมาจากบ้านพี่วิชัย จะตั้งอยู่โดดเด่นกลางทุ่ง คือ บ้านพักของพี่ศรชัย มี 2 หลัง นอนได้หลังละ 3-4 คน มีห้องน้ำแยกออกมาจากตัวบ้านเช่นกัน เบอร์ติดต่อ โทร 084 435 9887 097 191 6131 มีระเบียงสำหรับนั่งชมวิวเช่นกัน ถือว่าเป็นบ้านพักที่วิวสวยเลยทีเดียวเพราะสามารถมองเห็นวิวของทุ่งนาและภูเขาได้แบบไม่มีอะไรมาบดบังสายตา
ขวาบ้านพี่ศรชัย ซ้าย คือ มาฉิโพ ของพี่วิชัย
วิวจากหน้าบ้านพัก
ส่วนหลังนี้คือ ของ พี่วีรศักดิ์ โทร 093 074 2686 อยู่ถัดมาจากบ้านมาฉิโพ เป็นบ้านหลังเดียว น่าจะพักได้ประมาณ 6-10 คน เพราะหลังใหญ่
ถัดลงมากจากบ้านพี่วีรศักดิ์ หลังนี้เป็นของพี่ทองดี ติดต่อ โทร 080 847 8863
ส่วนอีก 1 หลัง ตั้งอยู่บนสุดจะอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน บ้านพัก พี่วัฒ พี่บัติ อยู่เลยบ้านมาฉิโพขึ้นไปเกือบถึงหมู่บ้าน โทร 080 794 6883 085 713 1891
กิจกรรมยอดฮิตเมื่อมาถึงป่าบงเปียง
เก็บบรรยากาศชมทุ่งในยามบ่าย
แน่นอนมาเที่ยวนาข้าวขั้นบันได เราก็ต้องมาถ่ายภาพชมวิวนาข้าว มาถึงที่นี่ไม่ว่าเราจะพักอยู่ตรงจุดไหน หรือแม้แต่ไม่ได้พัก ก็สามารถเดินชมวิวถ่ายภาพทุ่งนาและถ่ายภาพได้ตามอัธยาศัย อยากถ่ายมุมไหนก็เดินไปคะ แต่ถ้าไม่ได้พักทีนี่เวลาจะขอถ่ายภาพบ้านพักหรือจะขอไปชมบ้านพักก็ขออนุญาติผู้เข้าพักกันตามมารยาทนิดนึง ทุกคนยินดีที่จะแบ่งปันความสุขนี้อยู่แล้วคะ
พื้นที่นากว้างไกลมีวิวของภูเขาเป็นฉากหลังสวยงามสลับซับซ้อน จะเลือกเดิน เลือกถ่าย หรือเลือกชมวิว ตรงจุดไหนก็ได้ เพราะสวยหมดทุกจุด เห็นวิวได้แบบ 360 องศา
น้องกลุ่มนี้พร้อมเพรียงกันใส่เสื้อกันฝนสีสันสดใส เห็นถ่ายรูปกันสนุกสนานเลยขออนุญาตน้องเค้ามาเป็นแบบถ่ายภาพบ้างซักหน่อยก็ให้ความร่วมมือดีมาก ฝากขอบคุณมา ณ ที่นี่ด้วยคะ
ครั้งที่ 4 ที่ได้มาที่นี่ ถ้าพูดถึงวิวยอดฮิตของป่าบงเปียง มันก็คือ มุมเดิมที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องได้ภาพมุมนี้กลับไปหมดจะต่างกันที่แสงในแต่วันที่ได้เจอเท่านั้นเอง แต่ถึงแม้จะเป็นมุมเดียวแต่เราก็สามารถสรา้งสรรค์ภาพได้ตามแบบฉบับของเราได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ
มาเที่ยวทุ่งนาอยากได้ภาพตัวเองสวยๆ ต้องเลือกสีเสื้อมาให้ตัดกับสีเขียวกับท้องทุ่งคะ สมาชิกที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน พวกนางเป็นงานแล้วเตรียมพร้อมกันมาอย่างดี
เจ้าของที่นาตัวจริง หลังจากนำจอบมาขุดถางพวกวัชพืชออกจากนาแล้วก็เดินทางกลับบ้าน
หลังจากฟ้าครึ้มมาตลอดทั้งวัน พอช่วงเย็นฟ้าก็เริ่มเปิดให้พวกเราได้ชื่นใจและมีความหวังว่าจะได้เห็นลำแสงสุดท้ายเป็นลำแสงลอดผ่านก้อนเมฆและภูเขาในแบบที่เคยเห็นเมื่อครั้งเคยมาครั้งแรก แต่แล้วภาพนั้นก็ไม่ได้ปรากฏพระอาทิตย์โดนก้อนเมฆบังอย่างเร็วมาก แต่ถึงอย่างไรความอบอุ่นของแสงที่ส่องมาเพียงชั่วครู่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ความงามของบ้านป่าบงเปียงในช่วงตะวันตกดินจะสวยน้อยลงไปเลย
ดูดาวยามค่ำคืน
คืนนี้เพื่อนร่วมทางบอกว่าทางช้างเผือกจะขึ้นตั้ง แต่ 2 ทุ่ม – 5 ทุ่ม พวกเราก็พร้อมกันสิคะ ตั้งกล้องรอถ่ายดาวและทางช้างเผือกกันจากระเบียงบ้านนี่แหละ เปลี่ยนบรรยากาศจากการนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน นั่งเล่นเน็ตอยู่หน้าคอม มานั่งเมาท์ใต้แสงเทียน ดูดาวยามค่ำคืน มันก็อีกหนึ่งบรรยากาศที่ประทับใจที่เราหาโอกาสได้ไม่บ่อยนัก
ตื่นแต่เช้าชมทะเลหมอก
6 โมงเช้า เราตื่นและมายืนเฝ้ามองทะเลหมอกจากหน้าบ้านพัก ทะเลหมอกในเช้านี้คงหมดหวังที่จะได้เห็นแบบเยอะอลังการแล้วสินะ
แต่สิ่งที่เราคิดไว้ไม่เป็นแบบนั้นคะ ระหว่างที่เรารอก็เดินลงไปชมบรรยากาศไปเรื่อยๆ แต่สายหมอกจากภูเขากลับลอยเข้ามามากขึ้นทั้งจากฝั่งทางด้านซ้ายแล้วด้านขวา แอบกรี๊ดในใจเบาๆ เริ่มมีความหวังแล้วเรา
เราเดินกลับไปยังที่พักมาฉิโพแล้ว แต่ทันใดนั้นเมื่อหันมองกลับไปเห็นหมอกเยอะขึ้น ก็ไม่รอช้าวิ่งกลับไปยังที่เดิมซอยเท้ารัวๆ เพื่อให้ทันเก็บภาพหมอกอีกครั้ง ถึงแม้อาจจะไม่ใช่สายหมอกที่จินตนาการไว้ตามภาพที่อยากจะเจอ แต่หมอกในเช้าวันนี้ที่เราเห็นก็วิเศษที่สุดแล้วละ นี่แหละเค้าถึงบอกว่าธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเพียงแค่เสี้ยวนาทีเดียวก็เปลี่ยนได้คะ ขอเพียงเราใจเย็นและเฝ้ารอ
ป่าบงเปียงครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เราค้างคืนกันที่นี่ เพราะปกติจะมาตอนบ่ายเก็บภาพแสงเย็นแล้วกลับไปนอนที่แม่แจ่มตลอด แต่เพราะเราอยากเห็นหมอกในยามเช้าบ้าง เลยตั้งใจค้างที่ป่าบงเปียงเพื่ออยากเห็นหมอกที่นี่บ้าง สุดท้ายแล้วก็ไม่ผิดหวัง
เมื่อสายหมอกหายไป แสงยามเช้าก็มาแทนที่ ส่องกระทบกับนาข้าวขั้นบันได และทิวเขาซึ่งตอนนี้เริ่มมีสีทองเข้ามาแซมด้วย เมฆหมอกสีขาวลอยไปมาสลับกับท้องฟ้าสีฟ้า
เรานั่งอยู่ในที่เดิม แต่บรรยกาศที่เราเห็นตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไปตลอด ความสุขของการเที่ยวธรรมชาติ คือ การได้เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ 9.00 น. คือเวลาที่เรานัดให้รถกระบะมารับ ถึงเวลาที่เราต้องก้าวเท้าทั้งสองออกจากป่าบงเปียง ทิ้งไว้เพียงความประทับใจที่เราได้พบเห็นตลอด 1 คืน ช่างสุขล้นจริงๆคะ
Tags : ที่พักป่าบงเปียง, นาข้าวขั้นบันได, นาข้าวขั้นบันไดป่าบงเปียง, ป่าบงเปียง, มาฉิโพ ป่าบงเปียง, เชียงใหม่