บางพลัด ลัดเลาะเที่ยวใน 1 วัน

หากพูดถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ เชื่อว่าคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพคงคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี จะเรียกได้ว่าเป็นถนนที่การจราจรหนาแน่นที่สุดสายหนึ่งก็ว่าได้ แต่ในความเป็นเมืองที่ว่านี้ยังมีย่าน บางพลัด ซึ่งเป็นแหล่งการค้าและชุมชนที่อยู่อาศัย มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามในบรรยากาศสงบเงียบซุกซ่อนอยู่  ใน 1 วัน หรือแค่ครึ่งวัน จะพาไปลัดเลาะเที่ยวในย่านบางพลัดกันค่ะ

บางพลัด

10.00 น. มัสยิดบางอ้อ บางพลัด

เริ่มต้นกันแบบสบายในยามสาย กันที่  มัสยิดบางอ้อ  ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 86 ท่ามกลางชุมชนมุสลิมบางอ้อ เป็นมัสยิดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยปลายรัชกาลที่ 5  ลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียวที่ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างงดงาม ลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นแบบเรอเนซองส์ผสมผสานกับอิทธิพลของศาสนาอิสลาม หลังคาเป็นทรงปั้นหยามีชายคาเป็นหลังคาคอนกรีตแบนและมีลูกกรงระเบียงที่มีลวดลายปูนปั้นและเครื่องประดับโดยรอบหลังคา โดยปัจจุบันมีการทำการบูรณะยกอาคารขึ้นเป็นสองชั้นทาสีใหม่ โดยทาสีอาคารเป็นเหลือง อาคารมัสยิดใชัในการประกอบศาสนกิจ 5 เวลา(ละหมาด) และวันสำคัญ

ติดกับมัสยิด คือ อาคารเจริญวิทยาคาร 1 เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น เป็นสถาปัตยกรรมเรือนไม้สักแบบขนมปังขิง ลวดลายฉลุตกแต่งพร้อมระบายอากาศงดงามคลาสสิคมาก

ถัดจากอาคารเจริญวิทยา 1  คือ อาคารเจริญวิทยา 2 เป็นอาคารครึ่งไม้ครึ่งปูนสองชั้น ตกแต่งด้วยไม้สักและช่องแสงกระจกสี

นอกจากตัวมัสยิดที่โดดเด่นแล้ว ยังมีอาคาร 100 ปี มัสยิดบางอ้อ เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่ในวาระครบรอบ 100 ปี มัสยิดบางอ้อ เพื่อใช้เป็นอาคารเอนดประสงค์และทางเดินเชื่อมไปยังมัสยิด โดยเน้นสถาปัตยกรรมแบบอาหรับโมรอคโค ตัวอาคารโอ่อ่าเป็นสีครีมโดดเด่นประดับด้วยลวดลายกระจกเทาฟ้าบริเวณบานประตู เรียกได้ว่าเมื่อมาถึงพื้นที่ของมัสยิดบางอ้อ ต้องสะดุดตาและตะลึงไปกับความสวยงามของอาคารดังกล่าว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอาคารที่มีสไตล์ในย่านชุมชนของถนนจรัญสนิทวงศ์ ที่เรารู้จักชื่อและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และใช้สัญจรไปมาอยู่บ่อยครั้ง

นอกจากลวดลายของกระจก และกระเบื้องที่สวยงามแล้ว รูปทรงของอาคารด้านข้างมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมทอดยาว ภายในอาคารสร้างเป็นซุ้มประตูเรียงต่อกัน บริเวณผนังตกตกแต่งด้วยกระเบื้องสีฟ้าพาสเทลมีความคลาสสิค  มีแสงของดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในระหว่างช่องประตู กลายเป็นมุมถ่ายภาพแสนเก๋ ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในอาคารแบบโมรอคโค ผสมผสานกับตะวันออกกลาง

ภายในตัวอาคารก็สวยงามเช่นกัน ลวดลายของหน้าต่าง ประตูมีแสงสาดส่องเข้ามา กลายเป็นมุมแห่งแสงเงาที่ถ่ายภาพได้แบบเก๋ๆ แถมมีลมพัดเข้ามาเย็นสบายมาก  มัสยิดบางอ้อและอาคาร 100 ปี เป็นความงดงามแปลกตาใจกลางกรุง เหมาะมากสำหรับคนชอบถ่ายภาพ เพราะมีมุมสวยเยอะมาก แถมแสงยังสวยด้วย  แต่งตัวมาแบบวินเทจนิดๆ ก็เข้ากันกับสถานที่ดี ในช่วงค่ำทราบมาว่าอาคาร 100ปี จะเปิดไฟซึ่งสวยงามมาก หากมาเก็บภาพช่วงนี้ก็จะสวยงามไปอีกแบบ

11.30 น.  กาแฟบ้านบางอ้อ

ไม่ไกลจากมัสมยิดบางอ้อห่างกันแค่ประมาณ 400 เมตร เราเดินทางไปยังซอยจรัญสนิทวงศ์ซอย 84  เพื่อไปทานอาหารเที่ยงกันที่ กาแฟบ้านบางอ้อ ร้านกาแฟกลางสวนริมถนนจรัญฯ ในย่านชุมชนอย่างถนนจรัญฯที่มีสภาพแวดล้อมเป็นตึกแถวและซอกซอยต่างๆ แถมมีการจราจรหนาแน่น ยังมีร้านอาหารที่มีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ซุกซ่อนอยู่ เป็นร้านที่เหมาะมากสำหรับหลบมุมรถติด มานั่งทานอาหาร เครื่องดื่ม เพื่อความผ่อนคลาย

ร้านกาแฟอยู่ริมถนน แต่ไม่ต้องขับรถเข้าไปในร้าน ให้เลยเข้าไปยังซอยข้างร้าน คือ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 84  เข้ามาจอดรถด้านหลังร้านที่จอดรถถือว่ามีพอในระดับหนึ่ง  ตัวร้านเป็นบ้านสีขาวขนาดใหญ่ 2 ชั้น แบ่งเป็น 2 โซนคือ เริ่มจากโซนเอาท์ดอร์กลางสวน เหมาะสำหรับนั่งผ่อนคลายอารมณ์ในช่วงแดดร่มลมตก เพราะมีมุมให้นั่งเล่นชิวหลายมุม หรือหากนั่งในโซนห้องแอร์จะมาเดินเล่นถายภาพก็ย่อมได้  บริเวณหน้าร้านมีดนตรีซึ่งเป็นเพลงย้อนยุคสดขับกล่อมด้วย

ส่วนภายในร้านเป็นห้องแอร์ ล้อมรอบด้วยกระจกใส มองออกไปเห็นต้นไม้ร่มรื่นตา ลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่ จะมากันแบบครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน หรือไม่ก็มานั่งคนเดียวเพื่อทำงาน

ในส่วนของอาหารส่วนใหญ่ เน้นอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนและไทยฟิวชั่นทั้ง เช่น สปาเก็ตตี้แบบต่างๆ  สลัด ผักโขมอบชีท และมีอาหารจานเดียวอย่างเช่น  ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ข้าวผัดแฮม ข้าวผัดกุ้ง  รวมถึงอาหารไทยโบราณที่หาทานยาก ส่วนเครื่องดื่มก็มีครบ ทั้งชา กาแฟ โกโก้ น้ำผลไม้ รวมถึงของหวานอย่างเช่นฮันนี้โทสต์  เราสั่งสปาเก็ตตี้เบคอนผัดพริกแห้ง  สปาเก็ตตี้ผัดต้มยำกุ้ง ข้าวหนวดหมึกไข่เค็ม ผักโขมอบชีท โรตีทูน่า และหรุ่มซึ่งเป็นอาหารไทยโบราณ รสชาติอาหารโดยรวมถือว่าโอเค แอบติดใจ ชีสลัดโรตีทูน่า น้ำสลัดที่ราดโรตีอร่อยมาก ส่วนเครื่องดื่มรสชาติดีโดยเฉพาะโกโก้เข้มข้นมาก  เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟในย่านชุมชนเมืองที่ให้ความรู้สึกเหมือนั่งเล่นอยู่ที่บ้าน หากใครได้มีโอกาสผ่านไปย่านจรัญสนิทวงศ์น่าจะแวะมาทานอาหารจิบเครื่องดื่มท่ามกลางบรรยากาศในสวนสักที

หรุ่ม คืออาหารว่างของคนไทยโบราณรวมทั้งชาววัง ประดิษฐ์ประดอยจากไข่โรยฝอย ห่อด้วยกุ้งและผักชี พริกสด ซึ่งหาทานได้ที่ชุมชนบางอ้อ

กาแฟบ้านบางอ้อ

พิกัด 236 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 84 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพ
เวลาทำการ: 10:00 – 21:00น. หยุดทุกวันพุธ

โทร 02 879 0076

https://www.facebook.com/baanbangaor.coffee

13.30 น.  วัดคฤหบดี

ปิดท้ายการเดินทางด้วยการทำบุญ ที่วัดคฤหบดี วัดที่มีชื่อเสียงในย่านจรัญสนิทวงศ์ ตั้งอยู่ในซอย จรัญสนิทวงศ์ 44 ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เชิงสะพานพระราม8  สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์  จุดเด่นของวัดนี้พระอุโบสถที่มีสถาปัตยกรรมตามแบบนิยมสมัยรัชกาลที่ 3   มีลักษณะที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะจีน  ก่ออิฐถือปูน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา และเป็นวัดที่มี “พระแซกคำ” พระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย  ศิลปะเป็นแบบเชียงแสนตอนปลายประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ

เมื่อเข้ามาถึงบริเวณวัด สามาถจอดรถบริเวณลานจอดรถ จากนั้นเดินไปยังพระอุโบสถ บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างเงียบสงบมีความสวยงามและสะอาดสะอ้าน บริเวณด้านหน้าวัดเป็นที่ตั้งของวิหารจตุรมุข ซึ่งมีหลวงพ่อพระพุทธแซกคำองค์จำลองประดิษฐานอยู่

เมื่อเข้าเดินมาภายในประตูโบสถ์ ก็จะพบกับพระอุโบสถ สถาปัตยกรรม เป็นทรงจีน หลังคาลด ๒ ชั้น ไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ และเครื่องถ้วยชาม ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้นรูปดอกพุดตาน บานประตูหน้าต่างด้านในเขียนลายต้นไม้ และดอกไม้แบบจีน

หลังจากไหว้ พระพุทธแซกคำ เดินออกมาบริเวณริมน้ำเจ้าพระยามองเห็นสะพานพระราม 8  จุดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุเจดีย์  สร้างแบบทรงเรียบง่ายตามคติพระสถูปที่พุทธคยา บนยอดเป็นรูปจำลองของผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพร้อมด้วยจารึก เจดีย์นี้สูง 21  เมตร จะเห็นเด่นชัดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอีกวัดหนึ่งที่ได้มาแล้วชอบมาก เพราะมีความสงบและผู้คนไม่วุ่นวาย แบบไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในย่านชุมชนอย่างจรัญสนิทวงศ์

1 วันสบาย ณ บางพลัด จรัญสนิทวงศ์ เป็นการเดินทางที่ไม่ต้องเหนื่อยขับรถไปที่ไหนให้ไกล ซึ่งจริงๆ แล้วในย่านบางพลัด ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกหลายจุดอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นบางพลัด ร้านกาแฟ Eat Art  A Part of Us  แต่จะเปิดเฉพาะวันธรรมดาเลยไม่ได้แวะไป ในเมืองกรุงก็ยังมีมุมสงบ สวยงาม แค่มาบางพลัด ก็จะได้ฟีลของการรีแลกซ์เช่นกัน



ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน