เที่ยวพิจิตร…ดีนะ ลองมายัง

พิจิตร ที่เหมือนจะคุ้นเคย แต่ไม่ได้ทำความรู้จักซักที จากเส้นทางสู่ภาคเหนือเมื่อพ้นเขตจังหวัดนครสวรรค์เราจะเห็นรูปปั้นการ์ตูนจระเข้น่ารัก ยืนอยู่ตามเกาะถนน นั่นหมายความว่าเรากำลังเข้าสู่  พิจิตรเมืองชาลาวัน  เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัยที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์  และอีกหนึ่งเมืองถ้าเราไม่ได้ตั้งใจไปก็จะไปไม่ถึงเพราะมัวแต่ผ่านไปเสียก่อน  แต่ถ้าเราลองตั้งใจเลี้ยวเข้าไปดูซักครั้ง เราจะรู้ว่า พิจิตร นี้ดีเหมือนกันน่ะ

%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88

กว่า 4 ชั่วโมงจากกรุงเทพขับรถชมวิว แวะพักรายทางบ้าง สำหรับการจัดเพลนท่องเที่ยวแล้วแต่ว่าเราอยากจะแวะที่ไหน จะเริ่มจากสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองพิจิตรก่อนหรือจะเริ่มจากสถานที่ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองก่อนก็ได้    หากดูจากแผนทีjเดินทางจากกรุงเทพ  อำเภอบางมูลนากจะถึงก่อนอำเภออื่น มีแยกซ้ายไปอำเภอโพทะเล  ต่อด้วยอำเภอตะพานหิน  อำเภอเมือง  อำเภอโพธิ์ประทับช้าง  ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะแวะอยู่ใน 5 อำเภอที่กล่าวมาทั้งหมด เราเริ่มไล่เที่ยวเที่ยวอำเภอที่ถึงก่อนเพราะถือว่าได้แวะพักระหว่างทางไปด้วย  นั่นก็คือ  อำเภอบางมูลนา

 ไหว้พระนอนองค์ใหญ่ วัดสุขุมาราม อำเภอบางมูลนาก

วัดสุขุมาราม เราตั้งใจแวะมาที่วัดนี้เพื่อชมความงามขององค์ พระพุทธไสยาสน์  หรือพระนอน ที่ว่ากันว่าใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ  เห็นครั้งแรกต้องบอกว่าตะลึงในความยิ่งใหญ่ ความเมื่อยล้าจากการขับรถหายไปในทันใด  โดยปกติเราจะเห็นพระนอนสร้างอยู่ในอุโบสถของวัด แต่พระนอนที่วัดนี้สร้างในอาคารสีขาวแบบเปิดโล่งให้เห็นองค์พระโดดเด่น สอดแทรกด้วยประติมากรรมที่งดงามและด้วยศิลปะร่วมสมัย  บริเวณโดยรอบมีการปลูกต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิดให้ร่มเย็น ด้านหน้ามีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องจากพระพุทธไสยาสน์  สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวามหาราช เข้าไปกราบขอพรพระพุทธรูป  บรรยากาศข้างในโอ่อ่า  กว้างขวาง เงียบสงบร่มเย็นมาก

 

  ชมจิตรกรรมฝาผนังโบราณ วัดห้วยเขน

จากวัดสุขุมมาราม ไม่ถึง 10 นาที เรามาถึง วัดห้วยเขน ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเดียวกัน และไม่ไกลมาก   ด้านหน้าวัดมีพระอุโบสถที่แกะสลักลวดลายปูนปั้นวิจิตรงดงาม ถัดออกไปจะเป็นพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันได้รับการบูรณะแล้วและได้ขึ้นทะเบียนจากรมศิลปากรด้วย ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าโบราณที่ยังคงเอกลักษณ์แบบ เดิมไว้โดย ไม่ได้มีการบูรณะหรือเพิ่มเติมใดๆ ศิลปกรรมฝาผนังอายุประมาณ   80  ปีมาแล้วซึ่งตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 5

เรื่องราวที่ปรากฏบน ฝาผนังเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ และทศชาติชาดก ด้านหลังพระประธานในพระอุโบสถ เป็นเรื่องพระเวสสันดรทั้งหมด ส่วนเรื่องของพุทธประวัติอยู่เหนือระดับหน้าต่างด้านซ้าย และตอนล่างระดับหน้าต่างด้านซ้าย แต่ส่วนล่างปูนกระเทาะเสียหายมาก จนเห็นแผ่นอิฐ เป็นศิลปกรรมที่งดงามมาก มีอิทธิพลจากตะวันตกเข้ามาผสมผสานบ้างเล็กน้อย จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ผู้เขียนภาพมีชื่อว่า “ทั่ง” ไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน

พักท้อง ไหว้หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วัดเทวปราสาท

มื้อเที่ยงของเราทานกันเกือบบ่าย เราแวะมาที่อำเภอตะพานหิน ใช้เวลาจากวัดห้วยเขนประมาณ 40 นาที  ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดแม่ลำยงค์ แต่ปรากฏว่าหมด  search หาข้อมูลเรื่องกิน มาถึงที่นี่ต้องมาทานบะหมี่ชาละวัน ก็ต้องตามเค้าซักหน่อย  มาถึงที่ร้านก็ ใกล้หมดแล้วเช่นกัน เพราะมาถึงร้านใกล้ปิดแล้ว สั่งบะหมี่น้ำมาทาน บะหมี่ใส่หมูแดงและหมูบดเป็นหลัก ส่วนรสชาติโดยส่วนตัวถือว่าปานกลางจะติดไปทางหวานซักนิด  ส่วนบะหมี่เป็ดแม่ลำยงค์ แวะทานวันกลับอีกวันไม่มีเป็ดมา  เลยได้ทานบะหมี่ไก่และหมูสะเต๊ะแทน รสชาติโดยรวมก็คือ เคยทานในกรุงเทพอร่อยกว่า  สำหรับเราความเห็นส่วนตัว พิจิตรอาจไม่เด่นเรื่องของอาหารการกินมากนัก ตลอด 2 วัน เท่าที่ลองทานตามร้านแนะนำจากชาวบ้านเองหรือตามรีวิวที่ว่าเด็ดรสชาติยังไม่ค่อยถูกปากมาก เลยไม่ได้เน้นกินเท่าไหร่เน้นสถานที่ท่องเที่ยวดีกว่า เพราะน่าสนใจอยู่หลายแห่ง

อิ่มท้องแล้วไปจากร้านไม่ไกลมาถึงยังวัดเทวปราสาท  เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูป หลวงพ่อโต ปางประทานพร ขนาดใหญ่  ได้รับพระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวว่า “พระพุทธเกตุมงคล” ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง  หน้าตักกว้าง 20 เมตร เฉพาะองค์พระสูง 30 เมตร แท่นสูง 4 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะสวยงามได้สัดส่วนและใหญ่ที่สุดของจังหวัดพิจิตร

วัดเขารูปช้าง ชมวิวเมืองพิจิตร

จะเห็นว่าพิจิตรนี้  สถานที่ท่องเที่ยวเด่นส่วนใหญ่จะมีแต่วัดวาอาราม แต่วัดแต่ละแห่งบอกเลยไม่ธรรมดา เพราะแต่ละวัดมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์  บางแห่งเป็นวัดเก่าแก่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์  ควรค่าแห่งการแวะไป อย่างเช่นวัดนี้ วัดเขารูปช้าง ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแต่จะอยู่ออกมาในบริเวณรอบนอกเส้นที่มุ่งหน้าไปยังอำเภอตะพานหิน   จากอำเภอตะพานหินมาวัดนี้ใช้เวลาแค่ประมาณไม่ถึง  20 นาที เท่านั้น  วัดนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาเมื่อเริ่มเข้ามาใกล้จะเห็นเจดีย์ทรงลังกาสีขาว ตั้งอยู่บนหินที่เรียงซ้อนกันมาแต่ไกล  มาถึงตัววัดด้านล่างจากนั้นขับรถขึ้นไปนิดเดียวจะถึงจุดจอดรถจะอยู่ด้านหน้ามณฑปจตุรมุข โบราณสถานที่สำคัญของวัด  ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทสำริด และมีภาพเขียนฝาผนังเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง

จากนั้นเราต้องเดินขึ้นบันได้นาคเพื่อไปชมโบราณสถานอื่นที่ตั้งยู่ด้านบน เดินขึ้นไปประมาณ 136 ขั้น ถือว่าไม่โหดมากพอได้เหงื่อ

เมื่อมาถึงข้างบน มีเจดีย์เก่าอยู่องค์หนึ่งเป็นเจดีย์แบบลังกาทรงเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยา มีตัวระฆังเป็นกลีบมะเฟืองแต่ยอดเจดีย์หักแล้ว  พื้นที่รอบบริเวณพระเจดีย์ทางวัดได้สร้างวิหารใหญ่ขึ้นหลังหนึ่งอยู่ใกล้กัน รวมถึงพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่สีเหลืองอร่ามโดดเด่น

เดินเข้าไปข้างในสุด เราจะพบกับ  เจดีย์สีทองแบบลังกาเชิงบันไดทางขึ้น รูปปั้นโขลงช้าง 5 เชือก ตั้งอยู่บนยอดเขาที่มีหินซ้อนกันมองดูคล้ายรูปช้าง เจดีย์เดิมเป็นเจดีย์เก่ามาก่อนต่อมาทางวัดได้ ปฏิสังขรณ์ใหม่โดยประดับกระเบื้องเคลือบสีทองทั้งองค์ มีรั้วรอบ

บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์สามารถมองวิวทิวทัศน์ ของเมืองพิจิตรได้แบบ 360 องศา ซึ่งจะมองเห็นไร่นาของชาวบ้านรวมถึงเส้นถนนที่ตัดมายังวัดด้วย

นึกจินตนาการถ้าเราขึ้นมาชมวิวบนนี้ในช่วงที่เป็นฤดูทำนา ภาพที่เห็นเบื้องล่างคงเขียวขจีอย่างมากแน่ เป็นอีกหนึ่งวัดในพิจิตรที่ชอบมาก วิวสวย โบราณสถานต่างๆ ก็สวยมาก ประทับใจแบบรักเลย

เช็คอินเข้าที่พักในตัวเมือง  ระเบียงน้ำ รีสอร์ท

ในตัวเมืองก็มีที่พักหลายแห่งให้เลือก ซึ่งส่วนใหญ่ระดับราคาจะอยู่ในระดับหลักร้อยปลายๆ ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่ที่พักส่วนใหญ่ค่อนข้างดีและราคาไม่สูง อาจเป็นเพราะพิจิตรยังคงไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตเหมือนจังหวัดอื่น    เรามาสะดุดตากับที่นี่ ระเบียงน้ำ รีสอร์ท    ที่พักราคาคืนละ 500 บาท (ไม่มีอาหารเช้า) บรรยากาศร่มรื่น  บ้านเป็นหลังมีพื้นที่ด้านนอกให้ได้นั่งพักผ่อน  ด้านบนมีดาดฟ้าและมีแปลให้นอนเล่นไกวแปลเพลินๆ

ภายในห้องสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น ประตูเป็นแบบบานกระจกที่สามารถนอนมองวิวสีเขียวข้างนอกได้ หลังนี้ ราคา 500 ถือว่าราคาแพงที่สุดแล้ว เพราะยังมีบ้านแบบอื่นอีกราคาคืนละ 350 บาทเท่านั้นแต่เป็นห้องแอร์แบบเรือนแถว โอ้ อะไรจะถูกปานนั้น   แถมโลคเคชั่นก็ดีมาก ตั้งอยู่ในตัวเมืองใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงร้านค้าต่างๆ  ที่นี่อยู่ใกล้กับบึงสีไฟเดินทางไปไม่ถึง 10 นาที เท่านั้น ซึ่งถูกใจเรามาก เพราะตั้งใจว่าเย็นนี้เราจะไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่แหละ

 ตามหาชาละวัน ที่บึงสีไฟ 

มาถึงพิจิตร แล้วไม่ได้แวะมาบึงสีไฟ ถือว่ามาไม่ถึง เพราะที่นี่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งแรกของจังหวัดพิจิตร บรรยากาศรอบๆ บึงสีไฟ มีความสงบงามและเป็นธรรมชาติจึงกลายเป็น สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองที่สำคัญแห่งหนึ่งเลยทีเดียว แน่นอนมาถึงเมืองชาละวัน แล้วไม่ได้ถ่ายภาพกับรูปปั้นพญาชาละวันยักษ์ ก็ถือว่าไม่ถึงเช่นกัน  รูปปั้นดังกล่าวตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของบึงสีไฟ

ภายในบึงสีไฟ มี ศาลากลางน้ำ มีทั้งหมด 4 ศาลา นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารสัตว์น้ำบนศาลาแห่งนี้ โดยเฉพาะศาลาใหญ่  แต่มาในช่วงแล้ง น้ำก็แห้งขอดไปเยอะพอสมควร

บึงสีไฟ ถือว่าเป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศยามเย็นและพระอาทิตย์ตกที่ค่อนข้างสวยงาม มองเห็นเป็นแสงทไวไลซ์หลากสี คงไม่มีใครปฏิเสธว่าพระอาทิตย์ตกกลางบึงสีไฟนั้นคือความงามจับตาในช่วงเย็นที่น่าประทับใจจริงๆ

สัมผัสรอยยิ้มอันอบอุ่น ที่ย่านเก่าวังกรด  

เราตื่นและออกจากที่พักแต่เช้าเพื่อขับรถไปหาอะไรทานในตัวเมือง ในตัวเมืองพิจิตรมีร้านอาหารไม่เยอะที่เปิดในตอนเช้าเป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว เกาเหลา สามารถเลือกทานได้ตามใจชอบ  ประมาณ 9 โมงกว่าเรามาถึง ย่านเก่าวังกรด ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กม.

ย่านเก่าวังกรดเป็นชุมชนเก่าแก่ บรรยากาศน่ารักแห่งพิจิตร ที่เราไม่ควรพลาด   ในอดีตมีความรุ่งเรื่องด้านการค้าขายอย่างมาก เนื่องจากเป็นจุดตัดทางการคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ  จนเป็นศูนย์กลางการค้าขายแห่งใหญ่ของพิจิตร  ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ประกอบอาชีพค้าขายมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ต่อมาความเปลี่ยนแปลงทางการคมนาคมและระบบซื้อขายแบบสมัยใหม่ ทำให้เศรษฐกิจของตลาดวังกรดซบเซาลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกหลานชาวตลาดส่วนใหญ่ไปหางานทำนอกพื้นที่

บางร้านเลิกกิจการไป หรือย้ายไปเปิดกิจการในตัวเมืองพิจิตร แต่ก็ยังคงเหลือไว้ซึ่งร้านค้าที่ดำเนินกิจการต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อดีต แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดย่านเก่าวังกรดยังคงสามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีตและให้ความทรงจำแก่ผู้ที่ผ่านมาที่แห่งนี้ได้  ผ่านสถาปัตยกรรมเรือนแถวไม้เก่าแก่ อีกทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวของย่านเก่าวังกรด ข้าวของเครื่องใช้ที่เคยใช้ในอดีตยังมีให้เห็นและยังถูกใช้งาน  แม้ว่าจะยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไป  ที่นี่ถือว่าเป็นชุมชนเล็กๆ ที่ใช้เวลาสำรวจไม่นานก็เดินทั่วแล้ว เดินทางมาแต่เช้าในวันธรรมดา ร้านค้าและบ้านบางหลังก็ยังไม่ได้เปิดมากนัก

ด้านหน้าชุมชมเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟวังกรด  ซึ่งยังมีรถไฟที่ยังเปิดใช้งานอยู่

ชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่ คือ ผู้สูงอายุ นั่งอยู่หน้าบ้านทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ร้อยมาลัย แต่ละท่าน อัธยาศัยดีมาก เราเดินถ่ายภาพก็จะยิ้มให้เราตลอด  เป็นชุมชนย่านเก่าที่เรารู้สึกว่าแทบไม่ได้มีการปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ดั้งเดิมเป็นอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น

บางท่านดูตื่นเต้นกับการมาเที่ยวของแขกผู้มาเยือนอย่างเรามาก คุณป้าเสื้อลายดอกสีฟ้าเจ้าของจักรยายคันเก๊า ที่ทุกคนบอกว่า “ หนูคันนี้มีคันเดียวในหมู่บ้านน่ะ หาที่ไหนไมได้แล้ว”   เป็นจักรยานสีเหลืองน่ารักที่ถูกดัดแปลงมาได้อย่างเก๋ไก๋มาก  อดไม่ได้เลยต้องไปขอถ่ายภาพร่วมกันซักหน่อย คุณป้าอีกคนรีบหยิบหมวกมาใส่บอกว่าถ่ายป้าด้วยมั้ย เราเลยบอกว่า มาเลยค่ะ มาถ่ายภาพด้วยกัน

ร้านทำผมแบบโบราณสมัยคุณแม่ ยังมีให้เห็นอยู่

รวมถึงร้านตัดผมผู้ชายด้วย ร้านนี้เราชอบมาก มีรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จย่าซึ่งกำลังทรงตัดระเกศาให้ด้วย

ศาลเจ้าพ่อวังกลม ซึ่งอยู่ด้านหลังชุมชนติดกับแม่น้ำน่าน เป็นศาลเจ้าศักดิ์ที่เคารพนับถือของชาวบ้านในละแวกนี้

แวะวัดเก่าโบราณ  วัดโพธิ์ประทับช้าง

วัดโพธิ์ประทับช้าง  ตั้งอยู่ในอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 27 กิโลเมตร เป จังหวัดพิจิตรเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่สร้างขึ้น ในสมัยสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็น อนุสรณ์สถาน ณ สถานที่ประสูติของพระองค์

ลักษณะของวัดมีพระวิหารสูงใหญ่ มีกำแพงล้อมรอบ 2 ชั้น เป็นศิลปะแบบอยุธยา ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากกรมศิลปากร เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชม

ภายในอุโบสถมี  พระพุทธรูปหลวงพ่อโต หน้าตักกว้าง 4 ศอก กว้าง 5 ศอก เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น  เป็นพระประธานประจำอุโบสถวัดโพธิ์ประทับช้าง หลวงพ่อโต หรือ หลวงพ่อยิ้ม เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ อีกองค์หนึ่ง ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมากในจังหวัดพิจิตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น สมัยกรุงศรีอยุธยา มีอายุได้  300  ปีเศษ ซึ่งองค์ปัจจุบันนี้เป็นการซ่อมแซมบูรณะขึ้นใหม่หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากการ ถูกต้นไม้แถบบริเวณนั้นโค่นทับจนเศียร และองค์พระหักลงได้รับความเสียหาย ชาวบ้านจึงได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมาใหม่ เมื่อหลายสิบปี แต่ก็ยังศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้นอกจากนี้ชาวอำเภอโพธิ์ประทับช้างได้สร้างอนุสาวรีย์ พระพุทธเจ้าเสือไว้เป็นที่ระลึกข้างที่ว่าการอำเภอโพธิ์ประทับช้างอีกด้วย

ด้านหน้าวัดมีต้นตะเคียนต้นใหญ่อายุกว่า 300 ปี

นอกจากนี้ตรงกันข้ามวัดชาวอำเภอโพธิ์ประทับช้างได้สร้างอนุสาวรีย์ พระพุทธเจ้าเสือไว้เป็นที่ระลึกข้างที่ว่าการอำเภอโพธิ์ประทับช้างอีกด้วย

 ไหว้ศาลหลักเมือง ไปดูถ้ำชาละวัน  อุทยานเมืองเก่าพิจิตร

จากวัดโพธิ์ประทับช้าง เรากลับมายังเส้นทางเดิมเข้าไปยังตัวเมือง เพื่อไปยังอุทยานเมืองเก่าพิจิตร  เชื่อกันว่า ที่นี่คือที่ตั้งของ เมือง พิจิตรเก่า ซึ่งสร้างในสมัยพระยาโคตรบอง เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดพิจิตร อุทยานเมืองเก่า มีลักษณะเป็นเมืองโบราณ ประกอบไปด้วย กำแพงเมือง คูเมือง เจดีย์เก่า ฯลฯ มีสวนรุกขชาติกาญจนกุมาร ซึ่งกรมป่าไม้ได้ จัดตั้ง ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2520 ทำให้พื้นที่ภายในความร่มรื่น เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ สิ่งที่น่าสนใจในอุทยานเมืองเก่า คือ   ศาลหลักเมือง อาคารแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ด้านบนจะเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมือง ส่วนด้านล่างจะเป็นที่ประดิษฐาน รูปปั้นของพระยาโคตรบองซึ่งชาวบ้านเรียกว่า พ่อปู่ สภาพโดยรอบศาลจะมีต้นไม้มากมายดูร่มรื่นเย็นตา ในบริเวณยังมีศาลาสำหรับ นักท่องเที่ยวพักผ่อนอีกด้วย

วัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานก่อด้วยอิฐที่ตั้งอยู่กึ่งกลางเมืองพิจิตรเก่า ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านเก่า ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น โบราณสถาน สำคัญของชาติ ไม่ควรพลาดชม พระธาตุเจดีย์ เจดีย์ทรงลังกาซึ่งภายในมีพระเครื่องชนิดต่างๆ ซึ่งได้ถูกลักลอบขุดค้นไป ด้านหน้า พระเจดีย์คือวิหารเก้าห้อง ด้านหลังพระเจดีย์เป็นพระอุโบสถ มีใบเสมา 2 ชั้น ดูขรึมขลังจากรากไทรที่เกาะอยู่หน้าบัน บริเวณใต้เนิน ดินส่วนวิหารยังพบสิ่งก่อสร้าง 2 ยุคสมัยคือสมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยา รวมทั้งเจดีย์รายจำนวนมากและ แนวกำแพง ขนาดใหญ่

ภายในวัดมีการจำลอง ถ้ำชาละวัน โดยมีลักษณะเป็นถ้ำลึกลงไปในดิน ด้านหน้ามีรูปปั้นไกรทองและชาละวันที่ทางจังหวัดได้สร้างไว้ มีเรื่องเล่าว่า เมื่อประมาณ 65 ปีมาแล้ว พระภิกษุวัดนครชุมรูปหนึ่ง จุดเทียนไขเดินเข้าไปในถ้ำ จนหมดเทียนเล่มหนึ่งก็ยังไม่ถึงก้นถ้ำ จึงไม่ทราบว่าภายในถ้ำชาละวันจะสวยงามวิจิตรพิสดารเพียงใด ปัจจุบันดินพังทลายทับถมจนตื้นเขิน

บูชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

จากตัวเมือง เราขับรถผ่านอำเภอตะพานหิน ไปต่อยังอำเภอโพทะเล ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดบางคลาน เรามาที่นี่เพราะนับถือหลวงพ่อเงินอยู่แล้ว เลยอยากแวะมากราบท่านยังวัดที่ท่านจำพรรษาอยู่ด้วยตัวเอง    หลวงพ่อเงินพระเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้เลื่องชื่อ ด้านไสยเวทเยี่ยมยอดที่สุดของเมืองพิจิตร จนเมื่อมาอยู่วัดวังตะโดและ ได้พัฒนาวัดจนรุ่งเรือง เป็นที่รู้จักกันไปทั่วว่า หลวงพ่อเงินสามารถรู้ผู้มาเยือนด้วยญาณวิเศษได้อย่างมหัศจรรย์ และยังเป็นหมอ เชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ชาวบ้านได้อย่างชะงัดอีกด้วย เคยมีผู้ไปลองดีกับท่าน ท่านก็แอ่นอกให้ยิง แต่กระสุน ไม่ยอมออกจากลำกล้อง ความศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงอัจฉริยะของ “หลวงพ่อเงิน” บางคลาน นับว่าร่ำลือกันไปไกลมาก จนถึงขนาดเสด็จในกรม “กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์” ก็ยังเสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์   สิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจ ของวัดนี้คือ พิพิธภัณฑ์นครไชยบวร ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์รูปมณฑป 2 ชั้น ชั้นบนประดิษฐานรูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงพ่อเงิน  นับเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวของจังหวัดพิจิตร

ศูนย์บูชาพระเครื่องหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งเด่นทางด้านอยู่ยง คงกระพัน แคล้วคลาด และโชคลาภ เป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

พิจิตร เมืองที่อยากรู้จัก  พิจิตรเมืองแห่งวัดสวย  พิจิตรเมืองแห่งมิตรไมตรีและผู้คนน่ารักที่ยังคงมีวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายดั้งเดิม พิจิตรเมืองที่เที่ยวได้โดยไม่ต้องใช้เงินเยอะมากมาเที่ยว 2 วัน 1 คืน 3 คน ใช้เงินไป 3000 บาท เฉลี่ยตกคนละ 1000 บาทเท่านั้น แต่ถือว่าได้เที่ยวคุ้มและได้แวะเยอะมาก พิจิตร ดีน่ะ ลองมาแวะมาเที่ยวกันดูซักครั้ง