มาถึงตรังอีกหนึ่งกิจกรรมต้องห้ามพลาดนั่นก็คือ เที่ยวชมในตัวเมืองตรัง เพื่อสัมผัสบรรยากาศ วิถีชิวีตและความเป็นอยู่ของคนตรังขนานแท้ และเพื่อให้ได้อรรถรสในการท่องเที่ยว เราต้องนั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ พาหนะสุดคลาสิคหนึ่งเดียวในตรัง รับลมธรรมชาติเที่ยวชมรอบเมือง ซึ่งในตัวเมืองมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุดให้ได้แวะเที่ยว ถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นย่านตึกเก่า แวะชิมของอร่อยเมืองตรัง รวมถึงสถานที่สำคัญ อย่างเช่น สวนสาธารณะพระยารัษฎา บ้านนายชวน วงเวียนปลาพะยูน วิหารคริศศาสนา เป็นต้น
จุดจอดรถตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟตรัง ซึ่งจะมีรถตุ๊ก ตุ๊ก จอดอยู่หลายคัน สนนราคาท่องเที่ยวรอบเมือง 1 ชั่วโมง 250 บาท โดยจุดหลักที่สำคัญคือ ชมตึกเก่าเมืองตรัง ต่อด้วยวิหารคริศศาสนา วงเวียนปลาพะยูน สวนสาธารณะพระยารัษฎา บ้านนายชวน และอยากไปที่ไหนเพิ่มเติมก็สามารถแจ้งกับพี่คนขับได้ค่ะ และหากเกินเวลาก็มีคิคค่าใช้จ่ายเพิ่มไปตามชั่วโมง ปกติบางคนก็เริ่มเที่ยวกันแต่เช้า เพราะจะได้แวะชิม แวะกิน ติ่มซำ หมู่ย่างเมืองตรัง แต่เรามาถึงในตัวเมืองช่วงบ่าย โปรแรมแกรมแวะกินจึงตัดไป เราใช้บริการรถตุ๊ก ตุ๊ก ที่ได้มาจากรีวิวหนึ่ง ชื่อ คุณลุงโป่งเบอร์โทร 089-4758574 โทรหาคุณลุงปุ๊บแกบอกว่าจอดอยู่หน้าสถานีรถไฟพอดี แป๊บหนึ่งก็ขับรถมาจอดยังจุดที่เรารออย่างรวดเร็ว หลังจากคุยโปรแกรมกันคร่าวๆ ว่าจะไปไหนบ้างสองล้อก็เริ่มหมุนทันที
จุดแรกที่พาไปคือ ชมตึกเก่าเมืองตรัง ซึ่งลักษณะของตึกเก่าที่นี่เป็นสไตล์ชิโนโปรตุกิสคล้ายกับตึกเก่าที่ภูเก็ต แต่จะมีน้อยกว่า จุดที่น่าสนใจที่เราให้คุณลุงพามา คือ ตรงนี้ค่ะ ที่ถนนราชดำเนิน ตรงแยกท่ากลาง ซึ่งเป็นจุดที่มีภาพวาดสามมิติที่เหล่าศิลปินชาวตรัง มาสรรค์สร้างและแต่งแต้มสีบนกำแพงของตึกเก่า โดยวาดภาพรูปสัญลักษณ์เมืองตรัง เช่น ถ้ำมรกต ต้นศรีตรัง ซึ่งนักท่องเที่ยวรู้จักกันดี
ภาพวาด 3 มิติบนฝาผนังตึกเก่าทรงชิโนโปรตุกิสทางสโมสรโรตารี่ตรังจัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและฉลองครบรอบ 100 ปี เมืองทับเที่ยง ถือว่าช่วยเพิ่มสีสันในการท่องเที่ยวตึกเก่าได้ดีเลยทีเดียวค่ะเราสามารถมาโพสต์ท่าถ่ายภพาเก๋ๆ ให้ได้สนุกสนานและเพลิดเพลินกันไป ซึ่งตรงจุดนี้เป็นภาพวาดของถ้ำมรกต แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังตรัง ที่ใครก็ต้องรู้จัก
และมีภาพวาดน่ารักของเด็กน้อยที่กำลังปีนขึ้นบันไดไปจับแมวบนกำแพงหน้าต่าง
ไม่ไกลจากภาพวาดสามมิติ เดินไปไม่ถึง 10 เก้า เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟที่ตกแต่งได้ชิคและคลาสิคมาก ชื่อว่า ร้านทับเที่ยง โอลด์ทาวน์ เท่าที่ดูร้านนี้น่าจะตกแต่งร้านได้เข้ากับบรรยากาศของตึกเก่าที่นี่ได้ลงตัวที่สุด แฝงไปด้วยกลิ่นอายความเก่า และประวัติศาสตร์จากรูปที่ติดฝาผนัง เหมือนเราได้นั่งอยู่ในร้านกาแฟโบราณที่มีกลิ่นอายของความเก๋ ไก๋ ไปติดตามได้ที่เพจของร้าน https://www.facebook.com/tubtiengoldtowncafe/
นอกจากมีเครื่องดื่มและขนมท้องถิ่นแล้ว ยังมีเรื่องราวของอดีต ที่นี่เคยเป็นโรงตีมีดโรงกลึงจักรรีดยางมาก่อน เจ้าของร้านจึงออกแบบให้ยังรู้สึกได้ถึงข้อความที่ว่า “กินกาแฟ แลเมืองเก่า เล่าอดีต”
ส่วนเมนูและเครื่องดื่ม ได้ลองชิมเมนูสมูทตี้มะม่วงต้องบอกเลยว่ารสชาติอร่อยมากให้เต็ม 10 แก้วใหญ่โตในราคา 50 บาทเท่านั้น ส่วนเครื่องดื่มอื่นไม่ได้สั่งทานค่ะ แต่ได้เคยลองอ่านในรีวิวที่พูดถึงร้านนี้ส่วนใหญ่ลูกค้าทุกคนชมว่าเครื่องดื่มที่นี่เกือบทุกอย่างรสชาติดี ร้านกาแฟ ทับเที่ยง โอลด์ทาวน์ จึงเป็นร้านกาแฟที่ไม่ควรพลาดแวะมานั่งชมเมืองเก่า พร้อมจิบเครื่องดื่มไปด้วย
จุดต่อไปเราบอกลุงโป่งว่าอยากแวะไปชิมและซื้อขนมเปี๊ยะซอย 9 ซึ่งได้ยินกิตติศัพท์ของขนมร้านนี้มานานว่าเป็นอีก 1 ความอร่อยเมืองตรังที่ไม่ควรพลาด แล้วเราจะไม่แวะได้อย่างไร เหมือนกัน ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 06:00 – 17:30
เมื่อเข้ามาในร้านเจ้าของร้านก็เชื้อเชิญและต้อนรับดีมาก เข้าถามว่าเคยมาทานมั้ย ถ้าไม่เคยให้พวกเรานั่งกันก่อนแล้วจะเอาขนมเปี๊ยะทุกไส้มาให้ชิม แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะซื้อแบบไหนบ้าง ขนมเปี๊ยะที่นี่เค้าทำกันสดวันต่อวัน ขายดีมากลูกค้าเดินเข้าออกตลอด บางวันถ้ามาช้าก็อาจจะอดกินด้วย เรามาถึงกันในช่วงบ่ายสามครึ่ง ก็เกือบจะหมดแล้ว นอกจากขนมเปี๊ยะแบ้วก็ยังมีกะหรี่ปั๊บ ที่ทางเจ้าของร้านภูมิใจนำเสนอให้เราชิมด้วยค่ะ หลังจากชิมแล้วต้องร้องอุทานออกมาว่า อร่อยมาก แป้งบ้าง อัดแน่ไปด้วยไส้ เน้น เน้น 1 กล่อง มีทั้งหมด 10 ชิ้น ราคากล่องละ 110 บาท มีทั้งหมด 4 ไส้ เผือกหอมไข่เค็ม มันม่วงไข่เค็ม ชาเขียวไข่เค็มและถั่วไข่เค็ม
จุดต่อไปไม่ไกลจากร้านขนมเปี๊ยะมาถึง โบสต์คริสต์ หรือ วิหารคริศศาสนา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนถนนห้วยยอดใกล้กับโรงแรมธรรมรินทร์ ธนา เดิมที่ตั้งหอระฆังในโบสถ์เป็นเพียงดาดฟ้า ลักษณะคล้ายป้อมทหารโบราณ หลังจากนั้นมีการปรับปรุงโครงสร้างใหม่ เนื่องจากเสียงระฆังที่อยู่บนชั้น 2 ดังก้องมากเกินไป จึงสร้างเพิ่มขึ้นอีกชั้นเช่นที่เห็นในปัจจุบัน ต่อมามีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้นเคียงข้าง ส่วนโบสถ์ดั้งเดิมได้รับการบูรณะครั้งล่าสุดเมื่อปี 2007
แม้เทียบกับโบสถ์กับโบสต์คริสต์ทั่วไปที่เราเคยเห็นอาจดูไม่อลังการด้านสถาปัตยกรรมเท่า แต่ก็ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จึงเป็น 1 ใน 20 โบราณสถานของจังหวัดตรังที่นักท่องเที่ยวควรแวะเยี่ยมชม
รถตุ๊ก ตุ๊ก พาเรามาจอดพักถ่ายภาพที่วงเวียนพะยูน ซึ่ง ตั้งอยู่ที่ถนนพัทลุงบริเวณทางขึ้นจวนผู้ว่าฯ มีชื่อเรียกกันติดปากว่าวงเวียนน้ำพุแปดล้านเพราะใช้งบก่อสร้าง 8 ล้านบาท เป็นวงเวียนน้ำพุขนาดใหญ่ 4 ชั้น โดยแต่ละชั้นเป็นเรื่องราวของวรรณคดีไทย โดยชั้นบนสุดเป็นรูปพรานบุญจับกินรีจากเรื่องพระสุธนมโนราห์ ชั้นรองลงมาเป็นรูปนางเงือกจากเรื่องพระอภัยมณี ถัดลงมาอีกก็เป็นม้านิลมังกรจากเรื่องพระอภัยมณีและชั้นล่างเป็นรูปปลาพะยูน ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องเป้นปลาพะยูน เพราะท้องทะเลตรังเป็นถิ่นอาศัยของพะยูนที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอันดามันพบเห็นได้บ่อยบริเวณเกาะลิบงเพราะเป็นแหล่งหญ้าทะเลซึ่งเป็นอาหารหลัก ปลาพะยูนถือว่าเป็นสัตว์อนุรักษ์ประจำจังหวัดที่ชาวตรังภาคภูมิใจ
จุดต่อไป คือ สวนสาธารณะพระรัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี รอบอนุสาวรีย์ได้ตกแต่งเป็นสวนสาธารณะอันร่มรื่น มีเครื่องออกกำลังกาย สนามเด็กเล่น มาถึงตัวเมืองตรังก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาสักการะ
พระยารัษฎานุประดิษฐ์ คือ บุคคลสำคัญของจังหวัดเมื่อรับตำแหน่งเจ้าเมืองตรังได้พัฒนาปรับปรุงสภาพหลายอย่างในเมืองตรังให้เจริญรุ่งเรืองหลายอย่าง เช่น การตัดถนนที่ไม่มีผู้ใดเหมือน รวมทั้งส่งเสริมชาวบ้านให้กระทำการเกษตร ให้เลี้ยงไก่โดยบอกว่า เจ้าเมืองต้องการไข่ไก่ ให้เอากาฝากออกจากต้นไม้ โดยบอกว่าเจ้าเมืองต้องการเอาไปทำยา มีวิธีการบริหารปกครองแบบไม่มีใครเหมือน โดยใช้หลักเมตตาเหมือนพ่อที่มีต่อลูก ส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกกาแฟและยางพารา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการนำยางพารามาปลูกที่ภาคใต้ จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในปัจจุบัน
ถ้าพูดถึงเมืองตรัง บุคคลสำคัญอีก 1 ท่าน ที่ขาดไม่ได้ที่ต้องเอ่ยถึง คือ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 20 ของประเทศไทย อีกหนึ่งภาคภูมิใจของคนเมืองตรัง จุดสุดท้ายที่เราแวะในเมืองตรัง นั้นก็คือ บ้านแม่ถ้วน หรือบ้านนายชวน บ้านไม้ธรรมดาเรียยง่าย 2 ชั้น ที่ร่มรื่นไปด้วยสวนต้นไม้หลังนี้มีความหมายต่อจังหวัดตรังอย่างไร ทำไมต้องแวะ ?
สำหรับแม่ถ้วนแล้ว ถือเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญคนหนึ่งของเมืองตรังท่านเป็นคนไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน เป็นชาวตรังโดยกำเนิด แม่ถ้วนได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอดีตนายกชวน โดยก่อนที่นายชวนจะขึ้นมาครองใจของชาวใต้ ท่านช่วยหาเสียง ทั้งเดินหาเสียงขึ้นเวทีปราศรัยจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่นายชวนดำรงตำแหน่งนายกนั้น บ้านหลังนี้ต้องคอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่แวะมาไม่ขาดสาย ท่านยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาคำแนะนำแก่ผู้ที่เข้ามาขอคำปรึกษา รวมถึงให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆแก่ผู้เดือดร้อนที่มาขอให้ท่านช่วย แม่ถ้วนถึงแม้จะได้ชื่อเป็นแม่นายกชวน แต่ท่านก็ยังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนเดิม และเป็นผู้ใหญ่ใจดีและอารมณ์ดี จึงเป็นที่นับหน้าถือตาและเป็นที่เคารพรักอย่างสูงของชาวตรัง หลายๆคน ถึงแม้ในวันนี้แม่ถ้วนจะได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว และนายชวนส่วนใหญ่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพ แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชม เพื่อให้รู้สึกว่าถึงแม้นายชวนจะเป็นนายกรัฐมนตรีแต่บ้านหลังที่ท่านเคยอยู่ก็ยังคงเป็นบ้านไม้ที่เรียบง่าย
มาถึงบ้านเขา เมืองเขา เราต้องเที่ยวให้ถึงแก่น เรียนรู้เรื่องราวที่ทรงคุณค่าของเมืองนั้นอาจไม่ได้ถึงกับต้องรู้ลึกซึ้ง แต่อย่างน้อยได้รู้ความเป็นมาบ้างเพราะมันจะทำให้เราเที่ยวสนุกขึ้น ได้เห็นความสำคัญของสถานที่นั้นว่าทำไมเราต้องแวะ กว่า 2 ชั่วโมง ที่ได้นั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก หัวกบ ชมเมือง นั่งพัก ถ่ายภาพ ไปเรื่อยๆ ตามจุดต่าง ๆ ได้รู้จักจความเป็นตรัง เพิ่มขึ้นอีกเยอะค่ะ
Tags : ขนมเปี๊ยะซอย 9 ตรัง, ตรัง, ตึกเก่าเมืองตรัง, นั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก เที่ยวตรัง, บ้านนายชวน ตรัง, บ้านแม่ถ้วน ตรัง, สวนสาธารณะพระรัษฎานุประดิษฐ์, เที่ยวตัวเมืองตรัง, โบสต์คริสต์ เมืองตรัง