2 วัน 1 คืน ปักหมุด 5 จุดสุดชิล กาญจนบุรี

เที่ยวใกล้กรุง อยากพักผ่อนหาที่พักวิวสวยๆ ฟีลธรรมชาติ ที่เที่ยวหลากหลาย กาญจนบุรี ยังคงเป็นจุดหมาย ที่นึกถึงเสมอ หากใครยังนึกไม่ออกว่าวันหยุดสั้นๆจะไปไหนดี ลองปักหมุดเที่ยว ตามเส้นทางนี้รับรองไม่ผิดหวัง เที่ยวครบทั้งสายรักธรรมชาติ คาเฟ่ เช็คอินที่เที่ยวเด่นใหม่ล่าสุดแห่งเมืองกาญจน์

 

 

วันแรก

 

ภาพวาดสามมิติถนนปากแพรก

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่แห่งถนนปากแพรก ถ่ายภาพสามมิติรูปรถไฟสีสันสดใสที่สื่อความหมายถึงความเป็นเมืองกาญจน์ได้อย่างดี ชมบรรยากาศของชุมชนเก่าทั้งกำแพงเมืองเก่า บ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกผสมตะวันตกในยุครัชกาลที่ 4 ที่ตั้งเรียงรายตลอดสองฝั่งถนน ต่อด้วยแวะนั่งชิลที่ร้านกาแฟสุดชิค  บ้านสิทธิสังข์ บ้านสิทธิสังข์อาคารสี่เหลืองสุดคลาสสิคสไตล์ ชิโน-โปตุกีส อายุกว่า 100 ปี  

 

 

ถนนปากแพรก ตั้งอยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี ใกล้กับสกายวอล์คและโรงงานกระดาษ ถนนสายนี้เป็นถนนสายเล็กๆความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ที่อบอวลไปด้วยเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ของเมืองกาญจน์ ตลอดสองข้างทางถนนเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือน ที่พักอาศัยเริ่มก่อตั้งขึ้นในยุคสร้างเมืองกาญจนบุรีใหม่ๆ ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา โดยมีชาวจีนและญวนได้มาตั้งรกรากเพื่อทำการค้าในครั้งนั้น มีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบตะวันออกผสม ตะวันตก ที่สร้างขึ้นในยุครัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา  จุดเริ่มต้นของถนนปากแพรก คือ ประตูเมืองกาญจนบุรี ประตูเมืองเก่าที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 รวมทั้งกำแพงเมืองเก่าที่มีการบูรณะใหม่ มีป้ายชื่อจังหวัดโดดเด่น

 

 

ตรงจุดนี้มีภาพวาดสามมิติ เป็นภาพรถไฟขนาดใหญ่ บริเวณกำแพงอาคารเก่า สีสันสวยงามโดดเด่น เป็นแลนด์มาร์คใหม่แห่งถนนปากแพรก ที่ต้องมาเช็คอินถ่ายภาพ ซึ่งภาพวาดสามมิติจะมี 2 ภาพ ภาพแรกบริเวณกำแพงเมืองเก่า จะเป็นภาพหัวขบวนรถไฟ  ส่วนอีกภาพเป็นภาพท้ายขบวนรถไฟ ตั้งอยู่สุดปลายถนนปากแพรก บริเวณกำแพงร้านโรสฟลาวเวอร์

 

อาคารบ้านเรือน ที่ตั้งอยู่ตลอดสองข้างทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัย และร้านค้า บางหลังปรับปรุงเป็นร้านขายอาหาร ก๋วยเตี๋ยว ร้านคาเฟ่ซึ่งมีอยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าที่ขายของทั่วไปของคนในชุมชนมากกว่า

 

มาถนนปากแฟรก ต้องแวะมาที่ บ้านสิทธิสังข์ ร้านกาแฟและที่พัก ที่ตั้งอยู่ในอาคาร 2 ชั้น  รูปแบบตะวันตกที่เรียกว่า ชิโน-โปตุกีส สร้างขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นร้านกาแฟในอาคารเก่าที่ตกแต่งให้มีความร่วมสมัย โดดเด่นด้วยสีเหลืองมัสตาร์ท หน้าบ้านสิทธิสังข์ประตูแบบบานเฟี้ยม ช่องลมฉลุลายเครือเถาว์ ส่วนบนประดับด้วยปูนปั้นลายก้านขด

 

 

ส่วนภายในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ประดับด้วยข้าวของโบราณต่างๆ ส่วนเมนูที่นี่เน้นขายเฉพาะเครื่องดื่มและขนม

 

 

จากบ้านสิทธิสังข์  ยังคงเป็นบ้านเรือนอาคารเก่า ที่บางหลังค่อนข้างทรุดโทรมไปตามกาลเวลา มีร้านคาเฟ่ในอาคารอีกหนึ่งร้าน ที่โดดเด่น คือ ฮั่วฮง คอฟฟี่  เป็นร้านในสไตล์จีน ที่มีความคลาสสิกด้วยการตกแต่งแบบจีน ผ่านเข้าในเมืองกาญจนบุรี แวะมาเสพบรรยากาศเก่าๆได้ที่ ถนนปากแพรก

 

 

Skywalk กาญจนบุรี

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คแห่งเมืองกาญจนบุรี  Skywalk กาญจนบุรี ทางเดินกระจกใสที่ตั้งโดดเด่นริมน้ำแคว บนความสูง 12 เมตร ระยะทาง  150 เมตร สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำแคว บ้านเรือน แพริมน้ำ และวิวของหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร เป็นภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองกาญจน์เมืองริมน้ำและประวัติศาสตร์ที่าสำคัญอีกด้วย  

 

 

Skywalk กาญจนบุรี  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ อำเภอเมือง ใกล้กับศาลหลักเมืองกาญจนบุรีและถนนคนเดินปากแพรก ซึ่งเคยเป็นจุดที่ใช้ขึ้นล่องแพเดิมเพื่อไปชมแม่น้ำสองสี สำหรับการเข้าชมสกายวอล์ค สามารถซื้อบัตรบริเวณทางเข้าคนละ 60 บาท รับรองเท้า 1 คู่ สำหรับเดินบนพื้นกระจก  ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าสะพายทุกแบบขึ้นไป รวมทั้งขาตั้งกล้อง ขาตั้งโทรศัพท์ที่วางบนพื้นกระจก สามารถนำไปใส่ไว้ในล๊อคเกอร์ซึ่งให้บริการฟรี  อนุญาตให้นำไปแค่กล้องถ่ายภาพและมือถือเท่านั้น   

 

 

ระยะทางของสกายวอล์คไม่ยาวมาก ในแต่ระยะทางจะเห็นวิวที่แตกต่างกันโดยจะมีการทำเป็นวงกลมสำหรับพักชมวิวเป็นระยะ หากเดินเข้ามาก็จะเจอกับวิวนี้ก่อน เป็นวิวของชุมชนริมแม่น้ำแคว บ้านเรือแพต่างๆ รวมทั้งพระงามองค์ใหญ่ของวัดถ้ำเขาแหลมอยู่ไกลๆ

 

 

เดินไปทางด้านขวามองเห็นสะพานปูนข้ามแม่น้ำและ หอพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19  สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองกาญจน์

 

 

 

ฝั่งซ้าย คือ วิวของภูเขาที่ ส่วนพื้นที่ด้านล่างยังเป็นพื้นที่สาธารณะ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินพักผ่อนหย่อนใจ  ตรงข้ามกับสกายวอล์ค มีร้านค้า ร้านอาหาร ของพ่อค้าแม่ค้าชาวกาญจนบุรี ให้เราได้ไปสัมผัสรสชาติอาหารพื้นถิ่น หรือซื้อสินค้าพื้นบ้านติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านอีกด้วย

  

Skywalk กาญจนบุรี

พิกัด : ท่าน้ำหน้าเมืองกาญจนบุรี อำเภอเมืองกาญจนบุรี 

เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น 

โทร  034 511 502  

อัตราค่าเข้าชม

– อัตราค่าเข้าชม ทั้งคนไทย ต่างชาติ ราคาคนละ 60 บาท  รวมค่ารองเท้าสำหรับเดินบนพื้นกระจกแล้ว กรณีผู้ที่เคยมาใช้บริการแล้ว สามารถนำรองเท้ามาใช้ซ้ำได้อีก

 

W Story Café

 

ต่อด้วยไปนั่งพัก จิบเครื่องดื่ม ที่ W Story Café  (ดับเบิ้ลยู-สตอรี่)  คาเฟ่มินิมอลสีขาวคลีน ตั้งอยู่บนเนินเขา สวยงามด้วยวิวภูเขาและแม่น้ำแควน้อยสวยแบบสะกด  ทั้งมุมระเบียงกระจกยื่นออกไปชมวิวแบบพาโนรามา  อีกหนึ่งจุดชั้นล่างหน้าต่างกรอบไม้สี่เหลี่ยม ที่มองเห็นวิวด้านหลังเป็นภูเขาและแม่น้ำ เหมือนกรอบรูปภาพ ส่วนเครื่องดื่มและขนมมีมากมาย ทั้ง เค้กส้ม คาราเมล แมคคาเดเมีย บานอฟฟี่ ช็อกโกแลตหน้านิ่ม มาเที่ยวเมืองกาญจน์ ต้องปักหมุด หยุดแวะแชะภาพแบบคูลๆกันที่ร้านนี้

 

 

ร้านตั้งอยู่บริเวณวัดถ้ำเขาปูน เข้ามาในวัดแล้วขับรถขั้นไปบนเนินเขา และสามารถนำรถไปจอดข้างบนได้เลย ที่จอดรถข้างบนมีจำกัดนะคะ เพราะบนนั้นมีหลายร้าน ทั้งร้านบารมี ร้านก๋วยเตี๋ยว ในวันหยูดเสาร์ อาทิตย์ ช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะ จะต้องจอดรถไว้ข้างล่างแล้วใช้บริการรถท้องถิ่นขึ้นไป  ตัวร้านเป็นกระจกรอบด้าน ที่นั่งมีทั้งอินดอร์ในห้องแอร์ และพื้นที่นั่งข้างนอก  

 

 

โซนที่นั่งข้างนอกเป็นแบบโอเพ่นแอร์ ตรงจุดนี้ยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆ เป็นทางเดินทอดยาว สองข้างคือ ระเบียงกระจก ที่มองเห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำแควน้อยได้แบบพาโนรามา

 

 

ส่วนชั้นล่างก็ว้าวไม่แพ้กัน กับมุมกรอบไม้สี่เหลี่ยมเหมือนกรอบรูป ที่สามารถไปนั่งโพสต์ท่าสวย และยังมีที่นั่งอีกหลายมุม ทั้งเก้าอี้ยกสูง มุมโซฟาเล็กๆ  นั่งจิบเครื่องดื่ม ทานขนม ชมวิวแม่น้ำแคว แถมยังได้รูปชิค มุมไม่ซ้ำใครกลับบ้านอีกด้วย

 

 

W STORY Café

พิกัด: วัดถ้ำเขาปูน ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ข้างจุดชมวิว องค์พระสังกัจจายน์

เปิดให้บริการ : ทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 08.30 น. – 18.00น.

โทร :  092 279 8743

Facebook : wstorykanchanaburi

 

ไร่รักษ์ฟ้า

พักผ่อนชมวิวสุดอลังการของเขื่อนศรีนครินทร์ กาญจนบุรี ที่ ไร่รักษ์ฟ้า ที่พักสไตล์บูติคเต้นท์ ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวสุดปังในมุมสูงของเขื่อนศรีนครินทร์ได้จากหน้าเต้นท์ แถมยังจัดมุมชมวิวเขื่อนให้ถ่ายรูปหลากหลายมุม โดยเฉพาะมุมไฮไลท์ ระเบียงยกสูงทอดยาวไปยังซุ้มทรงสี่เหลี่ยมสุดเก๋ มองเห็นวิวฉากหลักของเขื่อนศรีฯ ให้เข้าความรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่ในระดับเดียวกับท้องฟ้า ยามเช้าตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและแสงสวยพร้อมสายหมอกบางที่ลอยคลอเคล้าวิวภูเขา นั่งชมวิวได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

 

 

ที่พักตั้งอยู่ในอำเภอศรีสวัสดิ์ โซนเดียวกับเขื่อนศรีนครินทร์   ขับรถเข้ามาในเขื่อนขึ้นเขามาเรื่อยๆจะถึงที่พัก เส้นทางช่วงสุดท้ายจะเป็นดินแดงขรุขระฟีลลิ่งขับเข้าป่านิดนึง ขับช้าๆด้วยความระมัดระวัง  มาถึงแล้วรับรองหายเหนื่อยเมื่อได้เห็นวิวที่อยู่ตรงหน้า ที่นี่ให้บริการที่พักในรูปแบบบูติคเต้นท์ 4 หลัง ราคาหลังละ 3500 – 4500 บาท (รวมอาหารเช้า) และให้บริการพื้นที่กางเต้นท์โดยรับจำนวนจำกัดเพียง 8 ที่ ราคาท่านละ 600-900 บาท (รวมอาหารเช้า) ที่นี่ไม่อนุญาติให้ประกอบอาหารในทุกกรณี ต้องเตรียมแบบสำเร็จมา หรือหากไม่อยากเตรียมมาเอง มีอาหารและชุดหมูกะทะให้บริการเสิร์ฟถึงเต้นท์  

 

 

เราพักเต้นท์หลังที่ 4  ภายในเต้นท์เหมือนกันทุกหลัง มีที่นอน ที่นั่งเล่น แอร์เคลื่อนที่ พัดลม พื้นที่นั่งเล่นหน้าเต้นท์ ที่มองเห็นวิวเขื่อนได้แบบสวยงาม แต่ที่นี่ไฟจะตกค่อนข้างบ่อย แอร์จะติดๆดับๆ เพราะฉะนั้นแนะนำให้เข้ามาถึงที่พักในช่วง 4-5 โมงไปแล้ว จะได้ไม่ร้อนมาก แต่ช่วงเย็นถึงค่ำอากาศค่อนข้างเย็น ไม่ต้องใช้แอร์ พัดลมเลยทีเดียว ช่วงบ่ายมีชุด Afternoon tea มาเสิร์ฟให้ด้วย

 

 

ส่วนห้องน้ำตั้งอยู่อีกโซน แต่เป็นห้องน้ำส่วนตัวของแต่ละเต้นท์ มีกุญแจให้ แต่ไม่ได้อยู่ติดกันตั้งอยู่อีกฝั่ง ต้องเดินไปพอสมควร ห้องน้ำเป็นบ้านคอทเทจตามภาพ แถมติดแอร์ด้วย ดูดีไปอีก ข้างในมีห้องน้ำ และห้องแต่งตัว พร้อมกระจก เห็นห้องน้ำแล้วอยากนอนเลยทีเดียว

 

 

นอกจากนั่งเล่นชมวิวจากหน้าเต้นท์แล้ว ยังจัดมุมถ่ายรูปสวยๆไว้หลายจุด ทั้งระเบียงชมวิวใต้ต้นไม้ พร้อมแปลชิงช้า

 

 

แต่ที่โดดเด่นต้องยกให้มุมนี้ทางเดินและซุ้มสี่เหลี่ยมที่มีฉากหลังเป็นวิวทิวเขา และผืนน้ำของเขื่อนศรีฯ  สร้างได้สวยงามแปลกตามาก จองมาพักที่นี่เพราะมุมนี้ล้วนๆไ

 

 

ช่วงค่ำสั่งหมูกระทะจากที่พักชุดละ 500 บาท นั่งกินหมูกระทะอุ่นๆ ช่วยคลายหนาวได้ดีเลยทีเดียว

 

 

วันที่สอง

ยามเช้าพระอาทิตย์ขึ้นตรงหน้าที่พัก คือ ช่วงที่สวยงามอีกเวลาหนึ่ง ที่จะได้เห็นแสงสีทองค่อยๆปรากฏเหนือภูเขาสาดแสงลงมาทีละน้อย 

 

 

 

อาหารเช้าจัดใส่ปิ่นโตมาอย่างน่ารัก ทั้งข้าวต้มผลไม้ ไข่ดาว ไส้กรอก ผัก ช่วงเช้าอากาศยังเย็นอยู่ จัดชุดพรอพของทางที่พักถ่ายรูปสักหน่อย จริงๆต้องจัดตอนบ่ายพร้อมกับจิบชา แต่อากาศค่อนข้างร้อนแดดแรง เลยมาจัดตอนเช้าน่าจะโอเคกว่า สำหรับใครอยากมาพักผ่อนชมวิวสวย ถ่ายรูปปังๆในมุมที่ไม่เหมือนใคร แวะมาพัก ที่ไร่รักษ์ฟ้า ได้เลย

 

 

ไร่รักษ์ฟ้า

ที่อยู่ : ตำบล ท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี 71250

โทร :  089 926 8542

Facebook :RaiRukFah

 

น้ำตกเอราวัณ

ก่อนกลับกรุงเทพ แวะไปที่ น้ำตกเอราวัณ น้ำตกที่ใหญ่และสวยงามและมีชื่อเสียง มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ น้ำตกมีน้ำใสแจ๋วมองเห็นตัวปลาแหวกว่ายใต้ผืนน้ำที่สะท้อนแสงเป็นสีฟ้าอมเขียวมรกต เนื่องจากเป็นน้ำตกหินปูนจึงมีน้ำใสในตอนบน และมีการตกตะกอนขุ่นในช่วงล่างของธารน้ำ เมื่อแสงส่องลงมาจะทำให้สะท้อนเป็นสีฟ้าหรือสีเขียวมรกตสวยงาม สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเยี่ยมชมน้ำตกทั้ง 7 ชั้นจาก ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

 

 

สำหรับการเดินทางไปยังตัวน้ำตกเอราวัณ จากที่ทำการอุทยานไปยังตัวน้ำตกชั้นแรก ระยะทาง 800 เมตร  มีรถกอล์ฟให้บริการเที่ยวละ 20 บาท หรือใครอยากเดินเข้าไปก็ได้ แต่แนะนำรถกอล์ฟสะดวกกว่า

 

 

มาถึงจะเจอกับน้ำตกชั้นแรกมีชื่อว่า ไหลคืนรัง มีลักษณะเป็นสายน้ำที่ไหลลดหลั่นไปตามชั้นหินเล็กๆ สวยงาม แค่ชั้นแรกก็สวยงามถ่ายรูปจนเพลิน

 

 

น้ำตกชั้นแรกเป็นน้ำตกที่มีปลาอาศัยอยู่เยอะ ซึ่งปลาเหล่านี้คือ  ปลาพลวง ชอบอาศัยบริเวณธารน้ำตก ลำห้วย หรือธารน้ำที่ใสสะอาด มีพื้นเป็นกรวดหรือทราย ชั้นนี้มีสีของน้ำมี 2 สีอย่างเห็นได้ชัด คือน้ำสีฟ้าเขียวและน้ำใสๆตามปกติ ซึ่งปลาพลวงชอบอาศัยอยู่ใน น้ำใสมากกว่า

 

 

ไปต่อยังน้ำตกชั้น 2  วังมัจฉา ที่มีความสวยงามของม่านที่ตกลงมากระเซ็นเป็นฝอยนั้นมี ผาลึกเข้าไปเล็กน้อยโดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปหลังม่านน้ำตกนี้ได้

 

 

เราเที่ยวแค่ถึงน้ำตกชั้น 2  เนื่องจากมีเวลาไม่มากนัก สำหรับใครที่อยากไปต่อก็เดินขึ้นไปตามป้ายนี้ได้เลย เส้นทางจะเป็นบันไดต่อไปเรื่อยๆ จาก ชั้นที่ 3 “ผาน้ำตก” ชั้นที่ 4″อกผีเสื้อ” ชั้นที่ 5 “เบื่อไม่ลง” ชั้นที่ 6 ” ดงพฤกษา” และชั้นสุดท้ายชื่อว่า “ภูผาเอราวัณ”โดยน้ำตกแต่ละชั้นมีความ สวยงามที่แตกต่างกันออกไป

   

 

ค่าธรรมเนียมเข้าชม
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเวลา 7.30-16.00 น.
– ค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่ 40 บาท/คน เด็ก 20 บาท/คน
– รถกอล์ฟเข้าไปถึงตัวน้ำตก คิดค่าบริการเที่ยวละ 20 บาท/คน

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

อุทยานแห่งชาติเอราวัณมีบ้านพัก เต็นท์และค่ายพักแรม มีร้านค้า ขายอาหารมากมายหลายร้านไว้บริการ นักท่องเที่ยว ติดต่อสอบ ถามรายละเอียดและ สำรองที่พักได้ที่ อุทยานแห่งชาติเอราวัณต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี 71250
โทรศัพท์ 0 3457 4222, 0 3457 4234   โทรสาร 0 3457 4288, 0 3457 4234  

หมายเหตุ: อุทยานฯไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปในบริเวณน้ำตกเกินชั้น 3 เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดและ ความเป็นธรรมชาติเอาไว้  

 

 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง