เที่ยวอำเภอลี้ ชุ่มฉ่ำน้ำตกงาม ชมวิวแก่งก้อ อช. แม่ปิง ลำพูน

อำเภอลี้ ลำพูน เรียกได้ว่าเป็นอำเภอที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี คุ้นเคยในที่นี้คือ เป็นเส้นทางที่เดินทางไปผ่านไปมาบ่อยมาก รู้แต่ว่าเมื่อมาถึงอำเภอลี้ช่างแสนไกลเหมือนชื่อ ต้องนั่งรถผ่านเส้นทางคดเคี้ยวชวนเวียนหัวเล็กน้อยและไม่ได้คิดว่าที่นี่จะมีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าเป็นแค่ทางผ่าน แต่เมื่อได้มีโอกาสทำความรู้จักกับอำเภอลี้ อย่างแท้จริง ทำให้ฉันรู้ว่าอำเภอเล็กๆแห่งนี้มีอะไรที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ มีวัดที่สวยงาม มีพื้นที่สำหรับคนที่รักและชื่นชอบธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง การเดินทางค้นหาความหมายของที่นี่จึงเริ่มขึ้น ฉันจะพาทุกคนหลีกลี้ความวุ่นวายมาเที่ยวที่นี่

 

เที่ยวอำเภอลี้

 

เดินทางมาถึงอำเภอลี้แต่เช้าครู่ ตี 4 ครึ่ง เร็วกว่ากำหนดการไปมากรอให้ฟ้าสว่างหลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็เริ่มเที่ยววัดเด่นในอำเภอลี้ ซึ่งมีวัดที่สวยงามและน่าสนใจหลายวัด วัดแรก คือ วัดพระธาตุดวงเดียว เป็นวัดที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ลักษณะเด่น คือ องค์พระธาตุสีทองย่อมุม ถือเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในอำเภอลี้

 

วัดพระธาตุดวงเดียว

วัดพระธาตุดวงเดียว

 

วัดต่อมาอยู่ไม่ไกลกัน วัดพระธาตุห้าดวง  ถือว่าเป็นวัดพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองลี้ จุดเด่นของวัดนี้ คือ เจดีย์ห้าองค์ภายในระเบียงคต มีองค์ใหญ่เป็นประธานตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้งสี่มุม ตอนแรกก็แอบสงสัย วัดพระธาตุดวงเดียว กับวัดพระธาตุห้าดวงต่างกันยังไง พอมาถึงเลยเข้าใจ

 

 วัดพระธาตุห้าดวง

 

ภายใน วัดพระธาตุห้าดวง มีพระอุโบสถและสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและน่าสนใจหลายแห่ง โดยเฉพาะอุโบสถหลังนี้ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของวัด เป็นอุโบสถสีทองทางเข้ามีบันไดพญานาคยาวไปถึงตัวอุโบสถ

 

 วัดพระธาตุห้าดวง

 

ภายในอุโบสถมีองค์พระพุทธรูปสีทองงดงามมาก

 

 วัดพระธาตุห้าดวง

 

วัดสุดท้ายวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอลี้ ระหว่างทางที่เราเข้ามาในบริเวณวัดจะมีหมู่บ้านและชาวบ้านพูดภาษาต่างถิ่นคล้ายชาวมอญหรือพม่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก  ฉันรู้ที่หลังว่าเป็นวัดประจำหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงพระบาทห้วยต้มนั่นเอง  วัดนี้จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวกะเหรี่ยงบ้านห้วยต้ม ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่มีถึง 1,200 ครอบครัว

 

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

 

ด้านในมีรอยพระพุทธบาทให้เราได้สักการะ

 

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

 

ก่อนถึงวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เป็นที่ตั้งของ พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย จำลองมาจากเจดีย์ชเวดากองในพม่า  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัดพระบาทห้วยต้มเพียงแต่ไม่ได้ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน

 

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

 

นอกจากชมวัดสวยแล้ว ยังได้ชมวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ทั้งรูปแบบบ้านเรือน การแต่งกาย ระหว่างทางกลับฉันสะดุดตากับการตกแต่งที่ดูแปลกตารวมถึงป้ายที่อยู่ด้านหน้าก๋วยเตี๋ยวกะลา 10 บาท ของร้านชื่อว่า ร้านกะเหรี่ยง ลี้  อุทานในใจราคานี้ยังมีอยู่ในโลกนี้อีกหรือ ทำให้ฉันอยากรู้ว่า 10 บาท ของที่นี่หน้าตาเป็นอย่างไร

 

DSC_1775

DSC_1784

 

กิมมิคแรกของร้านก่อนอาหารจะมาเสริฟ์มาพร้อมกาและขันเงินตอนแรกก็มองว่ามันคืออะไร เปิดฝาเท่านั้นถึงได้รู้ว่า คือ  น้ำเปล่า  ดื่มจากขันแล้วเย็นชื่นใจ เปลี่ยนจากการดื่มน้ำจากแก้วมาเป็นแบบนี้ก็เข้าท่าดีค่ะ

 

DSC_1772

 

หน้าตาของก๋วยเตี๋ยวกะลา น่าทานมากโดยเฉพาะชามใส่ซึ่งทำมาจากกะลา เป็นก๋วยเตี๋ยวสูตรเจ ตอนแรกก็แอบสงสัยว่าทำไม่ต้องเป็นเจ มารู้ที่หลังว่าชาวกะเหรี่ยงที่นี่มีวัฒนธรรมทานมังสวิรัสทั้งหมู่บ้าน เป็นอะไรที่ฉันทึ่งมาก และนอกจากจะทำไร่ทำสวนแล้ว ยังมีอาชีพเป็นช่างฝีมือ ทอผ้า ทำสร้อยคอ และเครื่องเงินเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมร้านตกแต่งด้วยผ้าทอและเครื่องเงิน  ณ เวลานี้บอกตามตรงฉันไม่ได้สนใจลิ้มรสก๋วยเตี๋ยวเจที่อยู่ตรงหน้าเท่าใดนัก แต่ตื่นเต้นกับของใช้และของประดับทุกสิ่งของร้านมากกว่า

 

DSC_1789

 

ความตื่นเต้นยังไม่จบเพียงเท่านั้น จบด้วยของหวานของร้านน้ำแข็งใส ใส่ท๊อปปิ้งเยอะมาก หน้าตาดูน่ารับประทานไม่น้อย ถ้วยละ 10 บาท เช่นกัน  ถือได้ว่ามื้อนี้เป็นการแวะทานอาหารว่างที่เรียกว่าสนุกและตื่นเต้นเป็นที่สุด คุณป้าเจ้าของร้านก็น่ารักมาก คุณป้าเห็นพวกเรารุมถ่ายรูปอาหารและสิ่งของแต่ละอย่าง ยังแอบขำ

 

DSC_1801

 

จากตัวอำเภอลี้เพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จุดหมายปลายทางไฮไลต์ในทริปนี้  อุทยานแม่ปิงสำหรับฉันเป็นอะไรที่ใหม่มาก ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ค่อนข้างน้อย ฉันตั้งใจจะมาทำความรู้จักกับที่นี่ให้มากขึ้น เข้ามาถึงภายในอุทยาน บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด

 

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

 

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยาน ฯ

 

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

 

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง มีที่พักอยู่ 2 จุด คือ บริเวณที่ตั้งอุทยานฯมีทั้งแบบบ้านและแบบกางเต้นท์ อีกจุดคือที่คณะของฉันจะไปพักนั่นคือ บริเวณทะเลสาปแก่งก้อซึ่งอยู่หากจากอุทยานไปประมาณ 30 กว่ากิโล เส้นทางถนนของอุทยานไปยังจุดต่างก็เป็นถนนราดยางตลอดทั้งสาย รถทุกชนิดวิ่งได้หมด

 

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

 

เที่ยงกว่าฉันมาถึงแพที่พักของอุทยานฯตั้งอยู่ริมทะเลสาบแก่งก้อ  ใจจริงแล้วตั้งใจจะมาเก็บของพักซักครู่แล้วค่อยออกไปน้ำตกก้อหลวง ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงแก่งก้อ แต่เมื่อผ่านเส้นทางจากทางเข้าน้ำตกมาถึงแก่งก้อต้องใช้เวลาไปกลับกว่าชั่วโมง อาจจะเสียเวลามากเลยเปลี่ยนแผนไปน้ำตกก้อหลวงในอีกวันหนึ่ง  หากใครมาพักที่นี่ฉันแนะนำก่อนเข้าที่พักให้ไปเล่นน้ำตกก้อหลวงก่อนแล้วค่อยเข้าที่พักตอนบ่ายแก่ๆจะดีกว่า  เพราะถ้ามาถึงแต่เที่ยงอากาศค่อนข้างร้อนมาก และไม่มีกิจกรรมอะไรทำนอกจากนอนรอเวลายามเย็น อีกอย่างไฟฟ้าที่นี่ไม่ค่อยเสถียรเนื่องจากต้องปั่นไฟใช้เอง พัดลมติดๆดับๆ ตลอด

 

แก่งก้อ

 

แพที่พักของอุทยานจะมีทั้งหมด 3 หลัง ราคาหลังละ 1800 บาท หลังหนึ่งมี 2 ห้อง พักได้ 6 คน  มีห้องน้ำในตัวและห้องรับแขกเล็กๆสำหรับนั่งเล่น  สำหรับใครที่ต้องการให้ทางอุทยานจัดเตรียมอาหารเพิ่มเติมให้ต้องแจ้งล่วงหน้า  รายละเอียดทุกอย่างเพิ่มเติมของที่พักทะเลสาบแก่งก้อ  คลิ๊ก http://paiduaykan.com/province/north/lamphun/kaengko.html

 

แก่งก้อ

แก่งก้อ

แก่งก้อ

 

บรรยากาศของแพที่พัก

 

แก่งก้อ

แก่งก้อ

 

หากไม่มีกิจกรรมอะไรทำก็มานั่งให้อาหารปลาหน้าที่พักได้ ทางอุทยานมีอาหารปลาจำหน่าย

 

แก่งก้อ

 

แต่หากไม่ทานอาหารของอุทยานบริเวณแก่งก้อก็มีร้านอาหารของเอกชนให้บริการซึ่งเป็นแพตั้งอยู่ใกล้แพของอุทยานฯ เมนูอาการก็จะคล้ายกัน รสชาติอร่อยเลยทีเดียวค่ะ ราคาไม่แพง เมนูมีให้เลือกไม่เยอะมากแน่นอนก็ต้องเป็นอาหารประเภทปลา เช่น ต้มยำปลาบึก ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ยำปลากรอบ ไข่เจียว ผัดผัก แกงจืดเต้าหู้  ทุกมื้อก็จะเป็นเมนูเดิมตลอดเพราะคุณป้าเจ้าของร้านไม่ทำเมนูอื่นนอกเหนือจากนี้ค่ะ  แต่ก็เป็นเมนูที่อร่อยมากทานได้บ่อยแบบไม่เบื่อ คณะของฉันฝากท้องไว้กับแพเอกชนร้านนี้ทุกมื้อ เนื่องจากไม่ได้สั่งอาหารล่วงหน้ากับทางอุทยานและด้วยในวันที่เดินทางบังเอิญมีคณะผู้ใหญ่ของทางจังหวัดลำพูนมาพักผ่อน ทางอุทยานฯแจ้งว่าไม่สะดวกในการจัดเตรียมอาหารให้

 

แก่งก้อ

 

อิ่มท้องกับอาหารมื้อเที่ยงสุดอร่อยยามบ่ายก็มาเดินย่อยชมวิวของทะเลสาบแก่งก้อ

 

แก่งก้อ

 

ทะเลสาบแก่งก้อ  เป็นทะเลสาบเที่เกิดขึ้นมาจากผลพวงการสร้างเขื่อนภูมิผลอยู่ทางตอนบนของเขื่อนเป็นเวิ้งน้ำขนาดใหญ่เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลมาบรรจบแม่น้ำปิง ที่นี่มีบรรยากาศที่สวยงามทิวทัศน์และบรรยากาศโดยรอบ ของทะเลสาบแก่งก้อห้อมล้อมด้วยขุนเขา มีต้นไม้ที่เขียวขจีเหมาะแก่การพักผ่อนกับธรรมชาติท่ามกลางทะเลสาบ ที่นี่มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่มากมาย โดยเฉพาะปลานา นา  ชนิด และนกกินปลาที่บินไปมาสามารถมองเห็นได้

 

แก่งก้อ

 

หันมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่วิวแบบนี้จนชินตาเหมือนภาพวาด เมื่อได้มายืนอยู่ตรงนี้เหมือนได้มาอยู่อีกโลกหนึ่งที่ห่างไกลจากผู้คน ถึงแม้อากาศจะร้อน แต่เดินชมวิวและถ่ายภาพไปด้วยก็รู้สึกเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ ไม่ผิดหวังที่เลือกมาพักที่นี่

 

แก่งก้อ

แก่งก้อ

 

สำหรับฉันแก่งก้อเหมือนเป็นความงามเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง  เป็นพื้นที่ที่สงบไม่วุ่นวายเหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

 

แก่งก้อ

แก่งก้อ

แก่งก้อ

 

5 โมงเย็น คือ เวลานัดหมายกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะพาเราข้ามเรือไปชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่จุดชมวิวดอยกระตึกซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน ข้ามเรือไปไม่ถึง 5 นาที    มาถึงด้านล่างต้องเดินขึ้นไปอีก 500 เมตร เส้นทางหากมาในหน้าแล้งก็จะมีกิ่งไม้แห้งของต้นไม้เล็กขึ้นอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยควรใส่กางเกงขายาว ถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบป้องกันไว้จะดีที่สุด

 

 

จากพื้นที่ราบด้านข้างขึ้นจุดชมวิวสูงสุด ชันเล็กน้อย ต้องปีนป่ายกันซักหน่อย

 

 

จุดแรกที่เราถึงน้องเจ้าหน้าที่บอกว่าแค่ครึ่งทาง แต่พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้วถ้าไปถึงข้างบนคงไม่ทันแน่ ขอชมพระอาทิตย์ตกแค่ครึ่งทาง และด้วยการแต่งกาย รองเท้า การเตรียมตัวที่ไม่ค่อยพร้อมเท่าใดนักเพราะไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนว่าจะต้องมาเจอสภาพเส้นทางแบบนี้ ถ้าให้ไปถึงข้างบนดูท่าทางจะไม่ไหวแน่ เพราะเส้นทางมีต้นไม้แห้งและหินเยอะมาก สมาชิกบางคนโดนไม้เกี่ยวขาไปหลายแผล แต่ชมวิวจากมุมนี้ถึงแม้จะมีต้นไม้มาบังบ้างแต่ก็สวยเหมือนกัน  เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าอยากเห็นพระอาทิตย์ตกตรงสันเขาพอดีให้มาช่วงเดือน ธ ค  มาช่วงนี้ก็จะขยับออกไปด้านข้างภูเขา

 

 

นอกจากชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็นแล้ว ที่แก่งก้อ สามารถชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นเคล้าสายหมอกในยามเช้าอีกด้วย

 

 

พระอาทิตย์ดวงกลมโตโผล่มาทักทายในยามเช้า

 

 

ที่พักแพเอกชนอีกเจ้าที่อยู่อีกด้านหนึ่งของแก่งก้อ

 

 

บรรยากาศของแสงอ่อนๆ ในยามเช้า

 

 

ออกจากแก่งก้อในช่วงเช้า เพื่อเดินทางต่อไปยัง น้ำตกก้อหลวง น้ำตกที่มีชื่อเสียงของอุทยานแห่งชาติแม่ปิง  ระยะทางเดินไปน้ำตก 300 เมตร เส้นทางเดินสบายๆ ข้อมูลน้ำตกก้อหลวง http://paiduaykan.com/province/north/lamphun/koluangwaterfall.html

 

 

เดินเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงตัวน้ำตกก้อหลวง ได้มาเห็นของจริงตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้ ฉันยกให้เป็นน้ำตกที่สวยงามในอันดับต้นๆเท่าที่เคยเห็นมาเลยทีเดียว

 

 

น้ำตกก้อหลวงเป็นน้ำตกหินปูน เป็นน้ำตกเล็กๆ ไหลผ่านหน้าผาหินปูนสูงประมาณ 20 เมตร  ไหลลดหลั่นกันลงมามีทั้งหมด 7 ชั้น และตกลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่สีเขียว เบื้องล่าง  มองดูแล้วลักษณะจะคล้ายกับน้ำตกเอราวัณ ของกาญจนบุรี

 

 

ถึงแม้จะเป็นน้ำตกขนาดเล็กแต่ก็มีน้ำไหลตลอดปี ฉันมาในช่วงหน้าร้อนถึงแม้จะมีน้ำน้อยก็ยังสวยอยู่ ต่างจากน้ำตกที่อื่นมาหน้าแล้งบางทีน้ำตกแห้งขอด

 

น้ำตกก้อหลวง สวยงามขนาดที่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณารีเจนซี่ ชุดกินนารี ด้วย เป็นน้ำตกที่มองได้หลายมุมเริ่มตั้งแต่มุมด้านบนบันไดและบริเวณตัวน้ำตก

 

 

ฝรั่งสองคนนี้นั่งมองน้ำตกอยู่นานมาก ตั้งแต่ก่อนที่คณะฉันจะมาถึง  นั่งในมุมเดิม  มองปลา มองสายน้ำตก ดูแล้วท่าทางจะมีความสุขและดื่มด่ำกับธรรมชาติมาก สมาชิกในทริปเลยลงไปนั่งเป็นเพื่อนมองปลาดูบ้าง

 

 

หนุ่มสาวสองคนนี้ยืนมองน้ำตกอยู่ได้ซักพักเช่นกัน ถ้าใครได้มาอยู่ ณ จุดนี้ จะรู้สึกว่าเหมือนมีมนต์สะกดให้จ้องมองไปยังสายน้ำตกแบบไม่สามารถละสายตาได้  มองลงมาจากข้างล่างรู้สึกว่ามุมนี้ของน้ำตกก้อหลวงเป็นอะไรที่ดูสวยงามและอลังการ จะเรียกว่าดูแล้วมหัศจรรย์ธรรมชาติสร้างสรรค์แบบไม่น่าเชื่อว่าเมืองไทยจะมีน้ำตกสวยแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย  เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่ฉันประทับใจในความสวยงามมากและถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาที่นี่อีก

 

 

สัมผัสความสวยงามของน้ำตกก้อหลวงได้ซักพักใหญ่ก็เดินกลับ ระหว่างทางกลับจะผ่าน น้ำตกตาดสะตอ ซึ่งตั้งอยู่เส้นทางเดียวกัน ตอนเดินไปน้ำตกก้อหลวงจะเห็นน้ำตกนี้ก่อน ฉันมองและคิดไว้แล้วขากลับจะต้องแวะให้ได้ เพราะเป็นน้ำตกหินปูนสีเขียวสวยงามไม่แพ้น้ำตกก้อหลวง ไหลลงมาในลำธารเดียวกัน ปิดทริปได้แบบประทับใจกับสายน้ำตกไหลเย็นของอุทยานแห่งชาติแม่ปิง

 

 

อำเภอลี้ ในวันนี้  ไม่ลี้ลับสำหรับฉันอีกต่อไป หากใครต้องการเดินทางไปยังที่แห่งหนึ่งที่ยังมีธรรมชาติสมบูรณ์ อิ่มบุญอิ่มใจไปกับวัดอันสวยงาม  ชุ่มฉ่ำสายน้ำตกไหลเย็น นอนแพมองวิวทะเลสาบที่โอบล้อมหุบเขาในมุมกว้าง  ลี้หลบความวุ่นวายจากผู้คน อำเภอลี้ คือ คำตอบ ที่คุณจะได้พบกับบรรยากาศที่แสนสวยงามและแสนสงบ

 

ทริปนี้เดินทางวันที่ 22 ก.พ. 56 

ผู้เขียน

นักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพ อยากส่งต่อเรื่องราวของการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

บทความที่เกี่ยวข้อง