หากให้ลองนึกถึงภาพเกาะพะงัน หลายคนมักคิดว่า เกาะนี้วุ่นวาย เป็นเกาะที่เน้นปาร์ตี้ ด้วยภาพเหล่านี้ทำให้เหล่าผู้คนที่รักธรรมชาติและชื่นชอบความสงบ ต้องการพักผ่อนริมชายหาดไม่ค่อยใส่เกาะพะงันไว้ในจุดหมายการเดินทางเท่าไหร่นัก แต่แท้จริงแล้วหลายคนอาจไม่ทราบว่า ภาพนี้จะเกิดให้เห็นเมื่อมีงาน full moon party เท่านั้น หลังจากงานจบไป ภาพบรรยากาศที่เป็นเนื้อแท้ของเกาะพะงันจะกลับมา กลายเป็นเกาะที่ยังมีธรรมชาติแบบดั้งเดิม หาดทรายสะอาด ร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวขจีและทิวมะพร้าว เป็นอีกหนึ่งเกาะที่แนะนำว่าควรหาเวลามานอนพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
การเดินทางมาเกาะพะงัน
สำหรับการเดินทางมาที่เกาะพะงัน สามารถเดินทางได้หลายแบบ นำรถส่วนตัวข้ามเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือดอนสัก ขับขึ้นมาเที่ยวบนเกาะพะงันเลยก็ได้ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้นำรถส่วนตัวมาเองใช้บริการรถโดยสารรถสาธารณะก็สามารถใช้บริการรถทัวร์กรุงเทพ – เกาะพะงัน โดย บริษัท บข ส ซึ่งรถโดยสารจะข้ามมายังเกาะพะงันมาจอดที่ท่าเรืออ่าวท้องศาลาจากนั้นก็ค่อยหารถเช่าหรือนั่งสองแถวไปยังหาดที่พัก ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกไม่ต้องเดินทางหลายต่อ หรือถ้านั่งเครื่องบินมาลงที่เมืองสุราษฎร์ก็ต่อรถตู้มาลงที่ท่าเรือดอนสัก จากนั้นนั่งเรือต่อมาที่เกาะพะงัน ระยะเวลาการเดินทางจากท่าเรือดอนสัก ถ้าโดยสารเรือเฟอรรี่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าเป็นเรือเร็วคาตามารันอาจประหยัดเวลาขึ้น หรือถ้าใครมาจากเกาะสมุยก็มีเรือข้ามจากฝั่งมาเกาะพะงัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที แล้วแต่ประเภทของเรือที่นั่ง สำหรับข้อมูลรอบเรือการเดินทางมาเกาะพะงันสามารถค้นหาได้จาก google เพราะมีให้เลือกเยอะมากหลายบริษัท และหลายเวลา ตัดสินใจใช้บริการตามความสะดวก
เมื่อมาถึงเกาะพะงันเดินทางอย่างไรต่อ
เกาะพะงันจะมีท่าเรือหลักอยู่ 2 แห่ง คือ ท่าเรือท้องศาลา และท่าเรือหาดริ้นสถานที่จัดฟูลมูน แนะนำเลยว่าหากไม่ได้ไปเที่ยวช่วง fullmoon และไม่ได้จองที่พักไว้ที่หาดริ้น ไม่ว่าจะใช้บริการเรือของบริษัทใด ให้เลือกมาลงที่ท่าเรือท้องศาลาจะดีที่สุด เพราะท่าเรือนี้ คือ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเกาะพะงัน เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง รถเช่า รถสองแถว อีกอย่างขาไปเกาะพะงันเรามาจากเกาะสมุย เลือกลงเรือที่ท่าเรือหาดริ้นเพราะเข้าใจว่าน่าจะสะดวกเหมือนกัน แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ จะขอเช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปยังที่พัก เกือบทุกเจ้าปฏิเสธทั้งหมดว่าไม่ให้คนไทยเช่าเพราะเคยมีเหตุการณ์รถหายบ่อย อีกอย่างหาดริ้นค่อนข้างไกลเส้นทางจากหาดริ้นไปยังหาดอื่นบางช่วงคดเคี้ยวชันมากเพราะตัดข้ามภูเขา เหมือนขับรถขึ้นดอย ถ้าขับรถเองโดยที่ไม่คุ้นเคยเส้นทางคิดว่าไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ แต่ถ้าเส้นทางจากท่าเรือท้องศาลาไปยังหาดอื่นๆ ที่ไม่ใช่หาดริ้นนั้น เป็นเส้นทางปกติ ขับรถง่ายมาก เมื่อมาถึงท่าเรืออ่าวท้องศาลามีพาหนะหลายแบบให้เลือกถ้านั่งสองแถว หรือแท็กซี่โดยสารไปยังหาดที่เราพักราคาจะอยู่ที่ 100-200 บาท แล้วแต่ระยะทาง หรือจะเลือกเช่ามอเตอร์ไซต์แล้วขับเองราคาวันละ 200-250 บาท แต่ถ้าเป็นคนไทยเช่าต้องวางเงินมัดจำ 3000 บาท สำหรับใครที่อยากขับรถเป็นรถเก๋งหรือรถกระบะก็มีให้เช่าเช่นกันราคาจะอยู่ที่ 1000-1500 บาท สำหรับคนไทยต้องวางมัดจำรถ 5000-10,000 บาท
อ่าวและหาดบนเกาะพะงัน
อ่าวและหาดบนเกาะพะงันที่เป็นชายหาดหลักๆ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ได้แก่
หาดโฉลกหลำ อยู่ทางด้านทิศเหนือของเกาะ มีชายหาดโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นที่อยู่ของชุมชนชาวประมงชายฝั่ง เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเพราะเพียบพร้อมไปด้วยที่พักร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
หาดริ้น สถานที่จัดฟูลมูนปาร์ตี้ อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ มีชายหาดยาวประมาณ 1,000 เมตร ลักษณะเป็นพื้นที่ราบเชื่อมต่อระหว่างเขาหิน 2 ลูก ที่ยื่นออกไปเป็นแหลมริ้น ทำให้แบ่งพื้นที่เป็น หาดริ้นนอก และ หาดริ้นใน โดยมีพื้นที่ตรงกลางเป็นที่ลุ่มน้ำขัง เรียกว่า พรุ คือ พรุหาดริ้น หาดนี้ก็เพียบพร้อมไปด้วยที่พัก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นกัน แต่ถ้าไม่ใช้ช่วงฟูลมูน ค่อนข้างเงียบพอสมควร
หาดแม่หาด อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ในเวลาน้ำลงจะมีสันทรายปรากฏให้เดินข้ามไปยังเกาะม้าได้ หาดนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของชายหาดที่สวยงาม และบรรยากาศที่แสนสงบ มีที่พักประมาณ 4 เจ้า
หาดยาว ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ มีความยาว 1 กิโลเมตร
หาดสลัด เดิมเป็นที่หลบซ่อนของโจรสลัด
อ่าวท้องนายปานใหญ่ เป็นหาดที่ได้รับความนิยมที่สุดด้านตะวันออก และมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ล้อมรอบด้วยสวนมะพร้าว มีรีสอร์ท มีบาร์และร้านอาหาร
เริ่มต้นเที่ยวเกาะพะงัน
สำหรับการมาเที่ยวเกาะพะงันของในครั้งนี้ เราเลือกพักที่ หาดแม่หาด ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือท้องศาลาประมาณครึ่งชั่วโมง หาดแม่หาดมีชายหาดที่ทอดยาว และชายหาดค่อนข้างสะอาด มีบรรยากาศสงบเหมาะสำหรับมาพักผ่อน แต่จริงๆแล้วตามที่บอกว่าถ้ามาเที่ยวเกาะพะงันที่ไม่ใช่ช่วงฟูลมูนทุกหาดบนเกาะค่อนข้างสงบเกือบทั้งหมด อีกอย่างหาดแม่หาดอยู่ติดกับเกาะม้าซึ่งในช่วงเวลาน้ำลด จะปรากฏเป็นสันทรายกลางทะเลเชื่อมต่อระหว่าง 2 เกาะ กลายเป็นทะเลแหวก ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกจุดหนึ่งบนเกาะพะงัน
หาดแม่หาดมีที่พักให้บริการประมาณ 5 แห่ง เราเลือกพักที่ แม่หาดบีชวิว ซึ่งอยู่ท้ายสุดของปลายหาด เมื่อมาถึงต้องเดินขนสัมภาระผ่านชายหาดไปประมาณ 200 เมตร จนถึงที่พัก ที่พักต้องเรียกว่าไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเรียบง่ายจริงๆ มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบพัดลมซึ่งเป็นกระท่อมเล็กๆ ราคา 700 บาท เบอร์โทรติดต่อห้องพัก โทร 080 044 4539
และที่พักแบบห้องแอร์ติดหน้าหาดมีเพียง 1 หลัง ซึ่งเหตุผลที่เราเลือกพักที่นี่เพราะต้องการพักบ้านหลังนี้นั่นเอง บ้านพัก ราคาหลังละ 1600 บาท พักได้ 2 คน แต่พี่เจ้าของใจดีมากเห็นว่าเป็นคนไทยลดราคาให้เหลือ 1300 บาท และให้พักเกิน 3 คนได้โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ห้องพักกว้างมากมีแอร์ ทีวี รวมถึงห้องน้ำก็กว้างมากเช่นกัน มีเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อม
ชอบมากคือ เป็นบ้านพักที่เรียกได้ว่าอยู่ใกล้หาดที่สุด แถมมีระเบียงชมวิวพร้อมแปลนอนเล่น มองวิวทะเลอันสวยงามได้อารมณ์ของการมาเที่ยวทะเลสุดๆ แถมมีลมพัดเย็นสบาย
ตลอดทั้งวันแทบไม่อยากไปเที่ยวที่หาดไหนต่อ แค่นั่งเล่น นอนเล่น เดินชิวบริเวณหน้าหาดที่พักก็มีความสุขที่สุดแล้ว หาดทรายที่หาดแม่หาดถึงแม้ไม่ได้ขาวละเอียดเหมือนเม็ดทราย แต่เรื่องของความสะอาดของชายหาด จัดการเรื่องนี้ได้ดีมาก แทบไม่เห็นขยะหรือพวกเศษไม้บนหาดนี้เลย เพราะในช่วงเช้าเราเห็นพนักงานตามรีสอร์ทช่วยกันกวาดและทำความสะอาดที่หน้าหาดของตัวเอง ทำให้เรายังคงได้เห็นชายหาดที่มีความสวยงามขนาดนี้
ในช่วงบ่ายแก่ๆแดดเริ่มร่มขึ้น ลากเรือคายัคพายเล่นซักหน่อย ที่พักมีเรือคายัคและเสื้อชูชีพให้บริการฟรี
หรือจะนั่งพักผ่อน รอชมวิวพระอาทิตย์ตกจากหน้าที่พักก็ได้ หาดแม่หาดนอกจากจะมีชายหาดที่สวยงามแล้ว ยังมีบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วย
ยามเย็นแสงอาทิตย์ส่องกระทบผืนทรายและผิวน้ำกลายเป็นสีทอง
เกาะพะงัน ผู้คนและผู้ประกอบการค่อนข้างเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวค่ะ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตูบ ระหว่างที่นักท่องเที่ยวเดินผ่านไปมาหน้าหาด มันก็พยายามจะเข้าไปเดินคลอเคลียเป็นอันหนึ่งอันเดียวอย่างเป็นคุ้นเคย
พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ถึงแม้วันนี้จะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ดวงโต เพราะหายเข้าไปในกลีบเมฆเสียก่อน แต่ภาพบรรยากาศนี้ ทำให้เราเปลี่ยนความคิดที่ว่า เกาะพะงันเป็นเกาะแห่งความวุ่นวาย ไปอย่างสิ้นเชิง
เช้าวันใหม่ท้องฟ้าสดใส ออกมาเดินเล่นชมชายหาดหน้าที่พัก รับอากาศบริสุทธิ์หน้าที่พัก ด้วยน้ำทะเลที่ไหลแทรกซึมเข้ามาบนหาดทราย ทำให้ชายหาดดูมีลูกเล่นมากขึ้น
หากเมื่อยอยากนวด ก็มีบริการนวดด้วย ให้บริการทั้งวัน
ช่วงเช้าจะเริ่มเห็นเรือจากหาดอื่น เริ่มทยอยมาจอดที่เกาะม้า เพราะบริเวณนี้คือ จุดดำน้ำที่สวยที่สุดของเกาะพะงัน น้ำใส สามารถมองเห็นฝูงปลาและปะการังได้ แต่อาจจะได้พบเห็นปลิงทะเลมากด้วยเช่นกัน แต่ถ้าพักอยู่หาดแม่หาดสามารถพายเรือคายัคไปที่เกาะม้าได้เลยใช้เวลาไม่นาน
เดินเล่นไปที่เกาะม้าเพื่อชมทะเลแหวกในยามเช้า บรรยากาศเสมือนเป็นหาดส่วนตัวมาก เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่ทยอยมาชมทะเลแหวกกัน เพราะส่วนใหญ่จะมาในช่วงเที่ยง มองไปก็คล้ายกับทะเลแหวกเกาะนางยวน สีน้ำทะเลก็คล้ายกันต่างกันแต่เพียงว่าหาดทรายของหาดแม่หาดจะไม่ขาวเท่าเกาะนางยวน ซึ่งจริงๆแล้ว เกาะเต่า เกาะนางยวน ตั้งอยู่ใกล้กับเกาะพะงันค่ะ สามารถมองเห็นได้จากหาดแม่หาดไม่ไกล
หันมองกลับไปนั่นคือ หาดแม่หาด มองเห็นภูเขาสันเกาะลึกลงไปถึงทะเล
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เกาะม้าก็จะยิ่งเห็นความใสของน้ำทะเลมากขึ้นและน้ำทะเลก็ค่อนข้างนิ่ง จึงเป็นจุดเล่นน้ำที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พักบริเวณหาด
อาหารทุกมื้อที่พักอยู่บนหาดแม่หาด เรารับประทานกันที่ วังไทร รีสอร์ท เพระที่พักของเราไม่มีบริการอาหาร เลยมาฝากท้องไว้ทุกมื้อ เพราะที่พักอยู่ติดกัน รสชาติอาหารอร่อยเลยทีเดียวส่วนราคานั้นเป็นราคาปกติที่ขายอยู่ตามเกาะนั่นคือ จานละ 150 บาท อัพ ขึ้นไป ที่วังไทร รีสอร์ทมีให้บริการจัดหารถมอเตอร์ไซต์ให้เช่าด้วย รวมถึงรถแท็กซี่ที่จะไปยังท่าเรือหาดท้องศาลา ตอนกลับเรามาติดต่อรถตู้รับส่งที่ วังไทร รีสอร์ท คิดค่าบริการคนละ 200 บาท ไปส่งที่ท่าเรือท้องศาลา จริงๆแล้วเราตั้งใจว่า วันนี้ จะเช่ามอเตอร์ไซต์เที่ยวยังหาดใกล้เคียง เช่น หาดโฉลกหลำ และอ่าวสลัด แต่ด้วยความติดใจในบรรยากาศหน้าหาด เดินเล่นถ่ายภาพจนเพลิน เวลาล่วงไปประมาณเที่ยงกว่าปรากฎว่าฝนตกลงมาเลยอดไปเที่ยว ในทันใด
ได้เวลากลับจากเกาะพะงันไปยังกรุงเทพ เราใช้บริการรถ บ ข ส รอบสุดท้าย คือ 17.00 น. ไปขึ้นเรือที่ท้องศาลาเช่นเคย โดยต้องซื้อตั๋วเรือต่างหากของบริษัท ราชาเฟอร์รี่ ซึ่งเป็นเรือที่รถเราจะโดยสารไป เลยซื้อให้ตรงกัน ใช้เวลาเดินทางไปถึงท่าเรือดอนสักประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
อีกมุมหนึ่งของเกาะพะงัน ที่อยากถ่ายทอดให้ทุกคนได้เห็นว่า แท้จริงแล้ว เกาะพะงันไม่ใช่เกาะแห่งความวุ่นวาย เกาะปาร์ตี้ หรือน่ากลัวแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เรารู้สึกว่า เกาะนี้ยังดั้งเดิม สงบ และเป็นมิตร ระหว่างทางที่นั่งรถ จะเห็นแต่บรรยากาศของภูเขาและป่าไม้ ความดิบของธรรมชาติ ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากเกาะพะงัน ลองลบภาพ full moon ออกไปให้หมด แล้วเดินทางมาเที่ยวในช่วงเวลาปกติ คุณจะได้สัมผัสความเป็นเกาะพะงันอย่างแท้จริง จะรู้สึกชอบเกาะนี้ จนอยากกลับไปอีกครั้ง