นาข้าวขั้นบันไดบ้านผาหมอน ฉันรู้จักที่นี่มานานมากพอกับที่รู้จักนาข้าวขั้นบันได แม่กลางหลวงและแม่แจ่ม เพราะการท่องเที่ยวชมนาข้าวบันไดทั้งสามที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน ฉันเดินทางไปแม่กลางหลวงและแม่แจ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตลอดเวลาที่เดินทางผ่านเห็นป้ายทางเข้า บ้านผาหมอน ทุกครั้ง แต่ไม่คิดที่จะแวะไปซักที จนได้มีโอกาสเห็นรีวิวของนักท่องเที่ยวท่านหนึ่งรีวิวบ้านผาหมอนหลากหลายมุมให้เห็นในแบบที่แตกต่างจากรีวิวอื่น จากที่ไม่เคยคิดไปในตอนนี้ก็เปลี่ยนใจในทันที ฉันเชื่อว่าหากอ่านรีวิวนี้จบคุณจะเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกของการนอนโฮมสเตย์ในแบบเดิมๆ แต่จะเป็นแบบไหน ต้องตามมาชมรีวิว บ้านผาหมอน ดอยอินทนนท์
บ้านผาหมอน คือ หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงเล็กๆ ตั้งอยู่ในเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์อยู่ก่อนถึงแม่กลางหลวงเล็กน้อย ก่อนที่จะมาเที่ยวสามารถแวะไปเที่ยวที่อื่นได้ อย่างเช่น แม่แจ่ม แม่กลางหลวง หรือจุดท่องเที่ยวต่างๆบนดอยอินทนนท์ อย่างคณะฉันเองไปแม่แจ่มก่อนค้างแม่แจ่ม 1 คืน หลังจากนั้นแวะแม่กลางหลวง และเข้าไปค้างที่บ้านผาหมอนอีก 1 คืน เส้นทางเข้าบ้านผาหมอนจากปากทางต้องเข้าไปอีกประมาณ 7 โลเมตร เป็นถนนคอนกรีตในบางช่วงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกรังและดิน หากมาในหน้ารถที่เข้าได้มีเพียง กระบะ สองแถว มอเตอร์ไซต์ เท่านั้น รถเก๋ง รถตู้ หมดสิทธิ์ ต้องหาที่จอดและเหมารถอื่นเข้ามา หลังจากกลับมาจากเที่ยวแม่แจ่มคณะของฉันจอดรถตู้ไว้ที่แม่กลางหลวงจากนั้นเหมารถพี่สีทองชาวบ้านที่รู้จักที่แม่กลางหลวงให้มาส่งที่บ้านผาหมอน พี่สีทองคิดค่ารถในราคามิตรภาพไป-กลับ 500 บาท หากใครสนใจใช้บริการติดต่อที่โทร 085 723 4957 นั่งรถโยกไปมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่พักของบ้านผาหมอน Bamboo Pink House ซึ่งเป็นที่พักเพียงแห่งเดียวของที่นี่เป็นบ้านหลังใหญ่พักได้ 6 -10 คน
บ้านพัก Bamboo Pink House เป็นบ้านพักของชุมชนบ้านผาหมอนซึ่งชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นมา ที่นี่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก ทราบมาว่ารับคณะนักท่องเที่ยวแค่เพียงชุดเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะมีกี่คนก็ตาม หากมีคนจองแล้วจะไม่รับกลุ่มอื่น จึงเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมที่พักถึงจองยากมาก ฉันเองลุ้นแทบแย่จะจองได้หรือเปล่าแต่โชคดีที่จองทัน หลังจากนั้นเต็มยาวถึงเดือน ธ.ค. นักท่องเที่ยวที่มาพักส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติมามากกว่าคนไทย เดินสำรวจรอบบ้าน มีดอกไม้ และต้นไม้ตกแต่งอยู่แทบทุกพื้นที่
เดินเข้ามาหน้าประตูบ้านอันดับแรกต้องแอบกรี๊ดเบาๆ กับแปลนอนสุดชิว นอนเล่นไกวแปลไปมา อ่านหนังสือ ฟังเสียงจิ้งหรีดเรไรริมนาข้าว คำเตือนอย่านั่งนานเพราะอาจทำให้คุณเคลิ้มและเพลิดเพลินกับบรรยากาศจนหลับไปแบบไม่รู้ตัว ที่นี่มีสัญญาณแค่ทรูมูฟเจ้าเดียวเท่านั้นค่ะ ค่ายอื่นหมดสิทธิ์ใช้เพราะไม่มีสัญญาณ เพราะฉะนั้นจะได้พักผ่อนอยู่กับธรรมชาติแบบเต็มที่ไม่ต้องคอยพะวงกับเฟสบุคหรือไลน์
ชั้นล่างของบ้านมีห้องนอน 1 ห้อง พักได้ 3-4 คน มีห้องน้ำในตัว
และด้านนอกมีห้องน้ำอีก 1 ห้อง
ขึ้นมาสำรวจด้านบนบ้างค่ะ มีห้องนอน 1 ห้องเช่นกัน ด้านนอกตรงห้องโถงมีเตียงนอนและที่นอนเสริม นอนได้ 3 ท่าน
อ่างล่างหน้าแปรงฟัน ตรงห้องโถง ข้างล่างแอบมีตู้เย็นเล็กๆไว้แช่เครื่องดื่มด้วย โอ้ ระดับรีสอร์ทเลยทีเดียว
ห้องนอนด้านใน มี 1 เตียงใหญ่ สามารถนอนได้ 3 คนแบบสบายๆ
โซฟาไม้สานไว้นั่งเล่นชมวิวเก๋ๆ
เดินออกมาตรงระเบียงด้านนอกของชั้น 2 เสียวกรี๊ดดังขึ้นอีก 2 เท่า เป็นมุมสุดชิว สุดชิค นั่ง นอน มองนาข้าวขั้นบันไดได้แบบพาโนราม่า
ตื่นเต้นกับการตกแต่งภายในบ้านพักก็ออกมาเดินเล่นข้างนอกยังมีมุมพักผ่อนอีกหลายมุม
มุมนอนแปลอีกมุมหนึ่งของบ้าน ปลีกวิเวกมาก ในเวลานี้ใครหนอจะมีความสุขเท่าน้องคนนี้ นอกแปลไปเล่นโทรศัพท์ไปด้วย เรียกได้ว่าทุกมุมของการตกแต่งไม่ว่าภายนอกหรือภายในที่ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความเก๋และมีสไตล์ในแบบที่คิดว่าจะได้เจอจากบ้านพักของชาวบ้าน ทราบมาว่าบ้านหลังนี้คนสร้างรวมถึงตกแต่งเป็นชาวฝรั่งเศสจึงไม่แปลกใจว่าทำไมบ้านจึงตกแต่งออกมาได้น่ารักและน่าพักเช่นนี้
ความพิเศษนอกจากเรื่องของความเป็นส่วนตัวและการตกแต่งบ้านให้น่าพักแล้ว นั่นคือ โลเคชั่นของบ้านตั้งอยู่โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียวริมนาข้าวขั้นบันได ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ความเขียวขจีสดชื่นสบายตา หากต้องการมาเห็นบรรยากาศนาข้าวขั้นบันไดสีเขียวควรมาช่วง เดือน ก.ย. – กลาง ต.ค. ส่วนสีทองช่วงปลาย ต.ค. – ต้น พย
นาข้าวขั้นบันไดมองจากมุมหน้าบ้าน เขียวขจีท่ามกลางฉากหลังที่เป็นภูเขา
เดินเล่นถ่ายรูปกับทุ่งนาแบบเก๋ เดินเล่นไปก็รู้สึกเหมือนกับว่าที่นี่เป็นอาณาจักรที่มีแต่พวกเรา
ผีเสื้อตัวน้อย
นาข้าวขั้นบันไดสลับซับซ้อนกว้างไกลสุดตา ได้มีโอกาสมาสัมผัสด้วยตัวเองไม่คิดว่าที่นี่จะสวยขนาดนี้ คิดไปก็แอบบ่นอยู่ในใจทำไมเพิ่งจะมาที่นี่ตอนนี้เนี่ยน่าจะมาตั้งนานแล้ว
เดินไปเดินมาในนาข้าว สลับกับขึ้นไปมองวิวถ่ายภาพบนระเบียงด้านบนเห็นชาวบ้านเดินไปมาเพื่อมาดูพื้นที่นาของตนเอง คอยเก็บวัชพืช ถางหญ้าบ้าง
กระท่อมหลังน้อยหลังนั้น คนอยู่คงมีความสุขมาก สุขในแบบพอเพียงในแบบที่มี
นอกเหนือจากนอนเล่นพักผ่อนชมนาข้าวบันไดแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถท่องเที่ยวรอบ ๆ หมู่บ้าน เรียนรู้วิถีชีวิตประจำวันชาวกะเหรี่ยง อาทิ การทอผ้า ทำการเกษตร ดูแปลงเกษตรปลอดสาร แปลงดอกไม้ ผลไม้เมืองหนาว หรือจะปั่นจักรยานชมวิวรอบหมู่บ้านก็ได้ค่ะ ถือเป็นการออกกำลังกายเล็กๆ เส้นทางบางช่วงก็จะชันเล็กน้อย ที่บ้านผาหมอนมีจักรยานให้ปั่นฟรีจอดอยู่หลายคัน เป็นจักรยานของนักท่องเที่ยวต่างชาติซื้อเอาไว้ให้ค่ะ อย่างที่บอกที่นี่ส่วนใหญ่จะมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งก็จะชอบกิจกรรมเอดเวนเจอร์ เดินป่า ชมวิถีชีวิต ประมาณนี้ค่ะ
ปั่นจักรยานจนเหนื่อยแล้ว หมดพลังเย็นแล้วทานข้าวกันค่ะ ทางบ้านผาหมอนจัดเตรียมไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว โต๊ะทานอาหารแบบเรียบๆ อุปกรณ์ทุกอย่างก็เรียบค่ะ แต่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ช้อน มีที่รองจานให้ด้วยค่ะ ก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอการใส่ใจในเรื่องศิลปะการจัดแต่งโต๊ะอาหารได้จากบ้านพักของชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลความเจริญแบบนี้ หากได้เข้าไปดูในครัวจัดได้เรียบร้อยและสะอาดมาก เมนูก็จะเป็นอาหารง่ายๆ แต่รสชาติอร่อยมาก เช่น ผัดผัก ยำปลากระป๋องผักสด ไข่เจียว ต้มยำไก่บ้าน ตักอาหารเพิ่มได้หากไม่พอ แต่หากต้องการทานอาไรเพิ่มก็สั่งได้ค่ะ แต่เมนูก็จะเป็นผัดผักแกงจืดง่ายๆ
อิ่มท้องแล้วก็หลับไหลไปกับอากาศที่เสนเย็นสบายและเสียงฝนพรำที่ตกลงมาตลอดคืน ตื่นมาในเช้าวันใหม่ก็มาถ่ายภาพสิ่งมีชีวิตเล็กๆในนาข้าวบ้าง เริ่มจากส่องหาแมลงปอ และแมลงต่างๆ
รวมทั้งดอกไม้สวยที่ปลูกไว้รอบบ้าน
จิบโอวัลตินร้อนรับอรุณยามเช้า
มื้อเช้าของที่นี่ ข้าวต้ม ผัดผัก หมูทอด ไข่ห่อได้กลิ่นหอมของเนยนิดๆ ก่อนจะมีมื้อเช้าแบบนี้ พ่อครัวฝีมือเลิศของเราได้ถามแล้วจะทานอาหารเช้าแบบไหน แบบอเมริกัน ก็ทำได้น่ะครับ แต่ต้องบอกล่วงหน้าเพราะโดยปกติก็จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่แล้ว จะบอกว่าพ่อครัวชาวกะเหรี่ยงที่นี่ไม่ธรรมดา ฝีมือการทำอาหารอร่อยมากแว่วมาว่าได้รับการเทรนจากกุ๊กชาวต่างชาติค่ะ
ก่อนกลับขอแวะลงไปชมเเปลงผักและแปลงดอกไม้ซึ่งปลูกอยู่ท่ามกลางนาข้าว
แปลงดอกไม้สีขาวเล็กๆ จำไม่ได้แล้วว่าชื่อดอกอะไร
แอบส่องใกล้
ผีเสื้อตัวน้อยสีสันสดใสบินเข้ามาความสนใจเลยหันไปที่ผีเสื้อในทันที
“ ดื่มด่ำ กับธรรมชาติรอบด้าน ตื่นเต้นกับบ้านพักแบบส่วนตัวที่ตกแต่งแบบมีสไตล์ริมนาข้าวขั้นบันได กับอาหารแสนอร่อยระดับโรงแรมห้าดาว ” คือ คำนิยามของการมาท่องเที่ยว บ้านผาหมอน ที่ฉันคิดว่าน่าจะลงตัวที่สุด ดีใจที่สุดและไม่ผิดหวังที่ได้มา อยากให้ลองมาเที่ยวที่นี่ดูค่ะ แนะนำว่าถ้ามาแล้วอย่าเพียงแค่มาชมนาข้าวแล้วขับรถกลับออกไป ให้นอนพักซัก 1 คืน ถึงจะได้ความรู้สึกนั้นอย่างแท้จริง
Tags : ที่พักบ้านผาหมอน, นาขัาวขั้นบันได, บ้านผาหมอน, บ้านผาหมอน ดอยอินทนนท์