ครั้งหนึ่งในช่วงฤดูหนาวจะเรียกว่าด้วยความบังเอิญที่ทำให้ได้มารู้จักกับบ้านพักโฮมสเตย์แห่งหนึ่งในอำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีที่พักกลางทุ่งนาที่ตกแต่งได้น่ารักหวานแหววออกแนววินเทจนิดๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ไม่ใช่สไตล์กระท่อมปลายนาแบบที่เราเคยเจอ แถมเมื่อทราบราคาถึงกับต้องอึ้ง ที่พักตกแต่งดีขนาดนี้ราคาแค่คืนละ 500 บาท แต่ในเวลานั้นเราพักในฤดูหนาวนาข้าวได้ถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่ซังข้าวแห้งในพื้นที่นาว่างเปล่า แล้วถ้าเรามาพักในช่วงฝนซึ่งเป็นช่วงฤดูแห่งการทำนา นาข้าวที่อยู่รอบบ้านรวมถึงพื้นที่บริเวณใกล้เคียงคงสวยไม่น้อยเลยทีเดียว เกือบ 1 ปี แห่งการรอคอย และแล้วเวลานั่นก็มาถึงซักที กลางเดือนกันยายนคือ ช่วงเวลาที่เราตั้งใจไว้ว่าจะได้เดินทางกลับมาเก็บบรรยากาศของโฮมสเตย์ที่แสนประทับใจในความทรงจำนี้อีกครั้ง บ้านตานงค์ โฮมสเตย์
บ้านตานงค์ โฮมสเตย์ ตั้งอยู่ในอำเภอปัว จังหวัดน่าน สำหรับการเดินทาง หลังจากมาถึง ตลาดอ.ปัว จะเจอธนาคารกสิกรอยู่ทางซ้ายมือ ให้ขับตามทางผ่านสะพานข้ามแม่น้ำขว้างไปอีกประมาณ 1 กม. จะมีศูนย์หัตกรรมเครื่องเงินอยู่ด้านขวามือให้ชะลอ และเตรียมเลี้ยวขวาตรงสี่แยก หลังจากเลี้ยวขวาให้ไปอีกประมาณ 500 เมตร จะเจอโรงเรียนบ้านส้านคุรุราษรังสรรค์ ให้ชะลอและไปอีกสัก 50 เมตร ก็จะถึง บ้านตานงค์โฮมสเตย์ แต่ต้องแจ้งไว้ก่อนคะว่าเส้นทางเข้าไปบ้านตานงค์ โฮมสเตย์ ค่อนข้างลึกและงงพอสมควร แนะนำว่าเมื่อมาถึงตัวอำเภอปัว ให้ตั้งการเดินทางได้จาก google map ซึ่งมีบอกเส้นทางไว้น่าจะง่ายกว่า เส้นทางเข้ามาบ้านตานงค์ในช่วงสุดท้ายค่อนข้างแคบและเป็นดินแดงแบบในภาพคะ เพราะเป็นเส้นทางที่ลัดเลาะตามทุ่งนา แต่ก็สบายใจหายห่วงได้เพราะรถเก๋ง รถตู้สามารถเข้ามาได้ เพียงแต่ต้องค่อยๆ ขับเข้ามาอย่างระมัดระวังและช้าหน่อย
บ้านพักสีเหลืองอ่อนพาสเทลโดดเด่นกลางทุ่งนา รายล้อมด้วยภูเขารอบด้านในบรรยากาศอันเรียบง่ายและเงียบสงบ บ้านหลังนี้ชื่อว่าเฮือน country บ้านหลังใหญ่ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นหลังไฮไลต์ เป็นบ้านไม้ 3 ชั้น มีทั้งหมด 3 ห้องนอน นอนได้ห้องละ 2 คน รวม 6 คน ราคาตอนที่จองคือ ห้องละ 500 บาท และทราบมาว่าตอนนี้ขึ้นเป็น 700 บาท แล้ว หากเสริมคิดราคาคนละ 100 บาท แต่ละห้อง มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ห้องน้ำในตัว ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้าและเย็น หากใครต้องการมาชมบรรยากาศนาข้าวสีเขียวเต็มท้องทุ่งให้มาในช่วงกลางเดือนกันยายน – ต้นตุลาคม หากอยากชมท้องทุ่งสีทองให้มาในช่วงกลาง-ปลายเดือนตุลาคม ทั้งนี้ก่อนเดินทางเช็คกับทางที่พักอีกครั้งก็จะดีคะ โดยส่วนตัวคิดว่าถ้ามาพักที่นี่ควรมาในช่วงที่มีนาข้าวจะมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าช่วงฤดูหนาวซึ่งจะได้แค่อากาศที่เย็น สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงช่องทางติดต่อ สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ http://www.homestay-tanong.com/
ชั้นล่างสุดคือ ใต้ถุนบ้านซึ่งทำเป็นครัวสำหรับทานข้าวรวมถึงนั่งพักผ่อนได้อีกด้วย
บ้านพักชั้น 2 มี 2 ห้อง มีระเบียงชมวิวและที่นั่งเล่นส่วนกลาง สไตล์ของบ้านตกแต่งเรียบง่ายมีมุมพักผ่อนน่ารักชวนให้นึกถึงบ้านตากอากาศในละคร
ภายในห้องเมื่อเปิดเข้าไปถึงกับร้องว้าวน่านอนมาก ผ้าม่านลายดอกไม้น่ารักให้อารมณ์หวานแหวว ได้กลิ่นอายของความเป็นวินเทจนิดๆ ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะมาเจอภาพห้องพักดีไซน์แบบนี้ในโฮมสเตย์กลางทุ่งนา
ขึ้นบันไดไปชมชั้นบนสุดกันบ้างไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของบ้าน ก็เห็นแต่สีเขียวของทุ่งนารายล้อมไว้
ห้องพักชั้น 3 มี 1 ห้อง บรรยากาศด้านนอกมีเก้าอี้แบบพนักพิงให้เอนกายนอนชมวิวได้เช่นกัน ส่วนการตกแต่งและบรรยากาศภายในห้องก็จะเหมือนกับห้องที่อยู่ชั้น 2
บ้านหลังต่อไปเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวอยู่หลังบ้านเฮือนคันทรี่ ภายในห้องพักกว้างขวางพอสมควร พักได้ห้องละ 2 คน มีที่นอนเสริมเต็มที่น่าจะพักได้ถึง 5 คน ทีเดียว สิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกันทุกห้อง หน้าบ้านก็มีโต๊ะเก้าอี้ สำหรับนั่งเล่นหรือทานข้าว
เฮือนชายคาสีม่วง พักได้ 2 ท่าน อยู่ติดริมน้ำ ราคาปัจจุบันห้องละ 500 บาท และจะปรับราคาขึ้นเป็น 700 บาท ในเดือนต.ค.
บ้านหลังสุดท้าย บ้านเฮือนไม้อยู่ตรงด้านหน้าทางเข้า พักได้ 2 ท่าน เช่นกัน ราคาปัจจุบันห้องละ 500 บาท และจะปรับราคาขึ้นเป็น 700 บาทเช่นกัน
มุมนั่งเล่นภายในบริเวณบ้านตานงค์ ร่วมรื่นสไตล์บ้านกลางสวน
บ่ายแก่ๆ ออกมาเดินเล่นถ่ายภาพทุ่งนารอบบ้าน แอบร้อนเพราะแดดยังไม่ร่มดีพอ แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคอุปกรณ์ในการกันแดด ร่มสีสดใส พร้อมมากเพื่อการนี้
ความรู้สึกเหมือนพื้นที่ตรงนี้คือ อาณาจักรของส่วนตัว ไม่มีผู้คนวุ่นวาย ไม่มีรถติดและมลพิษ มีแต่นาข้าวที่กว้างไกลสุดตา ท่ามกลางขุนเขาเขียว ตัดท้องฟ้าสีฟ้าและเมฆขาว มองไปทางซ้ายก็เขียว มองไปทางขวาก็เขียว เรียกได้ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ภาพนี้ สบายตามาก ธรรมชาติสุด สุด ไปเลย
เพื่อนร่วมทริปพวกนางจัดเต็มชุดพื้นเมืองมาเลยทีเดียว ซื้อสดๆ ร้อนๆ ตอนแวะดูผ้าทอที่ตัวอำเภอปัวนี่เอง
พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงบรรยากาศของแสงสีทองก็เริ่มเข้ามาให้เราเห็น น้องกลุ่มนี้กำลังชื่นชมวิวและสนุกกับการถ่ายภาพ นอกจากกลุ่มเราน้องเป็นนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่พักอยู่บ้านตานงค์ หลังจากพูดคุยกันทราบว่าขับรถมาจากเชียงใหม่มุ่งตรงมาเพื่อพักผ่อนที่นี่เลยทีเดียว
เดินชมทุ่งนาในยามเย็นไปตามถนนเรื่อย ๆ
พระอาทิตย์ตกหลังบ้านพอดีแป๊ะ
เช้าวันใหม่ เราตื่นมาประมาณ 7 โมง เพื่อมารอต้อนรับบรรยากาศแบบนี้ ยืนมองจากระเบียงหน้าบ้านสายหมอกบางคลอแสงอุ่น คงไม่มีอะไรจะต้องอธิบายอีกแล้วว่าฟินมากขนาดนั้น
ขึ้นไปชมบรรยากาศจากชั้น 3 บ้าง เป็นที่พักที่เรารู้สึกว่า ไม่น่าจะเรียกว่าโฮมสเตย์ เพราะบ้านพักดีเลิศ พักผ่อนนอนสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ บ้านพักสไตล์นี้จริงแล้วน่าจะตั้งอยู่ในเมืองมากกว่า แต่กลับกลายเป็นว่ามาอยู่กลางทุ่งนาได้แบบลงตัว ตอนนี้ทราบมาว่าเริ่มฮอตมากต่อไปโฮมสเตย์บ้านตานงค์ คงเป็นที่พักราคาหลักร้อยที่เสาร์ อาทิตย์ จองยากที่สุดในประเทศไทยอีกแห่งหนึ่ง เหมือนกับบ้านระเบียงดาว เชียงใหม่
บรรยากาศของทุ่งนาในยามเช้าเมื่อมองลงมาจากชั้น 3
เช้าที่แสนอบอุ่นแบบนี้ เราไม่รอช้าที่จะหนีบจักรยานของที่พักซึ่งมีอยู่ 3-4 คัน ปั่นออกมารับอากาศบริสุทธิ์นอกบ้านตามถนนที่รายล้อมด้วยท้องนา
แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องมากขึ้นกระทบกับยอดน้ำค้างบนยอดข้าว
เก็บภาพมุมสูงของนาข้าวรอบบ้านในยามเช้ามาฝากกันเล็กน้อย มีสายหมอกคลอภูเขาเบา ๆ เราจะได้เห็นภาพได้ชัดว่าพิ้นที่แห่งนี้เขียวขจีขนาดไหน
ภาพโฮมสเตย์บ้านตานงค์ในมุมสูงจากโดรนถ่ายมาในช่วงบ่าย ตั้งอยู่โดดเด่นกลางทุ่งนา
ทุ่งนาข้าวที่อยู่รอบด้านโฮมสเตย์บ้านตานงค์ แทบไม่มีบ้านคนมาแทรกเลย ทำให้เรารู้สึกว่าอำเภอปัวถือว่าเป็นอำเภอที่ยังบริสุทธิ์มาก
1 คืนแห่งความสุขท่ามกลางความเขียวและอากาศที่แสนบริสุทธิ์ของอำเภอปัว โฮมสเตย์บ้านตานงค์ คงต้องใช้ประโยคที่มักใช้กันอยู่เสมอว่า เป็นความสุขในราคาหลักร้อย แต่สิ่งที่ได้รับมันเกินร้อยไปมากเลยทีเดียว
จองที่พักบ้านตานงค์กับเว็บไปด้วยกันผ่านระบบบอโกด้า
คลิ๊ก
Tags : น่าน, บ้านตานงค์ โฮมสเตย์, อำเภอปัว