• หน้าแรก
  • กลอเซโล  รีวิวเส้นทาง พาชมหมอกม่อนเด่น แบบละเอียดยิบ

กลอเซโล  รีวิวเส้นทาง พาชมหมอกม่อนเด่น แบบละเอียดยิบ

กลอเซโล จุดชมทะเลหมอกสุดอันซีน แห่งอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ชื่อว่าเป็นทะเลหมอกสองแผ่นดิน มองไปอีกฝั่งจะเห็นประเทศพม่ากั้นเขตเเดนด้วยแม่น้ำสาละวิน มีวิวภูเขาสลับซับซ้อนเป็นแนวยาว ชมทะเลหมอกสีขาวอลังการลอยฟูแน่น แนบชิดภูเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่เช้ายันสาย ที่นี่ไม่มีที่พักในรูปแบบบ้านพัก มีเพียงที่พักแบบเต้นท์และลานกางเต้นท์เท่านั้น โดยมีลานกางเต้นท์ให้บริการ 2 โซน คือ บ้านกลอเซโล และ บ้านบุญเลอ สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ทุกจุด แตกต่างกันที่องศาและระดับในการมองเห็นเท่านั้น

กลอเซโล

กลอเซโล ควรเที่ยวช่วงไหน เดินทางยังไง

กลอเซโล  ตั้งอยู่ในตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฤดูกาลท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ในช่วง ต ค -พย ยังเป็นช่วงเดือนที่ยังมีฝนอยู่บ้าง แต่มาเที่ยวได้ เส้นทางขึ้นจะยากหน่อย เพราะทางยังไม่ค่อยแห้งดีนัก ช่วงที่แนะนำที่สุดคือ เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ จะปลอดฝน ทะเลหมอกเดือนนี้สวย นิ่งฟูแน่น ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า แต่มีมากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความหนาว และสภาพอากาศในแต่ละวัน ยิ่งหนาวจัดยิ่งมีหมอกเยอะ แต่ส่วนใหญ่โอกาสเจอทะเลหมอก 80-90 % น้อยมากจะไม่เจอ ยกเว้นฝนตกเท่านั้น ระยะเวลาเที่ยว 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้ แต่ถ้าอยากพักชมบรรยากาศของลานกางเต้นท์ทั้ง 2 โซน คือ กลอเซโล และบ้านบุญเลอ ให้ครบ 3 วัน 2 คืน เหมาะสมที่สุด

กลอเซโล

สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับกลอเซโล

กลอเซโล ไม่มีไฟฟ้าใช้เตรียมไฟฉายและไฟส่องสว่างมาด้วย ไม่มีที่ชาร์ตแบตเตรียมแบตทุกอย่างให้พร้อม ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีทุกค่าย แต่ส่วนใหญ่ลานกางเต้นท์มี wifi ให้ใช้เป็นจุดๆ คิดราคาวันละ 40 บาท เราพักที่ขุนกลอเซโล สัญญาน wifi เร็วดี ไม่ต้องห่วงว่าจะขาดการติดต่อจากโลกโซเชี่ยล ส่วนอาหารหากไม่ได้เตรียมมาเอง ลานกางเต้นท์ทุกที่ มีอาหารตามสั่งและหมูกระทะ รวมทั้งเครื่องดื่มขาย

ขุนกลอเซโล


ที่พักกลอเซโล

กลอเซโล เป็นจุดชมวิวทะเลหมอก โดยชื่อนี้เรียกรวมทั้งดอย ตามจุดชมวิวที่มีการค้นพบและทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักในภาพแรก คือ จุดชมวิวกลอเซโล ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนบ้านกลอเซโล ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีคนนิยมมากางเต้นท์จุดนี้แล้ว เนื่องจากมีลานกางเต้นท์ใหม่ๆ อีกหลายจุด แบ่งที่พักเป็น 2 โซน คือ โซนหมู่บ้านกลอเซโล มีลานกางเต้นท์ ดังนี้ ขุนกลอเซโล  จุดชมวิวกลอเซโล โซนบ้านบุญเลอ ตั้งอยู่ห่างกับบ้านกลอเซโลประมาณ 2 ก ม จะอยู่สูงขึ้นไปอีกทำให้มองเห็นหมอกได้ในจุดที่สูงกว่า มีลานกางเต้นท์ คือ ม่อนเดียวดาย ม่อนกะละโกะโจ หมอกกลางดอยแคมป์ปิ้ง ม่อนโจะโคะ  ที่บ้านบุญเลอยังมีร้านอาหารตามสั่ง และร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ขึ้นชื่อ 2 ร้าน ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาแวะ

จุดชมวิวกลอเซโล

คำถามส่วนใหญ่ ??

จะนอนจุดไหนดีวิวจึงจะสวย ตอบได้เลยว่า สวยและเห็นทะเลหมอกทุกที่ แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ไม่ว่าจะพักตรงจุดไหน สามารถมาชมวิวยังจุดอื่นได้ ทะเลหมอกมีให้ชมจนเกือบเที่ยง รถนำเที่ยวที่ใช้บริการจะพาไปแวะเที่ยวตามจุดต่างๆ เท่าที่จะแวะได้ หากขับรถมาเอง สามารถขับรถชมวิวทะเลหมอกใรแต่ละจุดเองได้ แต่ละแห่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่ถ้าให้แนะนำตามที่ชอบ คือ ขุนกลอเซโล และ ม่อนเดียวดาย วิวกว้างและทะเลหมอกแบบแนบชิด เน้นสะดวกใกล้ร้านก๋วยเตี๋ยว และร้านอาหารตามสั่ง แนะนำพัก ลานกางเต้นท์บ้านบุญเลอ


ลานกางเต้นท์ ขุนกลอเซโล

ขุนกลอเซโล
เต้นท์ขุนกลอเซโล
เต้นท์ขุนกลอเซโล

ลานกางเต้นท์ บ้านบุญเลอ

ลานกางเต้นท์บ้านบุญเลอ ตั้งอยู่บนเนินสูงตรงข้ามกับร้านริมหมอกสองแผ่นดิน ให้บริการทั้งเต้นท์และลานกางเต้นท์ บ้านบุญเลอ ตั้งอยู่สูงกว่าบ้านกลอเซโล ทำให้มองเห็นวิวของทะเลหมอกในมุมที่สูงกว่าจากลานกางเต้นท์ เมื่อมองลงไปจะเห็น บ้านกลอเซโล อยู่ข้างล่างหากใครชอบวิวทางฝั่งนี้ก็มาพักในโซนบ้านบุญเลอได้ พักตรงนี้สะดวกที่สามารถเดินไปร้านอาหารตามสั่งและร้านก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดินได้เลย ไม่ต้องขับรถไปไกล เพราะอยู่ติดกัน

บ้านบุญเลอ
บ้านบุญเลอ
กลอเซโล

ลานกางเต้นท์ ม่อนเดียวดาย บ้านบุญเลอ

ม่อนเดียวดาย
ม่อนเดียวดาย
ม่อนเดียวดาย


การเดินทางมากลอเซโล

หลายคนอาจทราบดีอยู่แล้ว ว่าเส้นทางไปยังกลอเซโล ยังม่อนต่างๆ รวมถึงบ้านบุญเลอ 90 % เป็นเส้นทางออฟโรด ทางดินขรุขระ ฝุ่นตลบ บางช่วงเส้นทางแคบรถสวนแทบไม่ได้ แต่ไม่ชันมาก สามารถใช้บริการรถรับส่งพร้อมนำเที่ยวจากลานกางเต้นท์ที่ใช้บริการได้เลย จุดรับส่งอยู่ที่  อ บ ต แม่สามแลบ มาจอดรถไว้ที่นี่ ปลอดภัยไม่มีค่าบริการ เวลาแนะนำให้มาถึงประมาณ 13.00 น. เพราะต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง

อ บ ต แม่สามแลบ

ส่วนใครที่ใช้รถส่วนตัว ควรเป็นรถ 4×4  หรือรถกระบะ รอมอเตอร์ไซต์ไปได้  แต่หากใครใช้รถเก๋ง รถ suv ขนาดกลาง ไม่ควรนำขึ้นไป เพราะหากเกิดปัญหาระหว่างทางจะลำบากในการติดต่อ  ตลอดเส้นทางไม่มีสัญญาณ และอาจเป็นภาระกับชาวบ้านต้องมาลากรถไป มีรถหลายคันที่ไม่ควรใช้ขึ้น แต่ยังขับขึ้นไปเพราะฟังจากคนอื่นว่าไปได้ในช่วงหน้าหนาว ไปเส้นทาง 22 กม ทางไม่โหด (แต่จริงๆทางโหดไม่น้อยไปกว่าทาง 18 กม ) สุดท้ายรถตกร่องดิน ไปไม่รอดมาหลายคัน ท่องไว้เสมอว่า คนที่บอกว่าขึ้นได้ ไม่ได้มาลากรถกับคุณค่ะ ควรใช้บริการรถคนในพื้นที่ดีที่สุด ไปกลับพร้อมนำเที่ยวราคา 2500 บาท (รับจากอ บ ต แม่สามแลบ) แต่ถ้าไปรับที่ตัวเมืองแม่สะเรียง ราคา 5000 บาท

อ บ ต แม่สามแลบ


เส้นทางไปกลอเซโล

เส้นทางขึ้นกลอเซโล มี 2 เส้นทาง คือ ระยะทาง 18 ก ม ซึ่งมีหลายเสียงบอกว่าเส้นทางนี้สั้น แต่ทางโหดกว่าเส้นทาง 22 ก ม เส้นทาง 22 กม มีถนนราดยางในช่วงแรกค่อนข้างยาวมาก เหมือนหลอกเราให้ตายใจว่าทางดีกว่า แต่โดยส่วนตัวจากที่นั่งรถมาทั้ง 2 เส้นทาง ถ้าถึงช่วงถนนดินถนนโหดพอกันค่ะ และไม่ต่างกันมาก เผลอๆถนนเส้น 22 ทางแย่กว่า แคบชันกว่า ที่สำคัญไกลและเสียเวลาเดินทางมากกว่าเส้นทาง 18 ก ม เกือบ 40 นาที  เพราะฉะนั้นสังเกตว่า รถนำเที่ยวที่รับส่งลูกค้าส่วนใหญ่จึงมักนิยมใช้เส้นทาง 18 ก ม ทั้งไปและกลับ เพราะใช้เวลาน้อยกว่าและเส้นทางไม่ต่างกันแต่หากขับรถเองจะลองไปกลับทั้ง 2 เส้นทางดูเอง ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง


เส้นทาง 18 กม ผ่านทางคอนกรีตในช่วงแรก จะเจอทางแยก

เส้นทางไปกลอเซโล

เห็นป้ายนี้เลี้ยวขวาไปเลย จุดเริ่มต้นเส้นทางวิบาก

เส้นทางไปกลอเซโล

ต้องขับข้ามลำห้วยนี้ไป

เส้นทางไปกลอเซโล

ผ่านเส้นทางคอนกรีตคู่ สลับทางดิน


เส้นทาง 22 กม

ขับผ่านทางแยกที่จะไปทางเส้น 18 กม ไปค่ะ ยังเป็นถนนราดยางดียาวๆไปเลย หลอกให้หลงดีใจว่าทางดีมีเซเว่น

เส้นทางไปกลอเซโล

เจอป้ายนี้ เลี้ยวตามป้ายไป เริ่มต้นเส้นทางออฟโรด บางช่วงโหดกว่าในภาพ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพนิ่งไว้ เพราะรถโยกเยก ถ่ายภาพยากมากค่ะ ต้องคอยประคองตัวเองก่อน

เส้นทางไปกลอเซโล
เส้นทางไปกลอเซโล
เส้นทางไปกลอเซโล

ทางเส้น 22 กม แคบเป็นร่องลึก เป็นหลุมบ่อ บางช่วงชันนิดหน่อย รถเก๋งหรือรถ SUV รุ่นเล็กถึงแม้ยกสูง ขับมาอาจไม่รอดค่ะ ควรจอดไว้ข้างล่างแล้วใช้บริการรถชาวบ้านค่ะสงสารรถ และถ้ารถดับเป็นภาระกับคนอื่นต้องมาลากไป เสียเงินค่าลากรถอีก คนพื้นที่บอกว่ามีดับเยอะทุกวันค่ะ รถ suv ที่ฟังคนอื่นมาว่าขึ้นได้

เส้นทางไปกลอเซโล


ทริปเที่ยวกลอเซโล 2 วัน 1 คืน

สำหรับการมาเที่ยวกลอเซโล เราเลือกพักที่ ขุนกลอเซโล ทั้งในสวนของการใช้บริการเต้นท์พร้อมเครื่องนอน และรถรับส่งไปกลับ โดยติดต่อคุณศิวดล ผู้ดูแลลานกางเต้นท์นี้ นัดรถให้มารับเวลา 13.00 น. ที่ อ บ ต แม่สามแลบ ขับรถมาเองจากกรุงเทพ มาแวะมาพักรถ 1 คืน ที่ สวนป่าดอยบ่อหลวง อำเภอฮอด เช้าอีกวันเดินทางต่อไปยังอำเภอแม่สะเรียง แวะทานอาหารเที่ยง จากอำเภอแม่สะเรียงไปยัง อ บ ต แม่สามแลบ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ถนนหนทางจากแม่สะเรียงไปยังสบเมยเป็นถนนราดยางตลอดสาย หากใครไม่มีรถส่วนตัวสามารถนั่งรถโดยสารมาลงที่ตัวอำเภอแม่สะเรียง ติดต่อรถให้มารับได้ แต่ค่ารถจะสูงขึ้นไปกลับ 5000 บาท รถนั่งได้ไม่เกิน 8 คน และสำหรับคนนั่งข้างหลังเตรียมอุปกรณ์ป้องกันฝุ่น กันแดดมาให้พร้อม เพราะระยะทางกว่าจะไปถึงค่อนข้างนานประมาณสองชั่วโมงครึ่ง


จุดแรก พาชมวิวแม่น้ำสาละวิน

ระหว่างทางคุณศิวดล พาแวะมาชมวิวที่จุดชมวิวแม่น้ำสาละวินก่อน โดยการเดินทางใช้เส้นทาง 18 กม จากจุดชมวิวนี้จะได้เห็นแม่น้ำสาละวิน แม่น้ำที่มีความยาวรองจากแม่น้ำโขง ไหลกั้นพรมแดนไทยกับพม่า ระยะทางกว่า 118  กิโลเมตร ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย ที่บ้านสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากนั้นไหลวกกลับเข้าประเทศพม่า ลงสู่มหาสมุทรอินเดีย แม่น้ำสาละวินมีต้นกำเนิดที่เดียวกับแม่น้ำโขง โดยแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจนจากต้นกำเนิด และเนื่องจากเป็นน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะ อุณหภูมิของน้ำในแม่น้ำสาละวินจึงมีความเย็นกว่าน้ำในแม่น้ำอื่น ๆ ในประเทศไทย บางช่วงมีความลึกมากและน้ำไหลแรงมาก  ยังมีกิจกรรมล่องเรือพาชมวิวทิวทัศน์ด้วย

จุดชมวิวแม่น้ำสาละวิน
จุดชมวิวแม่น้ำสาละวิน

ถ้ำปลา

จุดที่สอง พาแวะถ้ำปลา มีลำธารเล็กๆที่อยู่กลางป่า จอดรถและเดินไม่ถึง 100 เมตร จะพบกับลำธารและโชดหินมีช่องเล็กๆ มีปลาพวงอาศัยอยู่จำนวนมาก  บริเวณนี้ยังมีพระพุทธรูปหลวงพ่อทันใจให้กราบไหว้ขอพรด้วย

ถ้ำปลา
ถ้ำปลา
ถ้ำปลา

หมู่บ้านกลอเซโล

นั่งรถโยกไปมาเกือบสองชั่วโมงกว่า มาถึง หมู่บ้านกลอเซโล หมายความว่า เราใกล้ถึงจุดหมายแล้ว กลอเซโล เป็นหมู่บ้านเล็กๆ นของชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง  เป็นหมู่บ้านตามแนวชายแดนที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและทะเลหมอก

หมู่บ้านกลอเซโล
หมู่บ้านกลอเซโล

ขุนกลอเซโล

ขุนกลอเซโล หนึ่งในลานกางเต้นท์ตั้งอยู่ในพื้นที่สูงสุดของบ้านกลอเซโล ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้แบบกว้างไกล 360 องศา  ลานกางเต้นท์ค่อนข้างมีพื้นที่กว้าง วิวสวย ไม่มีอะไรมาบังสายตา มีการจัดทำจุดชมวิวรูปเรือ เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ค่าบริการกางเต้นท์หากนำเต้นท์มาเองคิดคนละ 100 บาท ห้องน้ำรวมหลายห้อง และค่อนข้างสะอาดในระดับหนึ่ง มี wifi ให้ใช้ค่าบริการวันละ 40 บาท เน็ตเร็วแรง ติดต่อที่พักและรถรับส่ง คุณศิวดล โทร 091 926 1685 บริการดี ใจเย็น สุภาพมาก พาเที่ยวทุกจุดเท่าที่แวะได้ แนะนำเป็นอย่างยิ่ง

ขุนกลอเซโล
ขุนกลอเซโล
ขุนกลอเซโล

หากใช้บริการเต้นท์ คิดราคาหลังละ 350 บาท เต้นท์ 1 หลังใหญ่ พักได้ 2 คน เต้นท์ดีมากค่ะ นอนอุ่นมาก มาพร้อมเครื่องนอน แถมเจ้าของที่กางเต้นท์รอให้เรียบร้อย มีแผ่นรองนอนปูนอน หมอน ผ้าห่ม หากใครคิดว่าไม่เพียงพอกับการนอน ก็เตรียมถุงนอน หมอน ผ้าห่มส่วนตัวมาเพิ่มได้  มาถึงแล้วก็ขนของส่วนตัวมาไว้ที่เต้นท์ได้เลย

ขุนกลอเซโล

วิวยามเย็นจากหน้าที่พัก เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ได้เห็นแสงอุ่นในยามเย็น เป็นภาพที่สวยงามอีกช่วงเวลาหนึ่ง มาเที่ยวในช่วงต้นเดือนมกราคม ปีนี้อากาศไม่หนาวมาก แค่พอเย็นๆ ใส่เสื้อยืดแบบชิลได้เลย

ขุนกลอเซโล
ขุนกลอเซโล
ขุนกลอเซโล

เดินเล่นชมบรรยากาศยามเย็น ชมธรรมชาติไปเรื่อย

ขุนกลอเซโล
ขุนกลอเซโล
ขุนกลอเซโล
ขุนกลอเซโล

มื้อค่ำสั่งหมูกระทะราคาชุดละ 500 บาท รวมทั้งอาหารตามสั่ง ข้าวไข่เจียว และกระเพรามาทานด้วย มาเสิร์ฟถึงหน้าเต้นท์  

ขุนกลอเซโล
ขุนกลอเซโล

ทะเลหมอกยามเช้ากลอเซโล

ช่วงเวลาไฮไลท์ของการมาเที่ยว กลอเซโล ต้องมาชมทะเลหมอกยามเช้า สามารถมองเห็นได้จากลานกางเต้นท์ทุกที่ เช้านี้ถือว่าทะเลหมอกยังไม่เยอะมากค่ะ เพราะอากาศไม่หนาวมาก ประกอบกับลมที่แรง ขนาดว่าน้อยแต่ยังมีให้ชมและสวยมาก

กลอเซโล
กลอเซโล
กลอเซโล
กลอเซโล

ความพิเศษของทะเลหมอกกลอเซโล คือ ยิ่งสายทะเลหมอกจะยิ่งลอยฟูขึ้นมาตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า

กลอเซโล
กลอเซโล
กลอเซโล
กลอเซโล

8 โมงกว่า ทะเลหมอกยังคงอยู่ และยังคงเดินชมทะเลหมอกแบบไม่พัก เห็นด้วยตาสวยกว่าภาพถ่ายมาก

กลอเซโล
กลอเซโล

จุดชมวิวกลอเซโล

8.30 น. เก็บของออกจากที่พัก มีเพลนจะไปชมทะเลหมอกตามจุดต่างๆ เริ่มจากที่แรก จุดชมวิวกลอเซโล ไม่ไกลจากขุนกลอเซโล เป็นจุดชมวิวแห่งแรก ที่ทำให้ภาพของกลอเซโลเป็นที่รู้จัก ในตอนนั้นทุกคนจะต้องมายืนตรงระเบียงและโพสต์ท่าถ่ายภาพเหนือทะเลหมอกและท้องฟ้ากันตรงนี้ แต่ตอนนี้พอมีจุดชมวิวและลานกางเต้นท์เพิ่มหลายจุด  จุดชมวิวตรงนี้จะเงียบเหงาไปบ้าง  มาเวลาสายเมื่อถ่ายภาพแล้วจะย้อนแสงหน่อย

กลอเซโล
กลอเซโล

ร้านริมหมอกสองแผ่นดิน

จากบ้านกลอเซโล มาถึง บ้านบุญเลอ ซึ่งบ้านบุญเลอ มีร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแวะ 2 ร้าน ร้านแรก ร้านริมหมอกสองแผ่นดิน เป็นร้านอาหารตามสั่งที่วิวสวยสุดๆ มองเห็นทะเลหมอกได้แบบพาโนรามา ร้านนี้ขายอาหารตามสั่ง เครื่องดื่ม มื้อเช้าเรามาทานอาหารรองท้องกันที่ร้านนี้ อาหารรสชาติพอได้ค่ะ เน้นวิวมากกว่า

ร้านริมหมอกสองแผ่นดิน
ร้านริมหมอกสองแผ่นดิน
ร้านริมหมอกสองแผ่นดิน

วิวสวยจากระเบียงชมวิวของร้าน ถ่ายรูปแล้วปังมาก  เวลา 9.00 น. หมอกที่บ้านบุญเลอ กำลังฟูสวยพอดีและไม่ย้อนแสง

ร้านริมหมอกสองแผ่นดิน
ร้านริมหมอกสองแผ่นดิน


ก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดิน

ร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านขายเครื่องดื่ม ที่บ้านบุญเลอ อยู่ติดกับ ร้านริมหมอกสองแผ่นดิน แบบเดินถีงกันได้ ร้านนี้มองเห็นวิวของทะเลหมอกได้แบบกว้างไกลเช่นกัน แต่ระเบียงชมวิวจะไม่ว้าวเท่าร้านริมหมอกสองแผ่นดิน

ก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดิน


ม่อนเดียวดาย

ม่อนเดียวดาย เป็นลานกางเต้นท์และจุดชมวิว ไม่ไกลจากลานกางเต้นท์บ้านบุญเลอ เป็นลานกางเต้นท์ที่วิวสวยที่สุดจุดหนึ่งของบ้านบุญเลอ ตั้งอยู่ในที่สูงสุด องศาของมองเห็นทะเลหมอกใกล้มาก  และยังมีการจัดทำลานระเบียงชมวิว และจุดถ่ายภาพเคียงคู่กับทะเลหมอกสวยๆ ในโซนบ้านบุญเลอ ยังมีลานกางเต้นท์ที่ขึ้นชื่ออีกสองแห่ง คือ หมอกกลางดอย แต่เราไม่ได้แวะไปค่ะ เพราะหันไปมองเวลา 11 โมงกว่า ต้องรีบลงจากดอย เพราะต้องไปที่อื่นต่อ

ม่อนเดียวดาย

เรากลับทางเส้น 22 กม ซึ่งบอกเลยว่านั่งรถยาวนานมาก โยกไปมาจนเมื่อย เส้นทางไม่ได้สะดวกสบายไปกว่าเส้นทาง 18 กม เท่าไหร่ แถมเสียเวลาเพิ่มอีกเกือบ 40 นาที ทางคุณศิวดลบอกว่า หากวัดกันตามตัวเลขต่างกันแค่ 4 กิโล  แต่ในความเป็นจริงต่างกันเกือบ 7 กิโลเมตร ทำให้เวลาขับรถรับส่งนักท่องเที่ยวเขาจะใช้เส้นทาง 18 กม ทั้งไปกลับ แต่ก็แล้วแต่นักท่องเที่ยวว่าจะกลับทาง 22 กม มั้ย แต่ส่วนตัวแนะนำหากใช้บริการรถของทางที่พักอยู่แล้วให้ไปกลับ 18 กม ไปเลยทางเดียว จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง แต่ถ้าอยากลองเปรียบเทียบระหว่างสองเส้นทางว่าต่างกันมากน้อยแค่ไหน ก็ลองดูได้ค่ะ ระหว่างทางกลับจะผ่านม่อนกะโละโจะ ลานกางเต้นท์ที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของกลอเซโล แต่ถึงจะใช้เส้นทางไหน การได้มาเที่ยว กลอเซโล ได้ชมทะเลหมอกที่สวยสุดอลังการ ได้ตั้งแต่เช้ายันสาย ต่อด้วยการนั่งลงผ่านทางออฟโรด โยกไปมาเกือบสองชั่วโมง ยังไม่นับรวมถึงการขับรถมาถึง อ บ ต สบเมย อีก ซึ่งเส้นทางโค้งมาก ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาก



ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน