รวมจุดแชะ แวะ กิน เที่ยว ตลาดน้อย

หากพูดถึงย่านชุมชนเก่าในกรุงเทพ ที่เหมาะไปเดินถ่ายภาพชิคชิลมีหลากหลายแห่ง หนึ่งในนั่น คือ ตลาดน้อย ย่านการค้าริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่เกิดจากการขยายตัวทางการค้าของสำเพ็งในช่วงตอนต้นของกรุงรัตนโกสินทร์  ที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีนได้อย่างลงตัว ผ่านวิถีชีวิต อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ เติมสีสันให้ชุมชนด้วยคาเฟ่เก๋ รวมถึงภาพเพ้นท์น่ารักตามกำแพงบ้านและตรอกซอกซอย ทำให้ ตลาดน้อย เป็นแหล่งท่องเที่ยวขวัญใจวัยรุ่น ที่ต้องสัมผัสบรรยากาศของความเป็นวิถีชีวิตแบบชุมชนจีนดั้งเดิมที่ผสมผสานกับความฮิปได้แบบลงตัว

 

 

Hong Sieng Kong

สำหรับการเดินเที่ยวตลาดน้อยสามารถเข้าได้สองทาง คือ ปากซอยเจริญกรุง 22  และอีกทาง คือ ซอยวานิช 2 โดยระยะทางเดินเที่ยวไม่ไกลมากนัก เดินตามตรอกเล็กๆ ชมบรรยากาศแวะพักคาเฟ่เด่นๆ ใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง เราเริ่มเที่ยวตลาดน้อยจากซอยวานิช 2  เพื่อไปยังจุดหมายแรก Hong Sieng Kong หรือ ฮงเซียงกง ตั้งอยู่ภายในตลาดน้อยติดริมน้ำเจ้าน้ำพระยา ตกแต่งแบบจีนโบราณ ที่ดัดแปลงมา​จากบ้านหลังเก่าโดยยังคงโครงสร้างเดิมและรายละเอียดต่างๆ ของบ้านไว้ ทั้งผนังปูนที่เผยให้เห็นลวดลายอิฐ มีความแปลกตาด้วยรากไม้ใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมผนัง พร้อมเฟอร์นิเจอร์ไม้ ของตกแต่งข้าวของเครื่องใช้แบบจีนโบราณ ช่วงนี้ทางร้านเน้นขายเครื่องดื่ม เบเกอรี่ รสชาติดี รวมทั้งการบริการที่น่ารักเป็นกันเองของพนักงาน ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้น่าจดใจยิ่งขึ้น

 

 

Hong Sieng Kong ตั้งอยู่ภายในตลาดน้อยฝั่งซอยวานิช 2 ติดกับศาลเจ้าโจวซือกง  ตัวร้านเป็นตึกสีน้ำเงินบ้านหลังนี้ก่อสร้างโดยช่างจีน การเข้าไม้ลิ่ม คานแบบจีนโบราณ ซึ่งยังคงสภาพที่สวยและสมบูรณ์ ด้านหน้าหน้ามีตั่งนั่งแบบจีนรวมถึงเก้าอี้ทรงสูงติดกำแพงปูนเก่า ที่เผยให้เห็นผิวปูนลายลอกของสีบ้านเดิม  

 

 

ภายในร้านกว้างมากแบ่งเป็น 3 โซน โซนแรกเป็นส่วนของห้องแอร์ ที่นั่งเป็นแบบเก้าอี้ไม้ บริเวณผนังประดับด้วยแผ่นไม้ที่เขียนด้วยตัวอักษรจีน ในส่วนของเมนูช่วงนี้มีเฉพาะเครื่องดื่ม เค้ก เบเกอรี่ มีให้เลือกเยอะพอสมควร เราสั่งกาแฟมะพร้าว รสชาติดีมาก ปรุงชอตกาแฟไม่เข้มจนเกินไปทำให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมของน้ำมะพร้าวแบบเต็มๆ เคยสั่งเมนูนี้หลายร้านส่วนใหญ่ใส่กาแฟเข้มมาก ทำให้กลิ่นของความเป็นน้ำมะพร้าวหายไป  ส่วนขนมสั่ง Raspberry tartlet อร่อยเช่นกัน เนื้อขนมนุ่นหอมชีส โรยหน้าด้วย Raspberry เยอะมาก ความเปรี้ยวของผลไม้ช่วยตัดความหวานของขนมได้ดีทีเดียว แถมตกแต่งจานอย่างพิถีพิถันสวยงาม โรยด้วยผงโกโก้เป็นชื่อร้าน

 

 

เดินผ่านโซนแรกมายังโซนต่อไป เป็นแบบโอเพ่นแอร์ กว้างขวางสูงโปร่ง โดดเด่นด้วยบันไดไม้วนไปยังชั้นสอง  โซนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงเตี๊ยมแบบจีน และพิพิธภัณฑ์ของเก่าโบราณ ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจกับของเก่าที่ประดับอยู่มากมาย ทั้งตู้ยา เก้าอี้นั่ง ตู้ลิ้นชัก โคมไฟ รูปปั้นเทพเจ้าจีน

 

 

โซนต่อไป คือ ริมน้ำเจ้าพระยา บริเวณนี้ มีที่นั่งหลายจุดเช่นกัน มีลมธรรมชาติจากแม่น้ำพัดเข้ามารู้สึกเย็นสบาย และมีมุมไฮไลท์ คือ ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมบริเวณกำแพง มีการจัดที่นั่งไม้ตั้งอยู่รอบกำแพงให้นั่งชิล และโพสต์ท่าสวยหลายมุม รวมทั้งมุมชิคกำแพงสีขาวที่ทำลวดลายเป็นช่องแสงสี่เหลี่ยม พร้อมเก้าอี้นั่งสองตัว  Hong Sieng Kong  คาเฟ่ในย่านตลาดน้อย ที่ไม่เพียงแต่จะได้มีความสุขไปกับการได้จิบเครื่องดื่มทานขนม ในบ้านโบราณที่นำมาปรับปรุงใหม่กลมกลืนไปกับชุมชนได้อย่างมีสไตล์ แต่ยังได้ชมของสะสมเก่าแก่โบราณล้ำค่าที่เจ้าของสะสมมาด้วยใจรักอีกด้วย

 

 

Hong Sieng Kong

ที่อยู่ : 734-736 ถนนวานิช 2 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร

เปิดให้บริการ : 10:00-18:00 (ปิดวันจันทร์)

โทร : 095 998 9895

Facebook :  HongSiengKong

 

เต็มอิ่มกับการแชะภาพในจุดหมายแรก เราเดินเข้าซอยเล็กข้างศาลเจ้าโจวซือกง เพื่อไปยังจุดอื่นๆในตลาดน้อย ผ่านป้ายชื่อตลาดน้อย เดินไปอีกนิดจะพบแผนที่จุดท่องเที่ยวตลาดน้อยที่เพนท์บนกำแพง  สำหรับการเดินเที่ยวตลาดน้อยสนุกดีค่ะ เดินตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ผ่านบ้านเรือนของคนในชุมชน แวะถ่ายภาพยังร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง รวมถึงภาพเพนท์กำแพง ตลอดทางเดินได้เห็นรอยยิ้ม คำทักทายที่เป็นมิตรจากคนในชุมชน “มาถ่ายรายการอะไรเหรอหนู” “เป็นยังไง หาเจอมั้ยร้านนั้น” หรือ “ไปร้านนี้ด้วยสิ” สร้างความสุขในการเที่ยวชมได้มากเลยทีเดียว หากหาพิกัดไหนไม่เจอ สอบถามชาวบ้านได้ค่ะ ทุกคนพร้อมตอบและช่วยเหลือเต็มที่ 

 

 

แชะภาพคู่ รถเต่าสุดเก๋า

ผ่านภาพแผนที่มาเจอรถเต่าสีส้มสุดเก๋า เจ้าถิ่นที่จอดประจำอยู่ริมกำแพงอิฐเก่า ถึงแม้รถจะเก่าและใช้งานไม่ได้แล้ว แต่รถคันนี้กลายเป็นจุดแลนด์มาร์คของตลาดน้อย ที่หลายคนต้องเดินตามหาเพื่อมาแชะภาพ 

 

 

บ้านโซวเฮ่งไถ่  คฤหาสน์เก่าแก่อายุกว่า 250 ปี

จากมุมรถเต่าเดินมาอีกนิดเดียว สะดุดตากับบ้านสไตล์จีนเก่าแก่หลังหนึ่ง  บ้าน โซว เฮง ไถ่ คฤหาสน์เก๋งจีนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์  บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักอาศัยของเจ้าสัวสอน(หลวงอภัยวานิช) คหบดีชาวจีนคนสำคัญของชาวชุมชนตลาดน้อย  สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบฮกเกี้ยน เป็นหนึ่งในเก๋งจีนที่โอ่อ่าที่สุดในยุคเริ่มกรุงรัตนโกสินทร์

 

 

ตัวผังบ้านผสมรูปแบบ “ซื่อเหอหยวน” หรือ “สี่เรือนล้อมลาน” มีอาคาร 4 ด้าน ล้อมลานหินกว้าง ด้านหน้าเป็นซุ้มประตูทางเข้า ด้านหลังเป็นเรือนประธานที่เก็บป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ เข้ากับลักษณะเรือน 2 ชั้น และพื้นชานยกระดับแบบไทย การก่อสร้างทั้งหมดเป็นแบบโบราณที่ไม่ใช้ตะปู แต่ใช้ไม้แกะสลักในการประกอบทั้งหมด  บริเวณตรงกลางเป็นลานมีสระว่ายน้ำซึ่งทำเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำด้วย แต่ตอนนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด เลยหยุดให้บริการไป

 

 

มีมุมที่นั่งเล็กๆ บริเวณชั้น 2 และชั้นล่าง ให้ได้นั่งพักจิบเครื่องดื่ม ไม่ได้มาบ้านหลังนี้นานแล้ว มาอีกครั้งทรุดโทรมไปมากพอสมควร นั่งจิบเครื่องดื่มซักพักแล้วรีบไปต่อ แอบรู้สึกหวิวๆแบบบอกไม่ถูก  

 

 

 

Mother Roaster

Mother Roaster คาเฟ่ชื่อดังในบ้านเก่าดีไซน์เป็นเอกลักษณ์  ใครไม่ได้มาถ่ายรูปกับภาพเพนท์กำแพงหน้าร้านถือว่ามาไม่ถึงตลาดน้อย เป็นร้านกาแฟที่มีกิมมิคตั้งแต่เริ่มก้าวเข้ามาในร้านจะเจอเศษอะไหล่เหล็กเก่ากองสูงที่วางอยู่ตลอดทางเข้า จนทำให้คิดว่านี่ใช่ร้านกาแฟจริงเหรอ แต่พอเดินผ่านตรงนี้ไปยังชั้นสองจะได้พบกับบรรยากาศของคาเฟ่ที่ตกแต่งได้น่านั่งมาก ร้านนี้เป็น​ที่​รู้​จัก​เพราะ​ชื่อ​เสีย​ง​ของ​บาริสต้า​วัยเก๋า คุณยายพิณ คุณ​ยายทั้งคั่ว​ บด​ ดริฟเองกับมือ​จน​ทุกคนติดใจ  จาก​นั้น​จึง​ได้​ย้าย​ร้าน​มา​ตั้ง​ใน​ชุม​ชน​ตลาด​น้อย​ และ​ได้​ขยาย​สาขา​ไป​ที่​ประตู​ผี​ด้วย หาก​ใคร​ต้อง​การ​เจอ​คุณ​ยาย​พิณ​แนะ​นำ​ให้​ไป​สาขา​ประตูผี​ ส่วนสาขานี้จะเป็นทีมลูกๆเป็นคนดูแล ชงกาแฟมาได้รสชาติ​อร่อยไม่แพ้กัน 

 

 

ตัวร้านมีสองชั้น  ชั้นล่างเป็นโครงสร้างปูน ส่วนชั้นสองเป็นโครงสร้างไม้ ผนังกำแพงหน้าร้านมีลวดลายเพนท์การ์ตูนน่ารัก กลายเป็นมุมซิเนเจอร์ของตลาดน้อย ที่หลายคนต้องแวะเวียนมาถ่ายรูป ก่อนที่ร้านจะมาเปิดตรงนี้ ภาพเพ้นท์จะเป็นภาพอื่นค่ะ แต่ปัจจุบันมีการวาดภาพใหม่แทนภาพเดิมตามที่เห็น 

 

 

ก่อนจะเข้าไปยังส่วนของร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ชั้น 2 ต้องเดินผ่านกองอะไหล่เหล็ก และของเก่าแก่ที่วางไว้ อาจทำให้ตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็น แต่ถ้ามองอีกมุมถือว่าเป็นกิมมิค และเอกลักษณ์ของทางร้านไปเสียแล้ว   

 

 

ผ่านกองอะไหล่เหล็กมาถึงชั้นสอง ซึ่งเป็นส่วนของคาเฟ่ จะเป็นอีกบรรยากาศที่แตกต่างจากภาพชั้นล่างสวยงามและน่านั่งมาก ในส่วนของพื้นที่เอาท์ดอร์ริมระเบียงข้างน้อย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบวินเทจ มีมุมสีเขียวเล็กๆจากต้นไม้แขวนที่ประดับไว้ 

 

 

ภายในร้านเป็นแบบห้องแอร์ โดยยังโครงสร้างไม้จากอาคารเดิม ดีไซน์สไตล์วินเทจสะท้อนความคลาสสิก และมีมุม slow bar ที่ต้องยอมรับทั้งเรื่องคุณภาพ ทั้งรสชาติและวัตถุดิบ เพราะทางร้านคัดสรรเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีมาให้เลือกกว่า 30 แบบ รังสรรค์เป็นเมนูกาแฟรสชาติกลมกล่อม

 

 

นอกจากนี้ยังมีมุมศิลปะที่ผสมความโมเดิร์นนิดๆเข้าไปด้วย กลายเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆ 

 

 

ในส่วนของเครื่องดื่ม สั่งกาแฟมะนาว รสชาติดีมาก ได้กลิ่นหอมและความเปรี้ยวของมะนาวแบบเต็มๆ ช่วยเติมความสดชื่นได้มากเลยทีเดียว 

 

 

Mother Roaster 

พิกัด 1172 ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ กทม 10100

เปิดให้บริการ 10.00 น. – 18.00 น.

Facebook Mother Roaster 

 

ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก

จากร้าน Mother Roaster  เดินมาเรื่อยๆ มาถึงอีกมุมไฮไลท์ของตลาดน้อย ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก เป็นตรอกเล็กๆที่เต็มไปด้วยภาพกราฟิตี้และภาพเพนท์สีสันสดใส รวมถึงภาพถ่ายในมุมต่างๆของตลาดน้อยที่ชนะการประกวดถ่ายภาพ 

 

 

นอกจากภาพเพ้นทในตรอกศาลเจ้าโรงเกือกแล้ว ระหว่างทางยังมีภาพเพนท์ตามตรอกซอกซอยต่างๆอีกด้วย

 

 

Patina Bangkok 

มาจบที่คาเฟ่สุดท้าย  Patina Bangkok คาเฟ่ลับย่านตลาดน้อยที่ซ่อนตัวในบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี  สะท้อนกลิ่นอายวินเทจแบบไทยและจีนผสมกันได้ลงตัว เอกลักษณ์ของร้าน คือ ผนังกำแพงและเสาบ้านที่เผยให้เห็นพื้นผิวปูนและสีเดิมที่ลอกหลุด กลายเป็นลวดลายประติมากรรมแห่งกาลเวลาสุดคลาสสิค ที่นี่เปิดให้บริการคาเฟ่นั่งชิลและมุมสโลวบาร์ โดยคัดสรรเมล็ดกาแฟไทยเบลนด์กับเมล็ดกาแฟบราซิล รวมทั้งเครื่องดื่มอิตาเลี่ยนโซดาที่ทำจากไซรัปโฮมเมด และสำหรับสายถ่ายภาพมีมุมชิคกับอาคารและผนังกำแพง ให้ได้เก็บภาพสไตล์ฮิปถูกใจกันเลยทีเดียว

 

 

พิกัดร้านตั้งอยู่ภายในตลาดน้อย ตรงข้ามกับซอยศาลเจ้าพ่อโรงเกือก ต้องสังเกตุหน้าร้านนิดหนึ่ง เพราะประตูร้านเปิดแง้มนิดเดียว  หากเดินผ่านจะไม่รู้เลยว่าเป็นร้านกาแฟ เดิมบ้านหลัง มีชื่อว่า บ้านรัชต์บริรักษ์ เป็นเรือนแถวสถาปัตยกรรมจีนที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และถูกทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน ภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น บ้านเหลียวแล และนำมาปรับโฉมเป็นร้านกาแฟ โดยตัวร้านแบ่งเป็นสัดส่วน และยังคงโครงสร้างอาคารเดิมเอาไว้ทั้งหมด ทั้งประตูทรงโค้งสไตล์จีน บล็อกอิฐลายจีนและหลังคาจั่ว พื้นที่ในส่วนแรก คือ เคาน์เตอร์บาร์กาแฟแบบร่วมสมัย เสริมด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจทั้งโต๊ะและเก้าอี้ไม้ ประดับด้วยภาพถ่ายวิวทิวทัศน์หลายภาพเพิ่มสีสันบริเวณผนังเก่าให้มีชีวิตชีวาขึ้น 

 

 

เดินผ่านโซนหน้าร้านจะเจอพื้นที่กลางแจ้งขนาบด้วยตึกเก่า ด้านบนเป็นช่องว่างให้แสงส่องลงมา มองไปมุมไหนก็เห็นพื้นผิวของผนัง รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์เก่า ที่สีหลุดลอกไปตามกาลเวลา กลายเป็นเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ ตรงกลางมีเก้าอี้ทรงสูงวางไว้ริมกำแพงให้โพสต์ท่าถ่ายรูป กลายเป็นมุมซิกเนเจอร์ที่ต้องมาแชะภาพโพสต์ลงไอจีรัวๆ 

 

 

เดินเข้าไปด้านในอีกมุม จัดเป็นพื้นที่นั่งเล็กๆ ริมหน้าต่างที่ค่อนข้างหลบมุมเป็นส่วนตัว สั่งเมนูลิ้นจี่กุหลาบรสเปรี้ยวหวาน ได้กลิ่นหอมของกุหลาบและสดชื่นจากความซ่าของโซดา จากจุดนี้มีช่องประตูกลมเมื่อเดินออกไปจะเจอพื้นที่โล่งหลังบ้าน ค่อนข้างโปร่งและมีการจัดโต๊ะ เก้าอี้ แนบชิดริมกำแพงให้ได้นั่งเล่นเช่นกัน  อยากย้อนเวลามานั่งจิบเครื่องดื่ม สัมผัสเสน่ห์ของความเก่าในแบบเก๋า พร้อมไปกับแชะภาพในมุมโปรด ลองมาที่ร้าน  Patina Bangkok ตลาดน้อย

 

 

Patina Bangkok

พิกัด:  965 ซอยวานิช 2 สัมพันธวงศ์ กทม 10100 มีที่จอดรถ (ซอยเจริญกรุง 22 ชั่วโมงละ 30 บาท)

เปิดให้บริการ:  09.00 น. – 17.00 น.

Facebook  Patina Bangkok

 

1 วัน เบาๆ ใน ย่านตลาดน้อย ชุมชนเก่าที่แทรกตัวอยู่กลางเมืองใหญ่ ถึงแม้ปัจจุบันภาพความรุ่งเรืองในอดีตของตลาดน้อยจะจางหายไป  แต่เรื่องราวนั้นยังคงปรากฎร่องรอยหลงเหลืออยู่ ผ่านสิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย  มาสัมผัสวิถีชุมชนเสพงานศิลป์ ถ่ายภาพฮิบ ฮิบ ลองมาเดินเล่นที่ ตลาดน้อย

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

การเดินทางมายังตลาดน้อย สามารถเดินทางเข้าได้ 2 ทาง คือ ทางฝั่งซอยวานิช 2 และซอยเจริญกรุง 22 

ทางฝั่งซอยวานิช 2

ฝั่งนี้เหมาะสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะที่จอดรถค่อนข้างสะดวก มีที่จอดรถใกล้ตลาด 2 จุด  ที่ไม่ต้องเดินจากจุดจอดรถไกลมาก จุดจอดรถแรก ศาลเจ้าโจวซือกง โดยขับรถตรงเข้าไปในซอยวานิช 2 ทางจะแคบหน่อยแต่รถขับเข้าไปได้ค่ะ ตลอดสองฝั่งทางผ่านบ้านเรือน ขับไปเกือบสุดซอยจะเจอศาลเจ้า นำรถไปจอดได้ที่ลานจอดรถของศาลเจ้าโจวซือกง  ค่าจอดรถชั่วโมงละ 20 บาท 

อีกหนึ่งจุด คือ วัดปทุมคงคา อยู่ติดกับซอยวานิช 2 ค่าจอดรถชั่วโมงแรก 20 บาท ชั่วโมงต่อไป 10 บาท 

เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีหัวลำโพงทางออกประตู 1 จากนั้นเดินมาประมาณ 800 เมตร หรือจะนั่งรถมอเตอร์ไซต์มาก็ได้ 

 

ซอยเจริญกรุง 22

นำรถส่วนตัวมาสามารถจอดรถในซอยเจริญกรุง 22 จุดจอดรถตลาดน้อยชั่วโมงละ 30 บาท แนะนำสำหรับคนที่นำรถส่วนตัวไปจอดทางฝั่งซอยวานิช 2 ที่จอดรถเยอะและสะดวกกว่า 

รถไฟฟ้าใต้ดิน ลงสถานีหัวลำโพงจากนั้น ต่อรถแท็กซี่มาที่ซอยเจริญกรุง 22  (ใช้เวลาเดินทางไปไม่ถึง 15 นาที)

รถไฟฟ้า bts ลงสถานีวงเวียนใหญ่ จากนั้นต่อรถสาธารณะมาที่ซอยเจริญกรุง 22

รถประจำทาง สาย 1 , 35 ,75 ลงตลาดน้อย  สาย 36, 93  ลงสี่พระยาเดินมาอีกนิด

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง