ขุนแปะ ตั้งอยู่ในอำเภอจอมทอง เชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่รายล้อมด้วยวิวทิวเขาเขียวขจี มีบรรยากาศแสนสงบธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ และจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูทำนาจะได้เห็นนาข้าวสีเขียวปลูกสลับกับผักและพืชไร่ มาเที่ยวขุนแปะสามารถเที่ยวแบบวันเดย์ทริป หรือจะค้างคืนรับอากาศบริสุทธิ์ก็ย่อมได้ โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างคืน สามารถพักได้ที่ กระท่อมตะวันไรวินท์ เป็นบ้านพักสไตล์กระท่อมน้อยกลางนาข้าวอันกว้างใหญ่ ในบรรยากาศเงียบสงบมีภูเขาเขียวขจีรายล้อมรอบด้าน
กระท่อมตะวัน ไรวินท์ ตั้งอยู่ก่อนถึงโครงการหลวงขุนแปะ เส้นทางลงไปยังที่พักเป็นเส้นทางดินแดงลูกรัง หากไม่ใช่รถโฟรวิวหรือมอเตอร์ไซต์ให้จอดไว้ที่โครงการหลวงและใช้บริการรถรับส่งของที่พัก แต่เราเลือกจอดรถไว้บริเวณทางขึ้นและใช้บริการรถนำเที่ยวของกระท่อมตะวันไรวินท์ ซึ่งเป็นรถระบะให้มารับที่ปากทาง พร้อมบริการนำเที่ยวยังจุดต่างๆ เพราะช่วงที่เดินทางคือ ถนนจากปากทางไปจนถึงโครงการหลวงมีการปรับปรุงเป็นบางช่วงถนนไม่ค่อยดี หากฝนตกถนนลื่นไม่สามารถใช้รถเก๋งหรือรถตู้ขึ้นไปได้ เดินทางมาถึงกระท่อมตะวันไรวินท์ประมาณบ่ายสองโมง ทางเดินไปยังกระท่อมเป็นดินแดงลูกรังเรียกได้ว่ายังมีความดิบแบบธรรมชาติ ที่พักมีเพียง 3 หลัง ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบในความเป็นธรรมชาติแบบไม่มีการปรุงแต่ง อยากมาพักผ่อนฟังเสียงธรรมชาติกลางป่าเขาแบบสงบเรียบง่าย
หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาสนุกนั่งรถเที่ยวไปยังจุดต่างๆ เส้นทางการชมวิวตลอดเส้นทางจะเป็นดินแดงสลับกันกับทางลูกรัง เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่ไม่ถนัดการนั่งรถผ่านเส้นทางออฟโรดโยกไปมา มีบางจุดให้หวาดเสียวบ้างก็อาจจะดูลำบากสักเล็กน้อย แต่สำหรับใครที่ชินแล้วกับการนั่งรถผ่านเส้นทางแบบนี้ ก็ถือว่า ชิว ชิว ได้เห็นวิวสวยและธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ เป็นผลตอบแทนที่ถือว่าคุ้มค่า อีกอย่างรถพาไปถึงจุดท่องเที่ยวได้แบบไม่ต้องเดินมากมาย จุดแรก คือ จุดชมวิวระเบียงนาป่ากล้วย สามารถมองเห็นวิวของนาข้าวขั้นบันไดสลับกับทิวเขาได้แบบไกลสุดตา
บ้านหลังเล็ก หลังน้อยที่เห็นอยู่ไม่ไกล คือ อาคารและสำนักงานของโครงการหลวงขุนแปะ
จุดต่อไปยังคงอยู่ที่การชมวิวโดยจุดชมวิวนี้ เราเรียกเองว่า จุดชมวิวไร่กะหล่ำ ตั้งอยู่บนที่สูงขึ้นไปโดยมีแปลงกะหล่ำของชาวบ้านด้วย
หากเดินขึ้นสูงไปอีกนิดจะเห็นวิวได้แบบชัดเจนขึ้นแบบไม่มีอะไรบดบัง ทั้งวิวภูเขา พืชไร่ แปลงผัก และนาข้าวขั้นบันได วิวตรงนี้สวยงามและอลังการมาก อาทิตย์บอกว่า จากจุดนี้มองลงไปเห็นกระท่อมตะวันไรวินท์ด้วย เขาเล่าให้ฟังว่า “แต่ก่อนภูเขาตรงนี้มีแต่ฝิ่น ตอนผมเด็กๆ ยังเป็นไร่ฝิ่นอยู่เลยครับ แต่พอในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จมาพระราชทานความช่วยเหลือพลิกฟื้นใหม่ พื้นที่ตรงนี้จึงเขียวขจีกลายเป็นนาข้าว และแปลงผักของชาวบ้านที่ปลูกส่งให้กับโครงการหลวงสร้างรายได้มาจนถึงทุกวันนี้ มาถึง shot นี้ น้ำตาไหลด้วยความคิดถึงพระองค์ท่าน
เดินผ่านแปลงกะหล่ำปลีไปรับลมเย็นริมภูเขา กะหล่ำปลีตอนนี้ค่อนข้างโล่งเตียนเพราะถูกตัดไปขายเกือบหมดแล้ว
จากจุดชมวิวก็ไปชมแปลงดอกไฮเดรนเยียต่อ ระหว่างทางก็จะผ่านโครงการหลวงขุนแปะ ซึ่งด้านหน้าโครงการหลวงมีนาข้าวของชาวบ้านที่กำลังเขียวขจีเป็นทุ่งนากว้างไกล
จากโครงการหลวง ตลอดเส้นทางมีแต่ภาพนาข้าวที่จะได้เห็นจนเป็นภาพสีเขียวที่ชินตา
มาถึงแปลงดอกไฮเดรนเยียของชาวบ้านซึ่งปลูกส่งโครงการหลวง ขุนแปะถือได้ว่าเป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวที่มีพื้นที่ปลูกดอกไฮเดรนเยียมากที่สุดจนกลายเป็นทุ่งดอกไฮเดรนเยียที่กว้างใหญ่ มีหลายสีทั้ง สีขาว สีม่วง สีฟ้าอมม่วง และสีชมพู
เจ้าของไร่กำลังเดินตัดดอกไฮเดรนเยีย บางดอกที่สวยงามโตเต็มที่ส่งขายต่อไป ส่วนบางดอกที่เหี่ยวและไม่สวยงามก็จะเก็บทิ้งไป
ทุ่งดอกไฮเดรนเยียอันกว้างใหญ่ ที่มีวิวภูเขาเป็นฉากหลัง เมื่อดอกโตเต็มที่แล้วช่อดอกมีขนาดค่อนข้างมากเกือบเท่าหน้าคนเลยทีเดียว
จบทริปเส้นทางท่องเที่ยรอบวขุนแปะ 4 โมงเย็นได้เวลากลับไปพักผ่อนยังที่พัก กระท่อมไรวินท์ เป็นที่พักแบบกระท่อมไม้ไผ่โดยให้บริการเพียง 3 หลัง ทุกหลังมีห้องน้ำส่วนตัว เป็นที่พักที่ไม่มีไฟฟ้าแต่มีหลอดไฟ LED ให้ใช้สำหรับส่องสว่างยามค่ำคืน เพราะฉะนั้นชาร์ตแบตและเตรียมแบตสำรองต่างๆ มาให้พร้อมค่ะ ถึงแม้ไม่มีไฟ ไม่มี แอร์ พัดลมแต่ไม่ต้องกลัวเรื่องอากาศร้อน เพราะอากาศเย็นถึงขั้นหนาว ราคาที่พักคนละ 500 บาท รวมอาหารเช้า เย็น บ้านพัก 2 หลังแรกจะตั้งอยู่ริมคันนา โดยมีห้องน้ำแยกออกจากตัวบ้าน
ส่วนอีกหลังตั้งอยู่กลางนาข้าว ห้องน้ำอยู่ในตัวบ้าน เราเลือกพักบ้านหลังนี้เพราะวิวดีที่สุด จะหันมองไปทางไหนก็มีแต่นาข้าวรอบบ้าน แถมมีแปลตรงระเบียงหน้าบ้านให้นอนไกวเล่นชิวสุดๆ
ภายในบ้านมีที่นอน ผ้าห่ม หมอนมุ้ง และหลอดไฟให้ 3 หลอด ใช้ส่องสว่างได้ทั้งคืน ส่วนห้องน้ำนั้นมีครบทั้งฝักบัว ชักโครก อ่างล่างหน้า คือ ห้องน้ำโอเคมากกว่าที่คิดไว้เยอะ ปกติพักบ้านพักแบบกระท่อมแนวนี้ห้องน้ำจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ที่สำคัญ หันไปมองน้ำที่ไหลออกมาใสมาก ถามน้องอาทิตย์ว่าใช้น้ำจากไหนทำไมใสดูสะอาดจัง ปกติน้ำบนดอยที่เคยใช้จะมีความขุ่นหน่อยๆ ได้คำตอบว่าเป็นน้ำแร่ที่ต่อมาจากภูเขาบนยอดดอย โอ้ว นี้เราได้อาบน้ำแร่บนดอยเลยหรือมีความวีไอพี พักบ้านพักแบบกระท่อมกลางนามาหลายแห่ง บอกเลยว่าชอบที่นี่มากที่สุด ถึงแม้จะเป็นบ้านพักที่ไม่มีไฟฟ้า แต่ทำบ้านพักได้ดีกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม มีห้องน้ำในตัวทุกหลัง ไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่ให้ความรู้สึกสบายและน่าพักผ่อนมาก
มีความตื่นเต้นเป็นพิเศษยิ่งขึ้นสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในเมืองหลวงอย่างเรา ได้มานั่งทานอาหารรสเลิศโดยมีวัตถุดิบ คือ ผักสดกรอบตัดสดจากแปลง นำมาปรุงแต่งเป็นเมนูต่างๆ ใส่มาในกระบอกไม้ไผ่อย่างพิถีพิถัน ทั้งน้ำพริกอ่องทานควบคู่กับผักสด พร้อมไข่เจียว น้ำปู๋ ผัดถั่วแขกผัดน้ำมันหอย กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ต้มกะหล่ำปลีใส่หมู ทานกับข้าวที่ห่อมาในใบตอง ส่วนรสชาติคงไม่ต้องบอกว่าอร่อยแค่ไหน นั่งทานข้าวในโตก ท่ามกลางอากาศเย็นสบายและเงียบสงัดในยามค่ำ เป็นความเรียบง่ายในราคาหลักร้อยแต่ระดับของความสุขที่ได้รับนั้นเกินร้อย
ความตื่นเช้าต้องมาอย่างเร็วพลัน เพื่อมาสัมผัสบรรยากาศยามเช้าที่มีแสงอ่อนๆจากดวงอาทิตย์ส่องกระทบภูเขา ไร่นา แปลงผัก และกระท่อมน้อยของเรา
เป็นภาพยามเช้าที่สวยงาม และสงบมาก เดินเล่นถ่ายภาพได้รอบคันนา
สายน้ำที่ไหลลงมาตามร่องน้ำในนาข้าว คอยหล่อเลี้ยงต้นข้าวเจริญเติบโต ขนาดน้ำในนายังมีความใส
แสงแดดอ่อนเริ่มหายไป บรรยากาศความใสของท้องฟ้า และก้อนเมฆที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือภูเขาก็มาแทนที่ มีเขียวขจีและตัดของธรรมชาติ
อาหารมื้อเช้ามาเสริฟ์ถึงหน้าที่พักเช่นเคย น้องอาทิตย์บริการดีกันเองมาก ใส่ใจแขกที่มาพักสุดๆ อาหารเช้า คือ ข้าวต้มพร้อมไข่ต้ม ไก่ทอด มีชาให้จิบเป็นชาพิเศษที่ใช้วัตถุดิบสดที่ปลูกในบ้าน หากใครเคยลิ้มรสชาของม่อนแจ่มที่ผสมสมุนไพรต่างๆ ชาที่นี่ก็แบบนี้ แต่ขุนแปะจะเด่นในเรื่องสมุนไพรเลือดมังกรที่เด่นในเรื่องการช่วยบำรุงเลือด ลดน้ำตาล ควมดัน และคลอเลสเตอรอล เมื่อนำมาต้มแล้วจะกลายเป็นสีแดง ใส่สมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมลงไป อย่างเช่น เจแปนมินท์ โรสแมรี่ คาโมมาล ใส่ความหวานจากหญ้าหวาน ต้มน้ำร้อนด้วยกาน้ำก่อฟืนในเตาถ่านแบบธรรมชาติ เทน้ำลงในภาชนะแบบบ้านๆอย่างกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นใส่ทุกอย่างลงไป ให้รสชาติและกลิ่นชาที่หอมมาก ได้ความสดชื่นจากสมุนไพรแบบเต็มๆ
จบทริปด้วยภาพมุมสูงของกระท่อมตะวัน ไรวินท์ มองเห็นนาข้าวขั้นบันไดแบบชัดเจน เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้กลับมาขุนแปะ โดยครั้งแรกมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ หลังจากครั้งนั้นก็มีความตั้งใจว่าจะกลับมาที่ขุนแปะอีกครั้ง และต้องมาค้างคืนให้ได้ ประจวบเหมาะกับมีที่พักเพิ่งเปิดใหม่ คือ กระท่อมตะวันไรวินท์ ให้บริการ ชอบในบรรยากาศ จึงไม่รอช้าที่จะกลับมายังสถานที่ที่คิดถึงและประทับใจอีกครั้ง ขุนแปะนั้น ดีงามจนต้องแปะไว้ในใจ ตลอดไป
รายละเอียดเพิ่มเติม
บ้านพักขุนแปะ
1 กระท่อมตะวันไรวินท์
172 ม.12 ต.บ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
ให้บริการบ้านพัก ท่องเที่ยวขุนแปะ คิดค่าบริการ คนละ 500 บาท รวมที่พัก 1 คืน พร้อมอาหาร 2 มื้อ เช้า เย็น
บริการนำเที่ยวแบบวันเดย์ทริป รถรับส่งที่ปากทางขึ้นและนำเที่ยวตามจุดต่างๆ 1-5 คน คิดราคา 1800 บาท, 6-10 คน ราคา 2500 บาท
นำรถส่วนตัวมาเองรับ ส่งที่โครงการหลวงขุนแปะ พร้อมนำเที่ยว คิดราคา 800 บาท
เบอร์โทร 093 149 1269
เฟสบุค : https://www.facebook.com/KhunPaeHut/
2. บ้านไผ่โฮมสเตย์
ที่พักมี 4 หลัง 1 หลังนอนได้ 4 คนที่พักมีห้องน้ำติดตัวบ้านแต่ละหลัง ค่าที่พักคนละ 500 บาท (รวมอาหารเช้า-เย็น) มีหมูกะทะพร้อมทานคิดราคาเพิ่ม ชุดละ500 บาท
ที่พักอยู่กลางทุ่งนาขั้นบันไดมีเสียงน้ำไหลตลอด บรรยากาศดีมาก ไม่มีไฟฟ้า แต่ใช้หลอดไฟฟ้าชาร์จแบตแทน สว่าง ปลอดภัยทั้งคืน สามารถฝากชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ โทร 086-437-5679
เฟสบุค : https://www.facebook.com/BannphaiHomestay/
การเดินทางมาขุนแปะ
ให้เลี้ยวไปตามเส้นทางที่จะไปอำเภอฮอด ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 สังเกต กม. 82-83 จะมีปั้มน้ำมันเล็กๆ ข้างปั้มมีซอยทางเข้าสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำตอง (หากใครตั้งเส้นทางโดยใช้ google maps ให้ตั้งว่าไปสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำตอง เพราะถ้าตั้งไปบ้านขุนแปะจะเป็นคนละแห่ง)จากนั้น ให้เลี้ยวเข้าซอยและขับตรงไปเรื่อย ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวในบางช่วง ผ่านบ้านบนนา บ้านขุนแปะ จะมีป้ายบอกทางเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร ไปจนถึงโครงการหลวง เส้นทางจากปากทางขึ้นไปยังโครงการหลวงขุนแปะสามารถใช้รถส่วนตัวไปได้ รถทุกชนิดขึ้นได้ถึงโครงการหลวง โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ตลอดเส้นทางถนนบางช่วงราดยางและบางช่วงถนนดินลูกรัง แต่ในช่วงนี้มีการปรับปรุงเส้นทาง ซึ่งหากมีฝนตกการเดินทางหากไม่ใช้รถกระบะโฟรวิวจะค่อนข้างลำบาก ถนนจะลื่นมากและบางช่วงก็เป็นหลุมบ่อ ต้องเช็คก่อนการเดินทางวันต่อวันว่ารถเก๋งจะขึ้นได้หรือไม่ ส่วนการท่องเที่ยวยังจุดต่างๆ ต้องใช้รถโฟรวิวที่ให้บริการนำเที่ยวจากบ้านพักเท่านั้น เพราะเส้นทางออฟโรดมาก
Tags : กระท่อมตะวันไรวินท์, ขุนแปะ, เชียงใหม่, เที่ยวขุนแปะ, โครงการหลวงขุนแปะ, โฮมสเตย์ขุนแปะ