ทุ่งเสลี่ยม อีก 1 อำเภอของจังหวัดสุโขทัย ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักเท่าใดนัก อยู่ห่างจากอำเภอเมืองสุโขทัยประมาณ 68 กิโลเมตร ประกอบด้วยกลุ่มชุมชนใหญ่กลุ่มหนึ่งซึ่งขยายตัวมาจากอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ซึ่งอยู่ห่างกันเพียงแค่ 70 กิโลเมตร ทุ่งเสลี่ยมเป็นชุมชนโบราณที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้านนาค่อนข้างสูง มีความเป็นธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยแนวสันเขาทำให้อำเภอนี้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม วิถีชีวิตของผู้คนทุ่งเสลี่ยมได้อาศัยร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำรงชีวิตจึงทำให้มีวัดวาอารามมากมาย ประชาชนส่วนใหญ่มีอุปนิสัยรักสงบ ดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของเกษตรกรไทย แล้วอำเภอเล็กที่คนมองข้ามอำเภอนี้มีอะไรดึงดูดใจขนาดถึงกับทำให้เราต้องรีบแพคเก็บกระเป๋ามาเที่ยวบ้าง ตอบได้เลยว่ามีเยอะมาก เยอะจนอาจทำให้เราคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว
สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การแวะชม
14.00 น. ชมเจดีย์สีทอง ที่วัดแม่ทุเลา
หากถามว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะจะมาเที่ยวมากที่สุด จริงแล้วก็คงต้องบอกว่าเที่ยวได้ทุกฤดูเพราะที่นี่มีอะไรให้เที่ยวเยอะโดยเฉพาะวัดสวยๆ แต่ถ้าให้ได้บรรยากาศที่ดี ได้ความสดชื่นที่สุดน่าจะเป็นช่วงฤดูทำนาตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. – ปลายพ.ย. เดินทางจากกรุงเทพประมาณ 7 โมงเช้า หลังจากแวะทานข้าวกลางวันในตัวเมืองสุโขทัยเรียบร้อยแล้ว 14.00 น. คือ เวลาที่เริ่มเข้าสู่ตัวอำเภอทุ่งเสลี่ยม นั่งรถผ่านถนนสายเล็กๆ ข้างทางเป็นทุ่งนาสลับกับหมู่บ้าน เมื่อเริ่มเข้าสู่ตัวอำเภอก็จะเจอกับวัดนี้เป็นวัดแรกซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้อยู่ในเพลนการเดินทางที่ได้วางไว้ เพียงแต่สะดุดตากับอุโบสถสีทองอาร่ามควรค่าแก่การเลี้ยวรถเข้าไปเยี่ยมชมแบบใกล้ชิด วัดนี้ชื่อว่า วัดแม่ทุเลา
วัดแม่ทุเลา ตั้งอยู่ที่ตำบลไทยชนะศึก อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย เดิมเรียกวัดน้ำล้อม ต่อมาเรียกตามชื่อหมู่บ้านแม่ทุเลา ว่า วัดแม่ทุเลา สิ่งที่โดดเด่นภายในวัดคือ อุโบสถสีทองงดงามด้วยลวดลายแกะสลัก มีประตูทางขึ้นเป็นบันไดนาค 4 ทิศ ภายในอุโบสถประดับด้วยแก้วโมเสค ระยิบ ระยับ มีพระพุทธรูปองค์ประธาน และพระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ภายใน
นอกจากนี้ยังมีวิหารเก่าแก่ที่ได้รับศิลปะจากอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ภายในมีพระประธานคล้ายกับศิลปะพม่า
15.00 น. หลายหลากวิจิตรสไตล์ล้านนา วัดพิพัฒน์มงคล
จากวัดแม่ทุเลาเข้ามาในตัวอำเภอทุ่งเสลี่ยม เราไปต่อยัง วัดพิพัฒน์มงคล ซึ่งต้องเรียกได้ว่าเป็นวัดสวยงามขึ้นชื่อของทุ่งเสลี่ยมเลยก็ว่าได้ วัดนี้มี พระพุทธรูปทองคำ หนัก 9 กิโลกรัม ศิลปะสมัยกรุงสุโขทัยที่ประดิษฐานและสร้างซื่อเสียง โด่งดังมาควบคู่กับวัด เมื่อเราเข้ามาในอาณาเขตของวัดจะได้ตื่นตะลึงไปกับวิหารและอุโบสถตลอดสองข้างทาง ซึ่งสร้างด้วยศิลปะแบบล้านนาบนเนื้อที่กว้างขวางทราบมาว่าพื้นที่วัดทั้งหมดมีกว่า 100 ไร่ วัดพิพัฒน์มงคล เป็นที่รู้จักกันดีไปทั้งประเทศจนถึงยังต่างประเทศถือเป็นสถานธรรมซื่อดังอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย แต่เราไม่ได้เข้าไปชมในสวนของพื้นที่ปฎิบัติธรรมจะเดินชมในส่วนที่เป็นเขตฆราวาส ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มอุโบสถ วิหารและเจดีย์ต่างๆ
พระบรมธาตุเจ้าจอมล้านนา องค์สีทองตั้งอยู่ตรงกลางลานกว้างซึ่งรายล้อมด้วยวิหารต่างๆ
วิหารแต่ละแห่ง จะมีโบราณวัตถุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวิหารนั้น นับได้ประมาณ 3-5 หลัง ที่สวยงามโดดเด่น คือ พุทธวิหารลายคำ วิหารที่สร้างแบบล้านนาคล้ายกับวัดทางภาคเหนือหลายแห่ง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระแก้วรัตนชาติ และหลวงพ่อทันใจ วิหารลายคำสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลังงดงามด้วยลวดลายแกะสลักพร้อมลงรักปิดทองคำแท้ทั้งหมด
ภายในวิหารมีพระประธานคือ พระพุทธรูปหลวงพ่อทันใจ พุทธลักษณะเป็นศิลปะสุโขทัย
นอกจากนี้ยังมีวิหารล้านนาใหญ่โตอลังการ ภายในเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเสริมลาภ ขอพร ขอโชคลาภ ให้ร่ำรวย
นอกจากนี้ยังมี หอคำหลวง ซึ่งสร้างขึ้นในวโรกาสอันเป็นมงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 พรรษา และทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา ในปี 2550 เป็นอาคารเรือนไทยสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลังมีเสา 99 ต้น อาคารทรงไทยหอคำ หลังนี้ประดิษฐานรูปเหมือนเถราจารย์ผู้ใหญ่ 4 ภาค เช่น ภาคใต้ รูปเหมือนหลวงปู่ทวด ภาคกลางหลวงพ่อเงิน หลวงปู่สุข กทม. หลวงพ่อสด สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ภาคเหนือ หลวงปู่แหวน ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่แก้ว และรูปเหมือนเกจิ อาจารย์อีกหลายองค์ หอคำหลวงเป็นศิลปะล้านนา ไทยหลังใหญ่ที่สุดในภาคเหนือตอนล่าง
16.00 น. เช็คอินเข้าที่พัก ชบารีสอร์ท
จากวัดพิพัฒน์มงคล ไปทางเส้นอำเภอสวรรคโลกที่จะออกไปทางอำเภอสวรรคโลกที่เชื่อมต่อไปยังอำเภอเถิน ลำปาง ใช้เวลาประมาณ 15 นาที สังเกตปั้มแก๊ส LPG ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือไว้ค่ะ จะเห็นรีสอร์ทสีสัน สดใส คือ ชบา รีสอร์ท ตั้งอยู่ริมถนนหลักของทุ่งเสลี่ยมที่พักของเราในคืนนี้ อำเภอทุ่งเสลี่ยมมีที่พักหลายแห่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ตัวอำเภอ ชบารีสอร์ทจะออกไปนอกตัวอำเภอนิดนึง
ชบารีสอร์ท มีทั้งหมด 5 หลัง พักได้หลังละ 2 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง แอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ในราคา 500 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาก เบอร์โทรติดต่อ ป้าณี โทร 093 304 5815 คุณป้าใจดีและน่ารักมากค่ะ
ด้านหลังห้องมีระเบียงชมวิว เปิดไปก็เจอบรรยากาศของทุ่งนาเขียวขจี สบายตา
ด้านหน้าที่พักมีบริการนวดผ่อนคลายด้วย
ถนนด้านหน้าที่พักในเวลานี้เขียวขจีไปด้วยนาข้าว ซึ่งหากมาในช่วงเดือน ต.ค. –กลางพ.ย. จะได้พบกับบรรยากาศแบบนี้ ปีนี้ชาวบ้านปลูกข้าวช้าเนื่องจากแล้งมาก นาข้าวจึงน่าจะมีให้เราได้ชมกันถึงเกือบสิ้นเดือนพฤศจิกายน
17.30 น. ปั่นจักรยานชมวิวทุ่งนา
อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์เมื่อมาถึงทุ่งเสลี่ยม คือ ปั่นจักรยานชมวิวทุ่งนาและวิถีชีวิตชาวบ้าน สำหรับจักรยานเราแจ้งทางที่พักให้เตรียมไว้ให้คิดราคาคันละ 30 บาท ปั่นได้ตลอดทริป ต้องขอบคุณป้าณี เจ้าของที่พักชบา รีสอร์ท ว่าดูแลพวกเราดีมาก บริการและจัดหาให้ทุกอย่างตามต้องการ สำหรับเส้นทางปั่นจักรยานก็สามารถปั่นกันได้ทั่วอำเภอแต่ถ้าปั่นเส้นทางหลักรถจะเยอะซักหน่อย เส้นทางปั่นจักรายานที่เราว่าสวยที่สุดในอำเภอน่าจะเป็นเส้นนี้เป็นซอยเล็กๆฝั่งตรงข้ามเยื้องกับที่พักเรานี่เอง ข้ามถนนมาปุ๊บตรงดิ่งเข้าไปในซอยได้เลย เป็นถนนคอนกรีตสายเล็กๆที่วิวทั้งสองข้าง คือ ทุ่งนาและถนนเส้นนี้เป็นถนนที่ตัดออกมาจากถนนสายหลักเข้าไปยังหมู่บ้าน รถจึงไม่เยอะ ค่อนข้างปลอดภัย รถที่สัญจรไปมาส่วนใหญ่ คือ จักรยานและรถมอเตอร์ไซต์ของชาวบ้าน เป็นถนนที่ถือว่าแสงยามเย็นสวยมากกระทบกับทุ่งนาซึ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง
เสียงหัวเราะ หยอกล้ออย่างสนุกสนานดังแซงหน้าเราไป เด็กน้อยกำลังวิ่งไล่ตามจักรยานของเพื่อน วัยเด็กก็ดีแบบนี้เอง ไม่ต้องคิดอะไรเยอะมีหน้าที่เพียงแค่เรียนหนังสือ ไม่ต้องรับผิดชอบมากมายเหมือนผู้ใหญ่
ปั่นไปเรื่อยๆ ก็เห็นเรื่องราวและการใช้ชีวิตของคนในชุมชน เนิบ เนิบ ง่าย ง่าย และที่สำคัญเป็นมิตรกับพวกเราซึ่งเป็นคนต่างถิ่นมาก ยิ้มแย้มทักทายกันตลอด
ปั่น ปั่น คลอเคล้าแสงมองวิวทุ่งนาและทุ่งหญ้าพลิ้วไหวในยามเย็น อบอุ่นและงดงาม
06.30 น. ปั่นสูดอากาศบริสุทธิ์ ในเช้าวันใหม่
ที่เก่าแต่ต่างกันแค่เวลาก็ได้บรรยากาศใหม่ ซึ่งเราตั้งใจไว้แล้วจะกลับมาปั่นตรงนี้อีกรอบเพราะดูจากพระอาทิตย์ตกเมื่อวานแล้วพื้นที่ตรงนี้ถ้าได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นคงสวยน่าดูเลยทีเดียว วิถีชีชีวิตในยามเช้าแบบเดิมก็ได้เริ่มขึ้น ชาวบ้านขับมอเตอร์ไซต์ไปตลาด ไปทำไร่ ทำนา เป็นวิถีแบบเรียบง่ายแตกต่างจากเมืองใหญ่ที่เช้ามาปุ๊บรีบอาบน้ำแต่งตัว วิ่ง 4 คูณ 100 ออกจากบ้าน แย่งชิงขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า ไปทำงานให้ทันเวลา
แสงหลากสีอันงดงามในยามเช้า ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
เราได้เพียงเฝ้ามองและเฝ้ารอ และลุ้นว่าเช้าวันนี้พระอาทิตย์จะมาปรากฏให้เราเห็นในแบบไหน
น้ำค้างบนยอดข้าวที่หลอมตัวกันเป็นสายหมอกบางในยามเช้า หมู่นกโผบินหาอาหาร บรรยากาศแบบนี้บางคนบอกว่าเหมือนทุ่งนาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป จะหาถ่ายที่ไหนก็ได้เอาเป็นว่าถ้าลองตื่นเข้าไปดูนาข้าวที่อยุธยาหรือปทุมธานี คุณไม่น่าจะได้พบเห็นบรรยากาศแบบนี้แน่ ภาพวิวที่เราได้เห็นตรงหน้า รวมถึงบรรยากาศของความเงียบ และความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ที่อยู่รอบตัวเรามันต่างกัน
มาแล้ว มาแล้ว เราบอกเพื่อนร่วมทางปั่น พระอาทิตย์ดวงโตสีทองร้อนแรงกำลังเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้า ช้า ให้เราได้เห็นแบบเต็มดวงสมกับการเฝ้ารอคอยซักที
เรายืนเก็บภาพตรงจุดนี้อยู่นานมาก ถึงแม้จะเป็นภาพวิวเดียว วิวเดิม แต่เราก็มีความสุขที่ได้ยืนและเก็บความงามยามเช้านี้ไว้ เรามักได้ยินกันบ่อยว่าถ้าเราไปเที่ยวและตื่นเช้าหน่อยเรามักจะได้ของขวัญจากธรรมชาติเสมอ หลายครั้งที่เราได้สิ่งนั้นรวมถึงครั้งนี้ด้วย
7 โมงกว่า พระอาทิตย์เริ่มจ้าขึ้น ปลุกทุกสรรพสิ่งให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
ท้องทุ่งโล่งกว้าง กับท้องฟ้าสดใสในวันไหม่กำลังจะเริ่มขึ้น
เราปั่นจักรยานออกมาจากซอยเดิมเข้าสู่ถนนเส้นหลักของอำเภอ ซึ่งเป็นถนนสายเล็กๆไม่กว้างมาก มีรถวิ่งผ่านบ้างประปรายและรถก็วิ่งค่อนข้างเร็วมาก ปั้นไปก็ต้องระวังกันซักหน่อย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ตั้งอยู่เรียงรายไปตามถนน สังเกตได้ง่ายมากเพราะมีป้ายบอกตลอดเกือบทุกที่
รถโดยสารแบบเก่าคลาสิคกำลังเริ่มทำหน้าที่แบบเดิมที่ทำเหมือนเช่นทุกวัน
09.00 น. เช็คอินออกจากที่พัก ไหว้ครูบาศรีวิชัยที่วัดกลางดง
จากที่พักเราประมาณแค่ 1 ก.ม. เราจะเริ่มเห็นวัดสวยสไตล์ล้านนาโดดเด่นอยู่ริมถนน นั่นคือ วัดกลางดง ทำเลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักในอำเภอทุ่งเสลี่ยม มีภูมิทัศน์ที่สวยงามคือ มีภูเขาเป็นฉากหลังโอบล้อมไว้ หากมาในช่วงฤดูทำนาเราจะได้เห็นพระอุโบสถและองค์พระเจดีย์ ซึ่งมีฉากด้านหน้าเป็นนาข้าวเขียวขจี
เก็บภาพจนพอใจก็เดินกลับไปขึ้นรถต่อ ที่เคียงคู่ไปกับรถนั่นก็คือ รถอีแต๋นของชาวบ้านซึ่งเราจะได้พบเห็นวิ่งผ่านไปมาดังแต๊ก แต๊ก ตลอดทั้งวัน ประดุจเป็นพาหนะในการเดินทางหลักของผู้คนในอำเภอ
ขับรถตรงมาอีกนิดจะเจอซอยเล็กๆซึ่งเป็นทางเข้ามีป้ายเขียนบอกไว้ วัดกลางดง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่มีวิจิตรศิลป์งดงามไม่ว่าจะเป็นอุโบสถ ซึ่งมีศิลปะคล้ายกับวัดในจังหวัดเชียงใหม่และลำปาง
สิ่งที่โดดเด่นคือ องค์พระเจดีย์ 5 ยอด สีทองซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพระวิหาร ซึ่งเป็นศิลปะพม่าภายในบรรจุแก้วแหวนเงินทองที่มีค่ามากมาย
นอกจากนี้ยังมีมณฑปอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยลักษณะเป็นรูปหล่อเท่าองค์จริง ประดิษฐานอยู่ในมณฑปวัดกลางดง อันเป็นที่เคารพสักการะนับถือของประชาชนชาวอำเภอทุ่งเสลี่ยม
เราอาจจะสงสัยกันเล็กน้อยว่าเหตุใดครูบาศรีวิชัย จึงมาปรากฏชื่อยู่ในอำเภอทุ่งเสลี่ยมได้ ปกติเราจะคุ้นเคยกันแต่เชียงใหม่ สาเหตุเพราะช่วงเวลาหนึ่งพระครูบาศรีวิชัยได้มาที่วัดกลางดง เนื่องจากลูกศิษย์เอกของพระครูบาศรีวิชัย คือพระทองสุก คุณารักษ์ เป็นคนบ้านกลางดง พระครูบาศรีวิชัยจึงให้ลูกศิษย์ของท่านมาสร้างพระธาตุเจดีย์ ทองคำ 5 ยอด ไว้ที่วัดกลางดง 1 องค์ ปัจจุบันได้บูรณะใหม่เห็นซึ่งเห็นเด่น เป็นสง่าอยู่ขณะนี้ ด้วยอาศัยเหตุผลดังกล่าว คณะศิษย์และกรรมการวัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จึงได้ถวายรูป เหมือนเท่าองค์จริงให้กับทางวัดกลางดง 1 องค์ โดยคณะกรรมการวัดได้ไปแห่รับ เอาจากวัดบ้านปางซึ่งชาวบ้านได้จัดงานต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ และนำมาไว้ที่ วิหารของวัด สาธุชนที่ทราบข่าวก็เข้าไปกราบและขอพรไม่ขาด จากนั้นท่านเจ้าอาวาส (พระครูพิพิธธรรมมงคล)จึง ได้ร่วมกับ คณะกรรมการวัดสร้างมณฑป ที่ประดิษฐานถวายและได้อัญเชิญ องค์รูปเหมือนพระครูบาเจ้าศรีวิชัยขึ้นประดิษฐาน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2542 ซึ่งถือว่าเป็นฤกษ์ดี คือวันขึ้นปีใหม่ ทางวัดให้มีงานฉลองและทำพิธีขอพรด้วยการประกอบพิธีสะเดาเคราะห์-ต่อชะตา และได้ถือเป็นงานประจำปีของวัด จนถึงปัจจุบัน
10.00 น. มาถึงทุ่งเสลี่ยม ต้องแวะไหว้หลวงพ่อศิลา
มาถึงทุ่งเสลี่ยมแล้วไม่ได้มาไหว้หลวงพ่อศิลา ที่วัดทุ่งเสลี่ยม วัดประจำอำเภอถือว่ายังมาไม่ถึง วัดทุ่งเสลี่ยมเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อศิลา พระพุทธรูปหินทรายปางนาคปรกที่งดงามที่สุดองค์หนึ่ง
หลวงพ่อศิลา ประดิษฐานอยู่ในมณฑปสีขาว สันนิษฐานว่ามีอายุนับพันปี พระพุทธรูปสกัดจากหินทรายสีเทา ศิลปะทวารวดี พบอยู่ในถ้ำเจ้าราม ด้วยความงดงามและความเก่าแก่ของพระพุทธรูปเคยถูกโจรกรรมและพบอีกครั้งคือ อยู่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายไทยก็ตามหาจนพบและซื้อกลับมาประดิษฐานที่วัดทุ่งเสลี่ยมเพื่อเป็นพระพุทธรูปคู่อำเภอได้อีกครั้ง หลวงพ่อศิลาเป็นที่เลื่องลือเลื่อมใสของชาวบ้านรวมถึงจังหวัดใกล้เคียงในพลังอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันที่ทางวัดทุ่งเสลี่ยมจัดงานสักการะหลวงพ่อศิลา ทุกปีจะมีพุทธศาสนิกชน จากอำเภอทุ่งเสลี่ยม และจากอำเภอต่างๆ ทั่วทุกจังหวัดมาร่วมงานสักการะหลวงพ่อศิลาเป็นจำนวนมาก
ความงดงาม และความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายในแบบที่ไม่ต้องปรุงแต่ง กับสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายทำให้อำเภอทุ่งเสลี่ยม สุโขทัย ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งอำเภอน่ารักในใจเรา ที่อยากให้หลายคนได้ลองแวะมาเที่ยวกันซักครั้งค่ะ
Tags : ทุ่งเสลี่ยม, สุโขทัย